ฉบับที่ 194 เพทุบายสลายขน

ขนก็ไม่ต่างจากเส้นผม แต่ขนมันมีกรรม เพราะเมื่อมันดันไปปรากฏตามบริเวณอื่นที่ไม่ใช่ศีรษะ หลายคนจึงรังเกียจ โดยเฉพาะผู้หญิงที่รักสวยรักงาม  ด้วยเหตุฉะนี้โอกาสของธุรกิจกำจัดขนที่ไม่พึงปรารถนาจึงกำเนิดขึ้นหญิงสาวที่ไม่ประสงค์จะเปิดเผยตัวตนท่านหนึ่ง เล่าประสบการณ์เจ็บใจให้ผมฟังว่า เธอประสบปัญหาในการถอดขนรักแร้และโกนขนหน้าแข้งเสมอๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอไปเจอโฆษณาในเว็บขายสินค้าออนไลน์ในอินเตอร์เน็ต เป็นสถานบริการเสริมความงามที่ให้บริการกำจัดขน ที่น่าสนใจคือ มีบริการพิเศษแบบ บุฟเฟต์เลเซอร์กำจัดขน เธอบอกว่า “จะรอช้าอยู่ใย ดั่งฟ้าประทานทางออกให้แก่ชีวิต”  แต่ก่อนที่จะตัดสินใจ เธอบอกว่าเธอก็เป็นดังผู้บริโภคยุคใหม่ ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ จึงเข้าไปค้นข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ทั้ง google และอีกหลายๆ เว็บ นอกจากนี้เธอก็ยังไปตั้งกระทู้ในเว็บชื่อดังเพื่อสอบถามข้อมูลจากคนที่เคยไปใช้บริการแบบนี้มาก่อน  เธอบอกว่า “ได้ผลเร็วมาก เพราะทันทีที่ตั้งกระทู้ ก็มีคนเข้ามาตอบคำถามหลายคน ส่วนใหญ่จะสนับสนุนและชื่นชมบริการแบบนี้ บางรายยังให้ข้อมูลสาขาต่างๆ ของสถานบริการเสริมความงามแห่งนี้อีกด้วย” ทำให้เธอยิ่งเชื่อถือ จึงตัดสินใจโอนเงินผ่านเว็ปเพื่อสมัครขอใช้บริการบุฟเฟต์เลเซอร์กำจัดขนโดยเลือกประเภท 1 ปีไม่จำกัดจำนวนครั้ง และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง เธอไปที่สถานบริการแห่งนี้ ทันทีที่แจ้งความประสงค์และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เธอกลับพบว่า บริการบุฟเฟต์เลเซอร์กลับต่างจากบริการบุฟเฟต์หมูกระทะที่เธอเคยกิน เธอเล่าด้วยเสียงแค้นเคืองว่า ”บุฟเฟต์หมูกระทะเรากินได้ไม่อั้น แต่ไอ้บุฟเฟต์เลเซอร์นี้ กลับบอกเงื่อนไขผิดไปจากที่โฆษณา เช่น กำหนดเงื่อนไขว่าใน 1 ปีที่ไม่จำกัดจำนวนครั้งนั้น หากจะมาใช้บริการต้องเว้นระยะห่างก่อน  ไม่ใช่จะมาใช้บริการตามใจชอบแบบเดินไปตักบุฟเฟต์หมูกระทะ แต่เมื่อเดินมาถึงขั้นนี้แล้วเราก็ต้องยอมรับ” แล้วเธอก็ต้องประหลาดใจเป็นครั้งที่สอง เพราะผู้ที่กำลังจะให้บริการที่ยืนตรงหน้าเธอกลับดูเหมือนสาวสก๊อยต่างจากบุคลากรทางการแพทย์ในโฆษณาที่เธอเคยเห็น  ไม่มีเสื้อกาวน์สวมแต่กลับแต่งตัวเหมือนกำลังจะไปเที่ยวผับ แถมตอนให้บริการก็ไม่มีอุปกรณ์ใดๆป้องกันทั้งตัวเธอและตัวผู้ให้บริการ และเธอก็ต้องประหลาดใจยกกำลังสาม เธอบอกว่าในระหว่างการให้บริการ พนักงานคนนี้จะใช้เจลกันร้อนทาบริเวณขาเธอ แต่เมื่อบริการเสร็จแล้ว พนักงานกลับปาดเอาเจลที่ขาเธอป้ายใส่กลับคืนไปในกระปุก แต่ไหนๆ ก็เผลอขึ้นหลังเสือเพื่อมากำจัดขนแล้ว เธอจึงยอมกัดฟันให้ทำจนเสร็จ ผ่านไปไม่กี่วัน บริเวณขาเธอกลับมีรอยไหม้เป็นจ้ำๆ ไปทั่ว เธอจึงกลับไปที่สถานที่แห่งนี้อีก พนักงานคนเดิมก็หยิบยาทามาให้เธอ แล้วบอกว่าครั้งก่อนลืมให้ สุดท้ายเธอจึงขอเงินค่าบริการคืน บอกว่าจะไม่ขอมาใช้บริการแล้ว แต่พนักงานกลับบอกว่าเงินเข้าบัญชีบริษัทไปแล้ว คืนเงินไม่ได้ และที่สำคัญเธอบอกว่า “เจ็บใจที่ไม่ได้เก็บหลักฐานอะไรไว้เลย แม้กระทั่งเอกสารโอนเงิน”เธอบอกผมว่า อยากให้เอาเรื่องของเธอไปเตือนคนอื่นอย่าให้พลาดแบบเธอ “เพราะสถานบริการแบบนี้มีมากมาย มักจะนี้ใช้เล่ห์เพทุบายมาหลอกเหยื่อ ตั้งแต่โฆษณาบริการที่บอกเงื่อนไขคลุมเครือไม่ชัดเจน  กระทั่งคนที่มาตอบกระทู้ในอินเตอร์เน็ตต่างๆ ก็น่าจะเป็นหน้าม้าของสถานบริการแห่งนี้ เพราะเมื่อเธอกลับไปเช็คย้อนหลัง พบว่าคนที่ตอบกระทู้แม้จะชื่อต่างกัน แต่กลับมีเลข IP ที่ระบุว่ามาจากแหล่งเดียวกัน หรือวันที่เธอไปใช้บริการ พนักงานก็อ้างว่าบุคลากรทางการแพทย์ตามรูปในโฆษณาติดธุระ สุดท้ายเธอเจ็บใจตัวเองที่ดันทิ้งหลักฐานต่างๆ ไปหมด”

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 158 กำจัดขน

เรื่องขนบนร่างกายมนุษย์นี้ ถ้ายึดตามทฤษฎีที่ว่า มนุษย์เราวิวัฒนาการมาจาก Apes (เอป คือ ลิงที่ไม่มีหาง มีแขนที่ยาวกว่าลิงในวงศ์อื่น ๆ มีนิ้วที่ใช้ในการหยิบจับและใช้ประโยชน์คล้ายคลึงกับมนุษย์มากกว่าสัตว์ในอันดับลิงใด ๆ สามารถเดินตัวตรงได้) ก็มีข้อสันนิษฐานว่า ขนบนร่างกายของเผ่าพันธุ์มนุษย์กลุ่มแรกๆ ที่เริ่มลงจากต้นไม้และออกมาใช้ชีวิตกันกลางแจ้งในสภาพที่อากาศมีอุณหภูมิสูงแบบทุ่งหญ้าแอฟริกา ทำให้เกิดวิวัฒนาการที่ค่อยๆ ทิ้งขนหนาบนร่างกายออกไปแล้วเปลี่ยนสู่การระบายความร้อนภายในร่างกายด้วยระบบเหงื่อแทน การระบายความร้อนด้วยวิธีนี้ช่วยให้มนุษย์กลุ่มแรกๆ มีความอึดในการวิ่งไล่ล่าสัตว์เพื่อการยังชีพได้มากขึ้น  โดยเฉพาะในเวลากลางวัน(สังเกตดีๆ จะเห็นว่าสัตว์ส่วนใหญ่ในทุ่งหญ้าเขตร้อนจำเป็นต้องพักในเวลากลางวันเพราะไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเท่ามนุษย์) แต่ยังไงก็ยังเหลือขนหนาๆ ที่จำเป็นอีกหลายจุดบนร่างกาย ได้แก่ ผม เพื่อปกป้องศีรษะ เนื่องจากมนุษย์เดินสองขาเอาหัวสู้ฟ้า ขนบริเวณรักแร้และบริเวณใกล้อวัยวะเพศ ทั้งนี้เพื่อช่วยลดการเสียดสี  แต่ปัจจุบันดูเหมือนขนบริเวณจุดเหล่านี้จะถูกรังเกียจมากขึ้นและมองว่าต้องกำจัดออกไป   ในอดีตบางวัฒนธรรมผู้หญิงจะนิยมไว้ขนรักแร้และถูกมองว่าเซ็กซี่ แต่ปัจจุบันจะมีนัยถึงการปลดแอกจากการถูกกดขี่ทางเพศ(ก็ผู้ชายยังไว้ได้ ทำไมผู้หญิงไว้ไม่ได้) แฟชั่นสมัยใหม่เองก็มีส่วนทำให้ขนรักแร้ต้องหมดสิ้นไปเพราะจะไม่สามารถโชว์วงแขนขาวได้ หรือชุดว่ายน้ำแบบบิกินี่ที่ก่อให้เกิดความจำเป็นในการกำจัดขนส่วนที่จะทำให้ดูไม่สวยงามทิ้ง ตั้งแต่อดีตมาการกำจัดขนก็มีสองสามวิธีคือ ถอน ถ้าแบบไทยๆ ก็ใช้นิ้วป้ายปูนแดงเพื่อให้จับขนได้อยู่หมัดหรือใช้อุปกรณ์สำคัญ คือ แหนบ อีกวิธีที่นิยมคือ โกนหรือแวกซ์ แต่เมื่อมาถึงยุคสารเคมีครองโลก จึงเกิดครีมกำจัดขนขึ้น และก้าวล้ำไปอีกด้วยพัฒนาการด้านการแพทย์เสริมความงาม เลเซอร์ ซึ่งเป็นคำตอบที่มีราคาแพง แต่ให้ผลที่น่าพึงพอใจ เพราะกำจัดได้เกลี้ยงเกลากว่าวิธีอื่น              เปรียบเทียบวิธีการกำจัดขน ข้อดี ข้อจำกัด ถอน วิธีนี้กำจัดได้ถึงราก ชะลอการงอกไปได้นานประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ทำเองลำบากไม่ทั่วถึง ไม่เหมาะกับบริเวณที่มีขนที่อยากกำจัดเยอะ โกน วิธีนี้ง่ายสุด ประหยัด รวดเร็ว ทำเองสะดวก แต่ต้องทำบ่อยทุก 2-3 วัน และเสี่ยงต่อการเกิดแผลได้ง่าย ขนทึ่ขึ้นใหม่จะมีลักษณะเป็นตอแข็ง หรือบางคนอาจมีขนคุดเข้าไปในผิวหนัง แวกซ์ มีทั้งแบบ ร้อนและเย็น ส่วนใหญ่ให้ร้านทำให้จะสะดวกสุด มีค่าใช้จ่ายพอสมควร แต่เกลี้ยงเกลาดีและกำจัดขนได้เป็นวงกว้าง บางคนหลายสัปดาห์ขนใหม่ถึงจะงอกขึ้นมา แต่หลายรายก็อาจเกิดการอักเสบที่ผิวได้ (บางคนก็ไม่ไหวเพราะวิธีนี้เจ็บ) ครีมกำจัดขน สะดวก เพียงป้ายครีมในบริเวณที่ต้องการ เพื่อให้เนื้อครีมไปทำลายโปรตีนในเส้นขน จากนั้นก็เช็ดทิ้งไป แต่ต้องอ่านวิธีการใช้ให้ละเอียดและอย่าปล่อยเนื้อครีมไว้นานเกินไป ผิวอาจอักเสบได้ เลเซอร์ วิธีนี้ต้องเข้าคลินิกแพทย์เท่านั้น ดังนั้นราคาจะสูง แต่ก็ให้ผลดีคือ กำจัดได้เกลี้ยงเกลา(ใช้เวลาสาม-ห้าครั้งในการทำเลเซอร์) และทิ้งระยะเวลาได้นานเป็นปีๆ กว่าที่ขนใหม่จะงอกขึ้นมา ทำลายรากขนด้วยคลื่นวิทยุ วิธีนี้เป็นพัฒนาการเพื่อกำจัดขนอย่างถอนรากถอนโคน เกือบจะไม่มีโอกาสเห็นขนใหม่งอกขึ้นมาอีก ซึ่งต้องทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญเพราะมีความเสี่ยงในการใช้เครื่องมือ ดังนั้นราคาก็อัพเพิ่มขึ้นไปอีกมาก ดังนั้นถ้าไม่อะไรนักกับขนบนร่างกาย เลือกวิธีกำจัดขนแบบชั่วคราว แต่เสี่ยงน้อยหน่อยน่าจะดีกว่า อันตรายจากการโกนขนในที่ลับ ปี 2013 มีหมอที่ฝรั่งเศสสามคนเขียนจดหมายไปหาบก.วารสารโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์  (Sex Transm Infect) ว่าพวกเขาได้วิเคราะห์คนไข้ที่เป็นโรคหูดข้าวสุก(molluscum contagiosum) ของเขาจำนวน 30 คน พบว่า 93% ของคนไข้พวกนี้โกนขนที่อวัยวะเพศเกลี้ยง โดยใช้วิธีโกนด้วยมีด 70% ใช้วิธีใช้กรรไกรตัด (clip) 13% และใช้วิธีแวกซ์ออก 10% หมอสามคนนี้ได้เสนอความเห็นว่าการกำจัดขนในที่ลับ คือสาเหตุทำให้เกิดการติดเชื้อหูดข้าวสุกมากขึ้น เพราะการโกนขนอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ผิวหนัง ทำให้ไวรัสหูดข้าวสุกบุกรุกเข้าไปได้โดยง่าย http://visitdrsant.blogspot.com/2013_08_01_archive.html     //

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 126 ครีมกำจัดขน ใช้เป็นประจำมีอันตรายหรือไม่?

  ความสวยงามบนเรือนร่างของหญิงและชาย เป็นจุดสนใจของเจ้าของโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงมักให้ความสนใจกับความเกลี้ยงเกลาของเรือนร่าง จึงไม่ต้องการให้มีเส้นขนโผล่ตามผิวหนังไม่ว่าจะเป็น แขน ขา ใต้วงแขน หรือแม้แต่ในร่มผ้า ดังนั้นจึงต้องมีวิธีกำจัดเส้นขนตามร่างกายที่ไม่ต้องการออกไป ซึ่งวิธีทั่วไปที่ใช้กันในปัจจุบัน มี 3 วิธีคือ  1. ใช้ครีมกำจัดเส้นขน (Dipilatories)2. ใช้วิธีถอนเส้นขนออกทั้งราก (Epilation) โดยใช้อุปกรณ์ช่วย หรือใช้แวกซ์ถอนขน 3.ใช้อุปกรณ์การแพทย์ เช่น แสงเลเซอร์  สองวิธีแรกมีใช้กันมาตั้งแต่อดีตเพราะง่ายและประหยัด ส่วนวิธีที่ 3 เป็นการใช้อุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งต้องให้แพทย์เป็นผู้ลงมือทำให้ ค่าใช้จ่ายก็ต้องแพงเป็นธรรมดา ดังนั้นผลิตภัณฑ์ประเภทครีมกำจัดเส้นขนจึงเป็นที่นิยมมากที่สุด รูปแบบที่มีจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาดมีทั้ง เจล ครีม โลชั่น แอโรโซลชนิดสเปรย์ โรลออน และรูปแบบแป้งฝุ่นโรยผิว นับเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีใช้มานานตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนปัจจุบัน เพียงแต่สูตรครีมชนิดนี้ในอดีตอาจมีกลิ่นฉุนรุนแรงของทั้งกรดและด่าง แต่ในปัจจุบันได้พัฒนาให้มีกลิ่นฉุนลดลง  องค์ประกอบทางเคมีของผลิตภัณฑ์ครีมกำจัดเส้นขน มีส่วนประกอบของสารเคมีที่มีความเป็นด่างสูง คือ แคลเซียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งมีอยู่ในเนื้อครีมปริมาณมาก และตัวยาแคลเซียม ไทโอไกลโคเลท (Calcium thioglycolate) หรือ (sodium thioglycolate) ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับโปรตีนของเส้นขน ทำให้เส้นขนนุ่มลงและถูกตัดขาดจากรากขนหรือส่วนที่อยู่ใต้ผิวหนังได้ง่าย   ข้อดี • เป็นวิธีที่ประหยัด ทำได้ง่ายและรวดเร็ว เพียงทาครีมบนผิวหนังทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วเช็ดออก และเป็นวิธีที่ไม่เจ็บปวดเลย • ทำเองได้ ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ หรือไม่จำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญอยู่ด้วย • ผลิตภัณฑ์ในท้องตลาด มีหลายความเข้มข้นให้เลือกซื้อสำหรับเส้นขนที่หนาและแข็ง อาจต้องใช้ชนิดความเข้มข้นสูง  สำหรับผู้ที่มีเส้นขนไม่หนาและอ่อนควรเริ่มต้นเลือกทดลองใช้ความเข้มข้นที่น้อยที่สุดก่อน • หาซื้อได้ง่ายทั่วไป  ข้อเสีย • ได้ผลในระยะสั้นๆ เท่านั้น เส้นขนจะกลับเจริญเติบโตขึ้นใหม่อย่างรวดเร็วภายใน 2-5 วัน • ผู้ที่มีเส้นขนสีดำ อาจจะมองเห็นเป็นรอยดำๆ บนผิวหนัง ซึ่งเป็นสีดำของเส้นขนที่ตกค้างอยู่ใต้ผิวหนังที่ยังคงอยู่ • ผลิตภัณฑ์มักมีกลิ่นฉุนและเลอะเทอะเวลาใช้ แม้ว่าหลายยี่ห้อได้พัฒนาสูตร แต่ยังมีกลิ่นเคมีหลงเหลืออยู่ไม่มากก็น้อย • ระคายเคืองผิวหนังได้ง่าย เนื่องจากมีความเป็นด่างสูง   ข้อแนะนำและข้อควรระวังเนื่องจากชั้นของผิวหนัง มีองค์ประกอบของโปรตีนคีราตินเช่นเดียวกับโปรตีนของเส้นขน ดังนั้นเคมีในเนื้อครีมจะทำลายโปรตีนชั้นผิวหนังที่สัมผัสตัวยาเช่นกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเนื้อครีมกำจัดเส้นขนถูกพอกทิ้งไว้นานเกินไป ผิวหนังจะระคายเคืองและอักเสบได้  ก่อนการใช้งาน ควรทดสอบอาการแพ้หรือไม่แพ้ด้วยตนเองบนผิวหนังบริเวณเล็กๆ โดยทาเนื้อครีมในบริเวณที่ต้องการกำจัดขน ทิ้งไว้สัก 10-15 นาที หรือตามที่ระบุไว้บนฉลาก จากนั้นเช็ดเนื้อครีมออกด้วยกระดาษหรือผ้าชื้น และสังเกตอาการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง หากไม่มีอาการไหม้ แต่อาจมีเพียงอาการแดงเล็กน้อย แสดงว่าสามารถใช้ครีมสำหรับกำจัดเส้นขนได้โดยไม่เกิดอันตราย แต่หากมีอาการไหม้ และปวดแสบปวดร้อน ไม่ควรใช้ต่อ อย่างไรก็ดี สถาบันประเมินความเสี่ยงจากการใช้สินค้าของผู้บริโภค ประเทศเยอรมนี (BfR) ได้ออกมาเตือนการใช้ครีมกำจัดขนชนิดนี้ว่า ถ้าใช้ไม่ถูกวิธี อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองไม่มากก็น้อยต่อผิวหนังบริเวณที่ใช้ได้ และหากมีการใช้เป็นประจำ และใช้ซ้ำบ่อยๆ ในบริเวณเดียวกัน อาจระคายเคืองมากได้ จึงไม่แนะนำให้ใช้ซ้ำบ่อยๆ ในบริเวณเดียวกัน เช่น มีการพอกบนผิวหนังทุก 2-5 วันซ้ำๆ เพราะอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงรุนแรงขึ้น อาการระคายเคืองที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากความเป็นด่างสูงหรืออาจเกิดจากสารเคมีไทโอไกลโคเลท ซึ่งยังไม่มีข้อสรุป  นอกจากนั้น ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้มีข้อบ่งใช้เฉพาะกำจัดเส้นขนตามแขนและขาเท่านั้น ไม่ควรใช้กับใบหน้าเพื่อกำจัดหนวด เครา หรือขนคิ้วเด็ดขาด รวมถึงบริเวณที่ลับใต้ร่มผ้าหรือผิวหนังบริเวณใกล้อวัยวะเพศ  หรือเส้นขนในรูจมูก ซึ่งเป็นบริเวณผิวหนังที่อ่อนไหวและชั้นหนังกำพร้าบาง จะเป็นอันตรายได้ง่าย ผู้บริโภคควรอ่านฉลากกำกับ และใช้ตามข้อแนะนำในฉลากเท่านั้น   เอกสารอ้างอิง 1. http://depilatories.info/ 2. http://www.cosmeticsdesign-europe.com/Regulation-Safety/

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point