สปา กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ความเครียดและความเร่งรีบจากการทำงานส่งผลทำให้ทุกคนอ่อนล้าทั้งสุขภาพกายและใจ การบำบัดด้วยการเข้ารับบริการสปา จะช่วยให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย สถานที่ให้บริการสปามักจะถูกจัดเตรียมและตกแต่งไว้ด้วยดอกไม้ เครื่องหอมทั้งหลาย เช่น น้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพรธรรมชาติ รวมถึงการตกแต่งด้วยแสงไฟสีนวลตา ทั้งหมดเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้ผู้เข้าไปรับบริการได้ผ่อนคลายตั้งแต่วินาทีแรกเลยทีเดียว การทำสปาผิวหน้า มีประโยชน์นอกจากจะเป็นการผ่อนคลายแล้ว ยังมีส่วนอย่างมากในการช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส กระชับ ผิวหน้าชุ่มฉ่ำ ลดริ้วรอยที่แห้งกร้านได้อย่างเห็นผล ควรให้เวลากับตัวเราเองอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ทำสปาผิวหน้า ขั้นตอนโดยทั่วไปมีดังนี้ 1. เริ่มต้นด้วยการล้างทำความสะอาดผิวหน้า ควรใช้ครีมหรือโลชั่นชนิดสำหรับเช็ดเครื่องสำอางออก (ไม่แนะนำให้ใช้สบู่เหลว/สบู่ก้อน หรือโฟมล้างหน้าในขั้นตอนการทำสปา) ใช้นิ้วมือนวดคลึงครีมล้างหน้าลงบนผิวหน้าให้ทั่วใบหน้า และเช็ดออกด้วยผ้าชื้นหรือฟองน้ำ 2. ทำความสะอาดผิวหน้าด้วยสครัป ซึ่งมีผงขัดเซลล์ผิวเป็นองค์ประกอบหลัก เลือกที่ได้จากธรรมชาติ เช่น เปลือกผลไม้ตากแห้งและบดให้มีขนาดเล็ก หรืออาจได้มาจากการสังเคราะห์ ผงขัดมีขนาดต่างๆ กัน อนุภาคของผงเหล่านี้มักจะมีรูปร่างบิดเบี้ยวและมีผิวขรุขระ เมื่อถูกนำไปทาถูบนผิวหน้า ผงเหล่านี้จะทำหน้าที่ช่วยขัดผิวหน้า ทำให้เซลล์เก่าบนผิวหน้าหลุดลอกออกเร็วและง่ายขึ้น การทาสครัปต้องทาให้ทั่วผิวหน้า เว้นรอบดวงตา แล้วใช้นิ้วมือนวดคลึงผิวหน้าไปมาเบาๆ คนที่มีผิวอ่อนไหวควรเลือกใช้สครัปที่มีผงขัดชนิดละเอียดมากขึ้น หลังถูนวดสครัป ให้เช็ดสครัปออกด้วยผ้าชื้น 3. นวดกดจุดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อรอบดวงตา หน้าผาก ขมับทั้งสองข้าง ท้ายทอย 10-15 นาที จะช่วยให้อาการตึงเครียดหรือปวดหัวรวมทั้งไมเกรนผ่อนเบาลงได้มาก 4. การให้ผิวหน้าได้รับไอน้ำที่ร้อนชื้น ความร้อนจะช่วยให้รูขุมขนที่ผิวหน้าเปิดกว้างออก และวิธีที่ดีที่สุดคือการพ่นไอน้ำที่ร้อนแก่ผิวหน้า เพราะไอน้ำจะช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้นอีกด้วย ควรให้เวลาอย่างน้อย 10-15 นาที หากทำเองที่บ้าน สามารถใช้ผ้าขนหนูแช่น้ำอุ่นและบิดแห้งให้หมาดๆ นำผ้าขนหนูไปอบใบหน้า ก็ใช้แทนไอน้ำได้เช่นกัน 5. การพอกผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นผิวได้อย่างรวดเร็ว เช่น แผ่นคอลลาเจนเจล หรือคอลลาเจนครีม ผิวหน้าในขั้นตอนนี้ซึ่งรูขุมขนเปิดกว้างออกเต็มที่ภายหลังจากได้รับไอน้ำร้อน คอลลาเจนซึ่งมีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นได้มากและให้ความยืดหยุ่นผิวหนังได้ดีเยี่ยมจะสามารถแทรกซึมสู่ผิวชั้นบนสุดของผิวหน้าได้ แม้ว่าคอลลาเจนจะมีโมเลกุลสูงและไม่สามารถแทรกซึมสู่ผิวชั้นล่างของผิวหนังได้ แต่การหมักผิวหน้าด้วยคอลลาเจนอย่างน้อย 20-40 นาที จะพบว่าผิวหน้าจะนุ่มนวลและชุ่มฉ่ำอย่างทันตาเห็นเลยทีเดียว 6. การบำรุงผิวหน้าด้วยครีมบำรุงผิว ผลิตภัณฑ์ประเภทครีมบำรุงผิวประกอบไปด้วยสารอาหาร วิตามิน น้ำมันและน้ำ ครีมบำรุงผิวจะไปเคลือบอยู่ผิวหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหน้าสูญเสียความชุ่มชื้น และช่วยหล่อลื่นผิวหน้าให้เนียนนุ่ม น้ำมันหล่อลื่นจะทำหน้าที่ปกคลุมเซลล์ผิวหน้าเพื่อลดการสูญเสียน้ำจากเซลล์ผิว หกขั้นตอนของการทำสปาผิวหน้า ใช้เวลาเพียงชั่วโมงกว่าๆ หรือไม่เกินชั่วโมงครึ่ง แต่จะมีผลทำให้ผิวหน้าได้พักผ่อนและกระชับผิวหน้าอย่างได้ผล การทำสปาผิวหน้าเดือนละหนึ่งครั้งคุณจะพบว่าผิวหน้าจะกระจ่างใส กระชับ ชุ่มฉ่ำ ริ้วรอยจะจางลงสีหน้าจะสดชื่นขึ้น นั่นอาจเพราะว่าเป็นวิธีการผ่อนคลายร่างกายด้วยอย่างหนึ่งก็เป็นได้ คำแนะนำสำหรับผู้ที่เข้ารับการทำสปา -หากใส่คอนแทคแลนควรถอดออก -ผู้ที่ผิวหน้ามีแผลสดหรือแผลเปิด สิวอักเสบ และโรคผิวหนังอื่นๆ ควรงดทำสปาผิวหน้าอย่างเด็ดขาด -ท่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการทำสปาผิวหน้า คือการนอนลงบนเตียงนวดในท่านอน 180 องศา จะสบายที่สุดทั้งสำหรับผู้ให้บริการและผู้รับบริการ -ควรเลือกสถานที่ให้บริการที่น่าเชื่อถือ โดยพิจารณาจากความสะอาดของสถานที่ การแต่งกายที่สะอาดของพนักงานให้บริการ และในระหว่างการทำสปา พนักงานควรมีผ้าปิดจมูกและปากตลอดเวลา - ก่อนลงมือใช้เครื่องสำอางตัวใดควรทดสอบด้วยการป้ายที่ผิวหนังบริเวณท้องแขนก่อนเพื่อดูว่ามีอาการแพ้สารเคมีหรือไม่
สำหรับสมาชิก >วิตามิน คืออะไร?วิตามินคือสารอินทรีย์ที่ร่างกายต้องการในปริมาณเพียงเล็กน้อยมากในแต่ละวัน เพื่อการเจริญเติบโตและการสร้างพลังงานของทุกเซลล์ในร่างกาย จำเป็นอย่างยิ่งต่อสุขภาพที่ดี เราจำเป็นต้องได้รับวิตามินไม่ว่าจะจากอาหารที่รับประทานหรือจากการได้รับอาหารเสริม วิตามินเป็นสิ่งที่ร่างกายเราไม่มีและไม่ได้สร้างขึ้นเอง มีวิตามินทั้งหมด 13 ชนิด ที่ร่างกายควรจะได้รับ วิตามินไม่ใช่อาหารและไม่สามารถใช่ทดแทนอาหารได้ วิตามินไม่มีแคลอรี่ และไม่สามารถให้พลังงานโดยตรงกับร่างกาย แต่เราก็ยังจำเป็นต้องได้รับวิตามินเพื่อไปทำหน้าที่เปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงาน วิตามิน แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มตามคุณสมบัติการละลายในตัวทำละลาย1. วิตามินชนิดที่ละลายได้ในน้ำมันหรือไขมัน วิตามินกลุ่มนี้ เช่น วิตามินเอ อี ดี และเค วิตามินเหล่านี้จะสามารถถูกกักเก็บไว้ตามกล้ามเนื้อหรือไขมันตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ภายหลังจากที่เรารับประทานเข้าไป ข้อดีคือ เราไม่จำเป็นต้องรับประทานวิตามินกลุ่มนี้ทุกวันเพราะมีสะสมอยู่ตามกล้ามเนื้อ แต่หากเรารับประทานวิตามินเหล่านี้มากเกินไปจะเกิดการสะสมมากเกินไปในส่วนต่างๆ ทำให้เป็นพิษจากวิตามินได้เช่นกัน 2. วิตามินชนิดที่ละลายได้ในน้ำ เช่น วิตามินซี และบี วิตามินกลุ่มนี้ไม่สามารถถูกสะสมหรือกักเก็บในร่างกายได้นานเนื่องจากคุณสมบัติที่ได้ละลายได้ดีในน้ำ จึงถูกกำจัดออกทางปัสสาวะหรือเหงื่อ ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องได้รับวิตามินกลุ่มนี้ทุกวันจากการรับประทานอาหารหรืออาหารเสริม หากร่างกายได้รับวิตามินชนิดที่ละลายน้ำมากเกินไป ส่วนเกินของวิตามินจะถูกขับออกโดยไม่ทำให้เกิดพิษหรือปัญหาต่อร่างกาย วิตามินสำหรับต้านอนุมูลอิสระขบวนการหรือปฏิกิริยาลูกโซ่ที่เกิดขึ้นในร่างกายทุกขณะหรือตลอดเวลาไม่ว่าเราจะตื่นอยู่หรือกำลังนอนหลับคือ ปฏิกิริยาที่เรียกว่า ‘ออกซิเดชั่น’ เป็นปฏิกิริยาทางเคมีที่เกิดขึ้นและก่อให้เกิดอนุมูลอิสระสะสมภายในเซลล์และอวัยวะในทุกส่วนของร่างกาย อนุมูลอิสระเหล่านี้ทำลายเซลล์ทุกชนิด และนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดความเหี่ยวย่นของผิวหนังและความเสื่อมของทุกเซลล์จนทำให้เซลล์ตายได้ในที่สุด สารต้านอนุมูลอิสระ คือสารที่สามารถป้องกันหรือยับยั้งปฏิกิริยาลูกโซ่ของปฏิกิริยาออกซิเดชั่นได้ สารต้านอนุมูลอิสระสามารถทำหน้าที่ปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ อันอาจเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกร่างกายด้วย เช่น จากรังสีดวงอาทิตย์ หรือฝุ่นละอองจากสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ร่างกายคนเราก็สามารถสร้างสารต้านอนุมูลอิสสระได้เอง เพื่อปกป้องร่างกายจากอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์พบว่าเนื่องจากอนุมูลอิสระในร่างกายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง จากสภาวะความเครียดและความกดดันของร่างกายในโลกปัจจุบัน ทำให้สารต้านอนุมูลอิสระที่ผลิตขึ้นเองภายในร่างกายไม่เพียงพอในการปกป้องเซลล์ทุกชนิดในร่างกายได้ ดังเห็นได้จากการเจ็บป่วยที่ไม่รู้สาเหตุมากมาย เราจึงจำเป็นต้องเพิ่มหรือเสริมให้ร่างกาย ประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระ 1. ทำลายอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกาย เป็นการปกป้องเนื้อเยื่อที่แข็งแรงของร่างกายในทุกส่วน2. สารต้านอนุมูลอิสระสามารถเสริมความเข็มแข็งของกล้ามเนื้อและโครงสร้างของเส้นเลือดทั้งหลายในร่างกาย ซึ่งเป็นการเสริมความแข็งแรงของระบบเลือดและหัวใจโดยทางอ้อม3. สารต้านอนุมูลอิสระนับเป็นยาอายุวัฒนะที่ช่วยชะลอความแก่ของผิวพรรณและร่างกาย และยังมีรายงานสนับสนุนว่าสามารถป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย วิตามินสำหรับต้านอนุมูลอิสระ ที่ให้ผลโดดเด่น ได้แก่ วิตามินเอ ซี อี และแร่ซีเลเนี่ยมวิตามินต้านอนุมูลอิสระจากผลไม้ เช่น ลูกพรุนทั้งสดและแห้ง องุ่นทั้งสดและแห้ง ผลไม้ชนิดเบอรี่ทั้งหลาย เช่น สตรอว์เบอรี่ ผลฝรั่งและส้มจะอุดมมากด้วยวิตามินซี ฯลฯวิตามินต้านอนุมูลอิสระจากผัก เช่น ผักบุ้ง บล็อกเคอรี่ ผักขม ฯลฯพืชสมุนไพรที่อุดมด้วยวิตามินต้านอนุมูลอิสระ เช่น ขิง ข่า ขมิ้น กระเทียม ฯลฯชาเขียว อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีการศึกษาอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นชาขาว ชาดำ ชาเขียว นักวิทยาศาสตร์พบว่าสามารถต้านหรือป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ได้ พร้อมๆ กับการช่วยชะลออายุผิวอีกด้วยเมื่อนำมาผสมผสานในเครื่องสำอาง ผิวสวยด้วยวิตามินได้อย่างไร?วิตามินซี อี บี6 บี12 โฟลิคแอซิด และวิตามินเอ จัดเป็นวิตามินที่พบในอาหารทั่วไปและในมัลติวิตามินที่จำหน่ายในร้านขายยาและอาหารเสริม หน้าที่หลักของวิตามินเหล่านี้คือ การไปทำลายอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้น ป้องกันเซลล์ผิวหนังไม่ให้ถูกทำลายหรือเหี่ยวย่นก่อนวัย ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยชะลอความแก่ของร่างกายส่วนต่างๆ ได้ไม่เฉพาะแต่ผิวหนังเท่านั้น ทางการแพทย์เชื่อว่าสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีที่สุดควรจะได้จากผักสดและผลไม้สดเท่านั้น อย่างไรก็ตามแหล่งของอาหารเสริมที่สามารถให้สารต้านอนุมูลอิสระ ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่สองที่สามามารถทดแทนได้เช่นกันสำหรับผู้ที่รับประทานผักสดและผลไม้สดน้อยเกินไป การคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีองค์ประกอบของสารต้านอนุมูลอิสระ ที่สำคัญ เช่น วิตามินซี เอ บี6 บี12 และสำคัญที่สุดที่ต้องไม่ขาดคือวิตามินอี นักวิทยาศาสตร์พบว่าวิตามินอีมีบทบาทสำคัญที่สุดในการช่วยชะลออายุของผิวหนัง ช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยป้องกันการเกิดโรคทั่วไปหลายๆ ชนิด วิตามินอี สามารถใช้ในรูปแบบของครีมทาผิว และในรูปแบบของแคปซูลขนาด 400 มิลลิกรัมสำหรับรับประทาน เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้น มีความยืดหยุ่นและปรับสภาพผิวหนังให้เนียมนุ่มได้อย่างรวดเร็ว มีประวัติการใช้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันส่วนวิตามินซี แม้ว่าจะมีประโยชน์มากมาย เช่น ให้ความชุ่มชื้นผิวหนัง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ช่วยชะลอและยืดอายุผิวหนัง แต่เนื่องจากคุณสมบัติของวิตามินซีที่ละลายในน้ำได้ดีมาก ทำให้คุณสมบัติการเป็นสารต้านอนุมูลอิสสระสลายไปได้อย่างรวดเร็วเมื่อละลายในน้ำหรือเมื่อถูกความชื้น ทำให้วิตามินซีที่ผสมผสานในครีมบำรุงผิวทั้งหลายไม่เกิดประโยชน์ต่อผิวหนังเลย นอกจากนั้นยังพบว่าวิตามินซีหรือวิตามินที่ละลายได้ดีในน้ำ ไม่สามารถดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ ดังนั้นประโยชน์จากวิตามินซีในครีมบำรุงผิวจึงไม่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมเครื่องสำอางได้พยายามคิดค้นและปรับปรุงโครงสร้างของวิตามินซีให้มีคุณสมบัติละลายน้ำได้น้อยลงแต่ละลายได้ดีในน้ำมันเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มความคงตัวและการดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังของวิตามินซีในเนื้อครีมบำรุงผิวเอกสารอ้างอิงhttp://www.vitaminsdiary.com/
สำหรับสมาชิก >รศ. ดร. พิมลพรรณ พิทยานุกุล คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล นักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่า ริ้วรอยทั้งหลายที่ปรากฏบนใบหน้า ส่วนใหญ่เป็นผลพวงจากปัจจัยภายนอกร่างกายมากกว่าเกิดจากการแก่ชราของร่างกายตามอายุที่มากขึ้น ดังนั้นวิธีเริ่มต้นดูแลผิวพรรณที่ง่ายที่สุด ถูกที่สุด และมีประสิทธิภาพมากที่สุด คือ การพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวหนังทั่วร่างกายถูกทำลาย ไม่ว่าจะโดยปัจจัยใดๆ ก็ตาม มิฉะนั้นแล้วครีมบำรุงผิวและอาหารเสริมทั้งหลายที่ใช้ก็จะไม่เกิดประโยชน์ การที่ผิวหนังถูกทำลายโดยปัจจัยต่างๆ บางครั้งเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น เพราะอาจไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ หรืออาจไม่มีอาการระคายเคืองหรืออักเสบด้วยซ้ำไป แต่อาจเป็นการสะสมความเสียหายไว้ทีละน้อยในระดับที่เราไม่ทันได้สังเกตเห็น และจะเห็นได้เมื่อผิวหนังสะสมความเสียหายมากถึงระดับที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าคือ ความเสื่อมโทรมอย่างชัดเจน เช่น ริ้วรอยเหี่ยวย่น เมื่อถึงเวลานั้น ก็แก้ไขยากแล้วปัจจัยทั่วไปที่ทำลายผิวหนังและต้องหลีกเลี่ยง1. รังสียูวีจากแสงอาทิตย์ มีผลโดยตรงทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นและเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง เราจึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดดให้มากที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเช้าถึงบ่าย 2 โมง ซึ่งเป็นช่วงที่แสงอาทิตย์จะแผ่รังสียูวีทั้งเอและบีสูงที่สุด ครีมกันแดดที่มีสารป้องกันรังสีทั้งสองชนิดจะดีที่สุด นอกจากนั้นควรจะสวมเสื้อผ้าที่สามารถปกป้องผิวหนังได้เป็นดีที่สุด2. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่รุนแรง เช่น สารทำความสะอาดที่เป็นองค์ประกอบของน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก น้ำยาถูพื้น น้ำยาล้างรถ รวมทั้งน้ำยาสระผม สบู่เหลวล้างหน้า-อาบน้ำ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะมีสารทำความสะอาดที่ให้ฟองมากมาย สารทำความสะอาดชนิดนี้มักจะเกาะติดผิวหนังและสะสมบนผิวหนัง เพราะล้างออกยาก เนื่องจากมีประจุไฟฟ้าเป็นลบ จึงเกาะติดกับผิวหนังได้ง่ายและหลุดออกยาก เมื่อสะสมมากๆ เข้า จะทำให้ผิวหนังหยาบ แห้งกร้าน สังเกตได้ชัดเจนจากแม่บ้านหรือผู้ที่ต้องซักผ้าหรือล้างจานจำนวนมากเป็นประจำ ผิวหนังที่มือจะระคายเคือง อักเสบ และเหี่ยวย่น3. คลอรีนและน้ำอุ่น การอาบน้ำอุ่น ช่วยให้ร่างกายตื่นและสดชื่นอย่างรวดเร็ว แต่ความร้อนของน้ำ ยิ่งร้อนก็จะยิ่งทวีความรุนแรงในการทำลายเซลล์ผิวหนังให้มากขึ้น แม้ว่ากล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย แต่ความร้อนจะเร่งการเผาผลาญและเร่งปฏิกิริยาของอนุมูลอิสระให้เกิดมากขึ้นและเร็วขึ้น เช่นเดียวกับน้ำคลอรีน ดังนั้นผู้ที่ชื่นชอบการอาบน้ำอุ่น อาจจะลดจำนวนครั้งในการอาบน้ำอุ่นให้ลดน้อยลงในแต่ละสัปดาห์ เพื่อยืดอายุผิวพรรณให้สวยยาวนาน4. สารก่อความระคายเคืองทั้งหลาย ที่มีผลทำให้ผิวหนังเป็นผื่นแดง อักเสบ และระคายเคือง เช่น สารก่อสิว ทำให้เกิดหัวสิวและทำให้ผิวหนังอักเสบตามมา สารก่อสิวอาจเป็นองค์ประกอบอยู่ในเครื่องสำอาง สบู่ล้างหน้า รวมทั้งผลิตภัณฑ์รักษาสิว ซึ่งบ่อยครั้งจะพบว่าผู้ที่ทายาแก้สิว สิวกลับเห่อมากขึ้นอีก ซึ่งอาจเกิดจากการทายาแก้สิวมากเกินไป บ่อยเกินไป ทำให้ผิวอักเสบเพราะฤทธิ์ยา หรืออาจแพ้ยาแก้สิว ควรจะปรึกษาแพทย์หรือหยุดใช้ยาดังกล่าวโดยทันที5. การแสดงออกของสีหน้า หากแสดงออกมากๆ และบ่อยๆ จะก่อให้เกิดริ้วรอยตามหน้าผาก รอบดวงตาและร่องแก้ม ให้ลองสังเกตตัวเองในกระจก เมื่อยิ้มมากๆ หรือหัวเราะมากๆ หากปรากฏริ้วรอยรอบดวงตา ให้ลองฝึกพัฒนาบุคลิกตนเองอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อป้องกันการสะสมของริ้วรอยที่ไม่พึงปรารถนา ซึ่งข้อนี้คงทำได้ยาก เพราะเป็นธรรมชาติของการแสดงออกของมนุษย์6. การแต่งหน้าที่จัดเกินไป ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมักจะต้องมีองค์ประกอบของสารเคมีมากมาย การที่เราพอกหน้ามากๆ เป็นประจำ แน่นอนย่อมจะมีการสะสมของสารเคมีบนผิวหน้า การล้างคราบเครื่องสำอางที่พอกไว้หนาๆ ออก ก็คงต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารทำความสะอาดที่แรงด้วยซึ่งไม่เป็นผลดีต่อผิวหน้า จึงควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าจัดเกินไปเป็นประจำ ควรมีวันว่างให้ผิวหน้าได้พักผ่อนด้วย7. การใช้ครีมบำรุงผิวซ้ำซ้อนหลายชนิด ก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าประโยชน์ ผลิตภัณฑ์บางชนิดอาจไม่มีประสิทธิภาพเลย นอกจากจะเสียเงินแล้ว ยังอาจไปป้องกัน การดูดซึมของผลิตภัณฑ์อื่นที่มีประโยชน์อีกด้วย และผลิตภัณฑ์บางชนิดอาจมีประสิทธิภาพตามคำบอกเล่าในฉลาก แต่หากใช้มากเกินไปหรือใช้ทาซ้ำซ้อนกับครีมบำรุงชนิดอื่นๆ พร้อมๆ กัน อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อผิวหนังมากกว่าผลดี8. การทำความสะอาดและขัดผิวหน้ามากเกินไป การล้างหน้าบ่อยเกินไปเพื่อต้องการให้สดชื่นหรือสะอาด จะทำให้ไขมันธรรมชาติของผิวหนังที่ทำหน้าที่ปกป้องผิวหน้าถูกชะออกไปด้วย ผิวหน้าจะแห้ง หยาบและรูขุมขนจะกว้าง นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ในการทำความสะอาดผิวหน้า เพราะจะทำให้ผิวหน้าแห้งหยาบได้ การใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับขัดตัวและขัดผิวหน้า เพื่อหวังให้เซลล์ผิวชั้นบนหลุดลอกเร็วขึ้นและกระตุ้นเซลล์ใหม่นั้น ไม่ควรทำบ่อยเกินไป เพราะขั้นตอนการขัดผิวอาจมีผลไปทำลายเซลล์ผิวที่ดีในระยะยาวได้เราไม่สามารถสร้างบ้านโดยปราศจากฐานรากที่แข็งแรง เช่นเดียวกัน หากเราไม่สามารถดูแลผิวพรรณด้วยหลักการขั้นพื้นฐานได้เป็นประจำ การทำทรีทเม้นท์เพื่อชะลอวัยผิวก็จะไม่เป็นผล สำหรับพื้นฐานที่บอกกล่าวไปข้างต้นสามารถทำเองได้ทันทีไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหน
อ่านเพิ่มเติม >“เกิดเป็นคนโชคดี” ข้อความสั้นๆ ในโฆษณาที่ลงในหน้าหนังสือพิมพ์ เรียกร้องความสนใจจากผม เพราะโฆษณาชิ้นนี้ไม่ได้มีแค่ข้อความข้างต้นเท่านั้น แต่มันยังมีภาพสาวผิวขาวหันหลังให้หมีขนคล้ำ พร้อมกับภาพผลิตภัณฑ์สุขภาพชนิดหนึ่ง สัญชาติญาณที่รับผิดชอบงานคุ้มครองผู้บริโภค ทำให้ผมพยายามค้นหาสิ่งที่ผิดปกติในโฆษณาชิ้นนี้ คนมาเกี่ยวอะไรกับหมีหรือหมีมาเกี่ยวอะไรกับคน ผมตามไปสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสินค้านี้ในอินเตอร์เน็ต ปรากฏว่ามีคลิปโฆษณาใน Youtube เป็นอนิเมชั่น เรื่องราวของหมีขนคล้ำนั่งคุยกับสาวผิวขาว ทำนองว่าหมีอิจฉาหญิงสาวที่ผิวขาว แต่ตัวเองมีขนคล้ำ ก่อนจบลงด้วยสาวผิวขาวกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผมลองตามรอยเข้าไปหาข้อมูลต่อไปอีกว่าผลิตภัณฑ์นี้มันคืออะไร ก็พบข้อความบรรยายว่าผลิตภัณฑ์ชนิดนี้เป็นสารสกัดจากธรรมชาติเพื่อบำรุงผิวให้สวยใส มีสารต้านอนุมูลอิสระ และยังมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ผิวทำให้ผิวขาวอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็บรรยายว่ามีส่วนประกอบสามัญประจำบ้านที่เราแทบจะพบในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนานาชนิด และตามเคยนอกจากจะบรรยายว่าผิวขาวแล้ว ยังตามมาด้วยการอ้างสรรพคุณมากมายทั้งผอม ลดน้ำหนัก ป้องกันกระดูกพรุน ป้องกันมะเร็งลำไส้ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด ป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่ผิดกฎหมายเพราะเป็นผลิตภัณฑ์อาหารแต่โฆษณาโอ้อวดสรรพคุณจนเข้าข่ายผลิตภัณฑ์ยา ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อผมลองสืบค้นไปเรื่อยๆ พบว่าข้อมูลเหล่านี้มีการแพร่กระจายไปตามเว็บอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับการขายสินค้าอีกมากมาย กระทั่งเว็บเกี่ยวกับการศึกษาของเด็กๆ ผมเข้าไปเจอกระทู้ที่เด็กมัธยมปลายเข้าไปถามในเว็บว่า มีใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์นี้แล้วได้ผลอย่างไรบ้าง ตามด้วยข้อความที่มีคนมาตอบกระทู้มากมายหลากหลาย ทั้งเชียร์ให้ใช้และห้ามไม่ให้ใช้ จนผมต้องไล่ตามไปอธิบายข้อเท็จจริงในที่ต่างๆ ไม่กี่วันผมเห็นโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอีกยี่ห้อ โฆษณาในทำนองเดียวกัน เน้นผิวขาวดุจประกายมุก แถมใช้ภาพประกอบเป็นหอยมุกสดๆ แหกฝาให้เห็นเม็ดมุกอยู่ข้างใน ถึงผมไม่ใช่ผู้ชำนาญเรื่องหอย แต่ก็อดตะลึงไปกับความคิดสร้างสรรค์ของคนทำโฆษณาไม่ได้ ไม่รู้บอกอย่างไรดี โฆษณาทั้งสองชิ้นที่เล่ามา ดูผ่านๆ อาจไม่ผิดกฎหมาย เพราะมันแล้วแต่ใครจะตีความ แต่จากการตามรอยผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโฆษณา มันมีอิทธิพลให้เด็กๆ หรือคนบางกลุ่มโน้มเอียงที่จะหลงเชื่อ แถมผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีวางขายเกลื่อนตามร้านสะดวกซื้ออีกด้วย ผู้ใหญ่ท่านใดเห็นโฆษณาชิ้นนี้คอยเหลือบดูแลบุตรหลาน คนใกล้ตัวด้วยนะครับ เพราะโฆษณาปัจจุบันนี้มันเนียนมาก มันไม่ใช้ดารามาแนะนำอย่างเดียวแล้วครับ มันมีหลายวิธีที่จะใช้ชักจูง ไม่เว้นแม้กระทั่งหมีและหอย...แถมคนก็ดันหลงเชื่อเสียด้วย...กรรมจริงๆ
อ่านเพิ่มเติม >ความอยากสวยอยากขาวของสาววัยรุ่นเป็นสิ่งที่ห้ามกันยากยิ่งนัก ผลิตภัณฑ์ประเภททำให้ขาวโน้มน้าวว่าสวยจึงผุดขึ้นดั่งดอกเห็ด มีทั้งชนิดที่ได้รับอนุญาตและชนิดที่อันตราย ขายกระจัดกระจายปะปนกันไป ตาดีได้ตาร้ายเสี่ยงจริงๆ แม้ว่าเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานสาธารณสุข จะไล่จับผลิตภัณฑ์ที่แอบผสมสารห้ามใช้อันตราย แต่ก็ใช่ว่าจะง่ายเพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้มันไม่โง่ให้จับ แต่ฉลาดที่จะมุดลงใต้ดิน แอบลักลอบขายแบบบอกต่อๆ กันอย่างเงียบๆ ผมได้ข่าวจากน้องเภสัชกรจากจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคกลาง เล่าให้ฟังว่า เธอสังเกตเห็นกลุ่มเด็กสาวมัธยมปลายหลายคน มักจะแวะไปซื้อยารักษาขาลายที่ร้านยาจากเภสัชกรบ่อยๆ และที่เหมือนๆ กันคือ บริเวณขาของเด็กสาวเหล่านี้มีลักษณะลายๆ เป็นเส้นๆ หลังจากสอบถามจึงได้ความว่า ขณะนี้มีพฤติกรรมหมู่ที่เลียนแบบกันแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กสาววัยรุ่นที่อยากจะขาวมากว่า จะมีการแนะนำต่อๆ กันแบบปากต่อปาก ให้ไปหาซื้อครีมที่ผสมสารอันตรายหลายๆ ชนิดที่แอบลักลอบขายมาเทรวมผสมกันเอง โดยผสมตามสูตรที่ผู้ขายแนะนำ ส่วนวิธีใช้ไม่ยาก อยากขาวตรงไหนให้ใช้ตรงนั้น สุดท้ายสาวน้อยที่อยากขาวเหล่านี้ เลยพากันชโลมทั้งตัว ทั้งแขน ทั้งขา หลังจากใช้ติดต่อกันมา 4 เดือนผิวก็ขาวได้ดั่งใจ แต่พอเดือนที่ 6 หลายคนเริ่มมีอาการคัน มีผื่นขึ้นตามตัว บางคนมีอาการแดงตามผิวหนัง หนังบางจนเห็นเส้นเลือด แถมผิวหนังแตกลายตามเส้นเลือดอีกด้วย บางคนตกใจหยุดใช้ ปรากฏว่าผิวที่ไม่ได้เจอครีมกลับดำคล้ำขึ้นมาอีก จึงจำเป็นต้องใช้ครีมต่อเนื่องเสมือนทาสไม่มีวันเลิก สุดท้ายเด็กเหล่านี้ทนไม่ไหวจึงมาขอคำปรึกษา พร้อมทั้งเอาสารพัดครีมที่ผสมมาให้ดูด้วย เภสัชกรท่านนี้จึงสวมวิญญาณนักคุ้มครองผู้บริโภค ใช้ชุดทดสอบของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ลองทดสอบดู จึงพบว่าครีมบางชนิดมีส่วนผสมของสารปรอทแอมโมเนีย ซึ่งเป็นสารอันตราย หากดูดซึมเข้ากระแสเลือดจะมีผลต่อไตและอวัยวะอื่นๆ อีกมาก แต่ที่ประหลาดใจคือ ครีมหลายชนิดที่ผู้ขายแนะนำให้ใช้กวนผสมนั้น มีหลากหลายมาก บางชนิดก็เป็นโลชั่นทั่วๆไ ป แต่บางชนิดก็ดันเป็นยาแก้เชื้อราอีก บางชนิดเป็นภาษาจีนด้วยซ้ำ สรุปว่า “สูตรอะไรไม่รู้ แต่พวกหนูๆ กล้าเสี่ยงค่ะ” เด็กนักเรียนที่อยากผิวขาว แต่ดันขาลายกลุ่มนี้ เล่าให้ฟังว่า ครีมผสมเองแบบนี้กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น ยิ่งใส่หลายชนิดผิวก็จะยิ่งขาวเร็ว ถ้าอยากขาวเร็วจะรู้กันว่า ให้ใส่ส่วนผสมอื่นๆ เพิ่มเติมเข้าไปอีก เช่น หักกระเปาะวิตามินซีชนิดฉีดเทผสมลงไป หรืออาจเอาวิตามินอีชนิดแคปซูล วิตามินเอชนิดแคปซูล ผสมเติมลงไปด้วย และยิ่งถ้ามีเซรั่มบำรุงผิว เซรั่มผิวขาว ก็เติมลงไปได้อีก สูตรใครสูตรมันอย่าได้แคร์ ...เฮ้อ ไม่ว่าเด็กจะผิวขาวหรือผิวคล้ำ ต่างก็คืออนาคตของชาตินะครับ ช่วยกันดูแลให้เขาเติบโตแบบไม่เสี่ยงกันเถอะครับ ช่วยกันสอดส่องและแนะนำให้เขาอย่าไปหลงเชื่อจนเกิดพฤติกรรมเสี่ยงแบบนี้อีกเลย
อ่านเพิ่มเติม >คงจะไม่ผิดกติกาถ้าเราจะเตรียมตัวป้องกันผิวแห้งตึงรับหน้าหนาวปีนี้กันแต่เนิ่นๆ ฉลาดซื้อฉบับนี้ขอพาคุณลุยน้ำ ฝ่าพายุ ไปเลือกซื้อครีมบำรุงผิวมาทาตัวให้ชิลกันดีกว่า ผิวหนังของเราสูญเสียน้ำมันธรรมชาติซึ่งทำหน้าที่รักษาความชุ่มชื้นด้วยหลายสาเหตุ ตั้งแต่การอาบน้ำ การอยู่ในสภาพอากาศที่แห้งและเย็น รวมถึงการมีอายุมากขึ้นด้วย ครีมบำรุงผิวจึงเป็นตัวช่วยที่สำคัญ นอกเหนือจากการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย องค์กรทดสอบระหว่างประเทศ ICRT ได้ทำการทดสอบครีมบำรุงผิวทั้งหมด 56 ผลิตภัณฑ์ (เป็นตัวอย่างที่เก็บจากตลาดยุโรป) ว่าครีมไหนสร้างความชุ่มชื้นให้ผิวหนังได้มากกว่ากัน และครีมไหน ตอบสนองความพึงพอใจของผู้บริโภคได้ดีที่สุด ฉลาดซื้อ เลือกมา 20 ผลิตภัณฑ์จากยี่ห้อที่มีจำหน่ายในบ้านเรา สนนราคาก็มีให้เลือกตั้งแต่ 16 บาท ถึง 653 บาท ต่อปริมาณ 100 มิลลิลิตร ผลที่ได้ช่วยย้ำอีกครั้งว่า สำหรับเครื่องสำอางนั้น ราคาไม่ได้บ่งบอกถึงคุณภาพเสมอไป ---------------------------------------------------------------------------- การทดสอบครั้งนี้มีอาสาสมัครอายุระหว่าง 18 -60 ปี ที่มีสภาพผิวแห้ง เข้าร่วมทั้งหมด 500 คน (แต่ละผลิตภัณฑ์มีผู้ทดสอบจำนวน 20 คน) การทดสอบแบ่งออกเป็น 2 ส่วน การสำรวจความพึงพอใจของอาสาสมัคร หลังจากทาผลิตภัณฑ์ที่ขา วันละครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 15 วัน การทดสอบโดยห้องปฏิบัติการ ด้วยการใช้เครื่องคอร์นิโอมิเตอร์ วัดปริมาณน้ำในผิวหนังของอาสาสมัคร หลังการทาผลิตภัณฑ์บนท้องแขน 1 ชั่วโมง / 24 ชั่วโมง /และ 15 วันหลังการใช้ เจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการและอาสาสมัคร จะไม่ทราบว่าผลิตภัณฑ์นั้นยี่ห้อใด ---------------------------------------------------------------------------- LaRoche-Posay Lipikar milk 277 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 5 ผิวนุ่ม 5 ผิวเรียบเนียน 4 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 4 ไม่เหนอะหนะ 5 ไม่มันเยิ้ม 4 Vichy NutriExtra fluid 125 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 4 ผิวนุ่ม 5 ผิวเรียบเนียน 5 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 5 ไม่เหนอะหนะ 4 ไม่มันเยิ้ม 4 Eucerin pH 5 Body lotion 77 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 4 ผิวนุ่ม 5 ผิวเรียบเนียน 5 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 4 ไม่เหนอะหนะ 4 ไม่มันเยิ้ม 4 Garnier Body Intensive 7 days 77 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 4 ผิวนุ่ม 5 ผิวเรียบเนียน 4 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 4 ไม่เหนอะหนะ 4 ไม่มันเยิ้ม 5 Nivéa Smooth Milk Tripple Action 56 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 4 ผิวนุ่ม 4 ผิวเรียบเนียน 5 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 4 ไม่เหนอะหนะ 4 ไม่มันเยิ้ม 4 L'Oréal Nutri Soft 24H 106 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 4 ผิวนุ่ม 4 ผิวเรียบเนียน 4 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 4 ไม่เหนอะหนะ 4 ไม่มันเยิ้ม 5 Biotherm Oil Therapy Body Balm 630 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 4 ผิวนุ่ม 4 ผิวเรียบเนียน 4 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 4 ไม่เหนอะหนะ 4 ไม่มันเยิ้ม 5 Roc Enydrial mosturizing body lotion 306 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 4 ผิวนุ่ม 5 ผิวเรียบเนียน 5 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 4 ไม่เหนอะหนะ 3 ไม่มันเยิ้ม 4 Neutrogena Deep Moisture 75 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 4 ผิวนุ่ม 5 ผิวเรียบเนียน 5 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 4 ไม่เหนอะหนะ 3 ไม่มันเยิ้ม 3 Dove Body Milk essential 54 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 4 ผิวนุ่ม 5 ผิวเรียบเนียน 4 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 3 ไม่เหนอะหนะ 4 ไม่มันเยิ้ม 3 Nivéa Pure & Natural body milk 68 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 4 ผิวนุ่ม 5 ผิวเรียบเนียน 4 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 3 ไม่เหนอะหนะ 3 ไม่มันเยิ้ม 4 Yves Rocher Nutrition 188 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 4 ผิวนุ่ม 5 ผิวเรียบเนียน 4 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 2 ไม่เหนอะหนะ 3 ไม่มันเยิ้ม 4 Nivéa Nourishing body milk 79 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 4 ผิวนุ่ม 4 ผิวเรียบเนียน 5 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 2 ไม่เหนอะหนะ 3 ไม่มันเยิ้ม 3 Dove Body Lotion Hydro nourishment 35 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 4 ผิวนุ่ม 4 ผิวเรียบเนียน 4 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 4 ไม่เหนอะหนะ 3 ไม่มันเยิ้ม 5 Clarins Moisture-rich body lotion 653 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 4 ผิวนุ่ม 4 ผิวเรียบเนียน 4 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 3 ไม่เหนอะหนะ 4 ไม่มันเยิ้ม 5 Nivéa Express Moisturizing Lotion 63 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 4 ผิวนุ่ม 4 ผิวเรียบเนียน 4 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 3 ไม่เหนอะหนะ 4 ไม่มันเยิ้ม 3 Carrefour discount Moisturizing body milk 16 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 4 ผิวนุ่ม 4 ผิวเรียบเนียน 3 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 3 ไม่เหนอะหนะ 4 ไม่มันเยิ้ม 4 Nivéa Cream 76 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 4 ผิวนุ่ม 4 ผิวเรียบเนียน 3 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 2 ไม่เหนอะหนะ 3 ไม่มันเยิ้ม 3 Johnson's Body Care moisturizing 24 hours 44 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 3 ผิวนุ่ม 4 ผิวเรียบเนียน 4 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 4 ไม่เหนอะหนะ 3 ไม่มันเยิ้ม 5 The Body Shop White musk 206 บาท / 100 มิลลิลิตร ความชุ่มชื้นของผิวหนัง 3 ผิวนุ่ม 3 ผิวเรียบเนียน 4 ซึมลงผิวได้รวดเร็ว 4 ไม่เหนอะหนะ 4 ไม่มันเยิ้ม 4
อ่านเพิ่มเติม >