ฉบับที่ 255 วิธีดูแลผิวแตกลาย

        ใครมีปัญหาผิวหนังแตกลาย อย่าเพิ่งเครียดกันนะคะ “ฉลาดซื้อ” เรามีวิธีป้องกันและรักษาอย่างถูกวิธีมาฝาก         ธรรมดาผิวแตกลายมักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง(การขยายตัว) อย่างรวดเร็วที่พบได้บ่อย ส่วนมากมักมาจากการตั้งครรภ์ การลดหรือเพิ่มน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ซึ่งรอยแตกลายที่เกิดจากสาเหตุที่กล่าวมานั้น ถือว่าเป็นเหมือนเรื่องธรรมชาติปกติของร่างกายถึงจะไม่สามารถรักษาให้กลับมาผิวเหมือนเดิม100% ได้แต่ก็พอมีวิธีดูแลเพื่อให้รอยจางลงได้ แต่ที่มีอีกบางสาเหตุที่น่ากังวัลกว่า คือการใช้ครีมหรือโลชั่นที่อวดอ้างโฆษณาว่าทาแล้วดี ขาวเร็วขาวใสภายใน 7 วัน ซึ่งเป็นครีมที่ทำให้ผิวขาวจริง เพราะการใส่สารอันตรายเข้าไปผสม เช่น สารสเตียรอยด์ สารปรอทหรือสารอันตรายอื่นๆ ซึ่งเมื่อใช้ไปสักพักผิวจะแตกลายจนน่ากลัวอย่างที่เคยเป็นข่าวเมื่อหลายปีก่อน (อ่านจากฉลาดซื้อย้อนหลังได้เลย)  ซึ่งหากรอยแตกเกิดจากสาเหตุนี้สิ่งที่ควรทำคือ หยุดใช้ครีมนั้นทันที และพบแพทย์เพื่อรักษาด่วน รอยแตกลายสีแดงและสีขาว         รอยแตกลายมักเกิดจากการยืดและหดตัวอย่างรวดเร็วของของผิวหนัง ซึ่งหากรอยแตกลายที่เกิดขึ้นบริเวณร่างกายมีลักษณะสีแดง แปลว่ารอยแตกลายนั้นอยู่ในระยะเริ่มแรกและสามารถรักษาให้จางลงได้เร็วกว่ารอยแตกสีขาว ในส่วนของรอยแตกสีขาวจะเกิดหลังจากมีรอยแตกสีแดงที่เริ่มจางจนกลายมาเป็นสีขาวจะรักษาได้ยากกว่าสีแดง แต่ก็สามารถรักษาให้จางลงมาได้เช่นกัน ความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดผิวแตกลาย        -        ผู้ที่ตั้งครรภ์โดยเฉพาะหากมีอายุยังน้อย        -        การที่มีน้ำหนักเพิ่มและลดลงอย่างรวดเร็วจนเกินไป        -        การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว        -        การเจริญเติบโตของร่างกายในช่วงวัยรุ่นอย่างรวดเร็ว        -        ใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ และเข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าอก การดูแลรักษาผิวแตกลาย         การดูแลรักษารอยแตกลายเบื้องต้นอย่างแรกที่สำคัญคือ        -        การใช้มอยเจอร์ไรส์เซอร์เพื่อให้ความชุ่มชื้นบริเวณผิวที่แตกลาย แม้มอยเจอร์ไรส์เซอร์จะไม่ได้ช่วยให้รอยแตกลายหายขาดหรือจางลงโดยตรง แต่สามารถช่วยให้ผิวบริเวณที่แตกนั้นมีความชุ่มชื้นผิวไม่แห้งและดูดีขึ้นจากเดิม        -        การใช้ครีมที่มีส่วนผสมวิตามินเอทาบนบริเวณที่แตกลายเพื่อให้รอยแตกลายนั้นจางลง หรือใช้ยา กลุ่ม Tretinoin แต่ถ้าเลือกใช้กรดวิตามินเอไม่ควรใช้สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์เพราะกรดวิตามินเอ อาจส่งผลให้ทารกในครรภ์เสี่ยงต่ออันตรายได้          -        ใช้ผลิตภัณฑ์ครีมลดรอยแตกลายที่วางขายตามตลาดได้ แต่ก่อนซื้อควรศึกษาหาข้อมูลของผลิตภัณฑ์นั้นให้ดีเพื่อไม่ให้เสี่ยงเจอผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารอันตราย และควรเช็กให้ดี   ไม่ควรเชื่อครีมที่มีการโฆษณาว่าหายเร็วหายไว้ภายใน 3-7 วัน เป็นต้น        -        ใช้เลเซอร์เป็นตัวช่วยในการรักษา รู้กันดีว่ารอยแตกลายนั้นไม่สามารถรักษาให้หายกลับมาเหมือนผิวเดิม 100% แต่ยังไงการเลเซอร์คือวิธีรักษาอีกทางหนึ่งที่ได้ผลดี โดยเฉพาะเริ่มแรกของรอยแตกลายที่มีลักษณะสีแดง ตัวอย่างเลเซอร์ เช่น Fractional CO2 Laser , Fractional RF , Fine Scan Laser , Vbeam laser หรืออื่นๆ  ทั้งนี้การเลือกใช้เลเซอร์ในการรักษาอยู่ที่แพทย์ประเมินว่าสภาพผิวรอยแตกลายของเราว่าเหมาะกับเลเซอร์รูปแบบไหน         อย่างที่กล่าวตอนแรก ผิวแตกลายคงไม่มีใครอยากให้เกิดถึงแม้จะเป็นเรื่องธรรมชาติมากก็ตาม ดังนั้นการหาทางป้องกันด้วยการควบคุมภาวะเสี่ยงจะช่วยได้มาก เช่น ไม่ลดน้ำหนักหรือเพิ่มน้ำหนักเร็วเกินไป กรณีการตั้งครรภ์คุณแม่ควรหมั่นใช้ครีมหรือมอยเจอร์ไรส์เซอร์ที่มีเนื้อครีมเข้มข้น ทาผิวบริเวณหน้าท้องสม่ำเสมอ ส่วนใครจะเลือกรักษาด้วยการใช้เลเซอร์ถ้าเข้าใช้บริการที่คลินิกอย่าลืมตรวจสอบสถานที่ประกอบการและผู้ให้บริการว่ามีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่ ตรวจสอบใบอนุญาตว่าผู้ที่ทำการรักษาใช้แพทย์จริงหรือไม่ สามารถตรวจสอบผ่านทางเว็บไซต์ https://checkmd.tmc.or.th/ (เว็บไซต์ตรวจสอบรายชื่อแพทย์จากฐานข้อมูลแพทย์สภา) ส่วนการใช้ครีมหรือโลชั่นที่อวดอ้างสรรพคุณเว่อร์วัง อย่าลองใช้เลยนะคะ ปัญหาไม่จบแน่ๆอ้างอิง : https://www.youtube.com/watch?v=JKwCpOZJmTwhttps://www.thaihealth.or.th/blog/myblog/topic/1269/https://hellokhunmor.com/สุขภาพผิว/การดูแลและทำความสะอาดผิว/รอยแตกลาย-สาเหตุ-การรักษา/

อ่านเพิ่มเติม >