ฉบับที่ 166 ง่ายๆ กับเวลาแห่งความสุขบนแอพพลิเคชั่น

ปี 2557 กำลังจะผ่านไป นั่นหมายความว่าเวลาแห่งความสุขของคืนข้ามปีกำลังจะเกิดขึ้น ปีนี้มีวันหยุดยาว 6 วัน ยิ่งถ้าบางคนใช้สิทธิลาหยุดเพิ่มอีกสัก 2 วัน บวกกับวันเสาร์อาทิตย์ที่ติดกัน..ความสุขในการไปเพิ่มพลังจากการท่องเที่ยวมันช่างหอมหวนจริงๆ บางคนอาจจะกลับบ้านต่างจังหวัดก็ถือว่าเป็นการเพิ่มพลังให้กับชีวิตได้เช่นเดียวกัน ช่วงนี้เชื่อว่าหลายคนที่ต้องเดินทางไปที่ต่างๆ ในช่วงเทศกาลปีใหม่คงเริ่มวางแผนในการจองรถทัวร์กันไปบ้างแล้ว เพราะต้องยอมรับว่าการเดินทางในเทศกาลทุกเทศกาล รถทัวร์ทุกเส้นทางมีผู้ใช้บริการอย่างหนาแน่น เทศกาลแห่งความสุขแบบนี้ ผู้เขียนจึงได้วางแผนว่าจะเดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่สักหน่อย จะใช้รถทัวร์เป็นพาหนะ  ค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตจนมาเจอแอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้รายละเอียดจังหวัดต่างๆ ที่น่าสนใจในการท่องเที่ยว แอพพลิเคชั่นนี้ชื่อว่า “Tourism Thailand” เป็นแอพฯ ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภายในจะบอกรายละเอียดว่าในแต่ละจังหวัดมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจใดบ้าง สามารถเดินทางไปที่จังหวัดนั้นได้ด้วยวิธีใดบ้าง พร้อมบอกเบอร์ติดต่อเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีรายชื่อที่พัก ร้านอาหารที่มีชื่อเสียง รวมถึงแหล่งช็อปปิ้งที่นักท่องเที่ยวนิยมไปซื้อของฝากในจังหวัดนั้น เมื่อได้ข้อมูลจังหวัดเชียงใหม่ครบวงจรดังใจแล้ว ทีนี้มาดูวิธีการจองรถทัวร์กันบ้างดีกว่า แม้ว่าในแอพพลิเคชั่น “Tourism Thailand” จะมีบอกเบอร์โทรรถทัวร์ตามที่ผู้เขียนได้ตั้งไว้ว่าจะเดินทางก็ตาม แต่ผู้เขียนก็อยากจะแนะนำแอพพลิเคชั่น “ThaiRoute” ที่สามารถหาบริษัทรถทัวร์ที่ต้องการ รวมถึงการเลือกจองที่นั่ง และชำระเงินภายในแอพพลิเคชั่นนี้บนมือถือสมาร์ทโฟน ที่มีรูปแบบเหมือนกับการจองตั๋วเครื่องบินบนเว็บไซต์ของสายการบินเลยทีเดียว ขออธิบายแอพพลิเคชั่นนี้สักนิดนะคะ ภายในจะมีหมวดของการค้นหาเที่ยวรถที่ผู้ใช้บริการต้องการ และบริษัทของรถต่างๆ ที่มีในเส้นทางนั้นๆ เมื่อเลือกเส้นทางที่จะเดินทางแล้ว แอพพลิเคชั่นจะให้เลือกวันเดินทางไปกลับ หรือเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง หลังจากนั้นแอพพลิเคชั่นจะบอกรายละเอียดว่าเส้นทางดังกล่าวมีรถของบริษัทใดบ้าง ในราคาที่เท่าไร ช่วงเวลาในการเดินทางเป็นอย่างไร เมื่อพึงพอใจแล้วจะให้เลือกที่นั่ง ต่อด้วยการให้ระบุชื่อนามสกุล เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ และไปยังขั้นตอนสุดท้ายคือ การชำระเงิน ซึ่งมีวิธีการชำระเงิน 2 วิธี ได้แก่ ชำระเงินที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส หรือชำระผ่านบัตรเครดิตก็ได้ อีกทั้งยังมีข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่มีประโยชน์ให้กับผู้ที่ชอบเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะอย่างรถทัวร์ เพื่อให้ติดตามว่ามีข่าวสารอะไรที่อัพเดทบ้าง เท่านี้ก็ได้ข้อมูลต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่รายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องการ ที่พักราคาประหยัด ร้านอาหารแสนอร่อย แหล่งช็อปปิ้งที่รวมทุกอย่างไว้ในที่เดียวกัน พาหนะที่ใช้เดินทางอย่างรถทัวร์ ตลอดจนที่นั่งในรถทัวร์ที่สามารถเลือกได้เอง โดยใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิดเลย เหลือแค่รอนับวันเวลาให้ถึงช่วงปีใหม่เร็วๆ ^_^

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 165 เชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟฟ้า 3 สาย

ฉบับนี้มาทำความรู้จักกับแอพพลิเคชั่นการเดินทางโดยรถไฟฟ้าทั้ง  3 รูปแบบกันบ้างดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า BTS  รถไฟฟ้า MRT และ Airport Link รถไฟฟ้าทั้ง 3 รูปแบบที่กล่าวถึงนั้น ช่วยอำนวยความสะดวกกับผู้ที่ต้องการเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ ในเวลาเร่งด่วน และต้องการหลีกหนีจากการจราจรที่ติดขัดบนท้องถนนของกรุงเทพมหานคร  คนกรุงเทพฯ  จึงนิยมโดยสารรถไฟฟ้าเป็นอย่างมาก อีกทั้งรถไฟฟ้า 3 สายยังมีจุดเชื่อมต่อสำหรับการเดินทางไปในส่วนต่างๆ ด้วย ผู้เขียนหวังว่าแอพพลิเคชั่นที่จะแนะนำนี้ จะช่วยให้คนต่างจังหวัดที่ต้องเดินทางเข้ามาในกรุงเทพมหานคร ได้ใช้ประโยชน์ได้พอควร โดยมี 2 แอพพลิเคชั่นที่จะแนะนำ ได้แก่ แอพพลิเคชั่น BKK Metro และแอพพลิเคชั่น Airport Link แอพพลิเคชั่น BKK Metro เป็นแอพพลิเคชั่นที่บอกรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ ของรถไฟฟ้าBTS  และรถไฟฟ้า MRT โดยภายในจะแบ่งเป็นหมวด และสามารถเลือกมุมมองแผนที่ที่ต้องการดูได้ว่าจะดูแบบลายเส้นหรือแบบภาพเสมือนจริง หมวดแรกจะให้หาพิกัดที่ผู้ใช้แอพพลิเคชั่นยืนอยู่ว่าใกล้กับสถานีใดที่สุด เพื่อให้ตัดสินใจเลือกที่จะขึ้นสถานีนั้นๆ ต่อจากนั้นหมวดต่อมาจะบอกถึงสถานีต่างๆ ว่ามีสถานที่ใดใกล้เคียงกับสถานีนั้นๆ บ้าง และสามารถใช้ทางออกหมายเลขใด เพื่อให้สะดวกกับการเดินทางมากยิ่งขึ้น หมวดที่สามจะบอกราคาค่าโดยสารระหว่างสถานีต้นทางกับสถานีปลายทางที่เลือก แอพพลิเคชั่นจะคำนวณราคาค่าใช้จ่ายมาให้เรียบร้อย และถ้ามีความไม่เข้าใจในเรื่องราคา การซื้อบัตร หรือข้อมูลต่างๆ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดในหมวดสุดท้ายได้ หรือโทรศัพท์ไปสอบถามตามหมายเลขที่แจ้งไว้ภายในแอพพลิเคชั่น อีกแอพพลิเคชั่นหนึ่ง คือ แอพพลิเคชั่น Airport Link จะบอกถึงรายละเอียดการเดินทางระหว่างสถานีต่างๆ ว่าสถานีนั้นสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแบบธรรมดาหรือแบบด่วนพิเศษ โดยจะแจ้งเรื่องเวลาที่ต้องใช้ในการเดินทางระหว่างสถานีว่าต้องเวลากี่นาที และผ่านสถานีใดบ้าง ซึ่งจะช่วยให้สามารถคำนวณเวลาในการเดินทางไปจุดหมายได้ รวมถึงบอกราคาในการเดินทางแต่ละสถานี ประโยชน์ของแอพพลิเคชั่นทั้ง 2 ชนิดนี้ จะช่วยให้ผู้เดินทางสามารถคำนวณเวลาตามระยะทางที่เกิดขึ้นจริง และคำนวณราคาในการเดินทางในแต่ละครั้ง ซึ่งถือว่าช่วยวางแผนการเดินทางได้ในระดับหนึ่ง รถไฟฟ้าทั้ง 3 รูปแบบ ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีในการหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรภายในกรุงเทพมหานคร แต่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางย่อมสูงไปด้วย ถ้าผู้อ่านลองพิจารณาแล้วเห็นว่าเสียค่าใช้จ่ายมากเกินไป อาจจะกลับไปเลือกแอพพลิเคชั่น “รถเมล์” แทนก็ได้นะ ได้อย่างก็ต้องเสียอย่างเป็นธรรมดา!!!

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 164 เทียบตารางเวลารถไฟไทยบนปลายนิ้ว

ฉึกกะฉักๆ  ปู๊นๆ เสียงนี้เป็นที่คุ้นเคยกันทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเด็กเล็กจนไปถึงผู้ใหญ่  เสียง “ฉึกกะฉักๆ  ปู๊นๆ”  ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของรถไฟเหล็กไทยไม่เคยเปลี่ยนแปลง  และในตำราเรียนในช่วงวัยเด็ก  ทุกคนต้องได้เรียนประวัติศาสตร์รถไฟไทยกันมาบ้าง ไม่มากก็น้อย หลายคนอาจจะยังไม่มีโอกาสได้ขึ้นรถไฟเหล็กของไทย แต่ก็มีหลายคนเช่นกันที่ต้องใช้รถไฟเป็นพาหนะในการเดินทางไปไหนมาไหน ทุกวันในช่วงเช้าและช่วงเย็น มีประชาชนไม่น้อยที่ต้องโดยสารรถไฟมาทำงาน เหมือนกับการใช้บริการรถสาธารณะในรูปแบบอื่นๆ  ฉบับที่ผ่านมาได้พูดถึงรถเมล์ที่ประชาชนต้องใช้โดยสารในชีวิตประจำวันไปแล้ว  ฉบับนี้จึงขอเอาใจผู้อ่านที่ใช้รถไฟเหล็กกันบ้าง ฉบับนี้มารู้จักกับแอพพลิเคชั่น Thai Railway กันบ้าง แอพพลิเคชั่นนี้จะเน้นเรื่องการบอกตารางเวลาแต่ละเส้นทางการเดินรถไฟ โดยสามารถค้นหาข้อมูลตารางเดินรถไฟในประเทศไทย  ค้นหาเส้นทางการเดินรถไฟของแต่ละภาคในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคชานเมือง และมีให้เลือกใช้ 2 ภาษา ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ภายในแอพพลิเคชั่นจะแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกจะเป็นตารางเวลา สามารถค้นหาโดยใส่ชื่อจุดหมายปลายทาง หรือหมายเลขขบวนรถ จากนั้นจะปรากฏเส้นทางที่ขบวนรถไฟจะผ่านในแต่ละสถานีว่าผ่านสถานีใดบ้าง และถึงสถานีนั้นๆ ในเวลากี่โมง นอกจากนั้นยังบอกว่าขบวนรถไฟสายนี้เป็นขบวนรถเร็ว รถด่วน หรือรถด่วนพิเศษ รถพิเศษชานเมือง รถท้องถิ่น อีกด้วย สังเกตได้จากกรอบสีตรงหมายเลขขบวนนั้นๆ ได้แก่ กรอบสีฟ้า หมายถึงรถด่วนพิเศษ กรอบสีแดง หมายถึงรถด่วน  กรอบสีเขียว หมายถึงรถเร็ว  กรอบสีเทาเข้ม หมายถึงรถธรรมดา  กรอบสีชมพู หมายถึงรถพิเศษชานเมือง  กรอบสีเทาอ่อน หมายถึงรถชานเมือง รถท้องถิ่น ส่วนที่สอง เส้นทางเดินรถ มีไว้เพื่อให้ค้นหาขบวนรถไฟโดยแบ่งออกเป็นแต่ละภาค เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในหาค้นหาได้ดียิ่งขึ้น และส่วนสุดท้ายเป็นส่วนของการค้นหาทั่วไป เมื่อค้นหาขบวนรถไฟที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว  สามารถจองตั๋วโดยสารรถไฟทางโทรศัพท์ผ่านสายด่วน 1690 โดยคลิกผ่านแอพพลิเคชั่น Thai Railway ได้เลย แบบนี้จะเลือกโดยสารรถไฟขบวนไหน มีแอพพลิเคชั่นนี้ก็สามารถทำให้รู้ตารางเวลาการเข้าออกสถานีต่างๆ ในแต่ละช่วงเวลาได้ ช่วยให้ใช้ชีวิตในการเดินทางง่ายขึ้นทีเดียว    

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 163 แอพค้นหาสายรถเมล์แบบเคลื่อนที่

เคยไหมคะ ยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์แล้วไม่รู้ว่าต้องขึ้นรถเมล์สายไหน... มีเรื่องมาเล่าให้ฟังค่ะ หลายอาทิตย์ที่ผ่านมามีโอกาสได้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ หรือเรียกว่า “รถเมล์” โดยต้องไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน และด้วยเงินเดือนของมนุษย์เงินเดือนอันน้อยนิด การใช้บริการรถเมล์ จึงถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด บริเวณที่รอขึ้นรถเมล์คือ สนามหลวง หลายคนคงนึกออกใช่ไหมค่ะ ว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร ปัญหาที่ตามมาอีกอย่างก็คือไม่รู้จะขึ้นสายไหน พยายามยืนมองป้ายข้างรถทุกคันที่ผ่านว่ามีจุดหมายที่เราต้องการไปหรือไม่ บอกได้คำเดียวว่าเก็กซิม เพราะก็ยังหาคำตอบที่ต้องการไม่ได้อยู่ดี กระวนกระวายอยู่สักพัก พยายามนึกเบอร์สอบถามสายรถเมล์ ก็นึกไม่ออก เลยได้แค่ยืนรอให้มีสติไปอีกสักพัก หลายคนคงสงสัยว่าทำไมไม่ถามคนที่อยู่ที่ป้ายรถเมล์ ต้องบอกว่าช่วงเวลาที่ยืนรอรถเมล์นั้น เวลาประมาณ 20.30 น. ไม่มีใครเหลือเลยค่ะ แต่ด้วยความฉลาดส่วนตัวทำให้นึกขึ้นได้ว่าโซเชียลมีเดียบนสมาร์ทโฟนน่าจะช่วยได้ ด้วยความขวนขวายจึงทำให้เจอเครื่องมือที่ช่วยเหลือให้การเดินทางครั้งประสบความสำเร็จได้ ด้วยเหตุการณ์ทั้งหมดที่เล่าให้ฟัง แอพพลิเคชั่นจะช่วยเหลือเรื่องการโดยสารรถเมล์ได้ดีทีเดียว แอพพลิเคชั่นนี้ชื่อว่า“รถเมล์” สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และระบบปฏิบัติการ iOS ในแอพพลิเคชั่นจะมีฟังก์ชั่นด้านล่างให้เลือก 4 ฟังก์ชั่น อันที่หนึ่งจะเป็นการค้นหาโดยใช้หมายเลขสายรถเมล์ ฟังก์ชั่นนี้จะช่วยได้ตอนที่ยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ แล้วนำหมายเลขสายรถเมล์ที่อยู่ตรงป้ายมาค้นหาว่าสายดังกล่าววิ่งไปที่ใดบ้าง อันที่สองจะเป็นฟังก์ชั่นป้ายหยุดรถ และอันที่สามจะเป็นฟังก์ชั่นชื่อถนน ถ้ามีชื่อสถานที่หรือชื่อถนนสามารถพิมพ์ลงในช่องค้นหาได้ทันที จากนั้นแอพพลิเคชั่นจะค้นสายรถเมล์มาให้ เพื่อให้เข้าไปดูเส้นทางการเดินรถว่าใช่ที่ต้องการหรือไม่ แต่ถ้าไม่แน่ใจว่าชื่อจุดหมายปลายทางจะเป็นในส่วนของป้ายรถเมล์หรือชื่อถนน ก็สามารถใช้ฟังก์ชั่นที่สี่เพื่อค้นหาได้เช่นกัน โดยในทุกฟังก์ชั่นที่ทำการค้นหานั้น เมื่อคลิกเลือกสายรถเมล์แล้ว ภายในนั้นแอพพลิเคชั่นจะแจ้งเส้นทางเดินรถของสายรถเมล์นั้นว่าผ่านสถานที่ใดบ้าง ทั้งในขาเข้าเมืองและขาออกเมือง พร้อมทั้งระบุเวลาการวิ่งรถว่าเริ่มและสิ้นสุดการวิ่งรถเมล์กี่โมง นอกจากนี้ถ้ายังไม่แน่ใจว่ารถเมล์สายนั้นผ่านตรงบริเวณที่ต้องการจะไปหรือไม่ สามารถกดเข้าไปที่แผนที่ หลังจากนั้นแอพพลิเคชั่นจะแสดงเส้นทางการเดินรถในรูปของแผนที่ได้ด้วย การโหลดแอพพลิเคชั่นนี้ ถือว่าได้ช่วยมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการใช้รถโดยสารสาธารณะอย่างรถเมล์ได้มากทีเดียว และวันนั้นแอพพลิเคชั่นนี้ก็ช่วยทำให้เลือกสายรถเมล์ได้ถูกต้องและถึงจุดหมายปลายทางโดยไม่หลงทาง

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 162 Google Translate ตัวช่วยแปลภาษา

เมื่อสัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสได้ร่วมงานกับชาวต่างชาติบินตรงมาจากสหรัฐอเมริกา ต้องสปีค ฟุด-ฟิด-ฟอ-ไฟ กันตลอดเวลา ไม่ว่าจะกินข้าว คุยงาน ทำกิจกรรมทุกอย่าง คงเดากันได้ใช่ไหมคะ ว่าความวุ่นวายสำหรับคนที่ใช้ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง จะมีมากมายแค่ไหน บอกตรงๆ ว่าเหนื่อยมากค่ะ บางท่านอาจจะกำลังคิดว่าทำไมไม่หาคนแปลมาช่วย ถูกค่ะ เราหาคนมาช่วยแปลแน่นอน แต่ในบางช่วงเล็กๆ น้อยๆ เราก็ต้องสื่อสารด้วยประโยคภาษาอังกฤษไปบ้างเช่นกัน ถ้าเป็นสมัยก่อนคงต้องหา Talking Dict มาเป็นตัวช่วย แต่กว่าจะหาซื้อ กว่าจะกดแต่ละตัวอักษร คงไม่ได้คุยกันแน่  ดีว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีช่วยเราได้มาก แค่ยกสมาร์ทโฟนกดค้นหาแอพพลิเคชั่นสำหรับแปลภาษาก็ช่วยได้มากทีเดียว แอพพลิเคชั่นนี้เป็นที่รู้จักกันดี เป็นของ Google หลายคนคงคุ้นเคยกับการใช้โปรแกรมช่วยแปลภาษาบน Google มาบ้างแล้ว แอพพลิเคชั่นได้ย่อมาไว้บนสมาร์ทโฟน เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยของเทคโนโลยีในปัจจุบัน  แอพพลิเคชั่นมีชื่อว่า Google Translate แอพพลิเคชั่น Google Translate  สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีบนสมาร์ทโฟน ภายในแอพพลิเคชั่นมีภาษาครอบคลุมมากกว่า 70 ภาษา ขั้นตอนแรกต้องเลือกภาษาที่ต้องการป้อนและภาษาที่ต้องการให้แปลออกมา จากนั้นจะมีวิธีการป้อนคำต่างๆ ได้ 3 วิธี วิธีที่ 1 สามารถพิมพ์ในรูปแบบคีย์บอร์ดปกติ วิธีที่ 2 สามารถกดรูปเส้นด้านขวามือ เพื่อให้มือเขียนเป็นคำที่ต้องการได้เลย และทางแอพพลิเคชั่นจะอ่านข้อความที่เขียนนั้นอัตโนมัติ และวิธีที่ 3 ระบบเสียง ให้กดรูปไมโครโฟนแล้วพูดเป็นเสียง เพื่อให้แอพพลิเคชั่นจับคลื่นเสียงแล้วอ่านเป็นข้อความให้อัตโนมัติ เมื่อแปลภาษาเรียบร้อยแล้ว ด้านหลังประโยคที่แปลจะมีสัญลักษณ์รูปลำโพง สามารถกดเพื่อให้แอพพลิเคชั่นอ่านออกเสียงให้ฟังได้ด้วย  นอกจากนี้ Google Translate  ยังเก็บข้อมูลที่เคยมีการแปลไว้ให้ด้วย เพื่อช่วยเก็บบันทึกการแปลภาษา เพื่อเอาไว้ใช้งานภายหลัง ข้อสังเกตอันหนึ่งสำหรับแอพพลิเคชั่นนี้ ไม่แนะนำให้แปลประโยคยาวๆ เนื่องจากการแปลประโยคที่ซับซ้อนของ Google ยังได้ผลไม่ค่อยดีเท่าที่ควร แต่สามารสรุปใจความได้ในระดับพอใช้ อย่างน้อยแอพพลิเคชั่น Google Translate ก็ช่วยให้ความไม่เข้าใจในภาษาอังกฤษบางคำ เปลี่ยนมาเป็นสามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้พอสมควร แค่นี้ก็ทำให้รู้สึก ฟุด-ฟิด-ฟอ-ไฟ ได้คล่องขึ้นมานิดนึงล่ะ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 161 ตรวจสอบจังหวะการเต้นของหัวใจ

หัวใจ เป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดของชีวิต เมื่อหัวใจหยุดเต้น ชีวิตเราก็จะสิ้นสุดไปด้วย ดังนั้นหัวใจถือเป็นอวัยวะที่จะต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ  การดูแลหัวใจในร่างกายนั้นทำได้ง่าย โดยให้สังเกตจังหวะการเต้นของหัวใจที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน วิธีการตรวจสอบจังหวะการเต้นของหัวใจ ให้ใช้นิ้วมือ จับชีพจรบริเวณข้อมือหรือข้อพับแขน และนับการเต้นของหัวใจภายในเวลาหนึ่งนาที โดยปกติอัตราการเต้นของหัวใจในแต่ละช่วงวัย สามารถแบ่งได้ดังนี้ อายุ 1 เดือน มีอัตราการเต้นประมาณ 120-160 ครั้งต่อนาที อายุ 1-12 เดือน มีอัตราการเต้นประมาณ 100-140 ครั้งต่อนาที อายุ 1-6 ปี มีอัตราการเต้นประมาณ 80-120 ครั้งต่อนาที อายุ 6-12 ปี มีอัตราการเต้นประมาณ 70-120 ครั้งต่อนาที อายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไป มีอัตราการเต้นประมาณ 60-100 ครั้งต่อนาที   แต่ถ้าจังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ ไม่ว่าจะเต้นช้าเกินไปหรือเร็วเกินไป ย่อมส่งผลให้ร่างกายที่อาการต่างๆ เกิดขึ้น และถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเจ็บป่วย อาการที่จะเกิดขึ้นนั้น ถ้าหัวใจเต้นช้ากว่าปกติ มักจะทำให้มีอาการ มึนงง หวิวๆ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หรืออาจวูบหมดสติเนื่องจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ จะมีอาการ ใจสั่น เต้นเร็ว แรง จะทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก เป็นลม และถ้ารู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะ สะดุด จะรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นๆ หยุดๆ อาจมีอาการวูบ หรือเจ็บหน้าอกร่วมได้  ถ้ามีอาการไม่มาก อาจแค่ใจสั่น  ไม่มีอันตรายรุนแรง แต่ถ้ามีอาการมาก จะส่งผลกระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้เกิดอาการเป็นลม หมดสติ เจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยหอบง่าย หรือเกิดอาการหัวใจวาย ทั้งนี้จะมีปัจจัยอาจเกิดจากความเครียดหรือปัจจัยกระตุ้นบางอย่าง เช่น ชา กาแฟ แอลกอฮอล์ เป็นต้น  ทั้งนี้ถ้าจังหวะการเต้นของหัวใจ เต้นผิดจังหวะรุนแรงมาก ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด และรักษาอย่างถูกวิธีต่อไป เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว การตรวจสอบจังหวะการเต้นของหัวใจจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ในเบื้องต้นเราสามารถตรวจสอบแบบง่ายๆ ได้ด้วยตนเอง โดยการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Runtastic Heart Rate หรือแอพพลิเคชั่น Instant Heart Rate เพื่อนำมาใช้ตรวจสอบการเต้นของหัวใจในระหว่างการดำเนินชีวิตประจำวัน อย่างเช่น จังหวะการเต้นของหัวใจหลังตื่นนอน  จังหวะการเต้นของหัวใจช่วงการเดินทาง จังหวะการเต้นของหัวใจหลังจากการออกกำลังกาย  จังหวะการเต้นของหัวใจก่อนเข้านอน เป็นต้น ในทุกแอพพลิเคชั่นจะใช้วิธีการตรวจสอบจังหวะการเต้นของหัวใจ โดยให้ใช้ปลายนิ้วมือแตะไปที่เลนส์กล้องและบริเวณแฟลชด้านหลังสมาร์ทโฟน ใช้เวลาประมาณ 2 นาที แอพพลิเคชั่นจะประมวลผลออกมาให้รู้ว่าจังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติหรือไม่ อย่างน้อยการใช้แอพพลิเคชั่นเพื่อตรวจสอบจังหวะการเต้นของหัวใจ ก็ช่วยให้เรารู้สภาพร่างกายของตนเองในเบื้องต้น เพื่อช่วยให้ป้องกันความผิดปกติที่จะเกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง //

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 160 กลับมาฝึกจดบันทึกรายรับรายจ่ายกันดีกว่า

หลายวันก่อนผู้เขียนแอบเห็นเพื่อนคนหนึ่งในเฟส แชร์รูปภาพวิธีการเก็บออมเงิน โดยให้แต่ละวันลดค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย อย่างเช่น การซื้อกาแฟ การรับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์ เป็นต้น พออ่านแล้วรู้สึกว่าข้อความนี้ใช่เลย เพราะคนรอบข้างที่รู้จักส่วนใหญ่ จะเสียเงินไปกับกาแฟแก้วละร้อยกว่า และนิยมรับประทานบุฟเฟ่ต์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นอาหารญี่ปุ่น อาหารเกาหลี ตามสไตล์คนอินเทรนด์ พูดถึงความเป็นจริงของการออมเงินในแต่ละเดือนกันดีกว่า มนุษย์เงินเดือนที่ต้องใช้จ่ายเงินในแต่ละวันที่มีราคาสูงขึ้นๆ ในปัจจุบัน จะมีสักกี่คนที่มีภาระค่าใช้จ่ายประจำจะสามารถออมเงินได้ทุกเดือน สุดท้ายก็ได้แค่พยายามควบคุมการใช้เงินในแต่ละเดือนไม่ให้เงินถูกควักไปอยู่ตามแก้วกาแฟ มื้ออาหารเสื้อผ้า รองเท้า และอื่นๆ อีกมากมาย อย่างน้อยการบริหารเงินเพื่อให้สมดุลในแต่ละเดือนก็ช่วยให้พ้นจากการเป็นหนี้ที่จะสมทบไปเดือนต่อไปได้บ้าง  การจดบันทึกรายรับรายจ่ายที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันก็สามารถช่วยบริหารจัดการเงินได้เช่นกัน และเมื่อเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนเข้ามา เราก็ควรใช้ให้เป็นประโยชน์การจดบันทึกรายรับรายจ่ายที่เกิดขึ้นผ่านแอพพลิเคชั่น วันนี้ขอแนะนำแอพพลิเคชั่นการบันทึกรายรับรายจ่ายเพื่อใช้ในการบริหารเงิน 2 แอพพลิเคชั่น 1. แอพพลิเคชั่น  Weple Money เป็นแอพพลิเคชั่นที่ใช้ง่าย พอเข้าไปในแอพพลิเคชั่นนี้ จะปรากฏปฏิทินเดือนนั้นๆ โดยเราสามารถเลือกมุมมองว่าจะให้ปรากฏเป็นรายเดือน รายสัปดาห์ หรือรายวัน   กรณีที่เป็นรายเดือน เพียงคุณแตะวันที่ต้องการจดบันทึกค่าใช้จ่าย อย่างเช่น คุณรับเงินเดือนวันที่ 15 เดือนมิถุนายน คุณแตะที่วันที่ 15 ของเดือนมิถุนายน แล้วกรอกรายรับ และถ้าในวันนั้นคุณมีรายจ่าย ก็สามารถกรอกเพิ่มไปเรื่อยๆ จนครบรายการของวันนั้น แอพพลิเคชั่นจะคำนวณโดยการหักลบค่าใช้จ่ายจากเงินเดือน ทำให้คุณทราบว่าคุณเหลือเงินจำนวนเท่าไรในวันปัจจุบัน 2. แอพพลิเคชั่น CoinKeeper หน้าตาของแอพพลิเคชั่นนี้จะไม่เป็นปฏิทิน แต่จะเน้นสีสันไอคอน ที่แยกออกเป็นประเภทของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น อย่างเช่น ค่าอาหาร  ค่ารถโดยสาร  ค่าช้อปปิ้ง  ค่าเช่าบ้าน  ค่าสังสรรค์ เป็นต้น โดยแบ่งส่วนของรายรับเป็นเงินในกระเป๋า และเงินในธนาคาร อย่างแรกจะต้องไปตั้งตัวเลขประมาณการค่าใช้จ่ายของเดือนนี้ในแต่ละประเภทการใช้จ่ายไว้ให้เรียบร้อยก่อน  เมื่อมีค่าใช้จ่ายจริงเกิดขึ้น ก็ให้แตะไปที่ไอคอนประเภทนั้น เพื่อกรอกตัวเลข ระบบจะคำนวณโดยการหักลบค่าใช้จ่ายจากเงินเดือน ซึ่งจะปรากฏอยู่บนสุดของแอพพลิเคชั่นนี้ แอพพลิเคชั่นนี้ จะเพิ่มลูกเล่นของไอคอนด้วยการแบ่งแยกสีของปริมาณการใช้จ่าย ถ้ายังไม่มีการใช้จ่ายใดๆ ไอคอนจะปรากฏเป็นสีขาวธรรมดา เมื่อมีการใช้จ่ายจะเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวและจะเพิ่มสีขึ้นเรื่อยๆ ในไอคอนเมื่อมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น  ถ้าใช้จ่ายเกินจำนวนที่ตั้งใจไว้ ไอคอนนั้นจะกลายเป็นสีแดง แอพพลิเคชั่นทั้ง 2 แอพพลิเคชั่น มีรูปร่างหน้าตาคนละแบบ อยู่ที่จะเลือกใช้ หรืออาจจะลองใช้ทั้ง 2 แบบเลยก็ได้ การกลับไปจดบันทึกรายรับรายจ่าย เหมือนตอนที่คุณครูฝึกให้ทำตอนเด็กๆ สามารถช่วยเรื่องการบริหารเงินของเราได้จริงๆ  อย่างน้อยก็ทำให้รู้ตัวตลอดว่าในกระเป๋ามีเงินมากน้อยแค่ไหนสำหรับการเลือกใช้จ่ายในแต่ละกิจกรรม และช่วยลดการใช้จ่ายที่เกินตัว ส่งผลให้เกิดหนี้ตามมา ถ้ายังบริหารเงินในกระเป๋าของตนเองไม่เป็น //

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 159 ใส่ใจสุขภาพกับร้านอาหารบน Q Restaurant

หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมาทั้งสัปดาห์ ขอขับรถชิลล์ไปหาร้านอาหารบรรยากาศดี รสชาติอร่อยและมีมาตรฐานในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์สักหน่อย ลองค้นไปค้นมาในสมาร์ทโฟนที่อยู่ในมือ ได้ไปเจอแอพพลิเคชั่นที่รวบรวมร้านอาหารที่มีความปลอดภัยและได้คุณภาพ อย่างแอพพลิเคชั่น Q Restaurant แอพพลิเคชั่น Q Restaurant  เป็นแอพพลิเคชั่นโดยสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่รวบรวมร้านอาหารไว้สำหรับผู้บริโภค ที่ใส่ใจในสุขภาพ ต้องการหาร้านอาหารที่ผลิตอาหารที่มีความปลอดภัยและมีคุณภาพ เพราะในแอพพลิเคชั่นนี้จะสามารถค้นหาร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบที่ปลอดภัย และได้รับการรับรองโดยเครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร Q จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกด้วย ในแอพพลิเคชั่น Q Restaurant  จะแบ่งออกเป็น 4 หมวดดังนี้  หมวดที่หนึ่ง ชื่อว่า Q Restaurant เป็นหมวดการค้นหารายชื่อและข้อมูลร้านอาหาร ขั้นตอนการค้นหาเพียงคุณคลิกให้แสดงร้านอาหารที่อยู่ใกล้บริเวณที่ยืนอยู่ หรือจะระบุชื่อร้านอาหารที่ต้องการก็ทำได้ โดยสามารถค้นหาร้านอาหารได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ  และเมื่อได้ร้านอาหารที่พึงพอใจแล้ว ทางแอพพลิเคชั่นจะแจ้งรายละเอียดของร้านอาหารนั้นว่ามีเมนูอะไรบ้าง วัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหาร ตัวเลขระยะทางที่จะเดินทางไปถึง ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์แอพพลิเคชั่นจะสามารถแสดงเส้นทางการเดินทางจากตำแหน่งปัจจุบันของคุณไปยังร้านอาหารที่คุณต้องการ   ถ้าต้องการให้แอพพลิเคชั่นแสดงแผนที่ในการเดินทาง สามารถกด Direction ได้ จากนั้นจะเห็นร้านอาหารเป้าหมายปรากฏในแผนที่ โดยมีรูปเข็มทิศกำหนดในแผนที่นี้ด้วย หมวดที่สอง ชื่อว่า Promotion เป็นหมวดที่แสดงโปรโมชั่นของร้านอาหารที่ร่วมรายการ ซึ่งได้รวบรวมไว้เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้บริโภค หมวดที่สอง ชื่อว่า Favorites เป็นหมวดที่เก็บลิสต์ร้านอาหารที่ชื่นชอบไว้ให้สามารถเข้ามาใช้ บริการได้อย่างรวดเร็ว หมวดที่สี่ ชื่อว่า Camera  ใช้สำหรับตกแต่งรูปอาหาร และสามารถแนะนำต่อให้เพื่อนได้ทางโซเชียลมีเดียได้ Q Restaurant  สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งในระบบ Android และ iOS

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 157 ง่ายๆ กับ “แอพสายด่วน”

2 ปีที่ผ่านมา ผู้เขียนเคยเขียนแนะนำแอพพลิเคชั่น YellowPages Live ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่รวบรวมข้อมูลรายละเอียดเบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ จากสมุดหน้าเหลืองเล่มหนาๆ มาย่อรวมไว้ที่สมาร์ทโฟนบนมือของเรา  ในฉบับนี้ผู้เขียนได้ไปเจอแอพพลิเคชั่นในลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่แค่ย่นย่อข้อมูลไว้เป็นหมวดๆ แอพพลิเคชั่นนี้มีชื่อว่า “แอพสายด่วน” เป็นแอพพลิเคชั่นที่ถูกพัฒนาขึ้นจากกระปุกดอทคอม แอพพลิเคชั่นนี้จะรวบรวมเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อเมื่อถึงคราวจำเป็น โดยแบ่งออกเป็น 8 หมวด ได้แก่ หมวด Delivery  หมวดโรงภาพยนตร์  หมวดธนาคาร  หมวดแท็กซี่  หมวดสอบถามข้อมูล  หมวดการติดต่อสื่อสาร  หมวดแจ้งเหตุด่วน  และหมวดอุทกภัย หมวด Delivery เป็นหมวดที่รวบรวมเบอร์โทรศัพท์ร้านอาหารที่วิ่งส่งอาหารไปถึงบ้าน อย่างเช่น  แมคโดนัลด์ เคเอฟซี พิซซ่าฮัท เอ็มเค เอสแอนด์พี เป็นต้น ทั้งยังมีแจ้งรายละเอียดช่วงเวลาในการโทรสั่ง ราคาค่าจัดส่ง หมวดโรงภาพยนตร์  เป็นหมวดที่รวบรวมเบอร์โทรศัพท์ของเครือโรงภาพยนตร์ที่มีทั้งหมด อย่างเช่น เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ เอสเอฟซีนีม่า อีจีวี เป็นต้น โดยแบ่งย่อยเป็นเบอร์โทรศัพท์ของสาขาต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วประเทศ หมวดธนาคาร  จะรวบรวมเบอร์ธนาคารทุกธนาคารไว้  หมวดแท็กซี่ จะรวบรวมเบอร์ธุรกิจบริษัทแท็กซี่ทั้งหมดที่มี  และหมวดการติดต่อสื่อสาร  จะรวบรวมศูนย์บริการของเครือข่ายโทรศัพท์ทั้งหมดทั่วประเทศไว้ ไม่เพียงแต่เครือข่ายของมือถือ อย่างเช่น เอไอเอส  ดีแทค  ทรูมูฟ เท่านั้น ยังมีของ ทีโอที กสท. ด้วย หมวดสอบถามข้อมูล จะแบ่งย่อยเป็นหมวดย่อยบริการภาครัฐและบริการทางสังคม จะมีสายด่วนผู้บริโภค อย. สายด่วนประกันสังคม ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการบริการทางสังคม ซึ่งในหมวดนี้มีมูลนิธิเพื่อผู้บริโภครวมอยู่ด้วย  นอกจากนี้ยังมีหมวดย่อยการเดินทาง การจราจร หมวดย่อยภูมิอากาศ ภัยธรรมชาติ หมวดย่อยสุขภาพ และหมวดย่อยอื่นๆ ที่รวบรวมเบอร์ติดต่อของศูนย์ที่เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ไว้ หมวดแจ้งเหตุด่วน  จะแยกย่อยเป็นเรื่องอุบัติเหตุ จราจร เพลิงไหม้ สาธารณูปโภค กู้ชีพ และรถพยาบาล ส่วนหมวดอุทกภัย จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับไฟฟ้า การประปา เป็นต้น ในแอพพลิเคชั่น “แอพสายด่วน” นี้ ยังสามารถจัดเก็บเบอร์โทรที่ผู้ใช้ต้องใช้เป็นประจำไว้ได้ภายในเมนู Favarite เพื่อสะดวกกับการหาในครั้งต่อไป และผู้ใช้สามารถเพิ่มข้อมูลด้วยตัวเองภายในเมนูเพิ่มเบอร์โทรได้อีกด้วย สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี ทั้งในระบบสำหรับมือถือระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ทาง App Store  และสำหรับมือถือระบบปฏิบัติการ iOS โดยพิมพ์คำว่า “แอพสายด่วน” หรือในเว็บไซต์ http://m.kapook.com/hotline    

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 156 แอพพลิเคชั่น “สิทธิ 30 บาท”

ทุกท่านคงได้ยินคำว่า “สิทธิ 30 บาท” กันจนคุ้นหู ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. เป็นสิทธิที่ช่วยให้ประชาชนมีความเสมอภาคกันในเรื่องการรับบริการสาธารณสุข การรักษาพยาบาลในราคา 30 บาท  เพื่อเพิ่มช่องทางให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลของหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. จึงได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น “สิทธิ 30 บาท” แอพพลิเคชั่น “สิทธิ 30 บาท”  จะแบ่งเป็น 7 หมวด คือ  หมวดที่หนึ่ง หมวดตรวจสอบสิทธิหลักประกันสุขภาพ เมื่อคลิกที่หมวดนี้จะถูกลิ้งไปที่หน้าเว็บไซต์ของ www.nhso.go.th จากนั้นให้กรอกหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก  วันเดือนปีเกิด และคลิกตรวจสอบสิทธิ  หน้าจอจะปรากฏข้อมูลต่างๆ ดังนี้ จังหวัดที่ลงทะเบียนรักษา  สิทธิหลักในการรับบริการ  หน่วยบริการปฐมภูมิ และหน่วยบริการประจำ สำหรับผู้ที่จะตรวจสอบสิทธิได้นั้นต้องเป็นผู้ที่ใช้สิทธิ 30 บาท ส่วนผู้ที่ใช้ระบบประกันสังคมจะไม่ปรากฏข้อมูลใดๆ หมวดที่สอง หมวดวิธีใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพ 30 บาท จะแจ้งรายละเอียดสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่พึงจะได้รับ รวมถึงขั้นตอนการขอเปลี่ยนหน่วยบริการ การคุ้มครองที่ครอบคลุมสำหรับสิทธิ 30 บาท หมวดที่สาม หมวด 30 บาทยุคใหม่เพิ่มคุณภาพ จะแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการบริการที่ไม่ต้องจ่ายค่าบริการ และยุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายค่าบริการ หมวดที่สี่ถึงหก ได้แก่ หมวดสอบถามข้อมูลสายด่วน สปสช. หมวดร้องเรียนร้องทุกข์ หมวดติดต่อหน่วยงาน สปสช. จะมีข้อมูลการติดต่อ สปสช. เพื่อสอบถามข้อมูล หรือร้องเรียน ร้องทุกข์ โดยแบ่งเป็นเขตในแต่ละจังหวัด เพื่อให้สะดวกในการหาข้อมูล ซึ่งในแอพพลิเคชั่นยังสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ผ่านสายด่วน สปสช. 1330  โดยเพียงคลิกเพื่อกดโทรออกได้ทันที หมวดสุดท้าย เป็นหมวดสื่อประชาสัมพันธ์ จะมีเอกสารและวารสารอิเล็คทรอนิกส์เพื่อประชาสัมพันธ์ให้กับทาง สปสช. ทั้งนี้แอพพลิเคชั่น “สิทธิ 30 บาท” สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี ทั้งในระบบสำหรับมือถือระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ทาง App Store  และสำหรับมือถือระบบปฏิบัติการ iOS  โดยพิมพ์คำว่า “สิทธิ 30 บาท” หรือ “บัตรทอง” หรือ “สปสช.” หรือเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่ www.nhso.go.th เมื่อต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล บางครั้งอาจเกิดความไม่มั่นใจว่าอาการที่จะเข้ารับการรักษา รวมอยู่ในสิทธิ 30 บาท หรือไม่ แอพพลิเคชั่นนี้ช่วยให้เข้าใจสิทธิที่พึงจะได้รับได้มากทีเดียว   //

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 155 เรียกแท็กซี่ด้วยแอพพลิเคชั่น Easy Taxi

“ไปอนุสาวรีย์ชัยฯ ไหมคะ” ผู้เขียน “ไม่ไปครับ แก๊สไม่พอครับ” คนขับแท็กซี่ ประโยคนี้เป็นที่คุ้นหูกับผู้ใช้บริการรถแท็กซี่ ผู้เขียนเคยถูกแท็กซี่ปฏิเสธไม่รับเพื่อไปจุดหมายปลายทางที่ที่หนึ่งประมาณ 10 คันได้ ทำให้คลาดเคลื่อนนัดหมายไปเป็นชั่วโมง และหลายครั้งที่ต้องหันมาเลือกขึ้นรถโดยสารสาธารณะแทน  และนอกจากเหตุผลแก๊สไม่พอ ยังมีเหตุผลอีกสารพัดที่จะไม่รับ จนต้องถามในใจว่า แล้วเค้าจะไปที่ไหนกัน ฉบับนี้ขอแนะนำแอพพลิเคชั่น Easy Taxi เป็นแอพพลิเคชั่นช่วยเรียกรถแท็กซี่ โดยที่ไม่ต้องมายืนรอ เพียงแค่กดปุ่ม “เรียกแท็กซี่” และใส่รายละเอียดเท่านั้น แอพพลิเคชั่น Easy Taxi ได้ถูกพัฒนาครั้งแรกเมื่อปี 2011 ที่ประเทศบราซิล และมีมาแล้วกว่า 18 ประเทศทั่วโลก  โดยขณะนี้ในประเทศไทยมีคนขับ 60,000 คน และ ผู้โดยสารกว่า 3,500,000 คน ที่ผ่านมามีเที่ยวโดยสารเกิดขึ้นมากกว่า 3 ล้านเที่ยว ภายในแอพพลิเคชั่น Easy Taxi จะมีรายละเอียดของคนขับแท็กซี่ทั้งหมด ซึ่งจะได้รับการตรวจสอบและมีการลงทะเบียน ผู้ใช้บริการสามารถดูชื่อและรูปภาพของคนขับแท็กซี่ที่จะเดินทางไปรับได้ด้วย เป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการและผู้ขับแท็กซี่ ส่วนทางด้านผู้ใช้บริการก็ต้องลงทะเบียนด้วยเช่นกัน โดยใช้เมล์ ชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ เพื่อไว้เป็นข้อมูลให้สำหรับผู้ขับแท็กซี่ และแอพพลิเคชั่นนี้ยังสามารถบันทึกการใช้บริการที่ใช้บ่อย เพื่อเก็บข้อมูลไว้ใช้บริการในครั้งต่อไป ค่าบริการของการเรียกแท็กซี่ด้วยแอพพลิเคชั่น Easy Taxi นั้นอยู่ที่ราคา 20 บาทต่อครั้ง  ซึ่งเหมือนกับการโทรเรียกแท็กซี่หรือการขึ้นแท็กซี่ที่สนามบิน  จะต้องจ่ายเงินค่าบริการเรียก ไปพร้อมกับค่าบริการที่ผู้โดยสารต้องจ่ายตามมิเตอร์ อย่างน้อยแอพพลิเคชั่นนี้ก็ช่วยไม่ให้เสียเวลาในการยืนเรียกแท็กซี่คันแล้วคันเล่า!!   //

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 154 3 ฤดูกาลกับ EDT แหล่งเที่ยว กิน ช้อป

อากาศหนาวในช่วงเดือนธันวาคมนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องแสวงหาสถานที่ท่องเที่ยวกันใหญ่ จะเลือกภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคใต้หรือภาคกลาง นั้น อยู่ที่ความต้องการของนักท่องเที่ยวว่าอยากได้บรรยากาศแบบใด แต่พูดได้เลยว่าทุกคนต้องอยากสัมผัสอากาศหนาวแน่นอน ดังนั้นภาคเหนือจึงตกเป็นอันดับหนึ่งที่จะเลือกเดินทางไปท่องเที่ยวกัน สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศไทย มีสถานที่ที่น่าสนใจหลายที่ อาจจะเยอะเกินไปด้วยซ้ำ จนไม่สามารถเลือกได้ถูก  www.EDTguide.com  เป็นเว็บไซต์ที่หลายคนรู้จักกันมานาน โดยได้รวบรวมข้อมูลกินดื่มเที่ยวในประเทศไทย พร้อมแผนที่ให้ได้ค้นหาข้อมูลอย่างง่ายดาย นอกจากเว็บไซต์แล้ว ยังมีแอพพลิเคชั่นออกมา 3 แบบ คือ EDT in Winter , EDT in Summer และ EDT in Rainy ให้ผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนสามารถเข้าถึงข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว แหล่งอาหาร ได้อย่างรวดเร็ว แอพพลิเคชั่น EDT in Winter เป็นแอพพลิเคชั่นที่รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวในฤดูหนาวที่น่าสนใจ สถานที่กิน และที่พักบริเวณใกล้เคียง ส่วนแอพพลิเคชั่น EDT in Summer และ EDT in Rainy ก็มีลักษณะเหมือนกัน เพียงแต่แหล่งท่องเที่ยวจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลของประเทศไทย   ภายในแอพพลิเคชั่นจะมี 4 หมวดให้เลือก ดังนี้ Home จะแสดงภาพและชื่อสถานที่ท่องเที่ยวที่ติดอันดับในช่วงฤดูกาลนั้นๆ โดยสามารถคลิกเข้าไปดูรายละเอียดว่ามีความสำคัญอย่างไร พร้อมมีแผนที่แสดงให้ทราบถึงตำแหน่งแหล่งท่องเที่ยว และมีข้อมูลแนะนำถึงสถานที่กิน แนะนำเรื่องดื่ม แนะนำเรื่องเที่ยว และแนะนำเรื่องที่พัก เมื่อคลิกเข้าไปดูรายละเอียดแอพพลิเคชั่นนี้ได้รวบรวมภาพแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ ให้ได้ดูอีกด้วย หมวดที่สอง คือ EDT index จะมีข้อมูลเรื่องต่างๆ ไม่ว่าเรื่องกิน ดื่ม เที่ยวและที่พัก โดยทั่วไป ไม่เฉพาะเจาะจงเหมือนกันหน้า Home หมวดที่สาม คือ Favorites เป็นหมวดที่ผู้ใช้แอพพลิเคชั่นได้ตั้งค่าไว้ว่าสถานที่ใดเป็นสถานที่ที่ชื่นชอบ โดยจะต้องลงทะเบียนกับทาง EDT ในหมวดที่สี่ คือ Setting ซะก่อน  เพื่อ log in เข้าไปดูรายละเอียดต่างๆ ได้ หมวดสุดท้ายเป็นหมวด More App จะเป็นหน้าที่รวบรวมแอพลิเคชั่นต่างๆ ไว้ในหัวข้อที่ทางแอพพลิเคชั่นนี้สร้างไว้ ได้แก่ หัวข้อ Recommend New Release, Travel, Horoscope, Food ลองดูกันนะคะว่า ภาพในแอพพลิเคชั่นนี้น่าจะช่วยทำให้การตัดสินใจเลือกแหล่งท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้นบ้าง คราวนี้ก็เตรียมตัวแพ็คกระเป๋าเดินทางไปพักผ่อนในช่วงสิ้นปีได้เลยค่ะ   //

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 152 ราคาที่พักตามงบประมาณในกระเป๋า

ช่วงเวลาสิ้นปี คงเป็นเวลาแห่งการรอคอยของใครหลายๆคน ซึ่งผู้เขียนก็รอคอยนับวันเวลาเช่นกัน อย่างแรก เรื่องโบนัส!! ก็เป็นธรรมดาสำหรับมนุษย์เงินเดือนอยู่แล้วค่ะ ที่ต้องคาดหวังไว้บ้าง แต่ฉบับนี้ขอไม่พูดถึงล่ะกันนะคะ เอาเป็นว่าได้หรือไม่ได้โบนัส แต่ขอได้ที่พักราคาถูกๆ สำหรับการวางแผนการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสิ้นปีดีกว่าค่ะ ถือว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่รัฐบาลได้ประกาศให้วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม 2556 เป็นวันหยุดพิเศษ เพื่อให้มีวันหยุดติดต่อกัน 5 วัน ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม 2556 ถึงวันพุธที่ 1 มกราคม 2557 เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวตามเจตนารมณ์ (ตัวเอง) ด้วยเหตุผล หรือข้ออ้างอะไรก็แล้วแต่ ดังนั้นเราต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยเงินเดือนอันน้อยนิดนี่แหละคะ  แต่ขอที่พักที่ดูหรูหราไฮโซในราคาที่พอรับสถานการณ์การรัดเข็มขัดในอนาคตได้ด้วย ขอแบบที่มีส่วนลดสัก 15 – 50 เปอร์เซ็นต์  อิอิ ขอแนะนำแอพพลิเคชั่น 2 ตัว ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ที่จะช่วยให้ค้นหาที่พักในบริเวณที่ต้องการได้ คือ แอพพลิเคชั่น Hotels.com  และแอพพลิเคชั่น Booking.com แอพพลิเคชั่นทั้ง 2 ตัว มีคุณสมบัติในการค้นหาที่พัก โดยระบุบริเวณหรือจังหวัดที่ต้องการ และวันที่ต้องการเข้าพัก จำนวนคืนที่พัก จำนวนห้องที่ต้องการพัก ต่อจากนั้นข้อมูลจะปรากฏ โดยสามารถกำหนดว่าจะให้แสดงผลแบบใด อย่างเช่น ลักษณะโรงแรมกี่ดาว ราคาที่ต้องการ สถานที่ที่เป็นที่นิยม บริเวณที่ต้องการ เป็นต้น   นอกจากนี้ยังมีแผนที่สถานที่พักนั้นๆ ว่าที่พักแต่ละที่อยู่บริเวณใดบ้าง ห่างกันเท่าไร  บางที่พัก อาจจะไม่คุ้นเคย เราสามารถคลิกไปยังเบอร์โทรศัพท์ของที่พักนั้นๆ เพื่อติดต่อสอบถามเส้นทางกับที่พักนั้นโดยตรงได้ทันที และพิเศษสุดๆ กับคนที่ต้องการที่พักแบบเร่งด่วนก็ช่วยได้นะคะ โดยสามารถระบุวันที่ต้องการเข้าพัก แล้วค้นหาสถานที่บริเวณนั้นได้เลย โดยจะปรากฏข้อมูลขึ้นมาเปรียบเทียบราคา ส่วนลด ให้เลือกได้ตามสะดวก และแผนที่ก็จะบอกว่าที่พักแต่ละแห่งห่างจากที่เรายืนอยู่กี่กิโลเมตร เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกที่พัก แอพพลิเคชั่น Hotels.com  และแอพพลิเคชั่น Booking.com ช่วยให้หาที่พักตามงบประมาณที่ต้องการได้ อย่างน้อยก็มีตัวเลือกให้มากพอที่จะตัดสินใจและวางแผนท่องเที่ยวในสิ้นปีนี้ค่ะ ผู้เขียนวางแผนและได้ที่พักสำหรับช่วงหยุดยาว ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2556 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2557 เรียบร้อยแล้วนะคะ  (บอกแล้วว่าตามเจตนารมณ์ตัวเอง)  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 150 GPS ตรวจจับพฤติกรรมผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะ

จากที่เคยมีข่าวรถโดยสารขับรถเร็วเกินกำหนด ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมาหลายครั้ง โดยที่ไม่เคยใส่ใจกับเรื่องการพัฒนาถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารที่ต้องโดยสารรถสาธารณะ  จนปัจจุบันได้มีมาตรการการเยียวยาเพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดจากการขับขี่โดยประมาทของคนขับรถโดยสารสาธารณะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นระบบของ บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. ได้ติดตั้งระบบที่เรียกว่า GPS ซึ่งย่อมาจาก Global Positioning System หรือ “ระบบกำหนดพิกัดตำแหน่งบนโลก” ระบบนี้จะอาศัยการคำนวณพิกัดจากดาวเทียมที่โคจรอยู่รอบโลก โดยจะรับสัญญาณจากดาวเทียมตั้งแต่ 3 ดวงขึ้นไป ทำให้ระบบนี้สามารถชี้บอกตำแหน่งได้ทุกแห่งบนโลก ระบบนี้มีความแม่นยำของข้อมูลด้านทิศทาง เส้นทางการเดินทาง ถนน และสถานที่ต่างๆ แต่มีข้อจำกัดอยู่เหมือนกัน คือ ถ้าอยู่ในบริเวณที่สัญญาณส่งไม่ถึง เช่น อยู่ในตึก ใต้ทางด่วนก็จะไม่สามารถรับสัญญาณดาวเทียมได้ หรือแม้กระทั่งถ้าฟ้าปิด ฟ้าไม่ปลอดโปร่งก็จะไม่สามารถรับสัญญาณดาวเทียมได้เช่นกัน  ผู้ที่ติดตั้งระบบกำหนดพิกัดตำแหน่งบนโลก หรือ GPS  จำเป็นต้องอยู่ตรงถนนสายหลักๆ ต่างๆ   เมื่อระบบสามารถแจ้งพิกัดที่เราอยู่บนพื้นโลกนี้ได้ จึงส่งผลให้การติดตั้งระบบ GPS ที่ทาง บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. ได้นำมาใช้ติดตั้งกับรถโดยสารสาธารณะนั้น จะช่วยบอกข้อมูลของรถแต่ละคันแบบ Realtime โดยจะแสดงข้อมูลตำแหน่งของรถ ความเร็วที่ขับ และลักษณะของรถที่มีการขับผิดปกติ ได้แก่ การเบรคกะทันหัน การขับกระชาก การเปลี่ยนเลนกะทันหัน หรือรถที่มีการเอียงเกิน 30 องศาซึ่งเสี่ยงต่อการพลิกคว่ำได้ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะมาปรากฏขึ้นภายในศูนย์ควบคุมของบริษัท อย่างน้อยด้วยระบบติดตามรถสาธารณะชนิดนี้ ก็ทำให้ผู้โดยสารที่ต้องใช้บริการรถสาธารณะสบายใจกันบ้าง   ประเภทของ GPS แบ่งออกตามประโยชน์การใช้งานได้ 2 แบบคือ ระบบนำทาง (Navigation System) โดยโครงสร้างของอุปกรณ์จะมีชุดรับสัญญาณดาวเทียม GPS ขนาดเล็ก ฝังติดตั้งอยู่ภายในแผ่นเซอร์กิต จากนั้นสัญญาณดาวเทียมจะถูกควบคุมด้วยโปรแกรมนำทางอีกที ระบบติดตาม (Tracking System) ใช้ในการติดตามสิ่งของที่อยู่ติดกับตัวอุปกรณ์ และในชุดอุปกรณ์จะมี ช่องให้ใส่ซิมการ์ด (โทรศัพท์มือถือ) เนื่องจาก GPS Module จะทำหน้าที่รับสัญญาณดาวเทียม แล้วปล่อยออกมาเป็นข้อมูลพิกัด ณ จุดนั้น จากนั้น ก็ต้องอาศัยระบบเครือข่ายโทรศัพท์มือถือส่งพิกัดนี้ ออกไปทาง SMS, EDGE , GPRS เป็นต้น เมื่อปลายทางได้รับข้อมูลแล้วก็จะนำเอาพิกัด ไป Plot กับตารางแผนที่ จึงออกมาเป็นตำแหน่งบนแผนที่ที่อุปกรณ์นั้นติดตั้งอยู่ ระบบนี้ โดยมากจะใช้ติดตามยานพาหะนะ ที่กำลังเป็นที่นิยมกันเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน  โดยสามารถนำมาใช้กับการติดตามคน และสัตว์เลี้ยงได้ด้วย **ข้อมูลเพิ่มเติมจาก http://www.it24hrs.com/2011/about-gps/

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 149 Call Recorder หลักฐานฟ้องด้วยเสียง

ช่วงนี้ข่าวการปล่อยคลิปเสียงที่ถูกแอบอัดเป็นที่สนใจสำหรับประชาชนเป็นอย่างมาก ต่างหาต้นตอของคลิปเสียงที่ถูกปล่อยออกมา เพื่อหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะเสียงที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญมากทีเดียว และต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าคลิปเสียงนั้นถูกตัดต่อขึ้นหรือไม่ ต้องยอมรับว่าข้อมูลข่าวสารที่ใช้สนทนากัน ทั้งในรูปแบบเผชิญหน้าและทางโทรศัพท์ ล้วนมีความสำคัญและมีประโยชน์ ในการเก็บเป็นข้อมูลความรู้ได้ ดังนั้นในปัจจุบันการพยายามหาวิธีอัดเสียงด้วยสมาร์ทโฟน จึงเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย โดยคุณสมบัติอาจไม่เท่ากับเครื่องอัดเสียง แต่ก็มีประโยชน์มากไม่น้อย ผู้อ่านที่ใช้ไอโฟน ลองหาแอพพลิเคชั่น call recorder มาลงไว้ในเครื่อง จะช่วยอัดเสียงการสนทนาได้ทุกสายตามที่ต้องการ   ถ้าต้องการอัดเสียงระหว่างการสนทนา เริ่มต้นโดยเข้าไปที่แอพพลิเคชั่น call recorder จะมีปุ่ม Dialer มีไว้สำหรับโทรออกเพื่ออัดเสียง เมื่อกดเข้าไปแล้วจะปรากฏหน้าจอแป้นหมายเลขสำหรับโทรออก แค่กดหมายเลขปลายทางที่ต้องการ แอพพลิเคชั่นนี้จะอัดเสียงระหว่างการสนทนาโดยอัตโนมัติ ข้อความที่ถูกอัดจะนำไปเก็บไว้ในแอพพลิเคชั่นนี้โดยตรง สามารถเข้าไปฟังที่ปุ่ม Recordings ถ้าต้องการที่จะที่จะนำไฟล์เสียงออกจากโทรศัพท์ ให้กดปุ่ม Edit จะปรากฏปุ่มให้เลือกวิธีนำไฟล์ออก ซึ่งเป็นการส่งในรูปแบบเมล หรือซิงก์ข้อมูลไปยัง iTunes แล้วนำไฟล์ลงเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ทันที และถ้าต้องการลบไฟล์ก็สามารถ Delete ได้เลย สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นนี้ได้ที่ https://itunes.apple.com/th/app/call-recorder-intcall/id521680097?mt=8 หรือเข้าไปที่ App Store สำหรับโทรศัพท์แอนดรอยด์ก็มีแอพพลิเคชั่น call recorder เช่นกัน แต่คนละรูปแบบ เมื่อดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นลงโทรศัพท์มือถือเรียบร้อยแล้ว ให้เข้าไปเซ็ตค่าเริ่มต้นให้บันทึกการสนทนาทุกสายอัตโนมัติ แต่ถ้าไม่ต้องการให้บันทึกทุกสายสนทนา สามารถตั้งเปิดปิดการบันทึกเสียงได้ และสามารถส่งไฟล์ในรูปแบบเมลล์ โดยแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์ จะโทรออกในรูปแบบปกติ ไม่จำเป็นต้องเข้าไปโทรในแอพพลิเคชั่นเหมือนกันโทรศัพท์มือถือไอโฟน หลังจากนี้ไม่ว่าติดต่อกับใคร ระวังแอพพลิเคชั่นนี้ให้ดีนะคะ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 148 คำนวณสกุลเงินกับ “SuperRichTH”

เมื่อนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ที่ชอบเดินทางในราคาประหยัดและไม่ชำนาญกับการคำนวณสกุลเงินมากนัก การเดินทางไปต่างประเทศในแต่ละครั้ง จึงมักมีปัญหากับการเปรียบเทียบตัวเลขของค่าเงินจากสกุลเงินประเทศนั้นๆ เป็นเงินบาท เพื่อให้ได้สิ่งของในราคาที่เหมาะสม แต่ปัญหาแรกคือ คนส่วนใหญ่มักจะสับสนกับวิธีการหรือคำเรียกในเรื่องการแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราต่างประเทศกับสถาบันการเงิน อย่างคำว่า ราคาซื้อ ราคาขาย จนทำให้ต้องมาตั้งหลักทำความเข้าใจใหม่ทุกครั้งไป อย่างแรกเรามาทำความเข้าใจกับคำว่า ราคาซื้อและราคาขาย กันก่อน ราคาซื้อ หมายถึง ราคาที่ธนาคารรับซื้อเงินตราต่างประเทศเปลี่ยนเป็นเงินบาทไทย หรือจำง่ายๆ ว่าเราถือเงินต่างประเทศไปแลกเป็นเงินบาทไทย  ส่วนราคาขาย หมายถึง ราคาที่ธนาคารขายเงินตราต่างประเทศ หรือนำเงินบาทไทยไปแลกเงินตราต่างประเทศมา สรุปดังนี้ ธนาคารรับซื้อเงินต่างประเทศ หมายถึง ราคาซื้อ ส่วนธนาคารขายเงินตราต่างประเทศ หมายถึง ราคาขาย   สำหรับเรื่องปัญหาการเปรียบเทียบราคาของค่าเงินต่างประเทศกับเงินบาทไทย ผู้เขียนขอแนะนำชื่อสถานที่ที่ใครๆ จะแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รู้จักกันดี คือ  ซุปเปอร์ริช นั่นเอง ซุปเปอร์ริชไทยแลนด์ มีแอพพลิเคชั่นเพื่อช่วยแก้ปัญหากับความไม่เชี่ยวชาญทางด้านการเงินของนักท่องเที่ยว ชื่อว่า “SuperRichTH” แอพพลิเคชั่นนี้จะคอยนำเสนอทุกความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท และอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 30 สกุลทั่วโลกและอัพเดทข้อมูลตลอด ซึ่งสามารถติดตามตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทได้อย่างใกล้ชิด เมื่อเปิดแอพพลิเคชั่นเข้าไป เราสามารถเลือกสกุลเงินของประเทศที่ต้องการ ต่อจากนั้นให้กรอกตัวเลขว่าต้องการได้เงินในสกุลต่างประเทศจำนวนเท่าไร โปรแกรมจะคำนวณมาให้เป็นผลลัพธ์ด้านล่างเป็นค่าเงินบาทไทย โดยให้สังเกตที่ลูกศรตรงคำว่า converter ถ้าลูกศรหันไปทางซ้าย หมายถึงต้องเปลี่ยนสกุลเงินตราต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาทไทย ซึ่งตัวเลขจะปรับเปลี่ยนตามราคาซื้อ  และถ้าลูกศรหันไปทางขวา หมายถึงต้องเปลี่ยนสกุลเงินบาทไทยเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ  ซึ่งตัวเลขจะปรับเปลี่ยนตามราคาขาย นอกจากนี้ภายในแอพพลิเคชั่น “SuperRichTH” ยังมีแผนที่สถานที่ซุปเปอร์ริช และเบอร์โทรติดต่อ เพียงแค่คลิกก็สามารถโทรติดต่อได้ทันที ลองแอพพลิเคชั่นนี้ดู เผื่อสักวันหนึ่งการคำนวณเงินตราต่างประเทศระหว่างเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ จะช่วยทำให้การช้อปปิ้งสะดวกรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม หรือไม่ก็ช่วยให้เข้าใจระบบการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ราคาซื้อ ราคาขาย ได้ดีขึ้น

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 147 Delivery Traffic รู้ทันตำรวจจราจร

รถชน!!! ความวุ่นวายในชีวิตก็จะเกิดขึ้น เริ่มตั้งแต่สำรวจว่าตนเองบาดเจ็บหรือไม่ ตรวจสภาพรถว่าเสียหายมากน้อยแค่ไหน แจ้งความกับตำรวจ เรียกประกันมาประเมินราคา และอะไรอีกน้า??? คุณผู้อ่านเคยเป็นไหม พอเกิดเหตุการณ์รถชน ความตื่นเต้น สับสน ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง จะหันไปหาเพื่อนร่วมเดินทาง ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเหมือนกัน วันนี้ผู้เขียนจึงนำแอพพลิเคชั่นที่จะช่วยให้ประโยชน์ได้ทั้งคนขับและคนโดยสาร แอพพลิเคชั่นนี้มีชื่อว่า Delivery Traffic หรือเรียกว่า กฎหมายจราจรเดลิเวอรี่ เป็นแอพพลิเคชั่นที่ให้ความรู้ผู้ที่ขับรถ หรือแม้แต่คนที่ขับรถไม่จำเป็นก็สามารถเรียนรู้แอพพลิเคชั่นนี้ไว้ได้เช่นกัน ข้อมูลใน Delivery Traffic จะให้ความรู้และความเข้าใจ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นบนท้องถนนได้อย่างดี   Delivery Traffic  เป็นของกองบังคับการตำรวจจราจร  โดยภายในแอพพลิเคชั่นจะแบ่งเป็น 6 ส่วน ในส่วนแรกจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเกร็ดความรู้ที่จะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อมีการกระทำผิดกฎจราจร อย่างเช่น มีคำถามว่าตำรวจจราจรเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ได้หรือไม่ เมื่อคลิกเข้าไปก็จะมีคำอธิบายเพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว ในส่วนที่สอง จะเป็นการบอกความหมายของเครื่องหมายจราจรบนท้องถนน ส่วนที่สามเป็นเรื่องคำถามและคำตอบเกี่ยวกับอัตราค่าปรับเมื่อกระทำความผิด ซึ่งจะบอกว่าผู้อ่านรู้ว่าถ้าทำความผิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ จะต้องมีโทษอย่างใด หรือปรับเป็นเงินเท่าไร ส่วนที่สี่เป็นแผนผังรูปภาพเพื่ออธิบายการปฏิบัติตนเมื่อได้รับใบสั่ง ส่วนที่ห้า เป็นเรื่องของสิ่งที่ควรรู้ น่ารู้และต้องรู้เกี่ยวกับการจราจร ในส่วนนี้จะอธิบายเป็นวิดีโอแอนนิเมชั่น เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ส่วนสุดท้าย เป็นเรื่องเกี่ยวกับการรู้ทันแอลกอฮอล์ สำหรับนักดื่มที่ต้องใช้รถ โดยมีการอธิบายถึงปริมาณในการดื่มแต่ละครั้งว่าควรดื่มปริมาณเท่าไรที่จะขับรถได้ ซึ่งไม่ให้มีปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้อ่านที่ต้องการติดตามวิดีโอแอนนิเมชั่นที่แนะนำวิธีต่างๆ สามารถคลิกเข้า youtube และ facebook ภายในแอพพลิเคชั่น Delivery Traffic ได้ทันที สามารถที่จะดาวน์โหลดแอพลิเคชั่น Delivery Traffic ได้ที่  https://itunes.apple.com/th/app/delivery-traffic/id409994187?mt=8 สำหรับ iPhone, iPod touch และ iPad  และที่ https://play.google.com/store/apps/details?id=com.smileapp.deliverytraffic สำหรับ android ลองดาวน์โหลดมาอ่านดู เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ และรู้ทันกับการทำงานของตำรวจจราจร

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 146 โหลดฟรีกับแอพพลิเคชั่น App of the Day

  ผู้อ่านเคยยอมเสียเงินเพื่อดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนบ้างหรือเปล่า   ต้องยอมรับกันว่าหลายคนคงยอมเสียเงินเพื่อแลกกับการได้เล่นแอพพลิเคชั่นที่ตนสนใจ และน่าสนใจ  ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่นความสวยความงาม  แอพพลิเคชั่นอาหารการกิน แอพพลิเคชั่นด้านการเงินการบริหาร แอพพลิเคชั่นตกแต่งภาพ แอพพลิเคชั่นเกมส์ต่างๆ และแอพพลิเคชั่นอื่นๆ อีกมากมาย ล้วนเป็นที่น่าสนใจในสายตาของผู้มีสมาร์ทโฟนทั้งสิ้น แต่การเสียเงินเพื่อให้แอพพลิเคชั่นนั้นลงมาอยู่บนสมาร์ทโฟนของตน ก็ทำให้ผู้บริโภคฉลาดซื้ออย่างพวกเรารู้สึกไม่คุ้มค่าและสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ   ด้วยเหตุนี้ แอพพลิเคชั่น  App of the Day จึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด   แอพพลิเคชั่น  App of the Day เป็นแอพพลิเคชั่นที่คอยแจ้งให้เจ้าของสมาร์ทโฟนได้ทราบว่าในแต่ละวันมีแอพพลิเคชั่นตัวไหนที่เปิดให้ดาวน์โหลดฟรี โดยสามารถดาวน์โหลดได้ภายใน 24 ชั่วโมง เมื่อคลิกเข้าไปในแอพพลิเคชั่น App of the Day โปรแกรมจะดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นที่เปิดให้ดาวน์โหลดฟรีขึ้นมาให้เห็น ซึ่งในแต่ละวันจะมีเพียงแอพพลิเคชั่นเดียวที่จะเปิดฟรี ให้ดาวน์โหลดหมุนเวียนกันไป  และบริเวณรายละเอียดภายในแอพพลิเคชั่น จะมีเวลานับถอยหลังสำหรับการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นนั้นๆ ปรากฏอยู่  ตรงนี้จะช่วยให้รู้เวลาที่เหลือ แล้วผู้อ่านก็รีบไปบอกต่อเพื่อนๆ เลยค่า...   นอกจากนี้ด้านบนหน้าจอของแอพพลิเคชั่น ยังบอกราคาของแอพพลิเคชั่นนั้นๆ ไว้ด้วย เผื่อใครดาวน์โหลดฟรีไม่ทัน จะได้รู้ว่าราคาที่แท้จริงอยู่ที่เท่าไร  ส่วนบริเวณด้านล่างหน้าจอของแอพพลิเคชั่น จะมีรายละเอียดที่แจ้งให้ว่าแอพพลิเคชั่นตัวไหนบ้างที่เคยเปิดให้ดาวน์โหลดฟรี พร้อมราคาให้เสร็จสรรพ   ถ้าเปิดแอพพลิเคชั่น App of the Day แล้ว รู้สึกพึงพอใจกับแอพพลิเคชั่นที่ปรากฏอยู่ ก็คลิกเลย  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 142 YellowPages Live ติดตามตัว

ผู้อ่านจำหนังสือเล่มหนาๆ ปกเหลืองๆ ที่ถูกแจกจ่ายไว้ตามบ้านทุกหลังคาเรือนได้ไหมค่ะ คุณสมบัติของเล่มนี้จะช่วยค้นหาเบอร์ติดต่อร้านค้า สำนักงาน โรงพยาบาล สถานีตำรวจ หรือแม้แต่เบอร์โทรศัพท์บ้านของเราก็มีระบุไว้ สมุดเล่มนี้มีชื่อว่า “สมุดหน้าเหลือง” หรือเรียกว่า เยลโล่เพจเจส (YellowPages) เป็นชื่อที่ผู้เขียนและผู้อ่านรู้จักเป็นอย่างดี  ซึ่งเป็นหนังสือขนาดเล่มหนา มีปกสีเหลือง โดยได้รวบรวมรายชื่อธุรกิจ สินค้า และบริการ มาเรียบเรียงไว้เป็นหมวดหมู่ เพื่อแจกจ่ายไปตามบ้านเรือน บริษัท ห้างร้าน และแหล่งธุรกิจ  ภายหลังสมุดหน้าเหลืองได้ถูกพัฒนาเป็นรูปแบบออนไลน์ บน  http://www.yellowpages.co.th แต่ด้วยความทันสมัยของเทคโนโลยีบนสมาร์ทโฟนในโลกปัจจุบัน  สมุดหน้าเหลือง จึงถูกพัฒนามาเป็น YellowPages Live Application และสามารถรองรับทุกระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็น iOS (iPhone หรือ iPad), Android OS, BlackBerry OS, Windows Phone, Windows Mobile และ สมาร์ทโฟน หรือฟีเจอร์โฟน ที่รองรับ J2ME  จะสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นนี้จาก http://www.typlive.com/mobile  มาติดตั้งใช้งานได้ทันที แอพพลิเคชั่น YellowPages Live มีอยู่ 5 ส่วน คือ ส่วนแรก Highlight เป็นส่วนที่อัพเดทข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจ ส่วนที่สอง Search จะเป็นส่วนค้นหาหมายเลขสำคัญ เบอร์ฉุกเฉิน คำค้นยอดนิยม ส่วนลดร้านอาหาร และโปรโมชั่นต่างๆ โดยสามารถคลิกรับโปรโมชั่นที่ต้องการได้ทันที ส่วนที่สาม Map สามารถค้นข้อมูลและให้แสดงผลในรูปแบบแผนที่ได้ เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการทราบเส้นทางการเดินทาง ส่วนที่สี่ Content อัพเดทราคาน้ำมัน ราคาทอง อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน เลขหมายน่าสนใจ 4 หลัก รวมถึงสลากกินแบ่งรัฐบาล ส่วนที่ห้า Member เป็นส่วนของการ log in สำหรับสมาชิก ผู้อ่านสามารถสมัครเป็นสมาชิกกับแอพพลิเคชั่น YellowPages Live ได้ทันที ผู้อ่านลองดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นนี้มาใช้กันนะคะ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายสำหรับการค้นหาเบอร์ติดต่อในกรณีเหตุสุดวิสัยและสามารถพกพาไปได้ทุกสถานที่ แถมแอพพลิเคชั่น YellowPages Live ยังสามารถรองรับได้ทุกระบบปฏิบัติการได้ขนาดนี้ มีแอพฯ นี้ไว้ในมือถือก็ดีไม่น้อยนะคะ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 140 ใกล้ชิดผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กับแอพฯ Thai Police Phonebook

“เหตุด่วน เหตุร้าย แจ้งศูนย์รับบริการแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191” ประโยคเด็ดที่ใครหลายคนจำได้ขึ้นใจ เวลามีเหตุการณ์คับขัน ดูไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน หมายเลข 191 ต้องผุดอยู่ในความคิดเป็นอันดับแรก  เพราะน้อยคนนักที่จะทราบเบอร์สถานีตำรวจในพื้นที่นั้นๆ เพื่อที่จะโทรแจ้งเหตุการณ์ต่างๆ ในเวลาอันสั้นและทันท่วงทีได้ วันนี้ผู้เขียนจึงขอแนะนำแอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กันสักหน่อย แอพพลิเคชั่นนี้มีชื่อว่า “Thai Police Phonebook” ผลิตขึ้นโดย กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นแอพฯ ที่เก็บข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ติดต่อข้าราชการตำรวจ ตั้งแต่ระดับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จนถึง สารวัตร จากทุกกองบัญชาการทั่วประเทศ   ขั้นตอนแรกผู้อ่านต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “Thai Police Phonebook” โดยคลิกที่ App Store หรือ Android Market บนโทรศัพท์มือถือ หรือคลิกโหลดได้ที่ play.google.com สำหรับระบบแอนดรอยด์ หรือคลิกโหลดที่  http://itunes.apple.com/th/app/thai-police-phonebook/id544328261?mt=8  สำหรับระบบ iOS  แบบไม่ต้องเสียค้าใช้จ่ายใดๆ ภายในแอพพลิเคชั่น จะมี 2 เมนู คือ เมนูสมุดโทรศัพท์ตำรวจ (Police Phonebook) ซึ่งจะมีข้อมูลรายละเอียดของข้าราชการตำรวจแต่ละท่าน ทั้งตำแหน่ง สังกัด เบอร์โทรศัพท์สำนักงาน เบอร์โทรศัพท์มือถือ เพียงพิมพ์ชื่อหรือนามสกุลบุคคลที่ต้องการในช่องค้นหา หรือถ้าต้องการค้นหาแบบละเอียดก็สามารถคลิกแถบด้านบนขวามือ เท่านี้ก็จะทราบรายละเอียดของข้าราชการตำรวจคนนั้น อีกเมนู คือ เมนูเกี่ยวกับกองสารนิเทศ (About us) เป็นเมนูบอกสถานที่ตั้งของกองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เบอร์ติดต่อ เมล พร้อมเมนูลิ้งไปยังเว็บไซต์ facebook  twitter และ Google Map เพื่อแสดงแผนที่ที่ตั้งของหน่วยงาน แม้ว่าเหตุการณ์คับขันไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา แต่อย่างน้อยการมีเบอร์โทรหรือเบอร์สำนักงานตำรวจของพื้นที่ที่อยู่อาศัย และบริเวณสถานที่ทำงาน ก็ถือว่าช่วยเพิ่มความอุ่นใจขึ้นมาระดับหนึ่ง อ้อ เอาไว้ตรวจสอบพวกชอบแต่งตัวเป็นตำรวจมาหลอกชาวบ้านได้ด้วย

อ่านเพิ่มเติม >