ฉบับที่ 174 แกงเลียง

แกงตำรับไทยแท้ๆ ที่ทำง่าย แต่เป็นอะไรที่คนสมัยใหม่ชอบทำให้มันยาก

    ดั้งเดิมเลยแกงเลียงนั้น เครื่องแกงหลักมีแค่ พริกไทย หอมแดง และกะปิ ตำพอแหลกแล้วละลายกับน้ำเดือดเป็นน้ำแกงใส่ผักริมรั้วหากินง่ายอย่าง ตำลึง ยอดฟัก บวบ หัวปลี แล้วแต่มี เมื่อผักสุกดีแล้วก็ใส่ใบแมงลักลงไป เป็นอันเสร็จ และถ้าอยากจะพิเศษให้น้ำแกงข้นขึ้นมาหน่อย ก็ตำกุ้งแห้งหรือกุ้งต้มละลายลงในน้ำแกง บางบ้านอาจใช้เนื้อปลาย่าง ซึ่งหากเป็นน้ำแกงจากเนื้อปลาก็ต้องตำกระชายตามไปเพื่อดับกลิ่นคาว แต่ธรรมดาครัวโบราณไม่นิยมนำปลาย่างมาแกงเลียงไปแกงอย่างอื่นดีกว่า 

    การทำแกงเลียงเดิมจะไม่ใส่ผักหลากหลายชนิดเพราะจะทำให้กลิ่นรสของผักตีกันเอง ไม่อร่อย เว้นแต่ตัวหลักคือใบแมงลักที่ขาดไม่ได้ แต่สมัยใหม่จะมีการเติมผักสารพัดชนิดเข้าไปในแกงเลียงทำให้รสชาติผิดเพี้ยนไปจากเดิม สำคัญคือมีการตำพริกขี้หนูสดใส่ไปด้วย จริงๆ แล้วไม่มีความจำเป็นเพราะแกงเลียงไม่ได้ต้องการความเผ็ดจัดจ้านแบบพริกขี้หนู แต่เป็นเผ็ดแบบพริกไทย ซึ่งช่วยทำให้กินผักได้ง่ายขึ้น พริกขี้หนูจะทำลิ้นรับรสเผ็ดเกินไปจนสัมผัสความอร่อยของรสแกงและรสผักไม่ได้ 

      แกงเลียงเป็นอาหารไทยโบราณชนิดหนึ่งที่เหมาะที่จะนำมาบริโภคเป็นประจำ  เพราะทำง่าย ให้พลังงานไม่สูงมากนัก สามารถรับประทานได้บ่อย ให้ใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ ตลอดจนสารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

แหล่งข้อมูล: กองบรรณาธิการ

150 point

LINE it!





  เรื่องเกี่ยวข้อง: นิตยสารออนไลน์ แกงเลียง

ฉบับที่ 192 น้ำปลา

ผลิตภัณฑ์คู่ครัวไทยและอีกหลายชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งเวียดนาม ฟิลิปปินส์ ลาว กัมพูชา เป็นเครื่องจิ้มที่ขาดไม่ได้ เรียกว่าอร่อยทั่วภูมิภาคแต่ถ้าไปสืบค้นทางโบราณคดี การนำปลามาหมักเกลือนั้นเป็นการถนอมอาหารที่มีมานานแล้ว หลายชนชาติเขาก็ทำกันมา ในยุโรปกรีกเป็นชาติแรกที่ทำน้ำปลาเป็นผลิตภัณฑ์หรูหราระดับเลี้ยงชนชั้นสูง พวกโรมันก็รับไม้ต่อไป แต่การหมักปลาเพื่อเป็นน้ำปลานั้น กว่าจะย่อยปลาจนเป็นน้ำใสๆ ได้ ต้องหมักกันเป็นปี คนในแถบยุโรปเลยชอบกินแบบปลาหมักเกลือระยะกลางอย่างปลาเค็มฝรั่ง หรือ แองโชวี มากกว่า ส่วนบ้านเราการทำปลาหมักเกลือก็เป็นวิถีพื้นบ้านอยู่แล้ว ทั้งปลาร้า ปลาเจ่า ภาคใต้เองก็มีน้ำเคย ซึ่งใช้สร้างรสเค็มในอาหารแต่ดั้งเดิม น้ำปลาแบบปัจจุบันบางตำราจึงว่า อาจได้จากวิธีการของคนจีน แต่บางคนก็คิดว่า อาจจะเป็นการเผลอหมักปลาร้านานไปหน่อยก็ได้ จนปลาเปื่อยยุ่ยเป็นน้ำน้ำปลาอย่าไปคิดว่าพื้นที่ ที่ใกล้ทะเลจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ เพราะกล่าวกันว่าคนภาคกลางที่มีแม่น้ำสำคัญหลายสายนี่แหละเป็นตัวจริง เราคงเคยได้ยินว่าน้ำปลาจากปลาสร้อยอร่อยมาก แต่คงหากินไม่ง่ายแล้วเพราะปลาสร้อยแทบจะหาไม่ได้อีกแล้ว ปลาทะเลเลยเข้ามาแทนที่ ปลาทะเลไทยที่นิยมกันว่าทำน้ำปลาได้อร่อยก็ต้องยกให้ปลากะตักและปลาไส้ตัน โรงงานที่ทำน้ำปลาใส่ขวดจำหน่ายรายแรกมีอายุมากกว่า 100 ปีแล้ว ก็เริ่มจากการหมักปลากะตักนั่นเองน้ำปลาดี ต้องดีตั้งแต่ปลา วิธีการหมัก ระยะเวลา ตลอดจนอุณหภูมิและภาชนะที่หมักบ่ม ของเวียดนามน้ำปลาที่อร่อยนั้นถึงกับต้องฝังภาชนะลงดิน ในน้ำปลาจะมีโปรตีนเป็นสารอาหารหลัก และมีวิตามิน บี 12 สูง แต่สำหรับคนที่มีปัญหาโรคไต ความดัน ก็เพลาน้ำปลาลงนิดนึงเพราะโซเดียมก็สูงเช่นกัน

อ่านเพิ่มเติม>

ฉบับที่ 185 มะขามเปียก

คือ เนื้อในฝักมะขามที่แก่จัด แกะเอาเมล็ดออก นำไปตากแดดให้หมาด เก็บไว้กินได้นาน มะขามเปียกที่นำมาปรุงอาหารและยา ต้องเป็นพันธุ์มะขามเปรี้ยวเท่านั้น ในเนื้อมะขามเปียกมีกรดอินทรีย์หลายชนิด มีฤทธิ์ช่วยระบาย หากท้องผูก ลองหยิบมะขามเปียกมาจิ้มเกลือรับประทานสักฝักสองฝักเป็นอันได้ผล  นอกจากนั้นยังมีกรดผลไม้ หรือ AHAs ที่ช่วยให้ผิวหนังชั้นนอกที่หยาบกระด้างหลุดลอกและกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ๆ ทำให้ผิวหนังอ่อนวัยอยู่เสมอ จึงนิยมนำมาขัดผิวตั้งแต่สมัยโบราณ  มะขามเปียกยังเป็นสิ่งสำคัญประจำครัวไทย ช่วยสร้างรสเปรี้ยวให้กับอาหารที่ต่างจากรสมะนาวที่เปรี้ยวจี๊ด และบางทีก็ติดรสขมจากเปลือกเนื่องจากการบีบคั้น ส่วนรสเปรี้ยวจากมะขามเปียกจะนุ่มนวลกว่า มีรสหวานเล็กๆ ติดมาด้วย อาหารที่ปรุงด้วยมะขามเปียกจะมีเนื้อสัมผัสที่ข้นขึ้นเล็กน้อย แกงส้ม ต้มส้ม แกงเทโพ ต้องใช้มะขามเปียกจึงจะได้รสที่อร่อย หรือในบางฤดูที่มะนาวแพง การปรุงต้มยำก็ใช้น้ำมะขามเปียกแทนกันได้ มะขามเปียกแม้เก็บได้นาน แต่ก็ต้องระวังเรื่องความสะอาด หากเก็บไม่ดีอาจเกิดเชื้อราได้ง่าย มีคำแนะนำว่า หากได้มะขามเปียกมาอาจนำไปเข้าไมโครเวฟก่อน หรือควรเก็บรักษาไว้ในตู้เย็น และไม่ซื้อมากักตุนไว้เยอะเกินไป

อ่านเพิ่มเติม>

ฉบับที่ 184 คาเวียร์

เป็นชื่อของไข่ปลาปรุงรส ทำมาจากปลาได้หลายชนิด แต่ที่นิยมกันมากคือไข่ปลาสเตอร์เจียน ที่มนุษย์ใช้เป็นอาหารมานานแล้ว คาเวียร์จากปลาสเตอร์เจียนยังนับเป็นอาหารราคาแพงที่สุดชนิดหนึ่งของโลกอีกด้วยสเตอร์เจียน เป็นปลาสองน้ำที่กำเนิดมาตั้งแต่ยุคโบราณ ตามธรรมชาติจะพบแต่เฉพาะซีกโลกทางเหนือซึ่งเป็นเขตหนาวเท่านั้น สถานะของปลาชนิดนี้ในธรรมชาติใกล้สูญพันธุ์เต็มที แต่ปัจจุบันสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้แล้วในบางชนิด จากความนิยมบริโภคไข่ของมันนั่นเองทำให้ต้องมีการออกกฎควบคุมการจับปลาในแหล่งธรรมชาติ เพราะขืนปล่อยไว้มีหวังปลาที่อายุเฉลี่ยมากกว่า 150 ปีและอยู่บนโลกมาร่วมร้อยล้านปีได้สูญพันธุ์แน่ ไข่จากปลาสเตอร์เจียนบางทีก็เรียกว่า คาเวียร์ดำ แบ่งเป็นหลายชนิด เช่น เบลูกา  เซฟรูกา ซึ่งเรียกจากปลาต่างอายุ ต่างสายพันธุ์ และแหล่งที่อยู่อาศัย ด้วยเหตุนี้ชนิด สี และรสชาติของคาเวียร์ดำจึงมีความหลากหลาย อะไรอร่อยสุด ดีสุด ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้บริโภค   อย่างไรก็ตามคนที่จะบริโภคคาเวียร์ได้ต้องมีเงินทองเหลือใช้เท่านั้น จึงนิยมบริโภคกันเฉพาะในหมู่ชนชั้นสูง จัดเป็นอาหารหรูหราแสดงถึงฐานะและรสนิยมมาตั้งแต่ยุคศักดินา ยิ่งเป็นคาเวียร์ที่ได้จากปลาสเตอร์เจียนพันธุ์ที่หายากราคายิ่งแพงมากๆ คาเวียร์ที่ได้จากสเตอร์เจียนในทะเลสาบแคสเปียนคนส่วนใหญ่เชื่อว่า มีคุณภาพดีที่สุด ราคาจึงแพงที่สุด เฉลี่ยกิโลกรัมละ 120,000 -  150,000 บาท แม้ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงได้ ราคาของคาเวียร์จากปลาเลี้ยงก็ยังอยู่ในระดับกิโลกรัมละ 40,000 - 50,000 บาท ปัจจุบันประเทศไทยก็สามารถเพาะเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนและนำไข่มาวางขายได้แล้วเช่นกัน  

อ่านเพิ่มเติม>

ฉบับที่ 183 พะโล้

อาหารจีนที่อยู่ในวิถีชีวิตไทยมาเนิ่นนาน ไม่ว่าจะเป็นไข่พะโล้ เป็ดพะโล้ หรือข้าวขาหมู ที่เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของพะโล้  พะโล้ คือการเคี่ยวน้ำกับน้ำตาลทรายแดง เกลือและซีอิ๊วให้งวดพร้อมกับผงปรุงพะโล้ แล้วใช้ปรุงเนื้อสัตว์อย่างห่าน เป็ดหรือขาหมู หมูสามชั้น และเคี่ยวต่อให้งวดจนน้ำปรุงซึมเข้าไปในเนื้อสัตว์  เครื่องปรุงสำคัญคือผงพะโล้นั้น มีกันหลากหลายสูตรมากตามแต่ท้องถิ่นนิยม แต่ที่คุ้นกันทั่วไปจะเป็นผงพะโล้ที่ประกอบด้วยเครื่องเทศห้าชนิด ได้แก่ โป๊ยกั๊ก(เครื่องเทศรูปดาวแปดแฉก) อบเชย กานพลู ยี่หร่าและพริกหอมหรือชวงเจีย(บางที่อาจแทนด้วยลูกผักชี) ฝรั่งจึงเรียกผงพะโล้ว่า  เครื่องเทศห้าอย่าง (Five-Spice Powder) และหากจะเพิ่มความหอมอย่างไทยก็ต้องมีสามเกลอ ได้แก่ กระเทียม รากผักชีและพริกไทยใส่ปรุงไปด้วย     พะโล้ทำครั้งหนึ่งเก็บได้หลายวัน การอุ่นหรือเคี่ยวบ่อยๆ จะยิ่งทำให้น้ำปรุงซึมซาบเข้าไปในเนื้อสัตว์จนมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ โดยเฉพาะไข่พะโล้ที่ผ่านการอุ่นหลายครั้งรสชาติจะดีมากเพราะไข่จะรัดตัวมีความเหนียวหนึบเป็นพิเศษ พะโล้นอกจากเราจะได้คุณค่าจากไข่และเนื้อสัตว์แล้ว เรายังได้สรรพคุณดีๆ จากเครื่องเทศที่ประกอบเป็นผงพะโล้ด้วย ซึ่งจากงานวิจัยพบว่า เครื่องเทศส่วนใหญ่จะช่วยขับลม แก้ท้องอืดเฟ้อ  อย่างไรก็ตามผงพะโล้สำเร็จรูป หากเก็บไว้นานๆ อาจเจอปัญหาการปนเปื้อนของเชื้อราดังนั้นควรเลือกที่ผลิตใหม่ โรงงานได้มาตรฐานการผลิต และไม่ใช้ผงพะโล้เก่าเพราะอาจเสี่ยงต่อสารพิษจากเชื้อราได้  

อ่านเพิ่มเติม>

ความคิดเห็น (0)