ฉบับที่ 270 จัดการหัวเข่า-ข้อศอกดำด้านอย่างไรดี?

        ปัญหาผิวกายที่กวนใจสุดๆ ของหลายคน นอกจากเรื่องผิวแห้งคล้ำเสียหรือริ้วรอยจากแผลต่างๆ  อีกเรื่องก็คงเป็น “ข้อศอกกับหัวเข่า ดำและด้าน” ใช่ไหม ปัญหาสุดคลาสสิกของเหล่าคนที่ชอบผิวสวยสว่าง การมีข้อศอกและหัวเข่าดำด้านคงทำให้หงุดหงิดเป็นแน่         เนื่องจากเป็นจุดของข้อต่อ การมีผิวหนังบริเวณดังกล่าวดำด้านสาเหตุมักจะเกิดจากการเสียดสีบ่อยๆ เช่น การเท้าโต๊ะ วางแขนในการนั่ง นอน หรือนั่งคุกเข่าบ่อยๆ และบางคนก็อาจมีสาเหตุจากพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหรือผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิดอีกด้วย         ดังนั้นหากเป็นสาเหตุที่พฤติกรรม เช่น การเท้าโต๊ะหรือคุกเข่าบ่อยๆ ก็อาจจะหลีกเลี่ยงการทำสิ่งนั้น เพื่อไม่ให้เกิดการเสียดสีกับบริเวณข้อศอกและเข่าได้  หรือสามารถดูแลได้ตามวิธีดังนี้         ·     ใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มผลัดเซลล์ผิวช่วย เช่น กลุ่ม AHA BHA ได้แต่ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไป เพราะอาจจะเกิดการระคายเคืองหรือผิวอักเสบ ทำให้ผิวบริเวณนั้นมีสีที่เข้มกว่าเดิมได้ และอีกตัวเลือก คือ พวกกลุ่ม Whitening ก็ช่วยได้เหมือนกัน        ·     อีกวิธีคือการสครับผิวบริเวณข้อศอกและหัวเข่า เพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป แต่ก็ไม่ควรสครับโดยการขัดและถูแรงๆ จนเกินไป 1 อาทิตย์ใช้แค่ 2-3 ครั้งพอ         ·     ส่วนจะซื้อผลิตภัณฑ์พวกนี้ได้ที่ไหนแล้วไม่เป็นอันตราย สามารถเลือกซื้อได้ตามร้านค้าที่น่าเชื่อถือในห้างสรรพสินค้าทั่วไปได้เลย ใครที่จะใช้พวกครีมผลัดเซลล์ผิวที่มีส่วนผสม AHA BHA ก็ควรเลือกเน้นสูตรที่อ่อนโยนต่อผิวเป็นหลักได้ยิ่งดี ใครที่ชอบสครับก็เลือกที่เป็นส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติ เช่น มะขาม ขมิ้น เป็นต้น  นอกจากนี้ ไม่ซื้อตามออนไลน์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ยกตัวอย่าง เช่น ร้านที่โฆษณาสินค้าเกินจริง เคลมการเห็นผลไว 3 วัน 7 วัน เห็นผล หรือถ้าจะสั่งออนไลน์จริงๆ ก็ควรสั่งกับ Account official ของร้านค้าเท่านั้น         ·     ที่สำคัญอย่าลืมเช็กรายละเอียดก่อนซื้อ คือ เลขจดแจ้งของ อย. และมีการเขียนส่วนผสมในฉลากให้ชัดเจน มีชื่อผู้ผลิต วันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุให้ครบถ้วน         อย่างไรก็ตาม ฉลาดซื้อแนะนำให้ใช้มอยเจอร์ไรส์เซอร์เป็นตัวช่วยร่วมด้วย เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวในส่วนของข้อศอกและหัวเข่า เพราะว่าข้อศอกและหัวเข่าด้านนั้นคงมีอาการแห้งร่วมด้วย การบำรุงผิวด้วยการเติมความชุ่มชื้นประกอบกับผลัดเซลล์ผิวไปด้วยจะช่วยให้ผิวบริเวณนั้นดีขึ้นได้           ทั้งนี้ การเลือกมอยเจอร์ไรส์เซอร์ก็ควรเลือกที่เหมาะกับตัวเอง งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม พาราเบนหรือแอลกอฮอล์ ถือว่าเป็นการหลีกเลี่ยงการใช้กลุ่มสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองไปด้วย เพราะอย่าลืมว่าบางคนก็มีผิวที่บอบบาง ซึ่งอาจทำให้มีอาการแพ้และผิวบริเวณนั้นมีอาการหนักกว่าเดิมได้ แต่หากใครที่ใช้กลุ่มที่มีน้ำหอมแล้วไม่แพ้ก็สามารถใช้ต่อไปได้ปกติค่ะ         กรณีข้อศอก เข่า ดำด้านในผู้ที่มีสาเหตุมาจากฮอร์โมนหรือผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด ควรปรึกษากับแพทย์ผิวหนังโดยตรง พร้อมทั้งแจ้งข้อมูลให้ละเอียดว่ารักษาหรือใช้ยาอะไรอยู่บ้าง เพื่อให้แพทย์รู้สาเหตุและรักษาได้อย่างตรงจุด         ทิ้งท้ายสิ่งที่ต้องระวังที่สุด คือ การหาข้อมูลการรักษาโรคในออนไลน์แล้วมีการให้ใช้ส่วนผสม ต่างๆ (ซึ่งไม่มีการพิสูจน์อย่างเป็นวิชาการ) มาทาที่ผิว บางอย่างถ้าไม่ศึกษาให้ดีก็อาจเป็นอันตรายได้ และจะยิ่งมีผลร้ายทำให้ต้องเสียทั้งสุขภาพและเงินทองจึงต้องระมัดระวังอ้างอิง :        https://hellokhunmor.com | ข้อศอกด้าน สาเหตุ การดูแลและการป้องกัน        https://th.theasianparent.com | ศอกด้านแค่ไหนก็เอาอยู่! วิธีแก้ข้อศอกด้าน ศอกดำ กู้ศอกคล้ำให้กลับมาขาวเนียน        https://youtu.be/uAGnNtlmkM0?si=l_NZXKbjeXoZIrdJ | "แก้หัวเข่าดำ ทำได้ไม่ยาก" คุยกับหมออัจจิมา

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 250 ดูแลผิวแห้งช่วงฤดูหนาว

        เมื่อถึงช่วงเวลาของฤดูหนาว แม้ประเทศไทยเราไม่ได้หนาวมากเหมือนต่างประเทศที่มีอุณหภูมิถึงขั้นติดลบ แต่สิ่งที่ประสบปัญหาเหมือนกันคือ เรื่องผิวแห้งและลอกเป็นขุยสีขาวตามผิวหนังทั้งแขนและขาจนน่ารำคาญใจ บางคนเลยเถิดถึงขั้นเป็นแผลจากการแกะเกาอีกด้วย ยิ่งโดยเฉพาะคนที่มีผิวแห้งเป็นทุนเดิมอยู่แล้วคงจะไม่ชอบเอามากๆ         สาเหตุของผิวแห้งเป็นขุย หลักๆ คือ ผิวขาดความชุ่มชื้น ซึ่งอาจเกิดจากสภาพอากาศภายนอกที่มีความชื้นต่ำ ทำให้ผิวหนังสูญเสียน้ำออกไปได้ง่ายกว่าปกติ จนเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือความสมดุลของผิวหนัง และเกิดอาการลักษณะผิวแห้งลอก (ขุยขาวๆ ) และยังอาจมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การอาบน้ำอุ่นบ่อยๆ การอยู่ในห้องแอร์นานหลายชั่วโมง รวมไปถึงการใช้สบู่ที่ผสมสารที่กำจัดไขมันบนผิวออกไป         ลักษณะปัญหาผิวที่พบในหน้าหนาว นอกจากผิวแห้ง คือ         ผิวพรรณไม่สดใสหมองคล้ำ  เกิดจากผิวของเราที่ขาดความชุ่มชื้นจนแห้งกร้าน เมื่อสะสมไปนานๆ ก็ทำให้ผิวเกิดความหมองคล้ำขึ้นได้         ผิวหน้ามัน ทำไมถึงมีปัญหาผิวมันได้ในช่วงหน้าหนาวในเมื่อสภาพอากาศแห้ง สาเหตุเกิดขึ้นเพราะผิวหน้าของเราเมื่อขาดความชุ่มชื้น ขาดน้ำ ต่อมไขมันใต้ผิวหนังก็จะดึงเอาน้ำมันออกมาเพื่อไม่ให้ผิวหน้าเรานั้นแห้งจนเกินไป จนทำให้ผิวหน้าของเรานั้นมีความมันเพิ่มขึ้นนั่นเอง   วิธีการดูแลผิวในช่วงหน้าหนาว        1.    หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น เพราะความร้อนของน้ำอุ่นที่มีอุณหภูมิสูงมากกว่าปกติจะเข้าไปทำลายไขมันที่เคลือบไว้ปกปิดผิวหนัง จนทำให้ผิวหนังขาดความชุ่มชื้นนั่นเอง แต่ไม่ใช่ว่าไม่สามารถอาบน้ำอุ่นได้ เราสามารถอาบน้ำอุ่นได้ แต่ควรอาบในอุณหภูมิที่ใกล้เคียงกับอุณหภูมิปกติและควรหลีกเลี่ยงการขัดถูผิวแรงๆ        2.    ทาครีมให้ความชุ่มชื้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทาครีมเป็นตัวเลือกแรกที่ทุกคนต้องเลือกใช้ในช่วงหน้าหนาวอยู่แล้ว แต่จะเลือกให้ดี ควรเลือกครีมที่มีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น ได้แก่ กลีเซอรีน  ซอบิทอล เซรามายด์  ลาโนลิน หรือพวกชนิดน้ำมันมะกอก หรือโจโจ้บาออยล์ โดยหากจะให้ครีมมีประสิทธิภาพในการดูดซึมที่ดีควรทาหลังอาบน้ำทันที โดยเช็ดตัวให้หมาดก่อนเริ่มทาครีม        3.    หลีกเลี่ยงครีมที่มีกรดผลไม้ กรดเรตินอล และแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ผิวเราเกิดการระคายเคืองมากขึ้นจากเดิม        4.    การใช้สบู่อาบน้ำ ควรเลือกใช้สบู่อาบน้ำที่เหมาะสมกับสภาพผิวโดยเลือกสบู่ที่มีกรดอ่อนอยู่ในระดับ pH 5.5 เพื่อรักษาความสมดุลของผิวหนัง        5.    ทาครีมกันแดดแบบ SPF50+ ทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เพื่อป้องกันแสงแดด        6.    ดื่มน้ำให้มากขึ้น เนื่องจากสาเหตุที่ผิวของเราแห้งและลอกมาจากการสูญเสียน้ำทางผิวหนัง เพราะฉะนั้นควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว        7.    หากพบมีอาการผื่นคันจากผิวที่แห้งลอกมากๆ ก็ควรที่จะเข้าพบเพื่อปรึกษาแพทย์ทันที ไม่ควรปล่อยไว้  เพราะอาจเกิดความเสียหายกับผิวที่มากกว่าเดิม

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 223 ผู้สูงวัยดูแลผิวแห้งลอกเป็นขุยอย่างไรดี

        พอเลขอายุเริ่มสูงขึ้น สุขภาพผิวก็เสื่อมลงเป็นธรรมชาติอันยากจะเอาชนะ ผิวที่แห้งแตกลอกเป็นขุยในผู้สูงวัยเกิดจากการผลัดผิวของชั้นหนังกำพร้าที่ช้าลงไปเรื่อยๆ (ปกติผิวชั้นหนังกำพร้าจะเปลี่ยนเซลล์ใหม่ในเวลา 4 สัปดาห์)  ทำให้ผิวแตก เกิดขุยและคัน บางคนเกาจนกลายเป็นแผลอักเสบติดเชื้อ  ฉลาดซื้อจึงขอนำแนวทางการดูแลผิวแห้งมาฝากเพื่อช่วยให้อาการคันและอักเสบต่างๆ บรรเทาลง         ผลิตภัณฑ์ชำระล้าง        ถ้าสภาพผิวแห้งมากควรอาบน้ำโดยงดเว้นการใช้สบู่ ทั้งสบู่ก้อนและสบู่เหลว เพราะสบู่ส่วนใหญ่โดยเฉพาะสบู่เหลวมีสารชำระล้างที่ก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิว หากจะเลือกใช้ควรเปลี่ยนเป็นสบู่เด็กหรือสบู่ที่ผลิตแบบธรรมชาติไม่ได้ใช้ไขมันสัตว์ ไม่ใส่สารชำระล้างที่แรง(สังเกตจากฟอง ฟองมากมักเกิดจากสารชำระล้าง) ไม่มีวัตถุกันเสียหรือแอลกอฮอล์         ครีมบำรุงผิว/โลชั่น        หลังอาบน้ำ ควรทาครีมบำรุงผิว โดยเลือกที่เนื้อครีมหนักเน้นให้ความชุ่มชื้น เลือกที่ไม่มีส่วนผสมของสารกันเสียอย่างพาราเบน แอลกอฮอล์ หรือเลือกใช้เป็นเบบี้ออยล์ชโลมผิว อาจรู้สึกเหนอะหนะแต่จะช่วยลดอาการผิวลอกเป็นขุยได้         เลี่ยงการอาบน้ำอุ่น        หลายท่านชอบอาบน้ำอุ่นหรือแช่น้ำอุ่นเพราะรู้สึกผ่อนคลาย แต่น้ำอุ่นสร้างความแห้งให้แก่ผิวโดยตรง ยิ่งสัมผัสนานผิวยิ่งแห้งดังนั้นควรเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น หรือหากต้องการผ่อนคลายควรแช่เฉพาะบางส่วนเช่น มือ เท้า         ใช้ครีมกันแดด        เมื่อต้องออกไปเผชิญแดดจัดจ้าควรปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยครีมกันแดด หรือสวมใส่เสื้อผ้าปิดบังผิวบริเวณที่มักลอกเป็นขุยเช่น แขน หน้าแข้ง หรือใช้ร่ม หมวกเพื่อลดความเสี่ยงจากแสงแดดแรงที่ส่งผลต่อผิวหนัง         ดูแลเรื่องอาหาร         ดื่มน้ำให้มาก งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่                 ไม่ใช้ยาประเภทคาลาไมน์                      เวลาเกิดผดผื่น บางคนนิยมใช้ยาคาลาไมน์หวังทาลดอาการคัน แต่รู้ไหมว่าผลข้างเคียงคือทำให้ผิวยิ่งแห้งตึง         สังเกตความผิวปกติของไฝหรือก้อนเนื้อบนผิว         หากไฝหรือตุ่มนูนบนผิวมีการขยายใหญ่ขึ้น หรือเกิดการอักเสบมีเลือดออก สีเปลี่ยนไป ควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อหาสาเหตุและรักษาทันที         ผิวแห้งกร้านในผู้สูงอายุ ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เพราะเป็นเรื่องของผิวที่เสื่อมลงไปตามกลไกธรรมชาติ แต่สามารถดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดอาการที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันได้ ผู้สูงอายุบางท่านอาจไม่สามารถจดจำหรือดูแลตัวเองได้ ลูกหลานควรใส่ใจและช่วยดูแลเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของท่าน   

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 183 ผิวแห้งหน้าร้อน

สภาพอาการบ้านเราในช่วงนี้ นอกจากจะร้อนจัดแล้ว บางเวลาก็ฝนตกหนัก ทำให้สาวๆ ต้องดูแลสุขภาพผิวเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เพราะผิวหนังของเราสามารถสูญเสียความชุ่มชื้นในสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงเช่นนี้ได้ ซึ่งอาจส่งผลให้เราเหี่ยวก่อนวัย หรือผิวหนังอักเสบจากอาการผิวแตกได้ แล้วอย่างนี้เราจะมีวิธีดูแลผิวอย่างไรดีปัจจัยที่สามารถส่งผลให้ผิวแห้งมีอะไรบ้างตามธรรมชาติผิวหนังของคนเราจะมีความชุ่มชื้นอยู่แล้ว แต่จะมีปัจจัยต่างๆ ที่มาทำลายความชุ่มชื้นเหล่านั้น ซึ่งมีดังนี้- อายุ อาการผิวแห้งนี้พบได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่จะพบได้บ่อยในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ เพราะวัยเด็กผิวหนังยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ ทำให้มีความบอบบางกว่าผู้ใหญ่ ส่วนในผู้สูงอายุผิวหนังจะเริ่มเสื่อมถอย ทำให้ผิวยิ่งบางและแห้งมากขึ้น ซึ่งพบว่าในผู้สูงอายุบางราย ผิวหนังจะมีลักษณะเป็นสะเก็ดแห้ง หรืออาจมีร่องแตก คล้ายเกล็ดปลาและสามารถเป็นได้ทั้งตัว - กรรมพันธุ์ สามารถทำให้เกิดปัญหาผิวแห้งได้ เช่น ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคสะเก็ดเงิน - เมื่อฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง เช่น ระยะตั้งครรภ์ หรือภาวะหมดประจำเดือน- สภาพอากาศ แม้ว่าในฤดูหนาวจะพบอาการผิวแห้งมากกว่าในฤดูอื่นๆ แต่ในสภาพอากาศที่ร้อนจัด แสงแดดสามารถทำให้น้ำระเหยออกจากผิวได้มากขึ้นเช่นกัน- การใช้ยารักษาโรคหรือยาสมุนไพรบางชนิด เช่น สารจากขมิ้น ว่านหางจระเข้ หรือการกินยาขับปัสสาวะ ยารักษาโรคความดันสูง สามารถก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิว และทำให้ผิวแห้งมากขึ้น - การทำความสะอาดผิวบ่อยๆ ทำให้มีโอกาสชำระล้างไขมันที่จำเป็นต่อผิว เช่น เซราไมด์ ที่มีหน้าที่ป้องกันน้ำระเหยออกจากผิว ซึ่งจะทำให้ผิวอ่อนแอ และสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายขึ้น - สารทำความสะอาดผิวที่ไม่อ่อนโยน เช่น สบู่ สบู่ยา (สบู่ที่มีวิธีส่วนผสมของตัวยา) หรือแอลกอฮอล์จะทำลายชั้นไขมันที่จำเป็น ทำให้ผิวยิ่งอ่อนแอ- การสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ สารนิโคตินในบุหรี่และแอลกอฮอล์สามารถทำให้ผิวหนังเสื่อมสภาพ เหี่ยวแห้ง หย่อนยาน เกิดริ้วรอยได้เร็วขึ้น และในบางคนอาจทำให้เป็นสิวได้ง่ายขึ้นอีกด้วยผิวแห้งแล้วจะเกิดอะไรขึ้นผิวแห้ง(dry skin) คือสภาพผิวที่มีปัญหา ซึ่งเกิดขึ้นจากการสูญเสียน้ำออกจากผิว โดยสามารถเกิดขึ้นได้ ทั้งกับผิวหน้าและผิวกาย เมื่อผิวแห้งจะทำให้ผิวหนังไม่เต่งตึง และบางคนจะเห็นเป็นรอยแตกคล้ายผิวงู ในบริเวณขา หน้าท้อง หรือทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า นอกจากนี้ยังสามารถทำให้เกิดไฝหรือขี้แมลงวันบนผิวหนังเพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้หากเราผิวแห้งมากขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้มีอาการคันร่วมด้วย ซึ่งหากเราเผลอไปเกาจนเป็นนิสัย สามารถส่งผลให้ผิวหนังอักเสบ เช่น มีอาการบวมแดง ผิวหนังยกตัวนูนขึ้น เป็นผื่นหรือเป็นตุ่มแนะวิธีการดูแลผิวแห้งหากสาวๆ ต้องการดูแลให้ผิวหนังกลับมาชุ่มชื้นเหมือนเดิม อย่างแรกเลยคือต้องอาศัยความอดทน ในการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ และสามารถทำตามวิธีดังนี้- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวขาดน้ำ นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพราะหากเราได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ สามารถส่งผลให้ผิวขาดวิตามิน และผิวแห้งมากขึ้นได้- เลือกประเภทของการบำรุงผิวให้เหมาะกับตนเอง ในหน้าร้อนเราก็สามารถบำรุงผิวได้ โดยเลือกให้ครีมบำรุงไม่เหนอะหนะ ซึ่งสามารถแบ่งความเข้มข้น เรียงจากมากไปน้อยได้ดังนี้ โลชั่น ครีม น้ำมัน (เช่น เบบี้ออย) และขี้ผึ้ง ซึ่งเราอาจะเก็บน้ำมันและขี้ผึ้ง ไว้ใช้ในหน้าหนาว หรือกรณีที่ผิวแห้งมากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ควรเลือกครีมบำรุงผิวที่ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสารกันเสีย เพราะอาจทำให้เราแพ้ได้- ควรหยุดใช้สบู่หรือครีมอาบน้ำที่ทำให้ผิวแห้งยิ่งกว่าเดิม เช่น สบู่ยา- ทาครีมหลังการอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ เพราะจะลดปัญหาการเหนอะหนะ และทำให้บำรุงผิวได้ดียิ่งขึ้น- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นเป็นประจำ หรืออยู่ในที่สภาพอาการร้อนหรือหนาวจัดสม่ำเสมออย่างไรก็ตามหากเราพบว่าผิวยังแห้งแตกมากเหมือนเดิม ก็ไม่ควรเกาหรือปล่อยให้หายเอง แต่ควรไปพบแพทย์ เพราะอาจจะต้องใช้ยาทาผิวหนังลดการอักเสบ เพื่อรักษาอาการดังกล่าวโดยเฉพาะ  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 131 ผิวแห้ง ผิวคัน สาเหตุและวิธีแก้ปัญหา

  ผิวหนังแห้งและคัน เป็นปัญหาที่พบทั่วไปโดยเฉพาะคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในห้องปรับอากาศทั้งกลางวันและกลางคืน จากความชื้นในอากาศที่ต่ำ จะทำให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้นสู่บรรยากาศโดยรอบได้ง่าย ปัญหาผิวแห้งนี้เกิดขึ้นได้กับทุกวัยโดยไม่จำเป็นต้องมีอาการโรคผิวหนังชนิดอื่นแทรก อาการผิวแห้งมีลักษณะอย่างไร? คนส่วนใหญ่คงคุ้นเคยกับลักษณะผิวหนังแห้ง ตึง มีขุยขาวๆ ร่วมด้วย ริ้วรอยละเอียดบนผิวหนังจะปรากฏชัดมากขึ้น ผิวหนังจะแลดูหยาบกร้าน ในกรณีที่แห้งมาก จะเห็นผิวแตกคล้ายหนังงูหรือเกล็ดปลา ส่วนใหญ่พบมากบริเวณแขนและขา อาจพบได้ตามลำตัวด้วย ปัญหาที่เกิดร่วมกับผิวแห้ง ผิวแห้งก่อให้เกิดอาการคันร่วมด้วย ซึ่งรบกวนการนอนหลับและกิจวัตรอื่นๆ ประจำวัน การเกาแรงๆ ซ้ำๆ ทำให้ผิวหนังบริเวณดังกล่าวหนาตัว ด้านและหยาบ ผิวหนังที่หนาและแห้งจะแตกได้ง่ายทำให้แสบและเจ็บ ตามมาด้วยอาการอักเสบ บางคนเป็นนานๆ อาจทำให้ผิวหนังติดเชื้อมีตุ่มน้ำเหลืองตามผิวหนัง หากรุนแรงควรพบแพทย์ผิวหนัง สาเหตุของผิวแห้ง ผิวหนังที่มีสุขภาพดีจะประกอบด้วยชั้นหนังกำพร้าหลายๆ ชั้นห่อหุ้มปกปิดชั้นหนังแท้ หนังกำพร้าชั้นนอกสุดประกอบด้วยเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลายชั้นเรียงตัวกัน ผสมผสานกับน้ำมันธรรมชาติที่หลั่งจากต่อมไขมัน ทั้งน้ำมันธรรมชาติและเซลล์หนังกำพร้าทำหน้าที่ปกป้องผิวหนังไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้นสู่บรรยากาศ และปกป้องสารเคมีและเชื้อโรคอื่นไม่ให้เข้าสู่ผิวหนังชั้นในได้ ทั้งเซลล์หนังกำพร้าและน้ำมันธรรมชาติบนผิวหนังร่วมกันทำหน้าที่กักเก็บปริมาณน้ำไว้ส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวหนังคนเราชุ่มชื้น และเนียนนุ่ม ผิวแห้งเป็นผลสืบเนื่องมาจากปริมาณน้ำที่กักเก็บในชั้นหนังกำพร้ามีน้อยเกินไป อาจสืบเนื่องมาจากการสูญเสียน้ำมันธรรมชาติของผิวหนังจากการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เข้มข้นหรือแรงเกินไป ประสิทธิภาพการชะล้างมากเกินความจำเป็น ทำให้ชะล้างเอาน้ำมันธรรมชาติออกไปหมดหรือเกือบหมด ทำให้ปริมาณน้ำที่ถูกกักเก็บอยู่ในชั้นหนังกำพร้าระเหยออกจากผิวหนังได้ง่าย มีผลทำให้ผิวหนังแห้งและหดตัวหรือผิวแตกจนเกิดอาการคันตามมานั่นเอง การแก้ปัญหาผิวแห้ง การแก้ปัญหาผิวแห้งโดยการเติมน้ำหรือความชุ่มชื้นให้ผิวหนังอย่างเดียวอาจไม่ช่วยแก้ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผิวหนังได้รับน้ำอุ่นมากๆ จากการอาบน้ำอุ่นทุกวัน จะทำให้ผิวหนังยิ่งแห้งมากขึ้น เพราะน้ำอุ่นจะสามารถชะล้างน้ำมันธรรมชาติผิวออกไปมากขึ้นร่วมกับน้ำสบู่ ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำชนิดอ่อนโยน หรือควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารหล่อลื่นและสารมอยส์เจอร์ นอกจากนี้ควรชโลมผิวหนังภายหลังจากอาบน้ำและเช็ดตัวให้แห้งสนิทด้วยโลชั่นบำรุงผิวกายและผิวหน้าบางๆ ทุกครั้ง เพื่อให้สารหล่อลื่นในโลชั่น ช่วยเคลือบผิวหนังชดเชยการสูญเสียของน้ำมันธรรมชาติของผิวหนังระหว่างการชำระล้างร่างกาย ผู้ที่มีผิวแห้งมาก ควรชโลมผิวหนังด้วยโลชั่นอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งทั้งตอนเช้าและก่อนนอน   ระวังไม่ควรไปหาซื้อครีมทาผิวหนังแก้คันหรือแก้อักเสบ เนื่องจากอาการจากผิวแห้งไม่ได้เกิดจากการอักเสบ แต่คันเนื่องจากผิวหนังขาดความชุ่มชื้น จึงควรใช้โลชั่นที่เข้มข้นทาผิวหนังเป็นประจำ อาการผิวแห้งและคันจะค่อยๆ ทุเลาและหายไปในที่สุด

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 121 วิธีดูแลผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย

ขั้นแรกสุดในการทำให้ผิวตัวเราเองสวยคือการต้องเรียนรู้ว่าผิวเราเองเป็นผิวแบบไหน ความรู้เกี่ยวกับผิวตัวเราเองจะช่วยให้เราเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและวิธีการดูแลผิวพรรณเฉพาะแบบของเราเองได้ดีที่สุด ฉบับก่อนเราลงรายละเอียดการดูแลผิวธรรมดาไป คราวนี้มาต่อกันด้วยผิวแห้งและผิวแพ้ง่ายนะคะ ------------------------------------------------------------------------------ ลักษณะของผิวแห้งและผิวแพ้ง่ายคนที่มีผิวแห้ง เมื่อใช้กระดาษเช็ดหน้า(ทิชชู) เช็ดทำความสะอาดหน้าในตอนเช้าทันทีที่เพิ่งตื่นนอนจะไม่พบว่ามีน้ำมันถูกดูดซับบนกระดาษทิชชู และมักจะพบว่าผิวหน้าตึงมากหรือแห้งไม่สบายผิว เป็นตัวชี้วัดว่าเราเป็นคนผิวแห้งอย่างชัดเจน คนที่มีผิวแพ้ง่ายผิวบอบบาง ผิวหน้าจะตึงและระคายเคืองง่ายมากแม้บนกระดาษทิชชูที่นุ่มนวล มีปัญหาแพ้ง่าย แดง ระคายเคืองง่ายต่อผลิตภัณฑ์ทั่วๆ ไปในท้องตลาด หาที่ถูกใจและไม่แพ้ยากมาก ------------------------------------------------------------------------------ ผิวแห้ง (DRY SKIN)คนที่มีผิวแห้ง ผิวมักจะบางแลดูคล้ายกระดาษ เนื่องจากมีรูขุมขนเล็กละเอียด ผิวหน้าแลดูไม่สดใส แห้งมีขุยไม่มากก็น้อย ผิวมักจะระคายเคืองง่าย และเกิดริ้วรอยแห่งวัยเร็วกว่าอายุจริง ผิวชนิดนี้เหมาะกับการเลือกใช้ไนท์ครีมที่เข้มข้น ควรจะอุดมด้วยสารชุ่มชื้นผิวและมีสารไขมันหรืออีมูเลี่ยน (Emollients)  การทำความสะอาดผิวหน้า ควรใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดครีมโฟมหรือครีมเช็ดหน้า ไม่ควรใช้สบู่ก้อนหรือสบู่เหลวเป็นอันขาด จะทำให้ผิวยิ่งแห้งมากขึ้น ควรทาครีมโฟมล้างหน้าหรือครีมทำความสะอาดผิวหน้าทิ้งไว้สักครู่ใหญ่ก่อนที่จะล้างหรือเช็ดออก และควรบำรุงด้วยครีมบำรุงผิวทันทีเพื่อปกป้องไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น   ในฤดูหนาว คนที่มีผิวแห้งจะยิ่งแห้งมากขึ้น ผิวจะลอกเป็นขุยและแตกเนื่องจากสูญเสียความชุ่มชื้นไปในอากาศมาก ผิวชนิดนี้นอกจากจะแห้งแล้วยังขาดน้ำมันหล่อลื่นจากต่อมไขมันใต้ผิวหนังอีกด้วยอาจเนื่องจากธรรมชาติของคนผิวแห้งจะมีต่อมไขมันใต้ผิวหนังน้อยหรือสร้างน้ำมันซีบุ้มออกมาน้อย ผิวจะอ่อนไหวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศและเกิดริ้วรอยง่ายมาก ไม่ควรใช้โทนเนอร์ (Toner) เช็ดหน้าหลังล้างหน้า  การดูแลผิวหน้าในระหว่างวัน และควรเลือกใช้มอยสเจอร์ครีมที่มีส่วนผสมของสารกันแดดด้วย เพื่อป้องกันรังสียูวี การทาครีมบำรุงผิวสำหรับคนผิวแห้ง ควรทาทิ้งไว้สักครู่ใหญ่ เพื่อให้สารอาหารและเนื้อครีมซึมซับลงสู่ผิวหนังชั้นล่างให้มากที่สุดก่อนที่จะแต่งหน้าขั้นต่อไป  ควรให้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษในตอนกลางคืนสำหรับคนผิวแห้ง การเช็ดเครื่องสำอางออกจากผิวหน้า ให้เริ่มต้นที่รอบดวงตาด้วยครีมเช็ดเมคอัพสำหรับรอบดวงตาโดยเฉพาะ และล้างด้วยน้ำเปล่าให้ผิวชุ่มชื้นและสดชื่น และบำรุงตามด้วยไนท์ครีมที่เข้มข้น อาจจะเหนียวเหนอะหนะบ้างก็จะดี แสดงว่าครีมมีความเข้มข้นด้วยน้ำมันอีมูเลี่ยน ซึ่งจะทำหน้าทีปกป้องผิวในตอนกลางคืนได้ดี หากไนท์ครีมทาแล้ว รู้สึกเบาบาง จะไม่เหมาะกับคนผิวแห้งเลย เพราะประสิทธิภาพการปกป้องผิวจะน้อยเกินไป  อีกประการที่ควรรู้ คือคนที่มีผิวแห้ง การอาบน้ำร้อนหรือแช่น้ำร้อนบ่อยๆไม่เป็นผลดีนัก จะทำให้ผิวแห้งมากขึ้น หากต้องการแช่น้ำอุ่น แนะนำให้ผสมน้ำมันหอมธรรมชาติลงไปในอ่างอาบน้ำด้วย เพื่อให้น้ำมันหอมไปเคลือบผิวให้นุ่มนวล ป้องกันผิวแห้งได้ดี  สิ่งที่ควรทำ1. ควรเติมครีมบำรุงผิวระหว่างวันด้วยนอกเหนือจากการบำรุงตอนเช้าและก่อนนอน จะช่วยได้มาก 2. ควรทาครีมกันแดด และควรใช้ไนท์ครีมที่เข้มข้นและเหนอะหนะหน่อยก็จะดีกว่าชนิดเบาบาง 3. ควรกินผลไม้มากๆ โยเกิร์ตและผักสด และดื่มน้ำมากๆในแต่ละวัน4. ควรให้ความสนใจกับผิวหนังรอบดวงตาที่แห้งมากกว่าส่วนอื่น สิ่งที่ไม่ควรทำ1. ไม่ควรตากแดดมากเกินไป2. ไม่ควรเช็ดถูผิวหน้าแรงๆ ไม่ควรใช้กระดาษหรือผ้าเช็ดหน้าที่หยาบระคายเคืองผิวหน้า เพราะผิวที่แห้งมักจะเปราะบางและระคายเคืองง่ายมาก  ผิวแพ้ง่าย (SENSITIVE SKIN)ผิวแพ้ง่ายพบในคนจำนวนมาก ผิวจะเปราะบางกว่าผิวชนิดอื่นที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด ระคายเคืองง่าย ภายหลังการล้างหน้า ผิวชนิดนี้มักจะคันหรือระคายเคืองไม่มากก็น้อย บางครั้งจะพบรอยแดงๆ ได้บ่อย คนที่มีผิวแพ้ง่ายจะเลือกซื้อเครื่องสำอางทั่วไปในทองตลาดได้ยาก ควรทดสอบก่อนการตัดสินใจซื้อทุกครั้ง  การดูแลผิวที่แพ้ง่ายไม่ควรใช้สบู่ก้อนหรือสบู่เหลวล้างหน้า ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าเหมาะสำหรับผิวที่แพ้ง่าย  และบำรุงด้วยครีมบำรุงผิวที่ผ่านการทดสอบว่าเหมาะสำหรับผิวของคนกลุ่มนี้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอมเพื่อจะได้ไม่ระคายเคืองผิวหน้า  สิ่งที่ควรทำ1. ควรทดสอบอาการแพ้โดยใช้ผิวด้านในของท้องแขนทุกครั้งก่อนการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ หากมีอาการร้อนและแสบแดงและคันทันทีภายในระยะเวลาไม่กี่นาที ให้ล้างออกโดยทันที 2. ทุก 6 เดือน ควรโล้ะทิ้งเครื่องสำอางที่ใช้ไม่หมดที่อาจเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย เช่น ดินสอเขียนคิ้ว เขียนขอบตา และมาสคาร่า เป็นต้น  3. ไม่ควรใช้เครื่องสำอางที่เห็นการแยกชั้นชัดเจนของน้ำมันและน้ำในสินค้าประเภทครีมหรือโลชั่น  สิ่งที่ไม่ควรทำไม่ควรเริ่มต้นใช้ครีมบำรุงผิวบนใบหน้า นอกจากมั่นใจว่าเป็นยี่ห้อที่เคยใช้และไม่มีอาการแพ้มาก่อน ไม่ควรไปตากแดดโดยปราศจากครีมกันแดด  

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point