“เราจะไม่ซื้ออาหารตามร้านค้าทั่วๆ ไปที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยค่ะ และเราก็เชื่อมั่นเสมอว่าจะได้สินค้าที่ดีจากห้างนี้ค่ะ” คุณแพรวคิดแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ก่อนที่จะมาเป็นสมาชิกของห้างค้าปลีกแห่งนี้ซะอีก จนกระทั่งความไว้เนื้อเชื่อใจนี้เองที่ทำให้เธอต้องซื้อ”ไข่เน่ายกแผง” กลับมาบ้าน คุณแพรวเล่าให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายพิทักษ์สิทธิ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคฟังว่า ครอบครัวเธอเป็นลูกค้าประจําที่ห้างค้าปลีกใหญ่ในกรุงเทพฯ นี้ โดยทุกอาทิตย์จะต้องไปจับจ่ายซื้อของสดของแห้งเข้าบ้าน วันเกิดเหตุนั้นเธอหยิบไข่ 1 แผง มี 30 ฟอง ใส่รถเข็นรวมไปกับของอื่นๆ โดยไม่ได้พิเคราะห์อะไรมากเพราะเชื่อใจในมาตรฐานด้านความสด ใหม่ สะอาด ในสินค้าห้างนี้อยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้ตรวจเช็กอะไรมากนัก แต่เมื่อกลับถึงบ้านพอเปิดฝาครอบแผงไข่ออกมาก็ได้กลิ่นเหม็นมาก แล้วก็ต้องผงะตกใจกับกองทัพหนอนไต่ยั้วเยี้ยอยู่ในไข่เน่าแผงนั้น เธอจึงรีบนำไปทิ้ง จนลืมดูวันหมดอายุที่ติดอยู่บนฝาครอบนั้นไปด้วย ถึงจะเสียความมั่นใจไปบ้าง แต่คุณแพรวคิดว่าต้องมีความรับผิดชอบจากผู้ขายนะ เธอจึงรีบโทรศัพท์ไปตามเบอร์ของสาขาที่ให้ไว้บนใบเสร็จทันที แต่...ไม่มีใครรับสาย ก็เลยไปค้นหาเฟซบุ๊กของห้างใหญ่สาขาที่ประสบปัญหานี้ เจอแล้ว ทักแล้ว แต่...ไม่มีแอดมินเพจทํางาน ในที่สุดเธอก็ขวนขวายจนหาเบอร์ติดต่อเพื่อร้องเรียนได้ที่ 1756 ซึ่งพนักงานคอลเซนเตอร์ได้รับเรื่องไว้และแจ้งคุณแพรวว่า “จะประสานไปที่สาขาให้นะคะ คุณลูกค้ารอเลยค่ะจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับแน่นอน” ทว่าสิ่งที่ได้ในวันนั้นคือความเงียบจากห้าง เหลือเพียงความเดือดเนื้อร้อนใจของคุณแพรวเท่านั้น อย่างไรก็ตามในวันรุ่งขึ้น พนักงานประจําสาขาห้างค้าปลีกนี้ติดต่อมาบอกว่า ไข่แผงนั้นน่าจะหลุด QC ให้เธอนําไข่มาเปลี่ยนคืนหรือจะรับเงินคืนก็ได้ แต่คุณแพรวแจ้งไปว่าไม่สะดวก เพราะเธอเพิ่งกลับจากขับรถออกไปซื้อไข่จากห้างอื่นมาเอง พนักงานเลยบอกว่าถ้างั้นวันไหนเธอจะเข้ามาให้โทร.แจ้งก่อนแล้วจะชดเชยให้เธอด้วยไข่แผงใหม่กลับไป คุณแพรวจึงเขียนเล่าเรื่องนี้มาในเฟซบุ๊กของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเพื่อขอคำปรึกษา แนวทางการแก้ไขปัญหา ในกรณีนี้คือสินค้าที่ซื้อมาอาจหมดอายุหรือมีสิ่งแปลกปลอม สิ่งแรกที่ต้องทำคือถ่ายรูปตัวสินค้าและฉลาก(เน้นวันผลิต-วันหมดอายุ) เก็บบรรจุภัณฑ์ของสินค้าและใบเสร็จจากร้านที่ซื้อไว้เป็นหลักฐาน (ถ่ายสําเนาเก็บไว้ด้วย) จากนั้นติดต่อร้านที่ซื้อมาและแจ้งว่าเราต้องการให้เขาดําเนินการอย่างไร เพื่อแก้ไขปัญหาพร้อมชดเชย เยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น เช่น ขอเปลี่ยนสินค้า ขอเงินคืน ขอให้จ่ายค่าเสียเวลา ค่าขาดประโยชน์ และค่าใช้จ่ายในการติดต่อกับผู้ประกอบการ แนะนำให้ทําเป็นหนังสือชี้แจงเหตุของสิ่งผิดปกติและควรขอให้แสดงคำขอโทษต่อผู้เสียหายและสาธารณะ เป็นต้น แต่หากตกลงกันไม่ได้ ให้ทําหนังสือยื่นกับผู้ประกอบการ เล่าสรุปปัญหาที่พบ พร้อมข้อเรียกร้อง โดยส่งถึง “เจ้าของร้านค้า” หรือกรณีนี้คือผู้บริหารห้างค้าปลีกดังกล่าว ซึ่งขณะนี้คุณแพรวกำลังพิจารณาว่าตนเองต้องการให้ทางห้างชดเชยอย่างไรเพื่อส่งเป็นข้อเสนอกลับไป จากกรณีนี้ขอแนะนำว่า แม้มั่นใจกันมากแค่ไหน แต่ทุกครั้งที่ซื้อสินค้า ผู้บริโภคก็ควรพิจารณาสินค้าให้ถี่ถ้วน โดยเฉพาะสิ่งที่สามารถมองเห็นหรือจับสังเกตได้ง่าย ถ้าพบเจอขณะซื้อสินค้าควรรีบแจ้งให้ทางร้านค้าดำเนินการจัดเก็บออกไปจากชั้นวาง แต่หากเผลอซื้อมาแล้ว ผู้บริโภคต้องเก็บใบเสร็จรับเงินไว้ เผื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันการซื้อและระบุตัวตนได้ว่าเป็นผู้เสียหาย ซึ่งทางร้านค้าก็ยากจะปฏิเสธความรับผิดชอบ
อ่านเพิ่มเติม >