ฉบับที่ 182 จิบชาเมืองกรุงสะดุ้งถึงอิสาน

“บางครั้งการตัญญู โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็เกือบสังหารแม่ตนเอง” ผมได้รับเรื่องราวจาก ภญ.สุภาวดี เปล่งชัย รพ.เสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เล่าให้ฟังว่า คุณยายท่านหนึ่งอายุประมาณ 62 ปี ซึ่งเดิมแม้จะป่วยเป็นเบาหวาน แต่แกรับประทานยาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ จึงสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในช่วงปกติได้  แต่คราวนี้ แกมารับยาที่โรงพยาบาล ปรากฏว่าระดับน้ำตาลในเลือดของแกสูงขึ้นมาถึงตัวเลข 181 (mg %)  ภญ.สุภาวดี จึงได้ถามคุณยายว่าแกไปรับประทานอะไรมาหรือเปล่า ทำไมคุณยายที่เป็นผู้ป่วยดีเด่นในแง่การปฏิบัติตัวจึงเสียแชมป์กะทันหันแบบนี้  สุดท้ายได้ความว่า นอกจากยาเดิมที่แกรับประทานแล้ว ลูกชายที่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพ ยังหวังดี ส่งของดีมาให้แกรับประทานอีก เป็นชาจีนแก้ปวดขา แกเล่าว่า ชานี้น่าจะดี พอรับประทานไปแล้ว อาการปวดเมื่อยขาหายเป็นปลิดทิ้ง กินข้าวได้มาก นอนหลับสบาย ภญ.สุภาวดีเห็นท่าไม่ดี เพราะอาการที่แกเล่ามามันเหมือนอาการของการรับประทานยากลุ่มสเตียรอยด์ ซึ่งจะมีผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น จึงรีบประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองฟ้า ซึ่งห่างจากโรงพยาบาลถึง 25 กิโลเมตร ให้ช่วยไปตรวจสอบ ชาวิเศษ ที่บ้านของคุณยาย ผลการตรวจสอบ พบว่า ชาจีนนี้บรรจุในซองพลาสติกขนาดเล็ก โดยบรรจุรวมในกระป๋องโลหะ ฉลากข้อความที่ซอง และกระปุกมีแต่ตัวอักษรภาษาจีนเกือบทั้งหมด  (ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า ชาดอกโบตั๋น 6 รส)  มีระบุเป็นภาษาอังกฤษอยู่ว่า  Bailin Pharmaceuticals   คุณยายให้ข้อมูลว่า ลูกชายไปซื้อมาจากแถวเยาวราช ในราคา กระปุกละ 700 บาท มีชาจีนบรรจุอยู่ในกระป๋อง จำนวน 30 ซอง  เมื่อเจ้าหน้าที่ ใช้ชุดทดสอบสเตียรอยด์เบื้องต้น ทดสอบชาจีน พบว่าให้ผลบวก (หมายถึงมีส่วนผสมของสารสเตอรอยด์) จึงแนะนำให้คุณยายหยุดรับประทาน แล้วส่งชาจีนมาให้ ภญ.สุภาวดี เพื่อส่งไปตรวจยืนยันในห้องแล็บของ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อเป็นการยืนยันอีกครั้งหนึ่ง   ผมนำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง เพื่อเป็นอุทธาหรณ์ว่า อย่าไว้ใจอะไรง่ายๆ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีข้อมูลฉลากถูกต้อง เพราะ สารสเตียรอยด์ มันแทรกซึมไปหลายผลิตภัณฑ์มาก จนบางทีเราอาจหลงเป็นเหยื่อทำร้ายคนที่เรารักด้วยมือเราเองโดยไม่รู้ตัว  ใครจะคิดว่าในชาจีนหอมชื่นใจ จะใส่สเตียรอยด์ทำร้ายร่างกายได้

อ่านเพิ่มเติม >