โดย ศศิวรรณ ปริญญาตร
สิทธิของโจ๋กิมจิ
เออนะ จะมีใครคิดบ้างว่าแต่ละวันที่เด็กๆ หิ้วกระเป๋าหรือแบกเป้ไปโรงเรียนนั้น พวกเขาต้องถูกละเมิดสิทธิพื้นฐานของความเป็นมนุษย์อย่างไรบ้าง
อย่างน้อยก็มี สส.ควอน ยอง กิล จากพรรคแรงงานประชาธิปไตยของเกาหลีใต้นี่แหละที่คิด วันก่อนแกก็เพิ่งจะเสนอ พรบ.การศึกษา ฉบับแก้ไข เพื่อส่งเสริมการพิทักษ์สิทธิตามรัฐธรรมนูญของเด็กนักเรียนประถมและมัธยมต้น เนื่องในโอกาส “วันนักเรียนแห่งชาติ” ที่จัดกันมาแล้ว 78 ครั้งนั่นเอง
คาดว่าถ้าพรบ. ฉบับใหม่นี้ผ่านการพิจารณา โจ๋เกาหลีคงได้มีเฮ
สส.ควอนบอกว่าถึงเวลาแล้วที่โรงเรียนจะต้องหยุดการละเมิดสิทธิของเด็กๆ โดยใช้การศึกษาบังหน้า โรงเรียนต้องให้สิทธิกับนักเรียนในการเลือกทรงผมที่พวกเขาชอบ ต้องไม่นัดให้เด็กมาเรียนนอกเวลาปกติเช่น เช้าหรือดึกเกินไป ต้องไม่ใช้วิธีรุนแรงในการลงโทษนักเรียน และที่สำคัญ ต้องไม่มาเปิดกระเป๋า เปิดเป้ตรวจค้นสมบัติส่วนตัวด้วย
อ้อ! ลืมบอกไปว่า กฎหมายดังกล่าวยังกำหนดไว้ว่าเด็กๆ จะต้องได้รับประทานอาหารเช้าก่อนไปโรงเรียนทุกวันอีกด้วย
คุณควอนยืนยันว่า สิ่งที่โรงเรียนควรจะใส่ใจและส่งเสริมให้กับเด็กๆ ได้มี คือความคิดสร้างสรรค์และการรู้จักเรียนรู้ที่จะมีวินัยในตนเองมากกว่า โจ๋ไทยอ่านข่าวนี้แล้ว คงอยากได้ สส.แบบนี้บ้างสินะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รับสมัครนักแอบถ่าย ... รายได้ดี
ต่อไปช่องทางหารายได้เพิ่มเติมสำหรับนักเรียน นักศึกษา แม่บ้าน หรือคุณตาคุณยายวัยเกษียณ ที่ประเทศเกาหลี คือ การรับจ็อบเป็นปาปาราซซี่
แต่คนเหล่านี้ไม่ได้ไปแอบถ่ายว่าใครกิ๊กใครที่ไหนหรอกนะ เขาทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้กับหน่วยงานรัฐ คอยหาหลักฐานเอาไว้มัดตัวผู้กระทำผิด เช่น คนที่สูบบุหรี่ในที่ห้ามสูบ พวกที่ทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง หรือเจ้าของร้านที่แอบแจกถุงหิ้วให้ลูกค้าฟรีๆ (ตามกฎหมายเกาหลี เค้าให้คิดเงินค่าถุงด้วย)
ค่าตอบแทนจากงานนี้น่าสนใจทีเดียว หลังพวกเขาส่งหลักฐานให้ทางการ เช่นภาพตอนกระทำผิด พร้อมกับข้อมูลที่จะช่วยให้สืบหาตัวผู้กระทำผิดได้ (เช่นหมายเลขทะเบียนรถ) ไปยังหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง พวกเขาจะได้ “เงินรางวัลนำจับ” อย่างต่ำ 50,000 วอน หรือประมาณ 12,000 บาท (รายได้ดีมากๆ) แต่ค่าตอบแทนนี้จะแปรผันตามความร้ายแรงของความผิดที่กระทำด้วย
เด็กนักเรียนคนหนึ่งบอกว่า “เขามีรายได้ถึง 8 ล้านวอน หรือประมาณ 196,000 บาท จากการทำงานแอบถ่ายเป็นเวลาสองสัปดาห์” (โอ้ ...มีคนทำผิดมากมายจนเด็กเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำ จะดีใจดีมั้ยเนี่ย) ที่สำคัญ งานนี้เป็นที่นิยมมากถึงกับมีโรงเรียนที่เปิดอบรมคอร์สสำหรับปาปาราซซี่โดยเฉพาะ ค่าเล่าเรียนสำหรับแต่ละคอร์ส (ใช้เวลาประมาณ 3 – 7 วัน) ก็ประมาณ 350,000 วอน (ประมาณ 8,500 บาท) โดยโรงเรียนจะสอนให้รู้จักเทคนิควิธีการถ่ายแบบซ่อนกล้องและการตัดต่อภาพเพื่อการนำเสนอเพื่อการดำเนินคดีด้วย
ข่าวบอกว่าทางการเกาหลีใต้ไม่อยากจะใช้งบประมาณของรัฐมาจ่ายเหล่าปาปาราซซี่มากนัก ก็เลยคิดจะลดค่าตอบแทนลง แต่จริงๆ แล้วเขาคงแอบหวังให้อาชีพนี้สูญพันธ์ไปในที่สุด เพราะไม่มีใครทำผิดกฎหมายอีกต่อไป
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ผู้ดีอังกฤษสิ้นหนทางทำกิน?
ขณะนี้ประเทศอังกฤษกำลังพบกับความยากจนชนิดใหม่ที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกชนชั้นไม่ว่าจะเป็นชนชั้นบัตรเดบิต บัตรเงิน บัตรทอง หรือบัตรแพลตตินั่ม
เจมี่ โอลิเวอร์ พ่อครัวหนุ่มชื่อดังที่หลายคนเคยเห็นแกมาทำกับข้าวให้เราดูทางช่องเคเบิ้ลทีวี กล่าวต่อคณะกรรมาธิการด้านสุขภาพในรัฐสภาอังกฤษว่า นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เลยที่มีสถิติว่า ประชากรอังกฤษที่มีความสามารถในการทำกับข้าวกินเองได้นั้นมีอยู่เป็นจำนวนน้อยมากๆ
โดยทั่วไปในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจถดถอยและการทำมาหากินฝืดเคือง ผู้คนก็จะต้องพยายามตัดลดค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ ลงรวมถึงค่าอาหารด้วย เชฟเจมี่แกบอกว่า สมัยก่อนครอบครัวอังกฤษยังรู้จักทำอาหารที่ดี มีประโยชน์กินแม้จะต้องเผชิญกับงบที่จำกัด แต่ในปัจจุบันสิ่งที่คนอังกฤษนิยมทำเพื่อประหยัดเงิน หาใช่การทำกับข้าวกินเองที่บ้านไม่ ทางเลือกในยามทุนต่ำของคนอังกฤษทั้งคนที่มีฐานะและคนที่รายได้น้อย คือการพึ่งพาอาหารฟาสต์ฟู้ด อันเนื่องมาจากความเคยชินกับความสำเร็จรูป และความสะดวกสบายนั่นเอง แต่หากได้ลองทบทวนกันจริงๆ แล้ว ทางเลือกนี้ไม่ได้ทำให้ค่าใช้จ่ายของครอบครัวลดลงเลย
สิ่งที่คุณพ่อครัวคนดังกล่าวต้องการผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ คือการที่คนในประเทศหันมาเรียนรู้วิธีการทำอาหาร และหันมาพึ่งตนเองให้มากขึ้น
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จอแบน ราคาไม่แบน
คุณคงสังเกตแล้วว่า ราคาของจอภาพที่ใช้ในโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือได้ลดลงฮวบฮาบในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา แต่เชื่อหรือไม่ ว่าที่ลดนั้นมันยังลดได้ไม่เร็วพอ
ทั้งนี้เพราะกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกาเขาได้สืบพบว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีผู้ผลิตหลายๆ เจ้า ผนึกกำลังกันตรึงราคาของจอแอลซีดีเอาไว้ให้นานที่สุด ทั้งๆ ที่ราคาควรลดได้ตั้งนานแล้ว
แอลจี จากเกาหลี ชาร์ปจากญี่ปุ่น และบริษัทหลอดภาพชุงวาจากไต้หวัน รับสารภาพว่า พวกเขาได้มีส่วนร่วมในกระบวนการที่ดึงราคาจอแอลซีดีไว้ และตอนนี้โดนศาลสั่งปรับทั้งหมด 585 ล้านเหรียญ (ประมาณสองหมื่นกว่าล้านบาท) ไปเรียบร้อย โดยแอลจีบริษัทเดียวก็โดนปรับไป 400 ล้านเหรียญ (ประมาณหนึ่งหมื่นสี่พันล้านบาท) แล้ว
ตามข่าวบอกว่า เงินค่าปรับดังกล่าวยังไม่สะท้อนถึงความเสียหายต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง เพราะตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกานั้น บริษัทอาจโดนปรับเป็นสองเท่าของรายได้ที่มาจากการกระทำที่ละเมิดกฎหมาย แต่ตัวเลขที่ออกมานั้นเป็นตัวเลขที่ผ่านการเจรจาต่อรองแล้วนั่นเอง
อย่างไรก็ตามขณะนี้การสอบสวนก็ยังดำเนินการต่อไปทั้งใน ยุโรป จีน และเกาหลีใต้ด้วยเช่นกันซึ่งมูลค่าความเสียหายทั่วโลกก็น่าจะสูงกว่านี้อีกหลายเท่าตัว
ข้อมูลการตลาดระบุว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ราคาจอแอลซีดี ขนาด 15 นิ้วสำหรับโน้ตบุ๊ค นั้นลดลงจากประมาณ 3,400 บาท ลงมาเป็น 2,200 บาท หรือจอโทรทัศน์ขนาด 32 นิ้ว ก็ลดลงจาก 11,200 เป็น 7,800 บาท
ถามว่า ราคาจอลดลงแล้วเป็นไง อ้าวเรื่องนี้สำคัญนะคุณ เพราะเงินที่เราจ่ายไปเพื่อซื้อโน้ตบุ๊คนั้น เป็นค่าจอภาพเสียร่วม 10-20% เชียวนะเออ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เราต้องพึ่งมันแล้วพี่น้อง
พี่น้องครับ ... ในที่สุดเราก็มีทางออกสำหรับปัญหาอาหารขาดแคลนในอนาคตแล้ว นักวิทยาศาสตร์เขาคิดไปคิดมาก็พบว่าที่แท้ทางแก้ก็ไม่ใช่อะไรที่ไหน เป็นมันนั่นเอง
ผู้รู้บอกว่า “มันฝรั่งหรือโปเตโต้” นี่แหละ จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในฐานะอาหารหลักของประชากรในประเทศที่กำลังพัฒนาแทนที่ข้าวหรือข้าวสาลี ที่มักจะมีราคาผันผวนอย่างรุนแรงตามกลไกตลาด
รัฐบาลของหลายๆประเทศ อย่างเช่น จีน เปรู และมาลาวี ได้เริ่มรณรงค์ให้เกษตรกรหันมาปลูกและบริโภคมันฝรั่งกันมากขึ้น ประเทศจีนนั้นมีผลผลิตมันฝรั่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 จากปี 2548 จนถึง 2550 โดยการรณรงค์ให้มันฝรั่งเป็นหนทางช่วยให้หายจน ส่วนที่เปรูนั้นประธานาธิบดี อลัน การ์เซีย ได้ออกมาประกาศชักชวนให้ประชาชนหันมาช่วยกันกินขนมปังที่ทำจากมันฝรั่งกันให้มากขึ้น
ก่อนหน้านี้มันฝรั่งดูเหมือนจะเป็นอาหารที่นิยมรับประทานกันเฉพาะในโลกตะวันตกเท่านั้น แต่เชื่อหรือไม่ว่า ปัจจุบันจีนและอินเดียเป็นประเทศที่มีการบริโภคมันฝรั่งมากเป็นอันดับหนึ่งและอันดับสามของโลกแล้ว
ว่ากันว่าองค์การสหประชาชาติ เคยคิดจะประกาศให้ปี 2551 เป็น “ปีมันฝรั่ง” แต่ไม่มีใครรับไอเดียนี้ไปทำต่อ เพราะตอนนั้นราคาข้าวยังไม่พุ่งขึ้นเป็นสองเท่า (ว่ากันว่าสหประชาชาติเองก็ต้องการเงินเพิ่มอีก 500 ล้านเหรียญ เพื่อเตรียมไว้ซื้อข้าวที่ราคาแพงขึ้น)
เหตุที่ต้องพึ่งมัน ก็เพราะว่ามันฝรั่งนั้นมีข้อดีอันเนื่องมาจากข้อเสียของมันนั่นเอง เพราะมันฝรั่งมีปัญหาเรื่องระยะเวลาจำกัดในการขนส่ง มันจึงไม่เป็นสินค้ายอดฮิตในตลาดการเงินระดับนานาชาติ ทำให้ราคาของมันยากแก่การเก็งกำไร จึงทำให้ราคาไม่ผันผวนขึ้นลงมากนัก
มันฝรั่งเป็นแหล่งสารอาหารทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามินและแร่ธาตุอย่างสังกะสีและเหล็ก แถมยังใช้พลังงานและน้ำในการปลูกน้อยกว่าข้าวสาลี ที่สำคัญปลูกที่ไหนก็ได้ แล้วเก็บเกี่ยวได้เลยภายในสามเดือนอีกด้วย เยี่ยมไปเลยล่ะทีนี้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ระวังยาผสมอาหารเสริม
อย. สหรัฐออกมาเตือนผู้บริโภคว่า ผลิตภัณฑ์ยาผสมอาหารเสริมของไบเออร์ ที่วางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดนั้น ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าใช้ได้ผล ยาดังกล่าวจึงยังถือเป็นยาเถื่อนอยู่ในขณะนี้
ผลิตภัณฑ์สองตัวที่ยังไม่ได้รับอนุญาตได้แก่ Bayer Aspirin with Heart Advantage และ Bayer Women’s Low Dose Aspirin + Calcium
ตอนนี้ทางการยังไม่ได้สั่งให้เก็บผลิตภัณฑ์ทั้งสองออกจากชั้น แต่เตือนให้ไบเออร์รีบดำเนินการขออนุญาตโดยด่วนหรือไม่ก็ต้องหยุดขายก่อนที่จะถูกดำเนินคดี แต่ทางบริษัทยืนยันว่า ตนเองมีสิทธิที่จะขายยาดังกล่าว แล้วก็ขอยืนยันสรรพคุณที่อ้างไว้ในโฆษณาหรือที่ข้างกล่องด้วย
ไบเออร์อ้างว่าได้แจ้งในโฆษณาแล้วว่าให้ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาแอสไพรินผสมอาหารเสริมดังกล่าว และผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่ามีประโยชน์ต่อหัวใจก็ได้แจ้งแก่ผู้บริโภคแล้วว่าไม่สามารถใช้แทนยาลดโคเลสเตอรอลได้
แต่เรื่องจริงคือ ผลิตภัณฑ์ตัวที่ว่ากลับแจ้งไว้ที่กล่องว่า ช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอล ในขณะที่อีกตัวหนึ่งที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้หญิงก็อ้างว่าช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง และป้องกันโรคกระดูกผุ
ทางอย.สหรัฐฯ ยืนยันชัดเจนว่า ไบเออร์ฝ่าฝืนนโยบายของทางการ และข้อความเหล่านี้ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสนในจุดประสงค์ของผลิตภัณฑ์ และยังไม่มีข้อมูลว่าเมื่อใช้ไปนานๆ จะเกิดผลข้างเคียงหรืออันตรายใดๆ หรือไม่
ตามกฎหมายสหรัฐนั้น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างวิตามินหรือสมุนไพรนั้นสามารถขายในท้องตลาดได้เลยโดยไม่ต้องมีการพิสูจน์ก่อนว่าปลอดภัย หรือใช้ได้ผล แต่การนำเอาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมารวมกับยาที่ได้รับการรับรองแล้ว หมายความว่าต้องมีการส่งตรวจอีกครั้งหนึ่ง
แหล่งข้อมูล: กองบรรณาธิการ
เรื่องเกี่ยวข้อง: นิตยสารออนไลน์ โรงเรียน รายได้ดี ผู้กระทำผิด จอแบน มันฝรั่ง
ส้วมสะเทือนใจ การรถไฟอินเดียต้องจ่ายค่าชดเชย 30,000 รูปี (ประมาณ 12,900 บาท) ให้กับผู้โดยสารคนหนึ่งที่ได้รับความกระทบกระเทือนต่อร่างกายและจิตใจจากสภาพห้องน้ำบนขบวนรถ วันที่ 3 กันยายน 2564 ผู้โดยสารคนดังกล่าวขึ้นรถไฟตู้ปรับอากาศชั้นสามจากนิวเดลลีเพื่อไปลงที่เมืองอินดอร์ ซึ่งเป็นการเดินทางข้ามคืนที่ใช้เวลาประมาณ 15 ชั่วโมง แปดโมงเช้าวันต่อมา เขาลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าและทำธุระส่วนตัว แต่พบว่าไม่มีทั้งน้ำล้างหน้าและน้ำสำหรับกดชักโครก ซึ่งขณะนั้นอยู่ในสภาพสกปรกสุดทน และเนื่องจากรถไฟเสียเวลา เขาจึงต้องทนปวดท้องอยู่สองชั่วโมงและไปถึงที่ทำงานสายด้วย แม้จะแย้งว่าห้องน้ำไม่ถือเป็น “บริการ” ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค แต่การรถไฟฯ มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตาม “กฎบัตรพลเมือง” ที่กำหนดให้หน่วยงานรัฐจัดหาน้ำใช้ที่สะอาดและห้องน้ำที่ถูกสุขอนามัยให้กับประชาชนและยังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้อง 10,000 รูปีด้วย ยาถูกมีอยู่จริง เป็นเรื่องปกติที่คนสิงคโปร์จะขับรถข้ามชายแดนไป “ซื้อของ” ที่ยะโฮร์บารู เมืองหลวงของรัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย เพราะนอกจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในซูเปอร์มาร์เก็ตที่นั่นจะถูกกว่า รวมถึงยารักษาโรคก็ถูกกว่าด้วย แถมร้านยาในมาเลเซียก็ไม่ถามหา “ใบสั่งแพทย์” อีก ตัวอย่างเช่น ราคาของยาลดความดัน Micardis ในสิงคโปร์อยู่ที่ 53 เหรียญ (1,400 บาท) แต่สามารถซื้อได้ในมาเลเซียที่ราคา 62 ริงกิต (470 บาท) นอกจากความแตกต่างของค่าเงินแล้ว ยาในมาเลเซียยังถูกกว่าเพราะร้านยาซึ่งมีหลายร้านในบริเวณเดียวกันมักจะกระหน่ำลดราคาเพื่อแย่งลูกค้าด้วย อย่างไรก็ตามช่องข่าว CNA ซึ่งนำเสนอเรื่องดังกล่าวพบว่ายาที่สั่งซื้อจากร้านออนไลน์ในมาเลเซียมักใช้ไม่ได้ผล อาจเป็นเพราะคุณภาพการเก็บรักษาหรือการขนส่ง แถมหลายตัวยังเป็นยาปลอมหรือมีสารต้องห้าม ทางช่องข่าวแนะนำให้คนสิงคโปร์ประหยัดด้วยการซื้อ “ยาชื่อสามัญ” เพราะเขาทดสอบแล้วพบว่าหลายตัวมีประสิทธิภาพไม่ต่างจากยาที่มีแบรนด์เลย ถือบัตรไหนดี กรุงโซลและปริมณฑลมีบัตรขึ้นรถสาธารณะหลายใบให้เลือก เป้าหมายร่วมกันคือลดภาระค่าเดินทางให้คนเมือง แต่สิทธิประโยชน์และเขตพื้นที่ให้บริการนั้นไม่เหมือนกัน “ไคลเมทการ์ด” บัตรรายเดือนโดยเทศบาลโซล ใช้ขึ้นรถเมล์และรถไฟได้ดินได้ทุกเส้นทางในโซลได้ไม่จำกัด ใบละ 62,000 (ประมาณ 1,650 บาท) และบัตรดังกล่าวจะครอบคลุมพื้นที่เมืองอินชอนด้วยตั้งแต่ปี 2024 “ไอพาส” ของเทศบาลเมืองอินชอน ใช้เดินทางในเมืองนี้ได้โดยไม่จำกัดเที่ยว ผู้สูงอายุสามารถรับเงินคืนร้อยละ 30 จากที่จ่ายไป “เคพาส” ของกระทรวงที่ดิน สิ่งปลูกสร้างและการขนส่ง ใช้เดินทางได้ 60 เที่ยวทั่วประเทศ หากใช้รถสาธารณะมากกว่า 15 ครั้งต่อเดือน สามารถขอเงินคืนได้ร้อยละ 30 (สำหรับผู้ที่อายุ 19-34 ปี) ส่วนผู้มีรายได้น้อยจะได้เงินคืนร้อยละ 52 แล้วยังมี “คยองกีพาส” สำหรับใช้ในจังหวัดคยองกี ที่จะเริ่มใช้เดือนพฤษภาคมได้เงินคืนเหมือนกันแต่ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว ประชาชนเกาหลีหลายคนสงสัยดังๆ จะง่ายกว่าไหม ถ้ารัฐบาลลดราคาตั๋วไปเลย ไม่ต้องฝัง เพราะความสะดวกและความประหยัด คนดัทช์ยุคนี้จึงหันมาเลือกใช้บริการพิธีศพแบบเผา แทนที่จะฝังตามธรรมเนียมดั้งเดิม ที่เนเธอร์แลนด์พิธีศพแบบเผามีค่าใช้จ่าย 6,000 ยูโร (ประมาณ 232,000 บาท) แต่อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มบ้างในกรณีที่ราคาพลังงานแพงขึ้น ในขณะที่การฝังมีค่าใช้จ่ายถึง 9,000 ยูโร (ประมาณ 350,000 บาท) สถิติระบุว่าร้อยละ 68.4 ของผู้ที่เสียชีวิตในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2023 ได้รับการฌาปนกิจศพ ความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นดูได้จากจำนวนฌาปนสถานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ข้อเสียอย่างเดียวคือ ตามขั้นตอนปกติของเนเธอร์แลนด์ ญาติจะต้องรอประมาณหนึ่งเดือนถึงจะสามารถมารับกระดูกกลับได้ หลายคนไม่อยากทิ้งภาระให้ลูกหลานต้องจ่ายค่าดูแลหลุมศพก็จะสั่งเสียไว้ให้เลือกวิธีนี้ ส่วนการกล่าวไว้อาลัยหน้าหลุมศพก็ไม่จำเป็น เพราะปัจจุบันผู้คนนิยมบอกลากันตั้งแต่ก่อนที่ผู้ล่วงลับจะจากไปฟาสต์เฟอร์นิเจอร์ รัฐบาลไต้หวันต้องรีบออกมาเคลียร์ หลังสื่อออกมาเปิดเผยว่าในช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2023 ยังมีที่นอนเก่าที่ควรนำไปรีไซเคิลตกค้างอยู่ถึง 140,000 หลัง หมายความว่ามีสปริงที่ยังไม่ถูกนำไปใช้งานและมีผ้าที่สามารถเปลี่ยนเป็นเชื้อเพลิงได้ค้างอยู่ กระทรวงสิ่งแวดล้อมบอกว่าที่ผ่านมาเขาก็จัดการรีไซเคิลที่นอนได้ปีละเกือบหนึ่งล้านหลังโดยไม่มีปัญหา แถมบอกอีกว่าเดี๋ยวช่วงตรุษจีนก็จะมีฟูกถูกทิ้งเพิ่มอีกเพราะคนต้องซื้อของใหม่เข้าบ้าน ผู้แทนกระทรวงฯ อธิบายว่าเครื่องรีไซเคิลของเขานั้น ถ้าจะให้คุ้มค่ากับพลังงานที่เสียไปต้องใส่ฟูกเข้าไปอย่างต่อเนื่องครั้งละไม่ต่ำกว่า 5,000 หลัง มันก็เลยเกิด “ความกอง” อย่างที่เห็น แต่คำถามคือใครควรเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย มูลค่าตลาดที่นอนมีมากกว่า 10,000 ล้านเหรียญ ด้วยยอดขายประมาณ 330,000 หลังต่อปี แต่ที่ผ่านมารัฐยังไม่มีกลไกที่จะทำให้ผู้ประกอบการร่วมแสดงความรับผิดชอบต่อขยะที่นอนเลย อีกปัญหาที่ต้องรับมือคือ “ฟาสต์เฟอร์นิเจอร์” ที่ราคาถูก ดีไซน์สวย แต่ใช้งานได้ไม่นาน
เงินขวัญถุง คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคแห่งเมืองเดลลี สั่งปรับห้างจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป lifestyle เป็นเงิน 3,000 รูปี (ประมาณ 1,300 บาท) และขอให้ห้างคืนเงิน 7 รูปีที่เรียกเก็บเป็นค่าถุงกระดาษ ให้กับลูกค้าด้วย คณะกรรมการได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภครายหนึ่ง ว่าด้วยความบกพร่องในการให้บริการของห้าง ซึ่งอ้างว่าถุงกระดาษมีต้นทุนแพงกว่าถุงพลาสติก (ที่รัฐบาลประกาศห้ามใช้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2565) จึงขอเรียกเก็บค่าถุงจากลูกค้า คำถามคือห้างควรผลักภาระค่าใช้จ่ายไปให้ลูกค้าที่จ่ายเงินค่าสินค้าแล้วหรือเปล่า สำคัญกว่านั้นคือลูกค้าได้รับการบอกกล่าวล่วงหน้าหรือไม่ จากหลักฐานภาพถ่ายที่ยืนยันว่าห้างไม่ได้แจ้งให้ลูกค้านำถุงมาเอง รวมถึงไม่ได้บอกราคาและประเภทของถุงกระดาษ บริษัทจึงไม่สามารถเก็บค่าถุงที่ใช้ใส่สินค้าที่ซื้อจากทางร้านได้ และต้องจ่ายค่า “ทำขวัญ” ลูกค้าเป็นจำนวนดังกล่าว ชื่อไฮเอนด์ เทศบาลกรุงโซลขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ให้ลดความยาวและความซับซ้อนของโครงการอพาร์ตเมนท์ หลังผลสำรวจพบว่าชาวเมืองส่วนใหญ่ไม่ถูกใจสิ่งนี้ หลายปีที่ผ่านมาเกิดเทรนด์การตั้งชื่ออพาร์ตเมนท์เป็นภาษาเกาหลีผสมกับภาษาต่างประเทศ ยำรวมกันทั้งชื่อย่าน ชื่อบริษัทที่ก่อสร้างรวมถึงชื่อแบรนด์เพื่อแสดงถึงความ “ไฮเอนด์” ทั้งที่ชื่อเหล่านี้ไม่ได้การันตีคุณภาพของที่อยู่อาศัย เทศบาลฯ ได้สำรวจความเห็นประชากรกว่า 1,000 คน และพบว่าร้อยละ 77.3 ไม่ชอบชื่อยืดยาวแบบนี้ บางหมู่บ้านถึงกับร้องขอให้เอาชื่อของตัวเองออกจากชื่ออพาร์ตเมนท์ที่ไม่มีอะไรเกี่ยวกันด้วย หลังการพูดคุยมีผู้ประกอบการ 9 ราย (Samsung Hyundai และ Posco ก็อยู่ในกลุ่มนี้) ให้คำมั่นว่าจะตั้งชื่อโครงการให้สั้นและง่ายกว่าเดิม รวมถึงใช้คำภาษาเกาหลีให้มากขึ้น เทศบาลโซลมีกำหนดจะประกาศ “แนวทางการตั้งชื่ออพาร์ตเมนท์” ภายในครึ่งปีแรกของปี 2024 ซ่อมกันก่อน เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้คนไม่ทิ้งขว้างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เสียหายเพียงเล็กน้อย รัฐบาลฝรั่งเศสจึงให้ “โบนัสช่วยซ่อม” แบบเหมาจ่ายมาตั้งแต่ปี 2022 โดยเงินช่วยเหลือดังกล่าวอยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการลดขยะและสร้างเศรษฐกิจแบบหมุนเวียนที่ประกาศใช้เมื่อปี 2020 สิ่งที่จะเพิ่มมาในปี 2024 คือค่าซ่อมหน้าจอโทรศัพท์ 25 ยูโร (ประมาณ 950 บาท) และค่าซ่อมโน๊ตบุ๊ค 50 ยูโร รวมแล้วจึงมีเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เข้าข่ายได้รับเงินช่วยเหลือ 73 รายการ เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องล้างจาน กาต้มน้ำ เครื่องทำกาแฟ โทรทัศน์และเครื่องเล่นดีวีดี เงินช่วยเหลือนี้จะปรากฎเป็นส่วนลดในบิลค่าซ่อมโดยอัตโนมัติ ลูกค้าไม่ต้องลงทะเบียน เพียงแต่ต้องไปใช้บริการกับร้านซ่อมที่เข้าร่วมโครงการ ฝรั่งเศสตั้งเป้าเพิ่มจำนวนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่เข้ารับการซ่อมจากปีละ 10 ล้านชิ้น เป็น 12 ล้านชิ้นให้ได้ภายในปี 2027 ไม่ใช่ที่สูบ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวญี่ปุ่นออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวต่างชาติเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการห้ามสูบบุหรี่ให้มากขึ้น โดยอาจระบุ “พื้นที่สูบบุหรี่” ผ่านแอปพลิเคชันที่ให้ข้อมูลเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวในภาษาต่างๆ เป็นต้น ญี่ปุ่นห้ามการสูบบุหรี่ทั้งในอาคารและกลางแจ้ง (ยกเว้นในพื้นที่สำหรับสูบบุหรี่) มาตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2020 ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงการระบาดของโควิด 19 จึงไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากนัก แต่เมื่อการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว จำนวนชาวต่างชาติที่ถูกปรับเพราะ “เดินไปสูบไป” ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในบางเมืองเช่น โกเบ มีถึงร้อยละ 40 ของผู้ฝ่าฝืนที่เป็นนักสูบจากต่างแดน นอกจากกฎหมายที่ใช้ทั่วประเทศแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมบางแห่งมีค่าปรับสำหรับการสูบบุหรี่ในพื้นที่ด้วย เช่น การสูบบุหรี่ในสวนนารา มีค่าปรับ 1,000 เยน (ประมาณ 240 บาท) โดยเจ้าหน้าที่สามารถแสดงตนและปรับผู้ฝ่าฝืนได้ทันที ลดเวลาหน้าจอ กระทรวงเด็กและโรงเรียนของเดนมาร์กเล็งออกกฎหมายห้ามศูนย์รับดูแลเด็กเล็กใช้โทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตเป็นอุปกรณ์ช่วยเลี้ยงเด็ก ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าผู้ดูแลจะให้เด็กดูหน้าจอแท็บเล็ตหรือโทรทัศน์ไม่ได้ เพียงแต่ต้องจำกัดเวลา เช่น สำหรับเด็กอายุไม่เกินสองปี จะอนุญาตให้ดูหน้าจอมือถือหรือแท็บเล็ตได้ในกรณีที่ “จำเป็นอย่างยิ่ง” เท่านั้น เพราะเด็กเล็กไม่ควรมี “เวลาหน้าจอ” มากเกินไป ขณะที่เด็กอายุระหว่างสามถึงห้าปีจะอนุญาตให้ใช้หน้าจออย่างเหมาะสม โดยเด็กจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้รับผิดชอบ สรุปว่าสถานรับเลี้ยงเด็กจะอ้างว่าจำเป็นต้องปล่อยให้เด็กดูจอเพราะ “วันนี้ยุ่งมาก” หรือ “ใกล้เวลาพ่อแม่มารับแล้ว” ไม่ได้ รัฐมนตรีฯ เขามองว่ามันเป็นความบกพร่องในการดูแลเยาวชนของชาติ กระทรวงฯ คาดว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะผ่านเป็นกฎหมายได้ในเดือนกรกฎาคมปี 2024
ลดแล้วเพิ่ม หลังจากเนเธอร์แลนด์ปรับลด “ความเร็วจำกัด” บนท้องถนนในเมือง จาก 50 กิโลเมตร เป็น 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จำนวนผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากอุบัติเหตุจราจรกลับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 21 จากปี 2022 ข้อมูลจากสถาบันความปลอดภัยทางถนน (SWOV) ระบุว่า ปีนี้มีผู้เสียชีวิต 745 คน บาดเจ็บสาหัส 8,300 คน ในจำนวนนี้ร้อยละ 39 ของผู้เสียชีวิต และร้อยละ 70 ของผู้ได้รับบาดเจ็บคือผู้ใช้จักรยาน คนส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้ยังเป็นผู้สูงอายุอีกด้วย สาเหตุหลักคือ อุบัติเหตุรถล้มขณะขับขี่ การชนกับจักรยานด้วยกันเอง หรือไม่ก็อุบัติเหตุที่คู่กรณีไม่ใช่พาหนะคันอื่น เรื่องนี้ค้านกับสิ่งที่ผู้คัดค้านการบังคับสวมหมวกนิรภัยเคยเสนอว่าการบาดเจ็บล้มตายจากอุบัติเหตุจักรยานควรเป็นการทำสภาพถนนให้ปลอดภัยและปรับลดความเร็วจำกัดบนท้องถนน พวกเขาไม่เชื่อในการบังคับสวมหมวกนิรภัย เพราะจะทำให้คนไม่อยากใช้จักรยานไม่เอาหนี้นอก ช่วงนี้เทรนด์การจัดการหนี้นอกระบบกำลังมา ประเทศร่ำรวยอย่างเกาหลีใต้เพิ่งจะประกาศใช้กฎระเบียบที่เข้มขึ้นพร้อมเพิ่มบทลงโทษเจ้าหนี้เงินกู้ที่คิดดอกแพงลิ่ว จุดประสงค์คือการคุ้มครองลูกหนี้ไม่ให้จมกองหนี้โดยไม่มีทางออก ลูกหนี้รายหนึ่งกู้เงินมา 250,000 วอน สามเดือนต่อมาหนี้ดังกล่าวงอกเงยขึ้นเป็น 150,000,000 วอน ในขณะที่เจ้าหนี้สาวรายหนึ่งถูกจับกุมดำเนินคดีเพราะเรียกเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 5,000 และยังข่มขู่ลูกหนี้ไปไม่ต่ำกว่า 300 ครั้ง แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าปัญหาที่แท้จริงคือการเข้าไม่ถึงเงินกู้จากแหล่งทุนถูกกฎหมาย (สมาคมผู้ให้บริการเงินกู้บอกว่าพวกเขาปล่อยกู้ได้น้อยลงเกือบร้อยละ 70) แม้แต่การกู้เงินจากบัตรเครดิตก็ไม่ง่ายเช่นกัน เกาหลีใต้มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้นจากปี 2019 มากกว่าสองเท่าตัว และในปี 2022 มีคนเข้าสู่วงจรนี้ไม่ต่ำกว่า 70,000 คน ทาสแมวมีเฮ รัฐบาลสิงคโปร์เสนอให้ยกเลิกการห้ามเลี้ยงแมวในแฟลตของรัฐ หลังใช้กฎหมายดังกล่าวมานานกว่า 30 ปี โดยรัฐบาลให้คำมั่นว่าแผนนี้จะเป็นผลดีทั้งต่อคนที่เลี้ยงและไม่ได้เลี้ยงแมว ทั้งนี้ภายใต้ร่างกฎหมายใหม่ที่ว่าด้วย “การจัดการแมว” เจ้าของจะต้องนำแมวไปขึ้นทะเบียน ฝังไมโครชิป (ผู้มีรายได้น้อยสามารถขอรับบริการฟรีได้) และปฏิบัติตามมาตรการในการดูแลสวัสดิภาพสัตว์เลี้ยง เช่น การจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมด้วยการติดตั้งลูกกรงหรือตาข่ายป้องกันน้องตกจากตึก เป็นต้น หลังการประกาศใช้ในครึ่งหลังของปี 2024 ทาสแมวจะมีเวลา 2 ปีในการยื่นเรื่องขอใบอนุญาตขอเลี้ยงแมวที่มีอยู่ (ซึ่งอาจจะมากกว่าสองตัวก็ได้) โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หากเกินกำหนด ทาสจะถูกปรับ 5,000 เหรียญ (ประมาณ 130,000 บาท) ส่วนมือใหม่ที่จะเริ่มเลี้ยงแมวก็ต้องเข้ารับการอบรมออนไลน์ว่าด้วยการมีสัตว์เลี้ยงอย่างรับผิดชอบต่อสังคม ก่อนจะได้รับใบอนุญาตด้วย ขยะที่ถูกลืม หลายประเทศมีแผนรับมือกับขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้รวม “ก้นบุหรี่” ไว้ในขยะประเภทนี้ งานวิจัยโดยศูนย์ธรรมาภิบาลนานาชาติในการควบคุมการบริโภคยาสูบ ยังเสนอให้มีการ “แบน” ก้นบุหรี่โดยด่วน เพราะขยะที่ถูกทิ้งในประมาณมากที่สุดในโลกคือก้นบุหรี่ ซึ่งข้อมูลวิชาการยืนยันว่าไม่ได้มีสรรพคุณในการลดอันตรายจากการสูบบุหรี่ได้อย่างที่เข้าใจกัน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือประเทศจีนซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคยาสูบรายใหญ่ที่สุดของโลก ค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะจากก้นบุหรี่และซองใส่บุหรี่ในจีนสูงถึงปีละ 2,600 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 20 ของค่าใช้จ่ายทั้งโลกรวมกัน) ปัญหาสิ่งแวดล้อมอาจเป็นเรื่องใหม่ แต่ปัญหาสุขภาพนั้นมีมานานแล้ว จีนมีนักสูบไม่ต่ำกว่า 300 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคอย่างมะเร็ง โรคปอด โรคหัวใจ วันละประมาณ 3,000 คน เงินไม่ถึง หน่วยงานควบคุมดูแลการแข่งขันทางการค้าของอิตาลีสั่งปรับบริษัทของบล็อกเกอร์/ดีไซเนอร์ ชื่อดัง เคียร่า แฟร์รานี เป็นเงินล้านกว่ายูโร การสอบสวนพบว่าบริษัทดังกล่าวไม่ได้นำเงินที่ได้จากการขาย “เค้กการกุศล” ไปมอบให้กับมูลนิธิของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในช่วงคริสต์มาสปีที่แล้ว ตามที่โฆษณาไว้ ด้านบริษัท Balocco ผู้ผลิตเค้กก็โดนปรับไป 420,000 ยูโรเช่นกัน หน่วยงานดังกล่าวพบว่า มูลนิธิเพื่อการวิจัยและรักษาโรคมะเร็งกระดูกของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองตูริน ได้รับเงินบริจาค 50,000 ยูโร จากบริษัทผู้ผลิตเค้กหลายเดือนก่อนคริสต์มาส แต่หลังจากที่บริษัทของแฟร์รานีออกแคมเปญชวนทำบุญและระดมทุนได้มากกว่าหนึ่งล้านยูโร กลับไม่มีการบริจาคเพิ่มให้อีกเลย มาดูกันว่าผู้ติดตามเกือบ 30 ล้านคนในอินสตาแกรมของแฟร์รานีจะมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้อย่างไร
เงินไม่ถึง ธนาคารกลางฮ่องกง (Hong Kong Monetary Authority) ประกาศคืนเงินให้กับผู้ซื้อ “ที่ทับกระดาษ” จากร้านขายสินค้าที่ระลึกของธนาคารเมื่อหกปีก่อน หลังพบว่าสิ่งที่อยู่ด้านในไม่เป็นไปตามที่แจ้งบนฉลาก ของที่ระลึกดังกล่าวซึ่งอยู่ในรูปลักษณ์ของแก้วบรรจุธนบัตรมูลค่า 1,000 เหรียญฮ่องกงที่ถูกตัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย วางจำหน่ายเมื่อต้นปี 2560 ในราคาชิ้นละ 100 เหรียญ (ประมาณ 450 บาท) ฉลากและการประชาสัมพันธ์ของธนาคาร ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าที่ทับกระดาษคอลเล็คชันนี้ ทำขึ้นจากแบงก์พันเก่าจำนวน 138 ใบ รวมเป็นมูลค่า 138,000 เหรียญ ล่าสุดธนาคารฯ ออกมายอมรับว่าได้ใส่กรวดเข้าไปเพื่อเพิ่มน้ำหนัก เท่ากับว่าในนั้นมีธนบัตรน้อยกว่าจำนวนที่แจ้ง ข้อมูลที่ให้ไว้จึงไม่ตรงตามความจริง ธนาคารฯ จึงขอแจ้งให้ผู้ที่ซื้อไปมาติดต่อขอรับเงินคืนได้ รายงานระบุว่าที่ทับกระดาษรุ่นดังกล่าวยังมีขายออนไลน์ในราคาระหว่าง 420 – 600 เหรียญ เอาที่ไหนมาพูด องค์กรผู้บริโภคสหภาพยุโรปร่วมกับ Consumentenbond องค์กรผู้บริโภคของเนเธอร์แลนด์ และองค์กรผู้บริโภคในอีก 12 ประเทศ ยื่นขอให้มีการตรวจสอบคำกล่าวอ้างของบริษัทโคคาโคลา และบริษัทเนสท์เล่ เรื่องการรีไซเคิลขวดพลาสติก เนื้อหาของข้อความที่เป็นปัญหาได้แก่ “100% ของขวดน้ำพลาสติกในยุโรปสามารถรีไซเคิลได้” และ “ขวดน้ำนี้ใช้วัสดุรีไซเคิล 100%” นอกจากนั้นยังมีการใช้ภาพประกอบที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าขวดน้ำพลาสติกไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย การกล่าวอ้างแบบข้างต้นถือว่าผิดระเบียบสหภาพยุโรป เพราะไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง ปัจจุบันยุโรปมีอัตราการรีไซเคิลขวดพลาสติกอยู่ที่ร้อยละ 55 เท่านั้น ในขณะที่อัตราการนำกลับมาใช้ใหม่อยู่ที่ร้อยละ 30 และขยะบริเวณชายหาดของยุโรปส่วนใหญ่คือขวดน้ำพลาสติกนั่นเอง ไม่หยุดบิน สมาคมผู้ประกอบการสายการบินของสเปน ยืนยันว่าจะไม่ทำตามข้อเรียกร้องของรัฐบาลที่ต้องการให้ยกเลิกเส้นทางบินระยะใกล้ที่สามารถเดินทางด้วยรถไฟภายในเวลาไม่เกินสองชั่วโมงครึ่ง โดยให้เหตุผลว่าจะยกเลิกก็ต่อเมื่อมีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่ครอบคลุมเมืองหลัก รวมถึงมีรถไฟเชื่อมต่อกับสนามบินหลักอย่างเพียงพอ เช่น เส้นทางระหว่างเมืองมาดริดและบาราคัสควรจะมีรถไฟวันละ 8-10 เที่ยวต่อชั่วโมง ซึ่งในทางปฏิบัติยังต้องใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่าเจ็ดปี การสำรวจโดยหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมพบว่า ร้อยละ 35 ของเที่ยวบินในสเปน (ที่ส่วนใหญ่ตั้งต้นจากเมืองมาดริด) สามารถถูกยกเลิกได้ และจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงร้อยละ 10 รัฐบาลสเปนเริ่มแผนลดเที่ยวบินระยะสั้น (ไม่เกินสี่ชั่วโมง) โดยนำรถไฟความเร็วสูงเข้ามาแทนที่ได้ระยะหนึ่งแล้ว หลังเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนเข้ามาร่วมทำกิจการรถไฟ และดูเหมือนรถไฟของ Iryo และ Ouigo จะมีผลประกอบการดีกว่ารถไฟของรัฐฯ อย่าง Renfe ด้วย ลดกระดาษ พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเดนมาร์กอนุญาตให้ประชาชนเข้าไปลงทะเบียนขอปิดบังข้อมูล “ที่อยู่สำหรับจัดส่งไปรษณีย์” กับกรมทะเบียนกลางได้ โดยคำขอดังกล่าวจะมีอายุครั้งละหนึ่งปี การกระทำดังกล่าวจะทำให้กรมฯ ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลที่อยู่ของประชาชนให้กับเอกชนรายใดได้ และกฎหมายเดียวกันก็ห้ามผู้ประกอบการส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับผู้อื่น รวมถึงไม่สามารถขอที่อยู่จากกรมฯ ได้ ยกเว้นกรณีติดตามทวงหนี้ ส่วนโบรชัวร์โฆษณาชนิดไม่ได้ระบุชื่อที่อยู่ผู้รับ เขาก็มีทางออกให้เช่นกัน ใครที่ไม่อยากได้กระดาษล้นตู้จดหมายก็สามารถลงทะเบียนเข้าโครงการ “ขอบใจ แต่ขอไม่รับ” แล้วจะได้รับสติ๊กเกอร์ประกาศิตมาติดตู้จดหมาย รับรองว่าใครเห็นก็ไม่กล้าแจก แน่นอนว่าเรื่องนี้ดีต่อสิ่งแวดล้อม เพราะดีลลดราคาหรือโฆษณาต่างๆ ก็สามารถเข้าถึงลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้อยู่แล้ว รวมกันเราอุ่น ปัจจุบันมีห้องเช่าจำนวนไม่น้อยในฝรั่งเศสที่ยังใช้ระบบให้ความร้อนจากส่วนกลาง หมายความว่าผู้ “สั่งเปิด” ฮีตเตอร์ ได้คือเจ้าของตึกซึ่งมีหน้าที่ดูแลอาคารให้มีอุณหภูมิเหมาะกับการอยู่อาศัยนั่นเอง หลักการคือถ้าอุณหภูมิต่ำกว่า 18 องศาเกินหนึ่งวัน ให้ถือว่าเข้าข่าย “หนาวเกินไป” และควรเปิดเครื่องทำความร้อน แม้กฎหมายจะไม่ระบุช่วงเวลาเปิดฮีตเตอร์ แต่ที่ปฏิบัติกันมาคือระหว่าง 15 ตุลาคม ถึง 15 เมษายน ของทุกปี ใครที่รู้สึกหนาวก่อนนั้นก็สามารถยื่นคำร้องไปขอความเห็นชอบจากกลุ่มผู้เช่าได้ แต่ถ้าเพื่อนบ้านไม่หนาวด้วย หรือไม่อยากจ่ายค่าไฟเพิ่ม ก็ต้องทำใจ ใส่เสื้อหนาวเพิ่มหรือไปซื้อฮีตเตอร์มาใช้เอง ฟังดูเป็นเรื่องทรมาน แต่วิธีนี้จะทำให้ทุกคนในตึกจ่ายค่าไฟน้อยลง เพราะการเปิดระบบให้ความร้อนตามเวลาที่ตกลงกันไว้กับบริษัทพลังงานจะได้อัตราค่าไฟที่ถูกกว่า และยังประหยัดพื้นที่วางฮีตเตอร์ ที่ผู้เช่าต้องจ่ายค่าซ่อมบำรุงโดยไม่มีคนร่วมแชร์ด้วย
ความคิดเห็น (0)