ฉบับที่ 159 กระแสต่างแดน

สเปนจะเริ่มสปาย รัฐบาลสเปนเตรียมแผนเก็บข้อมูลบัญชีธนาคารของชาวสเปนทั้งหมด 34 ล้านบัญชี เพื่อจัดการขั้นเด็ดขาดกับขบวนการคอรัปชั่น การฟอกเงินและการก่อการร้าย และแผนนี้ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่ดูแลด้านการคุ้มครองข้อมูลแล้ว ตามแผนที่ว่า ธนาคารต่างๆ จะต้องส่งข้อมูลบัญชีออมทรัพย์ กระแสรายวัน และบัญชีฝากประจำ ทั้งของบุคคลและนิติบุคคลให้กับหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้สรรพากร กองทัพ ศาล และหน่วยสืบราชการลับสามารถเข้ามาตรวจสอบได้สะดวก ใครที่โอนเงินมากกว่า 1,000 ยูโร (ประมาณ 44,500 บาท) และดูมีพิรุธจะถูกจับตา ส่วนการโอนมากกว่า 30,000 ยูโร (ประมาณ 1,335,500 บาท) จะถูกตรวจสอบทุกกรณี และถ้าใครมียอดเงินโอนมากกว่า 3,000 ยูโรต่อเดือนก็จะถูกตรวจสอบ นอกจากนี้การทำธุรกรรมของนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงจะถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิด แต่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วย บรรดาธนาคารต่างๆ ยังไม่มั่นใจเรื่องการรั่วไหลของข้อมูลลูกค้า ด้านผู้พิพากษาก็ให้ความเห็นว่าข้อมูลดังกล่าวอาจถูกนำไปใช้เพื่อผลทางการเมืองได้ และในการสืบสวนคดีที่เกี่ยวข้องกับการเลี่ยงภาษี ถ้ามีคำสั่งศาลก็สามารถขอข้อมูลการเงินจากสรรพากรได้อยู่แล้ว องค์กรผู้บริโภคมองว่าไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะบริษัทใหญ่ๆ ของสเปนก็พากันไปตั้งบริษัทย่อยในดินแดนปลอดภาษีกันหมดแล้ว คงไม่เจออะไรในบัญชีที่มีอยู่ในสเปนหรอก ที่สำคัญใครจะเป็นคนรับประกันว่าหน่วยสืบราชการลับจะไม่ร่วมมือกับรัฐบาลหาประโยชน์จากข้อมูลของผู้บริโภค     อีเวนท์ที่ต้องเว้น โศกนาฎกรรมเรือเซวอล ที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 300 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนนั้นส่งผลกระทบอย่างมากต่อการบริโภคของประชากรเกาหลี แม้แต่กิจกรรมการตลาดเพื่อเกาะกระแสบอลโลกในเดือนมิถุนายนที่เตรียมกันไว้ก็ยังมีอันต้องพับไป ผู้เชี่ยวชาญฟันธงว่า ถ้าใครบังอาจจัดงานรื่นเริงตอนนี้ จะได้ผลในทางตรงกันข้ามต่อแบรนด์ของตัวเองแน่นอน แม้แต่ฮุนไดมอเตอร์ ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (FIFA) ที่เตรียมจัดงานส่งเสริมการตลาดมากมายเช่น เกมส์ชิงรางวัลตั๋วฟรีไปดูนัดที่เกาหลีใต้ลงแข่ง การแจกลูกฟุตบอล หรือผลิตภัณฑ์ที่มีตราสัญลักษณ์ World Cup ก็ต้องงดไปหลายงาน โฆษณาของฮุนไดที่ทำออกมาเป็นแนวขำขันเพื่อสร้างความคึกคักในช่วงเทศกาลบอลโลกและเป็นความหวังของบริษัทที่จะกระตุ้นยอดขายในวันที่รถเกาหลีกำลังถูกรถจากต่างประเทศเข้ามาแย่งตลาด ก็ยังถูกเลื่อนการออกอากาศไปโดยไม่มีกำหนด บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่อันดับสองของเกาหลี K2 ซึ่งเป็นสปอนเซอร์หลักของทีมฟุตบอลโสมขาว ยักษ์ใหญ่อย่างซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ และแฟรนไชส์ร้านกาแฟ Caffe Bene ก็เช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าโศกนาฏกรรมครั้งนี้ส่งผลต่อการบริโภคมากกว่าเหตุการณ์ครั้งใดๆ ที่ผ่านมา เป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้คนไม่ต้องการจับจ่ายใช้สอย มีส่วนร่วมในกิจกรรมบันเทิง หรือเดินทางท่องเที่ยว เห็นได้จากยอดใช้บัตรเครดิตก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงวันที่ 16 ถึง 22 เมษายน และคงจะเป็นเช่นนี้ไปถึงไตรมาสที่สาม รุ่นใหม่ประหยัดไฟกว่า ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา นิวซีแลนด์ต้องเผชิญกับสถานการณ์ไฟฟ้าดับเป็นเวลานานอยู่หลายครั้ง จากการเกิดภัยธรรมชาติ แต่ผลการสำรวจพบว่าผู้คนยังไม่ตื่นตัวเท่าที่ควรในการเตรียมรับมือสถานการณ์ดังกล่าว การสำรวจของผู้ให้บริการไฟฟ้า Canstar Blue พบว่า ชาวเมืองโอคแลนด์มีการเตรียมพร้อมน้อยที่สุด ร้อยละ 43 ยังไม่ได้เตรียมระบบไฟสำรองไว้ใช้ เช่นเดียวกับเมืองเวลลิงตันและเมืองแคนเทอบรี ที่ร้อยละ 35 และร้อยละ 29 ของประชากรก็ยังไม่พร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉินเช่นกัน ผลสำรวจที่น่าสนใจอีกอย่างคือ การเปลี่ยนเจ้าผู้ให้บริการไฟฟ้าของผู้บริโภค เพื่อหาเจ้าที่คุ้มค่าและเหมาะกับการใช้ของตัวเองมากที่สุด (นิวซีแลนด์มีผู้ประกอบการหลายเจ้า และมีหลายโปรโมชั่น คล้ายๆ กับโทรศัพท์มือถือ) ไม่ได้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วมากนัก มีร้อยละ 30 คิดอยากจะเปลี่ยนแต่ยังไม่ลงมือทำจริงๆ และปีนี้ก็มีคนคลิ๊กเข้าไปใช้เครื่องมือในอินเตอร์เน็ทเพื่อเปรียบเทียบราคาค่าไฟของผู้ประกอบการแต่ละเจ้าน้อยลงด้วย แต่เดี๋ยวก่อนข่าวดียังมีอยู่ ... เขาพบว่าชาวกีวีที่อยู่ในเจนวาย (อายุระหว่าง 18 – 29 ปี) เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มจะใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดที่สุด และเป็นกลุ่มที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมมากกว่ากลุ่มอายุอื่นๆ ด้วย   ผู้บริโภคเตรียมรับเละ ใครมีแผนจะไปซื้อทัวร์ในบราซิลโปรดฟังทางนี้ หลังจากผลักดันกันมากว่า 12 ปี ร่างกฎหมายกำกับดูแลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในบราซิลฉบับใหม่ผ่านการพิจารณาในเบื้องต้นแล้ว เหลือเพียงการรับรองโดยประธานาธิบดีเท่านั้น กฎหมายอันว่าด้วยความรับผิดชอบของบริษัททัวร์ที่มีต่อลูกค้า มีทั้งหมด 28 มาตรา มีมาตราหนึ่งระบุว่าถ้าการส่งมอบบริการซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพคเก็จท่องเที่ยว เช่น โรงแรม สายการบิน โปรแกรมทัวร์ชมเมือง ไม่เป็นที่พอใจของลูกค้า ค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะถือเป็นภาระของผู้บริโภค ไม่บอกคุณก็คงรู้ว่าร่างนี้ผลักดันโดยสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวแห่งบราซิล (เขาอ้างว่าที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นความผิดของใคร บริษัทก็ต้องเป็นคนจ่ายทุกที อย่างนี้ขาดทุนซ้ำซาก ลืมตาอ้าปากไม่ได้ซักที) แม้ผู้บริโภคจะยังมีสิทธิที่จะนำเรื่องฟ้องศาลเพื่อการเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ก็ต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์ให้ได้ว่าความเสียหายนั้นเกิดจากความผิดพลาดของบริษัท (แล้วใครจะอยากฟ้องล่ะนี่) ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายผู้บริโภคบอกว่า ถ้ากฎหมายนี้ผ่านจริง นี่จะเป็นหนึ่งในอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในงานคุ้มครองผู้บริโภค ที่สำคัญมันขัดต่อกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคและรัฐธรรมนูญที่ระบุไว้รัฐมีหน้าที่ส่งเสริมการคุ้มครองผู้บริโภค   กังหันลมประจำบ้าน ข่าวดีสำหรับชาวดัทช์ เดี๋ยวนี้เขาสามารถซื้อกังหันลมขนาดเล็กมาติดหลังคาบ้าน (แบบเดียวกับที่เราติดจานดาวเทียมบนหลังคานั่นแหละ) เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าไว้ใช้เองในครอบครัว บริษัทอาคิมิดิส ผู้ผลิตกังหัน Liam F1 Wind บอกว่ากังหันหนึ่งตัวสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณครึ่งหนึ่งของความต้องการใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนทั่วไปและมันจะไม่ทำเสียงดังสร้างความรำคาญให้ผู้อยู่อาศัย ด้วยสนนราคา 4,000 ยูโร (ประมาณ 180,000 บาท) จุดคุ้มทุนจะอยู่ที่ประมาณ 8 – 15 ปี บริษัทบอกว่าเจ้ากังหันมินิที่มีความสูง 1.5 เมตร หนัก 75 กรัม จะมีหลายสีให้เลือกเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการอุปกรณ์ประหยัดไฟที่ช่วยสร้างสีสันให้กับบ้านไปพร้อมๆ กัน ข่าวบอกว่าเขาจะทำสีทองไปขายในตะวันออกกลางด้วยนะ แต่ข่าวไม่ได้บอกว่าเขาจะทำมาขายเมืองไทยหรือไม่ รู้กันไว้ให้น้ำลายไหลเล่นๆ ในวันที่บ้านเรายังไม่มีการพูดถึงการพึ่งพาตัวเองด้านพลังงานของแต่ละครัวเรือน  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 109 กระแสต่างแดน

คุณค่าที่ไม่คู่ควร องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ ลุกขึ้นมาประกาศสงครามกับผู้ผลิตที่ติดฉลาก อวดอ้างสรรพคุณที่ไม่เป็นจริงบนผลิตภัณฑ์อาหาร เนื่องจากมีให้เห็นกันแพร่หลายจนเกินทน ถึงวันนี้มีผู้ประกอบการที่ได้รับจดหมายเตือนไปแล้ว 17 บริษัท หนึ่งในนั้นคือเนสท์เล่ที่เรารู้จักกันดี ข่าวบอกว่าข้อความบนฉลากของน้ำผลไม้ยี่ห้อจูซี่ จูซ ของเนสท์เล่นั้น ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าเครื่อง ดื่มดังกล่าวทำมาจากผลไม้ชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่ความจริงแล้วเป็นการนำเอาน้ำผลไม้หลายชนิดมารวมกัน แล้วแต่งกลิ่น นอกจากนี้บริษัทยังถูกตักเตือนเรื่องอาหารเสริมสำหรับเด็กยี่ห้อเกอเบอร์ ด้วยเหตุที่ข้อมูล โภชนาการที่แจ้งบนฉลากนั้นยังไม่ได้รับการรับรองสำหรับเด็กอายุ 2 ปี อีกหนึ่งบริษัทที่ถูกอย. สหรัฐฯ จับจ้องอยู่ได้แก่ผู้ผลิตเครื่องดื่มน้ำทับทิมยี่ห้อ POM ที่ให้ข้อมูลกับผู้บริโภคบนเว็บไซต์ของตนเอง (โดยแจ้งเว็บไซต์ไว้ที่ฉลาก) ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถป้องกันหรือรักษาอาการเครียด เบาหวาน หรือมะเร็งได้ แม้จดหมายเหล่านี้จะเป็นเพียงการขอความร่วมมือจากบริษัท แต่อย่างน้อยๆ ก็เป็นการส่งสารไป ยังผู้บริโภคว่าอย่าเชื่อในสิ่งที่เห็นเสมอไป และถ้าอะไรมันดูเหมือนจะดีเกินจริง ก็คงเป็นเพราะมันไม่จริงนั้นแล ... -------------------------------------------------------------------------------------------------------------- คุมน้ำหนักด้วยอาหารฟาสต์ฟู้ด ?นาทีนี้อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ในโลกของธุรกิจ แม้แต่ผู้ให้บริการโปรแกรมลดน้ำหนัก Weight Watchers ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกก็ยังจับมือกับร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแมคโดนัลด์ ต่อไปนี้ แมคนักเก็ต เบอร์เกอร์ปลา และแร็พไก่ ที่ขายในร้านแมคโดนัลด์สาขาในนิวซีแลนด์ จะมีโลโก้ของ Weight Watchers อยู่ด้วย เพื่อเป็นการรับรองว่าคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักนั้น สามารถกินได้ ไม่ต้องกังวลWeight Watchers ชื่อที่ได้รับการเชื่อถือมานานด้วยระบบ การให้แต้มกับอาหารแต่ละประเภท โดยคิดจากปริมาณแคลอรี่ และไขมันอิ่มตัว ถ้าต้องการจะลดน้ำหนักด้วยโปรแกรมนี้เรา จะต้องควบคุมปริมาณอาหารให้อยู่ที่วันละ 18 – 40 แต้ม โดย แต่ละคนก็จะมีแต้มที่ต่างกันไปตามแต่น้ำหนัก ส่วนสูง อายุ เพศ และกิจกรรมในแต่ละวัน งานนี้ Weight Watchers ถึงขั้นออกมารับรองว่าอาหารชุดของแมคที่เสิร์ฟพร้อมสลัดและน้ำ/น้ำอัดลม แบบไร้น้ำตาล จะมีค่าเท่ากับ 6.5 แต้ม บริษัทอ้างว่าอยากจะส่งสารไปยังคนที่ควบคุม น้ำหนักว่าพวกเขายังมีความสุขกับชีวิตได้แม้จะอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก (ว่าแต่ความสุขนี่มันหาได้จากอาหาร ฟาสต์ฟู้ดอย่างเดียวรึ)มองในทางกลับกัน มันจะทำให้ผู้คนหันมาบริโภคอาหารประเภทนี้กันด้วยความเข้าใจว่ามันดีต่อสุขภาพ และยังไม่นับว่าเมื่อเข้าไปในร้านแล้วลูกค้าก็อาจจะสั่งโดนัทหรือมิลค์เชคเพิ่มจากอาหารสามประเภทที่ว่า นั้นด้วย หลายฝ่ายมองว่ามันคือแผนเพิ่มยอดขายด้วยการดึงลูกค้ากลุ่มที่ควบคุมน้ำหนักตัวให้เข้าร้าน จะมีหรือไม่มีโลโก้ ไก่ชุบแป้งทอดก็ยังเป็นไก่ชุบแป้งทอดอยู่นั่นเอง ----------------------------------------------------------------------------------------------------------ห่อให้ด้วย ช่วยลดโลกร้อน เพิ่งรู้ว่าคนญี่ปุ่นเขาไม่นิยมเก็บอาหารที่ทานไม่หมดในร้านติดตัวกลับบ้านไปด้วย การสำรวจเมื่อสองปีก่อนพบว่ามีคนญี่ปุ่นพียงร้อยละ 1 เท่านั้นที่เข้าใจแนวคิดเรื่องการนำอาหารเหลือกลับบ้าน ดังนั้นเขาถึงมีการก่อตั้งองค์กรขึ้นมารณรงค์เปลี่ยนทัศนคติคนให้ช่วยกันลดขยะจากอาหารเหลือตามร้าน ปีนี้องค์กร DoggyBag Committee ได้ทำการสำรวจอีกครั้งและพบว่าร้อยละ 90 ของผู้ตอบเห็นด้วย กับการนำอาหารที่กินเหลือกลับบ้าน (องค์กรนี้บอกว่าความจริงแล้วเมื่อ 20 -30 ปีก่อนคนญี่ปุ่น ก็นิยมเก็บอาหารที่เหลือจากงานเลี้ยงกลับบ้านกันเป็นปกติ) เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก็เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของภัตตาคารบุฟเฟ่ต์ในญี่ปุ่นที่มีบริการห่อกลับบ้านให้กับลูกค้า ร้านที่เป็นผู้บุกเบิกได้แก่ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ 3 แห่งของโรงแรมในเครือโคคุไซ แต่เขาก็มีการจำกัดปริมาณในการห่อกลับบ้านและต้องตรวจสอบก่อนว่าอาหารที่จะให้ลูกค้านำกลับนั้นจะยังอยู่ได้อีกหลายชั่วโมง นอกจากนี้ยังกำชับให้กินให้หมดภายในวันเดียวด้วย ขณะนี้ร้านเล็กๆ เริ่มให้ความร่วมมือกับการบรรจุถุง/กล่องกลับบ้านให้ลูกค้า แต่ร้านใหญ่ๆ บอกว่ายังไม่อยากทำเรื่องนี้เต็มตัวจนกว่าจะแน่ใจว่าสังคมญี่ปุ่นให้การยอมรับเรื่องนี้อย่างจริงจัง กระทรวงเกษตรของญี่ปุ่นบอกว่า ในปี พ.ศ. 2550 มีขยะจากอุตสาหกรรมอาหารถึง 11 ล้านตันต่อปี นับเป็นสถิติที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศที่พัฒนาแล้ว และการจัดการกับขยะเศษอาหารในญี่ปุ่น นั้นมีค่าใช้จ่ายประมาณ 36 บาทต่อ 1 กิโลกรัม --------------------------------------------------------------------------------------------------------------ขวดเก่าไปบอลโลกกำลังรออยู่ว่าฟุตบอลโลกที่อัฟริกาใต้ปีนี้จะมีมุขอะไรออกมารณรงค์เพื่อการลดโลกร้อนกันบ้าง ข่าวแรกออกมาแล้วว่าบรรดานักเตะจาก 9 ทีมดังที่มีไนกี้เป็นสปอนเซอร์หลักจะสวมเสื้อที่ทำจากใยโพลีเอสเตอร์ที่ผ่านการรีไซเคิลมาจากขวดพลาสติกที่ใช้แล้ว ขวดพวกนี้จะเดินทางมาจากญี่ปุ่นและไต้หวัน เพื่อเข้าแถวรับการตัด หลอม แล้วปั่นเป็นเส้นใย ซึ่งสามารถนำไปทอเป็นผืนผ้าและเย็บเป็นตัวเสื้อ เขาบอกว่าเสื้อหนึ่งตัวจะใช้ขวดประมาณ 8 ขวด บริษัทบอกว่า “เสื้อขวด” นั้นจะมีราคาเท่ากับเสื้อปกติ แม้ว่าวัสดุรีไซเคิลนั้นจะมีราคาแพงกว่า ผ้าธรรมดาอยู่บ้างแต่ก็สามารถชดเชยด้วยการประหยัดงบในส่วนอื่นๆ เพราะจะว่าไปแล้วการ ผลิตเสื้อแบบนี้สามารถลดการใช้พลังงานในการผลิตได้ถึงร้อยละ 30 เลยทีเดียว การตัดสินใจผลิตเสื้อรุ่นดังกล่าวออกมาช่วยทำให้ขวดพลาสติก จำนวน 13 ล้านขวด ได้อวตารมาเป็นเสื้อ 1.5 ล้านตัว แทนจะกลาย เป็นวัสดุถมดิน------------------------------------------------------------------------------------------------------------------มาสอนก็มีเสี่ยงนับถึงวันนี้มีครูชาวอังกฤษเสียชีวิตไปแล้ว 178 คน จากอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับแร่ใยหิน (แอสเบสทอส) และนั่นคือสาเหตุที่หน่วยงานท้องถิ่น 34 หน่วยงานกำลังถูกสอบสวนอยู่ในขณะนี้ การสุ่มสำรวจโรงเรียน 16 โรงโดยสมาคมให้คำปรึกษาและฝึกอบรมเกี่ยวกับแร่ใยหินพบว่า ไม่มีโรงเรียนไหนเลยที่มีระบบป้องกันอันตรายจากแร่ใยหินซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิด โรคมะเร็งที่เยื่อหุ้มปอด ข่าวดังกล่าวทำให้สมาคมครูในอังกฤษออกมาเรียกร้องให้มีการตั้งองค์กรอิสระขึ้นมากำกับ ดูและและให้คำแนะนำในเรื่องแร่ใยหินและการกำจัดหรือจัดการมันในเขตโรงเรียน รัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องนี้ประกาศว่ารัฐบาลจะจัดทำคู่มือเรื่องการจัดการแร่ใยหิน เพื่อแจกให้กับบรรดาครูใหญ่ ผู้ว่าการรัฐ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานท้องถิ่นได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เนื่องจากประมาณร้อยละ 75 ของโรงเรียนในอังกฤษนั้นมีการใช้แร่ใยหินในวัสดุก่อสร้าง เบื้องต้นผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้กำจัดวัสดุอาคารที่ชำรุดเสียหายที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินออกไปก่อน ส่วนวัสดุที่ยังไม่เสียหายนั้นให้ปล่อยไว้อย่างนั้นโดยเพิ่มการจัดการที่ดีแทน โชคดีที่อังกฤษเขามีกฎหมายเรื่องนี้เข้มพอสมควร จึงทำให้เรื่องนี้ได้รับการจัดการอย่างรวดเร็ว ส่วนประเทศไทย ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราซึ่งมีการใช้วัสดุก่อสร้างที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบกันอย่างแพร่หลายเช่นกัน จะหันมาให้ความสนใจกับการจัดการแร่ใยหินอย่างเป็นรูปธรรมเหมือนเขาบ้าง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สายการบินสปิริตสูงออสเตรเลียก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เกิดกรณีร้องเรียนจำนวนมากจากผู้ใช้บริการสายการบินต้นทุนต่ำ รัฐบาลจึงออกกฎให้สายการบินเหล่านี้เสนอสิ่งที่เรียกว่า “ข้อตกลงกับผู้โดยสาร” เพื่อเป็นการรับประกัน ว่าผู้โดยสารจะได้รับบริการที่ดีขึ้น สายการบินเจ็ทสตาร์รีบลงมือทำเรื่องนี้ก่อนใคร หลังจากเสียคะแนนไปเยอะเมื่อปลายเดือนมกราคม ที่ผ่านมาเมื่อเครื่องบินที่จะต้องพาผู้โดยสารจากเกาะภูเก็ตกลับไปออสเตรเลีย เกิดเหตุขัดข้อง ทางเทคนิค ทำให้ผู้โดยสารจำนวน 290 คนต้องติดค้างอยู่ที่ภูเก็ตถึง 2 คืน แต่บริษัทก็รีบกู้ชื่อกลับมาด้วยการให้การชดเชยและปลอบใจผู้โดยสารแบบที่สายการบินอื่นๆ ต้องอึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจ็ทสตาร์บอกว่างานนี้ใช้เงินไปประมาณ 1 ล้านเหรียญออสเตรเลีย (เกือบๆ 30 ล้านบาท) สำหรับการส่งเครื่องบินเปล่ามารับผู้โดยสาร และจ่ายเงินคืนเต็มจำนวน ให้กับผู้โดยสารทุกคน เฉลี่ยคนละ 1,000 เหรียญ (ประมาณ 29,500 บาท) เงินชดเชยอีกคนละ 600 เหรียญ (ประมาณ 17,600 บาท) และค่าที่พัก 2 คืนในโรงแรมที่ภูเก็ตด้วย สายการบินอื่นจะไม่อึ้งได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมาอย่างเก่งสายการบินก็ยอมคืนเงินให้ บางส่วนหรือไม่ก็แจกเวาเชอร์มูลค่า 50 เหรียญ (ประมาณ 1,500 บาท) ให้ผู้โดยสารเท่านั้น

อ่านเพิ่มเติม >