ฉบับที่ 159 สามีตีตรา: อย่างนี้ต้องตีตรวน!!!

เชื่อหรือไม่ว่า ภาพสังคมที่เราเห็นหรือรับรู้ว่าดำเนินไปอย่างราบรื่นเป็นปกตินั้น แท้จริงแล้ว คลื่นใต้น้ำที่อยู่ก้นบึ้งของสังคมดังกล่าว กลับเป็นสนามรบที่คุกรุ่นอยู่อย่างต่อเนื่องไม่สิ้นไม่สุด สงครามคลื่นใต้น้ำที่เป็นรูปธรรมอันเข้มข้นที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นความขัดแย้งระหว่างคนสองกลุ่ม อันได้แก่ "กลุ่มคนที่มี" (หรือบางครั้งเรียกว่าพวก "the have") กับ "กลุ่มคนที่ไม่มี" (หรือที่รู้จักกันว่าเป็นพวก "the have-not") โดยความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองกลุ่มนี้ก็ยากจะปรองดองและประสานผลประโยชน์กันได้จริงๆ ไม่แตกต่างจากความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงสองคน ที่เริ่มต้นจาก "ความเป็นเพื่อนรัก" แต่สุดท้ายก็ "หักเหลี่ยมโหดเสียยิ่งกว่าโหด" อีก ผู้หญิงคนแรกซึ่งเป็นตัวแทนของ "กลุ่มคนที่มี" ก็คือ "กะรัต" หรือ "กั้ง" คุณหนูไฮโซที่เจ้าอารมณ์ชอบเกรี้ยวกราดกับผู้คนรอบตัวไปเรื่อย ซึ่งเหตุผลด้านหนึ่งก็คงเป็นเพราะเธอเกิดในครอบครัวที่มี กะรัตจึงมีทุกอย่างเพียบพร้อมติดตัวมาแต่กำเนิด ตั้งแต่มีรูปสวยรวยทรัพย์ มีฐานะทางสังคมเศรษฐกิจ ไปจนถึงมีสามีมาคนแล้วคนเล่า กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่เป็นตัวแทนของ "กลุ่มคนที่ไม่มี" อย่าง "สายน้ำผึ้ง" เมื่อชีวิตต้องเกิดมาในครอบครัวที่ไม่มีพ่อแม่และไม่มีทุนอันใดติดตัวมา สายน้ำผึ้งจึงไม่มีในทุกๆ ด้าน แม้แต่ลูกป่วยเข้าโรงพยาบาล เธอก็ยังหาพ่อให้ลูกไม่ได้ และไม่มีเงินจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลแม้เพียงอัฐเดียว   เมื่อผู้หญิงที่มีทุกอย่างโคจรมาพบเป็นเพื่อนกับผู้หญิงที่ไม่มีอะไรสักอย่าง ความขัดแย้งจึงเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ที่กะรัตได้ครอบครอง "ภูเบศร์" ชายคนรักของสายน้ำผึ้งไป โดยที่สายน้ำผึ้งก็ซ้อนแผนที่จะช่วงชิงชายผู้นั้นกลับมาพร้อมกับมีลูกของเขาที่อยู่ในครรภ์ จนนำไปสู่ความแตกหักร้าวฉานระหว่างเพื่อนรักทั้งสองคน จนเมื่อกะรัตได้พบรักครั้งใหม่ และได้จดทะเบียนตีตราสมรสกับผู้ชายดีๆ อย่าง "หม่อมหลวงพิศุทธิ์" สายน้ำผึ้งที่พบว่ากลุ่มคนที่มีอย่างกะรัต ก็ดูจะยิ่งมีทุกอย่างอย่างต่อเนื่องไม่สิ้นไม่สุด เธอจึงเริ่มวางแผนที่ซับซ้อนขึ้นในการช่วงชิงสามีที่ตีตราเอาไว้แล้วของอดีตเพื่อนรักให้มาเป็นพ่อของลูกชายเธอ เมื่อเป็นคนที่ไม่มีอะไรติดตัวมาแต่กำเนิด ผู้หญิงอย่างสายน้ำผึ้งจึงต้องหาสิ่งทดแทนด้วยการใช้มันสมองอันชาญฉลาด และอ่านเกมฝ่ายตรงข้ามให้ขาด เพื่อหาทาง "กำจัดจุดอ่อน" ของกะรัตนั้นเสีย ในกลุ่มของคนที่มีนั้น แม้จะมีชื่อเสียง เกียรติยศ เงินทอง และอื่นๆ อีกมากมาย แต่สายน้ำผึ้งก็พบว่า สิ่งเดียวที่ผู้หญิงอย่างกะรัตกลับไม่มีเอาเสียเลยก็คือ "ความไว้วางใจ" อันเป็นปัญหาที่มีมาตั้งแต่รุ่นแม่อย่าง "คุณนายพวงหยก" ที่ไม่เคยไว้ใจในตัวผู้เป็นสามีอย่าง "กฤช" จนสืบต่อมาที่รุ่นลูกสาว แบบที่กะรัตเองก็ไม่เคยจะไว้ใจผู้ชายคนใดที่เข้ามาในชีวิตคู่ของเธอเลย เมื่อความไว้วางใจไม่มีอยู่ในคนกลุ่มนี้ ด้านหนึ่งกะรัตจึงต้องทำทุกอย่างที่จะสร้างความไว้ใจเทียมๆ ขึ้นมา ตั้งแต่การออกอาการเกรี้ยวกราดทุกครั้งที่มีข่าวลือเกี่ยวกับพิศุทธิ์และสายน้ำผึ้ง หรือพยายามจะมีลูกเป็น "โซ่ทองคล้องแทนความไว้ใจ" ไปจนถึงการใช้ความสัมพันธ์เชิงกฎหมายด้วยการตีตราจดทะเบียนสมรส เพื่อยืนยันว่าเธอกับพิศุทธิ์นั้นรักกันจริงๆ สำหรับกลุ่มคนที่มีทุกอย่างนั้น กฎหมายก็คือสถาบันที่คนกลุ่มนี้สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนของ "ความไว้วางใจ" (ที่มักไม่มี) ระหว่างกัน แต่เพราะทุกวันนี้กฎหมายเองก็มิได้ศักดิ์สิทธิ์เท่าใดนัก แบบเดียวกับที่ในโลกความจริงก็มีการฉีกกฎหมายหลายๆ มาตรากันเป็นว่าเล่น ความไว้ใจซึ่งมาจากทะเบียนสมรสเยี่ยงนี้จึง "กลายเป็นฝุ่น" ไปในที่สุด เพราะมันไม่ใช่ของจริง หากแต่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาแทนความรักและความจริงใจระหว่างคนสองคนต่างหาก เพราะ "จุดอ่อนคือความไว้ใจ" นี่เอง สายน้ำผึ้งก็เลยปั่นหัวเล่นกับความไว้วางใจของกะรัต เพื่อพิสูจน์ว่าสายสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคนที่มีทุกอย่าง มีความเข้มแข็งหรือเปราะบางกันเพียงไร และกะรัตจะเชื่อคำเป่าหูของสายน้ำผึ้งหรือเชื่อคำพูดจากปากของ "สามีตีตรา" อย่างพิศุทธิ์กันแน่??? ก็เหมือนกับที่ "เนื้อแพร" มารดาของพิศุทธิ์ได้พูดเตือนสติกะรัตอยู่ครั้งหนึ่งว่า "แค่เขาจี้จุดอ่อนว่าคนอย่างคุณมันไม่มีค่าพอให้ใครมารักจริง คุณก็ดิ้นจนไม่มีสติไตร่ตรองว่าอะไรเป็นของจริงอะไรเป็นภาพลวงตา... แต่ที่น่าเศร้าที่สุดคือ คุณเชื่อทุกเรื่องที่สายน้ำผึ้งเป่าหู แต่คุณไม่เชื่อพิศุทธิ์เลย..." และที่น่าฉงนและขบขันอยู่ในทีก็คือ ในขณะที่กะรัตเป็นผู้ซึ่งไม่เคยมีสติสตังที่จะไว้วางใจในตัวสามีเลย แต่กับสาวใช้อย่าง "นวล" (ซึ่งด้านหนึ่งพื้นเพก็คงมาจากกลุ่มคนที่ไม่มีเช่นกัน) กลับเป็นผู้ที่ดูเชื่อมั่นในตัวของพิศุทธิ์ และคอยเตือนสติของเจ้านายอย่างกะรัตให้เห็นว่าเนื้อแท้ของพิศุทธิ์นั้นหาใช่เป็นแบบที่สายน้ำผึ้งใส่ไคล้หรือเป่าหูแต่อย่างใด แต่ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้น ในสมรภูมิระหว่างกลุ่มคนที่มีและคนที่ไม่แบบนี้ ดูเหมือนว่าสายตาของผู้ดูผู้ชมทุกคนในสังคมจะโอนเอียงเข้าข้างไปทางกลุ่มคนที่มีกันเสียมากกว่า เพราะแม้สายน้ำผึ้งจะยืนยันอยู่ตลอดว่า การที่เธอต้องแย่งผู้ชายอย่างภูเบศร์หรือพิศุทธิ์มาจากเพื่อนรัก ไปจนถึงสร้างความแตกแยกให้กับ "กันตา" น้องสาวของกะรัตกับคู่หมั้นหมายอย่าง "ศิวา" ก็เนื่องเพราะต้องการเรียกร้อง "ความยุติธรรม" ให้กับชีวิตที่ไม่เคยมีอะไรเลยสำหรับคนอย่างเธอ แต่ตัวละครอื่นๆ รวมไปถึง "รสสุคนธ์" น้าสาวของเธอกลับให้นิยามต่างออกไปว่า สายน้ำผึ้งเป็นพวกช่าง "มโน" และมีแต่ความ "อิจฉาริษยา" หาใช่เรื่องของการทวงความยุติธรรมแต่อย่างใดไม่ และความอิจฉาริษยาคนที่มีนั่นเอง ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นเพลิงที่เผาผลาญทำลายให้จิตใจของสายน้ำผึ้งมอดไหม้ลงไป ไม่ว่าความอิจฉาหรือการทวงคืนความยุติธรรมจะเป็นคำตอบจริงๆ ของสายน้ำผึ้ง แต่ตราบใดที่ความขัดแย้งระหว่างคนที่มีกับคนที่ไม่มียังคงดำเนินต่อไปแบบนี้ ความปรองดองกันในสังคมก็คงจะเกิดขึ้นได้ยากยิ่งนัก และในทำนองเดียวกัน หากกลุ่มคนที่มีและมีในทุกๆ ด้าน แต่ขาดซึ่งความไว้วางใจให้กันและกันแม้แต่กับคนใกล้ชิดใกล้ตัวแล้ว สามีที่ "ตีตรา" ของกะรัต ก็คงสู้สามีที่ล่ามโซ่และ "ตีตรวน" เอาไว้ไม่ได้เลย   //

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point