ฉบับที่ 275 ฝึกฝนภาษาบนสมาร์ทโฟนด้วยปลายนิ้ว

        การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุใดก็ตาม เมื่อได้เรียนรู้ ทักษะความสามารถย่อมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งการเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องเป็นการเรียนรู้ผ่านห้องเรียนเท่านั้น การอ่านหนังสือ การอ่านข้อมูลจากแหล่งต่างๆ การเล่าสู่กันฟัง การอธิบายยกตัวอย่าง ฯลฯ รวมถึงการฝึกฝนทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจก็เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้เช่นกัน         ปัจจุบันภาษาเข้ามามีบทบาทในการดำเนินชีวิตประจำวันมากขึ้นทุกที โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาสากลที่ช่วยในการสื่อสารกันทั่วโลก ดังนั้นการมีความรู้ความเข้าใจในภาษาอังกฤษ ทั้งทางด้านการพูด การฟัง การอ่าน และการเขียน ก็มีความสำคัญอย่างมาก        ฉบับนี้มาแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องใช้ทักษะด้านการอ่าน การเขียน และการฝึกพูด ด้วยแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า Johnny Grammar Word Challenge ของ British Council ซึ่งเป็นองค์กรส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ แอปพลิเคชันนี้เป็นการทดสอบคำศัพท์ การสะกดคำ และไวยากรณ์สำหรับภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันของผู้เรียนภาษาอังกฤษ โดยทดสอบผ่านการทำแบบฝึกหัดจากการแข่งขันกับเวลาภายในระยะเวลา 60 วินาที การเข้าใช้แอปพลิเคชัน ผู้ใช้สามารถเลือกลงทะเบียนเข้าใช้โดยการกรอกข้อมูลส่วนตัว หรือเข้าใช้ผ่าน facebook หรือเลือกเข้าใช้แบบ guest ซึ่งไม่ต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว โดยภายในแอปพลิเคชันจะมีหมวดการทดสอบ 3 หมวด ได้แก่ หมวด Grammar (ไวยากรณ์) หมวด Words (คำศัพท์) และหมวด Spelling (สะกดคำ)         หมวด Grammar เป็นหมวดที่ทดสอบด้านไวยากรณ์ แบ่งตามหัวข้อจากระดับง่ายไปจนถึงระดับยาก ดังนี้ หัวข้อคำบุพบท (preposition) หัวข้อกริยาไม่ปกติ (Irregular verbs) หัวข้อคำคุณศัพท์และคำกริยาวิเศษณ์ (Adjectives & adverbs) หัวข้อคำนามนับได้และคำนามนับไม่ได้ (Countable and uncountable) หัวข้อกริยาที่มี  to และไม่มี  to หรือกริยาที่เติม ing และใช้แบบ noun (Infinitives or gerunds) หัวข้อการใช้คำ More or less หัวข้อเกี่ยวกับสี (Expression with colour) หัวข้อการใช้คำ Few and little หัวข้อคำวิเศษณ์ (Adverbial Clauses) หัวข้อกริยาช่วย (Modals) หัวข้อคำเชื่อม (Linkers) และหัวข้อคำสันธาน (Conjunctions)         หมวด Words (คำศัพท์) เป็นหมวดที่ทดสอบด้านคำศัพท์ แบ่งตามหัวข้อตามกิจกรรม ดังนี้ หัวข้อร้านอาหาร หัวข้อการท่องเที่ยว หัวข้อการสนทนาสั้นๆ หัวข้องานอดิเรก หัวข้อคำ idioms หัวข้อแสดงความเป็นตัวตน หัวข้อความสนใจ หัวข้อการทำงาน หัวข้อการสนทนาง่ายๆ และหัวข้อช้อปปิ้ง ส่วนหมวด Spelling เป็นหมวดที่ทดสอบด้านการสะกดคำ เมื่อกดในหมวดนี้แอปพลิเคชันจะนำไปสู่การทดสอบโดยกำหนดโจทย์ในรูปแบบประโยคและให้ผู้ใช้เลือกคำให้เหมาะสม ซึ่งในหมวดนี้จะเป็นการทบทวนการใช้ประโยคไปในตัว ทั้งนี้เมื่อจบบททดสอบการสะกดคำแล้ว แอปพลิเคชันจะสรุปและเฉลยคำตอบทีละข้อเพื่อให้ตรวจสอบและทำความเข้าใจอีกครั้งมาฝึกฝนเพื่อเพิ่มทักษะด้านภาษาอังกฤษกันผ่านแอปพลิเคชันนี้กัน เพราะการเรียนและฝึกฝนทุกวันจะช่วยพัฒนาศักยภาพของเราได้อย่างแน่นอน

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 258 วิธีจัดการสีตกใส่เสื้อผ้าสีขาว

        ฉบับที่แล้วฉลาดซื้อมีวิธีการจัดการกับปัญหากลิ่นของเสื้อผ้าเหม็นอับ มาฉบับนี้ขอต่อเนื่องด้วยวิธีจัดการกับปัญหาเสื้อผ้าสีขาวที่มักโดนสีจากเสื้อสีอื่นๆ ตกใส่มาฝากกันบ้าง         ส่วนใหญ่ปัญหาสีตกใส่ผ้าขาวนั้น สาเหตุมักเกิดจากเวลาที่เราซักผ้าอาจจะลืมแยกผ้าสี ผ้าขาว แล้วนำผ้าทั้งหมดไปแช่และซักรวมกัน  ดังนั้นการป้องกันย่อมดีกว่าการคอยแก้ไข การป้องกันเบื้องต้น มีดังนี้         1.เราควรแยกผ้าสีออกจากผ้าขาวทุกครั้งทำเป็นประจำเพื่อให้ติดเป็นนิสัยยิ่งดี  เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันผ้าสีตกใส่         2. หากซื้อเสื้อผ้ามาใหม่และเป็นเสื้อผ้าสี ให้ลองนำผ้าจุ่มน้ำให้เปียกหมาดๆ และถูที่บริเวณเสื้อ หากมีติดออกมาแสดงว่าต้องรีบนำผ้าแยกออกจากเสื้อผ้าตัวอื่นๆ           3.หากทำตามแบบที่ 2 แล้วยังไม่ชัดเจนให้เอาเสื้อผ้ามาลองแช่น้ำไว้ก่อนเพื่อดูว่าเสื้อผ้าตัวนั้นสีตกหรือไม่ ถ้าตกก็ควรแยกออกจากเสื้อผ้าตัวอื่นๆ เช่นกัน         4. นำเสื้อผ้าสีสดตัวที่ทดลองแช่น้ำแล้วพบว่าสีตกมาแช่ใส่น้ำที่ผสมเกลือทะเลหรือเกลือสมุทร ทิ้งไว้สัก 6 ชั่วโมงหรือข้ามคืน หลังจากนั้นนำไปซักเพื่อใช้งานตามปกติ ทั้งนี้ หากทำตามวิธีดังกล่าวแล้วพบว่าไม่ได้ผลในส่วนของผ้าสีนั้น  อาจจะต้องเพิ่มปริมาณเกลือมากขึ้น ถ้ายังไม่ดีขึ้นควรแยกซักเดี่ยวๆ ไปเลย         แต่ไม่ว่าเราจะมีวิธีป้องกันยังไง ยังไงคนเราก็อาจพลาดกันได้อาจจะลืมบ้างอะไรบ้าง นำเสื้อผ้าสี ผ้าขาวไปปั่นรวมกันในเครื่องซักผ้าจนสีตกใส่ ก็ลองมาดูวิธีการต่อไปนี้         วิธีแรก คือ ถ้าเป็นผ้าขาวที่เพิ่งถูกสีอื่นตกใส่หมาดๆ อาจจะใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวตามท้องตลาดเป็นอย่างแรกผสมกับผงซักฟอกแล้วแช่ผ้าทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วลองดูว่าดีขึ้นไหม         วิธีที่สอง ตั้งหม้อใส่น้ำบนเตาไฟ ต้มให้เดือดจากนั้นใส่ผ้าที่สีตกใส่ลงไป แล้วตามด้วยน้ำส้มสายชู สักประมาณให้ได้กลิ่นฉุนนิดๆ ทิ้งไว้สักพักจนสีที่ตกใส่จางลงจนออกหมดจด จึงนำออกจากหม้อ และแช่น้ำเย็นพักไว้แล้วนำมาซักใช้ได้ตามปกติ การใช้วิธีนี้หลังจากซักแล้วอาจจะยังคงมีกลิ่นของน้ำส้มสายชูติดอยู่จางๆ บ้าง ไม่ต้องกังวลใจไปว่ากลิ่นจะติดไว้ตลอดไป เมื่อซักไปเรื่อยๆ กลิ่นก็จะจางหายไปเอง         วิธีที่สาม นำผงซักฟอก น้ำส้มสายชู ผสมเข้าด้วยกันจากนั้นทาไปบริเวณเสื้อผ้าที่เปื้อน จากนั้นขยี้ที่บริเวณที่เปื้อนและทิ้งไว้ซักพักประมาณ 15-20 นาที หรือมากกว่านั้นก็ได้ หลังจากนั้นนำมาซักและใช้งานได้ปกติ           ทั้งนี้  วิธีต่างๆ ข้างต้น ควรต้องระวังเกี่ยวกับเนื้อผ้าด้วย เนื่องจากลักษณะผ้าบางชนิดอาจจะไม่เหมาะสำหรับใช้น้ำร้อนในการซัก ให้มั่นสังเกตตรงป้ายเสื้อไว้ เพราะมีสัญลักษณ์สำหรับวิธีการใช้ที่ถูกต้อง และเพื่อป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าเสียหายมากกว่าเดิม นอกจากนี้ ต้องระวังเรื่องส่วนผสมแปลกๆ ที่นำมามิกซ์กันด้วย เพราะบางอย่างอาจสั่งซื้อมาตามอินเทอร์เน็ตเพื่อความสะดวกสบาย แต่ผลิตภัณฑ์นั้นอาจไม่ได้มาตรฐานหรือมีสารเคมีที่ห้ามผสมรวมกับสารอื่นๆ ดังนั้น ควรอ่านฉลากก่อนใช้เพื่อความปลอดภัย ข้อมูลจาก  สุดยอดแม่บ้าน : ป้องกันเสื้อผ้าสีตก  https://www.youtube.com/watch?v=SEADSA7qyzohttps://www.cleanipedia.com/thhttps://homeguru.homepro.co.th/6-ways-to-restore-fading-clothes/

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 257 ทำอย่างไรไม่ให้เสื้อผ้าเหม็นอับ ช่วงหน้าฝน

        ฤดูฝน คือฤดูแห่งความชื้นและเฉอะแฉะ หลายคนที่ต้องเดินทางบ่อยอาจจะไม่ชอบกันสักเท่าไรกับฤดูกาลนี้ เพราะเสี่ยงเจอน้ำท่วมจากฝนตกหนัก น้ำรอการระบายและเสี่ยงเปียกฝนไปทั้งตัวจนเป็นหวัดอีกต่างหาก สำคัญ...หลายคนคงจะมีปัญหากับเรื่องเสื้อผ้าเหม็นอับกันอีกด้วย เนื่องจากการตากผ้าที่บางครั้งเสื้อผ้ายังไม่ทันแห้งดีฝนก็กระหน่ำตกลงมาจนทำให้เสื้อผ้าแห้งไม่สนิท ตามมาด้วยกลิ่นเหม็นอับชื้น ซึ่งหากสวมใส่แค่เสียบุคลิกไม่พอยังอาจเสี่ยงจะเป็นโรคผิวหนังอีกด้วย สวยอย่างฉลาดคราวนี้จึงมีวิธีแก้ปัญหาเสื้อผ้าเหม็นอับมาแนะนำ เพื่อให้การสวมใส่เสื้อผ้าในช่วงหน้าฝนนี้ ปราศจากกลิ่นเหม็นอับกวนใจ         พฤติกรรมที่ส่งผลให้เสื้อผ้ามีกลิ่นเหม็นอับ         นอกจากอากาศชื้นของฤดูฝนที่ทำให้เสื้อผ้าเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ยังมีเรื่องของพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องของเราด้วย ได้แก่        1. เสื้อผ้ายังไม่แห้งดีหรือยังคงชื้นอยู่ แต่เก็บพับเข้าตู้ทันที        2. ตากเสื้อผ้าในที่ร่มอากาศไม่ถ่ายเท (ก็กลัวเปียกฝนนั่นแหละ)        3. เสื้อผ้าเปียกชื้นกลับไม่นำมาตากหรือผึ่งให้แห้งก่อน แต่ใส่รวมไว้ในตะกร้าผ้าจนเหม็นอับ ซึ่งเสี่ยงมีเชื้อรา        4. ซักผ้าที่มีลักษณะเนื้อผ้าหนาแล้วนำขึ้นตากทันทีโดยไม่บิดน้ำออกก่อน        5. ไม่เคยทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเลยหรือทำก็น้อยมาก         วิธีป้องกันและแก้กลิ่นเหม็นอับจากเสื้อผ้า         ·     ไม่ควรพับเก็บเสื้อผ้าที่มีความชื้นเข้าตู้ทันที ควรเก็บเข้าตู้เฉพาะเสื้อผ้าที่แห้งสนิทเท่านั้น แน่นอนว่าปกติคงไม่มีใครที่พับผ้าเปียกชื้นเข้าตู้ แต่บางทีรีบร้อนไม่รู้ว่ามีเสื้อผ้าตัวไหนบางที่อาจมีส่วนที่ไม่แห้งสนิท ดังนั้นควรเช็กแต่ละตัวให้ดีก่อนเก็บเข้าตู้เสื้อผ้า        ·     ควรตากผ้าในที่มีแดดและรับลม มีอากาศถ่ายเทมากๆ  และตากผ้าให้มีระยะห่างกันไม่ใกล้หรือติดกันมากเกินไป        ·     หากตากฝนมาจนเสื้อผ้าเปียกชื้น ควรที่ถอดออกและนำไปตากให้แห้งก่อน หรือควรนำไปซักทันที เพื่อป้องกันเชื้อราและป้องกันผ้าไม่ให้เหม็นอับ ห้ามนำไปใส่ตะกร้าและปล่อยทิ้งเอาไว้หลายวัน        ·     การซักผ้าที่มีลักษณะหนาๆ ควรที่จะมีการอบผ้าก่อนตาก        ·     เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่มีตัวช่วยลดกลิ่นอับของเสื้อผ้า ซึ่งปัจจุบันมีหลายยี่ห้อ        ·     เครื่องซักผ้ามักเป็นสิ่งสุดท้ายที่หลายๆ คนมองข้าม เพราะถ้าหากไม่ทำความสะอาดเลยก็เป็นสาเหตุก่อให้เสื้อผ้าของเราเหม็นอับได้เช่นกัน ดังนั้น ควรทำความสะอาดเครื่องซักผ้าสม่ำเสมอ โดยใช้ผงทำความสะอาดเครื่องซักผ้าที่มีขายในร้านค้าทั่วไปโดยเฉพาะ หรือถ้าหากไม่มีสามารถใช้  เบกกิ้งโซดา น้ำส้มสายชู แอมโมเนียแทนได้          ถ้าพบว่าเสื้อผ้าของเรานั้นได้เหม็นอับแล้ว วิธีแก้มีดังนี้ ใช้น้ำส้มสายชูลดกลิ่นอับโดยใช้สัก 2-3 ถ้วยผสมกับน้ำและแช่ผ้าไว้ก่อนซัก 1 ชั่วโมง และซักด้วยผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มตามปกติ  หรืออาจจะซักผ้าตามปกติหลังจากนั้นนำไปต้มในน้ำเดือดสัก 15 นาทีหรือมากกว่านั้น   ทั้งนี้สามารถใช้น้ำยาซักผ้าขาวที่มีส่วนผสมของโซเดียมไฮโปคลอไรด์ได้ในกรณีเป็นผ้าขาว ส่วนข้อควรระวังในการใช้น้ำยาซักผ้าขาวคือ ไม่ควรแช่ผ้าลินิน ฝ้าย เรยอน นานจนเกินไป นอกจากนี้เบกกิ้งโซดาก็ช่วยได้เช่นกัน             หากพบว่าเสื้อผ้าตัวเองนั้นมีกลิ่นเหม็นอับ ก็ไม่ควรสวมใส่เสื้อผ้าตัวนั้นเพราะอาจทำร้ายคนข้างๆ จากกลิ่นไม่พึงประสงค์และยังอาจเสี่ยงที่จะเป็นโรคผิวหนัง เช่น เชื้อรา กลากเกลื้อน หรืออาการคันต่างๆ อีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม >



ฉบับที่ 245 ฤดูฝนและน้ำกัดเท้า

        ช่วงเวลาฤดูฝนปัญหาสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกคน อากาศที่อับชื้น ความเฉอะแฉะของสภาพแวดล้อม และสภาพน้ำท่วมขังหลังฝนตก ซึ่งหากอยู่ในเส้นทางที่ต้องสัญจรเป็นประจำ จนไม่อาจหลีกเลี่ยงการเดินผ่านเส้นทางนั้นได้ การต้องเดินลุยน้ำที่มีขยะ สิ่งปฏิกูลหรือน้ำจากท่อระบายน้ำ ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมเชื้อโรคมากมาย เท้าของเราก็มีโอกาสหรือความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อโรคต่างๆ และอาจมีบางส่วนที่ซึมเข้าสู่ผิวหนัง (กรณีมีบาดแผล) หรืออาจเกิดการระคายเคืองต่อผิว และอาจเป็นสาเหตุของโรคผิวหนัง “น้ำกัดเท้า” อีกด้วย         ปกติโรคน้ำกัดเท้า ก็ไม่ได้ร้ายแรงมาก และสามารถรักษาให้หายได้ แต่มันเป็นโรคที่น่ากังวลใจในเรื่องที่เราต้องออกไปไหนมาไหนด้วยการใส่รองเท้า ยิ่งเป็นรองเท้าหุ้มส้นหรือรองเท้าผ้าใบที่คับแน่น อากาศไม่ค่อยระบาย อาการของโรคก็จะหายได้ช้าลง ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากวนใจจากโรคเรามารู้จักและเรียนรู้วิธีป้องกันไว้ก่อนรู้ทันอาการน้ำกัดเท้า         สาเหตุ ภาวะนี้เกิดจากการระคายเคืองของผิวหนัง เนื่องจากความเปียกชื้นหรือเท้าแช่น้ำเป็นเวลานานซ้ำๆ ทำให้เท้าเปียกชื้นจนผิวหนังชั้นนอก เปื่อยและหลุดออกมา และทำให้แบคทีเรียหรือเชื้อราในน้ำเข้าไปอาศัยจนเกิดการระคายเคือง อาจตามมาด้วยผื่นผิวหนังอักเสบและมีผิวหนังลักษณะเปื่อยลอกเป็นขุย โดยเฉพาะที่บริเวณซอกนิ้วเท้า  อาจมีอาการผื่นแดง  แสบคันและอาจมีกลิ่นเหม็นไม่พึงประสงค์ตามมา           โรคน้ำกัดเท้าใน ระยะแรก อาจจะมีอาการเท้าเปื่อย ผิวเท้าลอก และเกิดอาการคันจนนำไปสู่การแกะและเกา ซึ่งอาการในระยะแรกยังไม่ได้รับการติดเชื้อ แต่มีอาการลักษณะเท้าเปื่อย แดง แสบ เกิดอาการคันนั้นเกิดจากการระคายเคือง นอกจากนี้พฤติกรรมการแกะและเกา อาจทำให้เกิดแผลถลอกจนนำไปสู่การติดเชื้อจากแผลเล็กๆ จนนำไปสู่ ระยะที่สอง  เป็นระยะที่เกิดการติดเชื้อแล้ว ซึ่งสาเหตุมาจากแผลถลอกจากอาการคันหรือการลอกของผิวหนังเปื่อยในระยะแรก ทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา โดยการติดเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดอาการอักเสบ บวมแดง ร้อน เป็นหนอง ปวดแผล ส่วนอาการติดเชื้อรามีลักษณะแดง คัน มีขุยขาว เปียกและเหม็น ผิวหนังจะเปื่อยเป็นสีขาว หากพบว่าเข้าข่ายอาการในระยะที่สองควรเข้าพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาที่ถูกวิธี สู้กับน้ำกัดเท้าอย่างไรดี        1.หลีกเลี่ยงการแช่น้ำเป็นเวลานาน หากลุยน้ำมาให้รีบทำความสะอาดเท้าด้วยสบู่และเช็ดให้แห้ง เพื่อลดการอับชื้น โดยเฉพาะบริเวณซอกเท้าหรือสามารถใช้ขี้ผึ้งหรือวาสลีนทาตามง่ามเท้า         2.ไม่ใส่ถุงเท้าที่อับชื้นและเปลี่ยนถุงเท้าทุกวันเพื่อลดการสะสมสิ่งสกปรก ควรใส่ถุงเท้าที่ผลิตมาจากเส้นใยธรรมชาติ และควรสวมรองเท้าที่เบาสบายเพื่อไม่ให้เกิดการอับชื้นบริเวณเท้า         3.บางครั้งการใช้ของร่วมกับผู้อื่นอาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคได้ เพราะสาเหตุหลักโรคนี้อาจเกิดจากเชื้อราและที่สามารถนำไปสู่การติดต่อจากการใช้ของร่วมกันได้ เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเช็ดตัว รองเท้าแตะ ถุงเท้าและอื่นๆ ที่เป็นการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม         4.หากมีอาการติดเชื้อระยะแรกควรงดการแกะและเกาในบริเวณผิวหนังที่มีอาการ เพราะอาจแพร่เชื้อได้         5.หากมีอาการมากหรืออาการในระยะที่สอง ควรปรึกษาและพบแพทย์เพื่อเข้าการรักษามากกว่าการรักษาด้วยตนเองเพื่อป้องกันรักษาผิดวิธีและเกิดการลุกลามที่มากกว่าเดิม         ทั้งนี้ การรักษาในระยะแรกสามารถที่จะซื้อยาทาและรักษาเองได้ตามอาการแต่ต้องปรึกษาเภสัชเพื่อการใช้ยาที่ถูกต้อง 

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 235 หน้าฝนระวังอาการภูมิแพ้เชื้อรา

        ฝนตกหนักน้ำท่วมขังและบ้านที่อับชื้น ไม่เพียงทำให้อารมณ์ไม่สดชื่น มันอาจเสี่ยงกับอาการภูมิแพ้เชื้อราด้วย  ซึ่งคนที่รู้ตัวว่ามีอาการภูมิแพ้อากาศคงไหวตัวทัน เมื่อเริ่มหายใจอึดอัด น้ำตาไหล หรือเกิดหอบหืดกำเริบ แต่หลายคนอาจเพิ่งเริ่มหรือเพิ่งเคยมีอาการ ก็ขอให้ระมัดระวังและเร่งป้องกันก่อนกลายเป็นปัญหาใหญ่        ในสิ่งแวดล้อมมีเชื้อราลอยอยู่ในอากาศทั่วไป ซึ่งมีทั้งชนิดก่อให้เกิดโรคและไม่ก่อให้เกิดโรค แต่เชื้อราบางชนิดอาจทำให้เกิดโรคได้ถ้าร่างกายอ่อนแอ ปกติคนแข็งแรงมักไม่ก่ออาการ แต่ในคนที่มีอาการภูมิแพ้อาจจะมีอาการน้ำมูกไหล หายใจไม่ออก น้ำตาไหล หอบหืด มีผื่นผิวหนังอักเสบ และมักจะกำเริบในช่วงที่มีอากาศเย็นและชื้น เพราะมีเชื้อราเป็นตัวกระตุ้น โดยสปอร์ของเชื้อราสามารถกระจายไปได้ในอากาศ เราจึงควรทราบถึงแหล่งที่มาของเชื้อราเหล่านี้ และพยายามกำจัดให้หมดไปจากบริเวณบ้าน         เชื้อราชอบอยู่ตามที่ชื้นและอับทึบ         ห้องน้ำ ห้องครัวหรือในพื้นที่ส่วนที่ใช้ในการชำระล้าง ต้องหมั่นทำความสะอาดและทำให้แห้ง มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ปล่อยให้ชื้นแฉะตลอดเวลา        ห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศเป็นประจำจะเป็นที่ที่มีความชื้นมาก เชื้อราเกิดขึ้นได้ง่าย ควรหมั่นตรวจตราเปิดให้อากาศถ่ายเท ตัวเครื่องปรับอากาศต้องทำความสะอาดบ่อยๆ เพราะอาจมีเชื้อราสะสมอยู่ได้         ตู้เย็น หลายครั้งที่สะสมอาหารไว้เป็นจำนวนมากในตู้เย็นแล้วรับประทานไม่ทัน อาหารบางอย่างก่อให้เกิดเชื้อรา ถ้าพบทิ้งทันที ห้ามรับประทาน วิธีป้องกันง่ายๆ คือ ไม่สะสมอาหารจนรับประทานไม่ทัน        ต้นไม้ ปัจจุบันนิยมปลูกต้นไม้ในบ้านเพื่อช่วยฟอกอากาศ แต่รู้ไหมว่าดินที่ใช้ปลูกก็เป็นแหล่งที่ก่อเกิดเชื้อราได้ ควรวางไว้ในตำแหน่งที่แดดส่องถึง รดน้ำแต่พอชุ่มไม่บ่อยเกินไป แต่หากเป็นผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ไม่ควรนำต้นไม้วางไว้ในบ้าน อีกอย่างที่อาจคาดไม่ถึงคือ ดอกไม้ประดับ ดอกไม้บูชาพระ หากเหี่ยวเฉาแล้วควรรีบทิ้งไป ไม่ปล่อยไว้เพราะเป็นแหล่งเพาะเชื้อราได้เช่นกัน         สํารวจเชื้อราหลังน้ำท่วม         หน้าฝนหลายบ้านระบายน้ำไม่ทัน น้ำท่วม หลังคารั่ว ควรต้องสังเกตว่ากลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อราหรือไม่ อาจทําได้ง่ายมองหาว่า ผนังมีรอยเปื้อนหรือมีลักษณะเชื้อราขึ้นหรือไม่ และวิธีดมกลิ่น กลิ่นเชื้อราเป็นกลิ่นเหม็นอับทึบหรือเหม็นคล้ายกลิ่นดิน ทั้งนี้หากสงสัยว่ามีเชื้อราควรให้ใช้หลักว่า สิ่งของใดที่ไม่สามารถกําจัดเชื้อราได้หมดจดให้ทิ้ง โดยเฉพาะวัสดุที่มีรูพรุน ซึ่งไม่สามารถชะล้างและทําให้แห้งได้จะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อรา ส่วนผ้าที่เกิดเชื้อราฝังอยู่ หากยังเสียดายต้องฆ่าเชื้อด้วยการต้มด้วยน้ำร้อนก่อนจึงจะนํามาใช้อีก         หลังน้ำลดต้องรีบทําความสะอาดพื้นและผนังโดยการขัดล้างให้เร็วที่สุดภายใน 24 - 48 ชั่วโมง อย่าทิ้งไว้จนเกิดคราบรา กรณีเกิดคราบราขึ้นแล้ว ต้องเร่งกำจัด ควรล้างด้วยน้ำและสบู่หรือผงซักฟอกเพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกก่อนแล้วตามด้วยการขัดล้างด้วยน้ำยา ถ้าเป็นการขัดผนังปูนหรือพื้นผิวที่หยาบควรขัดด้วยแปรงชนิดแข็ง น้ำยาฆ่าเชื้อรามีจำหน่ายในท้องตลาดหลายชนิด ชนิดที่หาซื้อง่ายและราคาไม่แพง คือน้ำยาดับกลิ่นไลโซล หรือน้ำยาฟอกฝ้าขาวเช่น คลอร็อกซ์ เป็นต้น ระหว่างทําความสะอาดให้เปิดประตูหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ และเปิดพัดลมเพื่อช่วยให้แห้งโดยเร็ว กรณีกำจัดเชื้อราไม่ออกเป็นคราบฝังแน่นตามผนังควรเปลี่ยนใหม่ ไม่ทาสีทับ         เชื้อรานอกบ้าน        หลีกเลี่ยงการสูดดมสปอร์ของเชื้อรา ง่ายๆ โดยใช้ผ้าปิดปากหรือจมูก แนะนำเป็นการสวมหน้ากากอนามัย (จะป้องกันได้ดีกว่าชนิดที่ทำจากผ้า)        ตรวจร่างกาย         บางคนไม่เคยมีประวัติของโรคภูมิแพ้แต่มีอาการหอบ ไอและเหนื่อยเมื่อถึงฤดูฝน หากสงสัยตัวเอง แนะนำว่าควรไปพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยว่าเป็นเพียงไข้หวัดหรือเป็นโรคภูมิแพ้ ถ้าเป็นภูมิแพ้ควรไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านโรคภูมิแพ้เพื่อตรวจว่าแพ้อะไรบ้าง จากนั้นก็ต้องคอยหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นซึ่งจะเป็นวิธีที่ดีกว่าการใช้ยามาตามแก้เมื่อมีอาการแพ้เกิดขึ้น         เราสามารถควบคุมความชื้นได้ โดยอาจจะใช้อุปกรณ์วัดระดับความชื้น เครื่องดูดความชื้น ซึ่งสามารถหาซื้อมาใช้ได้ทั่วๆ ไป แต่ในการเลือกซื้อและนำมาใช้งานก็ควรศึกษาผลให้ดี เพราะในระดับความชื้นที่น้อยเกินไปหรือมากเกินไป ก็สามารถส่งผลเสียให้กับร่างกายได้ทั้งนั้น

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 231 ฝนกับเรื่องต้องระวังเพื่อผิวสวย

        ฤดูฝนมาเยือนแล้ว บางพื้นที่ฝนกระหน่ำให้ชุ่มเย็น แต่เวลาฝนไม่ตก อากาศก็ร้อนแทบบ้าเช่นกัน อาการที่เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝนนี้ ถ้าดูแลผิวไม่ดีหรือชะล่าใจผลเสียก็เกิดกับผิวได้ แล้วเรื่องอะไรบ้างนะที่เราต้องระวังในฤดูฝน         สิ่งที่คิด(แต่)ไม่ถึงหรือทำให้คุณพลาด         1.น้ำฝนใสๆ เห็นว่าใสแต่จริงๆ แล้วด้วยสภาวะแวดล้อมปัจจุบัน น้ำฝนจะมีสิ่งปนเปื้อนอยู่มาก ทั้งฝุ่นละออง เชื้อโรค สารเคมี ควรเลี่ยงการโดนน้ำฝนแต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องล้างตัวล้างหน้าทันที ผมควรสระให้สะอาดและเป่าให้แห้ง อย่าปล่อยทิ้งไว้ให้ชื้น อาจเกิดปัญหาเชื้อราที่ผมและจุดอับบนร่างกายได้         2.ฟ้าครึ้มๆ เห็นฟ้าครึ้มเมฆ ก็คิดไปว่าไม่มีแดด ครีมกันแดดก็ไม่ต้องแล้ว อันนี้ผิด เพราะรังสียูวีทะลุทะลวงผ่านชั้นบรรยากาศ ชั้นเมฆได้ชิลๆ การออกไปกลางแจ้งและต้องอยู่ในแสงแดดระยะเวลามากกว่า 10 นาที ควรใช้ครีมกันแดดทาผิวหน้า ผิวกาย อาจเลือกใช้ชนิดกันน้ำด้วย เผื่อเจอฝน หรือใช้ร่ม หมวกเพื่อกันผิวจากแสงอาทิตย์        3.ความชื้นในอากาศสูงฝุ่นย่อมน้อย ความจริงฝุ่นไม่เคยน้อยลง ยิ่งในเมืองที่ผู้คนและการจราจรแออัด ฝุ่นจะเยอะเป็นพิเศษ และยิ่งอากาศอบอ้าวเหงื่อยิ่งออกมากหน้าจะมันและจับฝุ่นได้ดี จึงต้องทำความสะอาดให้ถูกวิธี และระวังเรื่องหน้ามัน การล้างหน้าบ่อยยิ่งทำให้หน้ามัน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสภาพผิว        4.น้ำฝนนั้นก็มีความเป็นกรดเล็กน้อยแต่ถ้าในอากาศมีมลพิษปริมาณสูงก็จะทำให้น้ำฝนมีความเป็นกรดมากขึ้น คนที่ผิวไวสัมผัส ก็มีโอกาสเกิดปัญหาผิวอักเสบ สิวอักเสบได้        5.อากาศเปลี่ยนแปลงไว ร่างกายอาจได้รับผลกระทบและเกิดอาการไข้ ไม่สบาย เวลาไม่สบายก็ย่อมส่งผลต่อสุขภาพผิวพรรณแน่นอน         จากปัจจัยต่างๆ ที่ได้กล่าวไปเราควรรับมือกับปัญหาที่คาดไม่ถึงด้วยวิธีต่อไปนี้         1.การทำความสะอาด ควรสระผม อาบน้ำ ล้างหน้าอย่างถูกวิธี และควรทำทันทีหากต้องเปียกปอนจากฝน         2.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิว คนผิวมัน ผิวแพ้ง่ายให้เพิ่มความระมัดระวัง         3.อย่าปล่อยให้ร่างกายเปียกชื้น หรือปล่อยให้ผมหรือเท้าเปียกชื้น เพราะความอับชื้นเป็นของชอบของเชื้อรา ซึ่งทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์และกระทบกับสุขภาพผิวได้ ทั้งรังแค โรคน้ำกัดเท้า กลิ่นเท้า         4.อย่าลืมทาครีมกันแดดแม้ในวันที่ฟ้าครึ้ม หรือใช้ร่ม หมวกเพื่อป้องกันแสงแดด         5.ฤดูฝนผู้ที่ผิวแพ้ง่ายไม่ควรใส่เครื่องประดับโลหะหรือโลหะผสม เพราะน้ำฝนและความชื้นจะทำปฏิกิริยากับโลหะทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบได้         6.กินอาหารดี ดื่มน้ำสะอาดและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงไม่ป่วยไข้         7.ชีวิตกับโควิด 19 ไม่ควรสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยที่เปียกชื้น เพราะเป็นแหล่งก่อเชื้อโรค สำหรับหน้ากากผ้าควรเปลี่ยนทันทีที่โดนฝน และซักทำความสะอาดอย่างถูกต้องก่อนนำมาใช้ครั้งต่อไป หน้ากากอนามัยควรใช้ครั้งเดียวทิ้งและหากเปียกชื้นควรเปลี่ยนทันที

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 216 ตรวจสอบจราจร ปริมาณน้ำฝนและเส้นทางลัด กับ TVIS

                                  ฉบับนี้ผู้เขียนมาอัพเดทแอปพลิเคชันเกี่ยวกับการรายงานสภาพการจราจร เป็นแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นโดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค แอปพลิเคชันนี้มีชื่อว่า TVIS ซึ่งย่อมาจากคำว่า Traffic Voice Information Service สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และระบบปฏิบัติการ Android          แอปพลิเคชัน TVIS เป็นแอปพลิเคชันที่แสดงถึงสภาพการจราจร มีกล้องวงจรปิด มีเรดาร์ตรวจอากาศ และเรดาร์น้ำฝน โดยจะแบ่งหมวดบนหน้าแอปพลิเคชัน 5 หมวด ได้แก่ หมวดรายการ หมวดรอบตัว หมวดรายการโปรด หมวดค้นหาด้วยเสียง และหมวดอื่นๆ          หมวดรายการ จะแบ่งการแสดงผลบนหน้าจอออกเป็น 8 หัวข้อ หัวข้อเรดาร์น้ำฝน จะแสดงสภาพปริมาณน้ำฝนที่เกิดขึ้นซึ่งใช้สีเป็นตัวแบ่งปริมาณน้ำฝนตั้งแต่ปริมาณเล็กน้อย ปานกลาง แรง แรงมาก และเกิดลูกเห็บ หัวข้อสภาพการจราจรจะให้เลือกบริเวณเส้นทางที่ต้องการทราบความคล่องตัวของสภาพการจราจร หัวข้อกล้องจราจร CCTV จะแสดงกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ หัวข้อเส้นทางลัดจะแสดงเส้นทางลัดทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดหัวข้อข่าวสังคมออนไลน์เป็นการรายงานข่าวสารจากสังคมออนไลน์ หัวข้อข่าวจากภาครัฐเป็นการรายงานข่าวสารจากภาครัฐ หัวข้อหมายเลขสายด่วนเพื่อกดดูรายการหมายเลขสายด่วนที่มีอยู่ทั้งหมด และหัวข้อ Smart IVR ที่มีไว้สำหรับติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อสอบถามผ่านแอปพลิเคชันโดยจะต้องกรอกหมายเลขโทรศัพท์ที่สะดวกหลังจากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมา          หมวดรอบตัว จะเป็นการแสดงสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ โดยมีหัวข้อที่จะเลือกตรวจสอบสภาพการจราจร 4 หัวข้อ ได้แก่ หัวข้อเส้นสีจราจรจะปรากฏเส้นสีตามสภาพการจราจรในขณะนั้นเป็นสีแดง สีส้ม สีเหลืองและสีเขียว หัวข้อกล้องจราจรจะมีกล้องภาพเคลื่อนไหวจากแฟ้มภาพที่ผ่านไปเมื่อ 30 นาทีที่ผ่านมาและภาพเคลื่อนไหวแบบถ่ายทอดสด หัวข้อสังคมออนไลน์จะปรากฏข่าวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ จุดนั้น และหัวข้อดาวเทียมจะเป็นการเปลี่ยนรูปแบบมุมมองบนแอปพลิเคชันเป็นดาวเทียม          หมวดรายการโปรดเป็นหมวดที่เพิ่มขึ้นมาให้ผู้ใช้แอปพลิเคชันได้รับความสะดวกสบายและสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วกับเส้นทางและสภาพการจราจรที่ต้องการใช้บ่อย สำหรับหมวดค้นหาด้วยเสียงเป็นการสั่งงานในการค้นหาสภาพการจราจรด้วยเสียง ซึ่งหมวดนี้จะรองรับผู้ที่ไม่สะดวกในการค้นหาในรูปแบบปกติ และหมวดอื่นๆ จะเป็นการตั้งค่าและวิธีการใช้งานภายในแอปพลิเคชัน        แอปพลิเคชัน TVIS นี้มีประโยชน์ในเรื่องการรายงานสภาพการจราจรตามเส้นทางที่ต้องการเดินทางว่ามีความคล่องตัวมากน้อยแค่ไหน  การรายงานสภาพการจราจรผ่านกล้องวงจรปิด การรายงานปริมาณน้ำฝนในแต่ละพื้นที่ การรายงานข่าวสารสภาพการจราจรผ่านสังคมออนไลน์ซึ่งมาจากการรายงานสภาพการจราจรจากผู้ใช้เส้นทางบนถนนโดยตรง        ถ้าผู้ใช้แอปพลิเคชันอยากจะหลีกเลี่ยงเส้นทางการจราจรที่ติดขัดบริเวณใด หรือต้องการหาเส้นทางลัด ก็สามารถเข้ามาตรวจสอบภายในแอปพลิเคชันนี้ได้เลย

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 175 น้ำ....ไม่ธรรมดา

ความกังวลเกี่ยวกับการที่หน้าแล้งต่อหน้าฝนปีนี้ คนเมืองกรุงอาจขาดน้ำประปาได้หมดไปแล้ว เพราะผู้ว่าการประปานครหลวงออกมายืนยันว่า คนเมืองหลวงจะมีน้ำใช้แบบสบายต่อไปอีกปี (ส่วนปีหน้าค่อยว่ากันใหม่ แบบว่าคิดถึงอนาคตทีละช็อต) แล้วผู้เขียนก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นข่าวเรื่อง “เตือนแชร์ดื่มน้ำรวด 2 ลิตร แพทย์ชี้อันตราย-เสี่ยงสูง !!” ในหนังสือพิมพ์ออนไลน์ของมติชน เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 08:40:47 น.เนื้อข่าวรายงานว่า มีการแชร์ข้อมูลแนะนำวิธีดูแลสุขภาพมากมาย ซึ่งบางอย่างมีความแปลกประหลาดเช่น ล่าสุดมีการระบุว่า "ดื่มน้ำอุ่นอย่างน้อยลิตรครึ่ง หรือมากกว่านั้นจะส่งผลดีต่อร่างกาย โดยในช่วงแรกอาจจะเริ่มจากทีละนิดก่อน เช่น ดื่มน้ำอุ่น 1 ลิตรครึ่ง ภายใน 1 ชั่วโมง (ให้ดื่มรวดเดียวหมดภายใน 2-3 อึดใจ) โดยน้ำอุ่นจะส่งผลดีต่อระบบทางเดินหายใจ น้ำจะเข้าไปชำระล้างสิ่งสกปรกต่างๆ ที่มีอยู่ในร่างกายออก เพื่อให้ทำงานได้ตามปกติ ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น เนื่องจากน้ำอุ่นช่วยขยายหลอดเลือดและเพิ่มอัตราการไหลเวียนเลือด ส่งผลดีต่อโรคเกาต์ ความดัน คอเลสเตอรอล" จากประเด็นดังกล่าวนักข่าวมติชนได้สัมภาษณ์อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกล่าวประมาณว่า ผู้บริโภคไม่ควรเชื่อข้อมูลเหล่านี้ เพราะการดื่มน้ำนั้นควรขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของแต่ละคน และการดื่มน้ำนั้นไม่น่าเกี่ยวกับการรักษาโรค เพราะคุณสมบัติของน้ำต่อร่างกายคือ หล่อเลี้ยงเซลล์และปรับสมดุลของร่างกาย โดยในคนปรกติหากดื่มน้ำมากๆ ไตก็จะทำงานและขับออกมาในรูปปัสสาวะมาก แต่ผู้ที่เป็นโรคไตต้องระวังอาจทำให้เกิดอาการบวมน้ำ หรือผู้ป่วยโรคหัวใจอาจหัวใจวายได้เช่นกัน นอกจากนี้ในข่าวเดียวกันยังบอกอีกว่า อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขก็ได้กล่าวว่า การดื่มน้ำมากถึง 2 ลิตร ในครั้งเดียวคงทำให้จุกมากกว่าจะช่วยรักษา มะเร็ง วัณโรค เพราะดูเกินจริงกว่าการบอกว่า ดื่มน้ำช่วยให้ระบบขับถ่ายดีซึ่งน่าจะถูกต้องกว่า นอกเหนือจากความกลัวดังกล่าวข้างต้นแล้ว คนทั่วไปยังมีความกลัวกันอีกว่า น้ำดื่มอาจไม่สะอาดพอสำหรับร่างกาย เพราะข่าวการปนเปื้อนของระบบน้ำประปาที่มีการแตกรั่วจนน้ำใต้ดินเข้าปนเปื้อน หรือการปนเปื้อนในแหล่งน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาได้เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก จึงทำให้พบว่า หลายๆ บ้านมีเครื่องกรองน้ำ ทั้งที่เป็นเครื่องที่กรองน้ำประปาให้สะอาดขึ้น แต่บางครั้งกลับเป็นเครื่องที่กรองน้ำแล้วได้น้ำที่ปนเปื้อนมากกว่าเดิม เช่น เครื่องกรองน้ำผ่านหินภูเขาไฟจากบางประเทศ ที่กล่าวข้างต้นนั้นเป็นแค่ตัวอย่างความตระหนกในระดับธรรมดา แต่มีความตระหนกในระดับวิลิสมาหราที่บางคนต้องการ น้ำดื่มที่เป็นอะไรมากกว่าน้ำธรรมดา โดยเฉพาะคนมีสตางค์และพอมีความรู้ทางเคมีของน้ำบ้าง กลับต้องการน้ำมหัศจรรย์ระดับโมเลกุล เพื่อให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ในร่างกายตน ความมหัศจรรย์ของน้ำนั้นที่มีการมโน แบบหลากหลายละลานตาบนเน็ทนานพอควรแล้ว ดังนั้นผู้เขียนจึงขอนำท่านผู้อ่านไปหาความรู้เพิ่มเติมจากเว็บที่หลายท่านคงคุ้นเคยดี เพราะเป็นเว็บที่ให้ข้อมูลเพื่อลดความเสี่ยงการถูกหลอกให้เสียเงิน เว็บนั้นคือ www.quackwatch.com เรื่องเกี่ยวกับน้ำ...ไม่ธรรมดานั้น ใน www.quackwatch.com มีบทความซึ่งจะพาท่านทะลุผ่านมิติไปยังเว็บอื่น ๆ เพื่อให้ได้ทราบว่า “จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้หยั่งถึง ที่จะกินเงินจากท่าน” โดยบทความนั้นชื่อ Index of Water-Related Frauds and Quackery บทความนี้สั้นมากๆ เพราะมีแค่ข้อมูลที่จะทำให้ท่านสามารถก้าวต่อไปถึงเว็บไซต์อื่น ที่นำเอาน้ำที่อ้างว่าไม่ธรรมดามาหลอกลวงเอาสตางค์จากผู้บริโภค เว็บที่ผู้เขียนสนใจชื่อ www.chem1.com/CQ/clusqk.html ของศาสตราจารย์ด้านเคมีท่านหนึ่งที่เกษียณอายุแล้วแต่มีความรู้สึกว่า การหลอกหากินเกี่ยวกับน้ำนั้นมันน่าสมเพศ จนต้องออกมาแถลงความจริงที่ประชาชนควรทราบในเว็บดังกล่าวนั้นกล่าวถึงคำ ๆ หนึ่งคือ Cluster water ซึ่งคำว่า cluster นั้น Cambridge Advanced Learner’s Dictionary ให้ความหมายว่า a group of similar things that are close together, sometimes surrounding something ซึ่งถ้าพูดเป็นไทยแบบเข้าใจง่าย ๆ น่าจะหมายถึง การที่โมเลกุลของน้ำมารวมอยู่เป็นกลุ่มที่ค่อนข้างซับซ้อน ในขณะที่อาจารย์สอนเคมีพื้นฐานได้สอนว่า โมเลกุลของน้ำในสภาวะปรกติที่เป็นของเหลวนั้นจะมีพันธะที่เรียกว่า พันธะไฮโดรเจน (hydrogen bonding) ต่อโมเลกุลของน้ำเข้าเป็นสาย ซึ่งมีความหมายต่างจากน้ำที่เรียกว่า cluster water ซึ่งเป็นคำบัญญัติโดย Doctor Masuro Emoto หนึ่งในสุดยอดของผู้คิดค้นวิจัยเกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์เทียม (Pseudoscience) ที่ Wikipedia บันทึกประวัติความเป็นมาและผลงานเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างให้ผู้สนใจเข้าไปอ่าน การโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับ cluster water นั้นน่าทึ่งอึ้งเสียวเพราะบอกว่า น้ำนั้นเสมือนมีจิตวิญญาณ น้ำที่มาจากแหล่งต่างกันสามารถมีผลึกรูปแบบต่างกันเมื่อดูจากกล้องจุลทรรศน์ โดยอาจเป็นผลึกเหมือนหิมะหรือผลึกรูปแบบอื่น ๆ และเมื่อผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ เช่น การให้น้ำได้ฟังเพลง การบรรยายที่ดี (น่าจะหมายถึงการฟังเทศน์เพื่อนิพพานที่เป็นอัตตา) หรือแม้แต่ (น้ำได้) เห็นภาพที่กำหนดไว้ ซึ่งพูดแบบตรงไปตรงมาคือ ปรมาจารย์ชาวญี่ปุ่นผู้นี้คิดว่า น้ำนั้นมีจิตวิญญาณรับรู้สิ่งที่ดีเลวจากสิ่งแวดล้อมได้ ดังนั้นถ้าเราได้ดื่มน้ำที่มาจากสิ่งแวดล้อมที่ดี ร่างกายก็จะดีด้วย และน้ำที่ว่านี้สามารถบำบัดโรคเรื้อรังต่างๆ ได้ ซึ่งถ้าเป็นจริงโรงเรียนแพทย์ต่างๆ ก็ควรถูกปิดเพื่อความประหยัด แล้วนำงบประมาณไปใช้เรื่องอื่นที่สำคัญของประเทศ (ความคิดเรื่องน้ำประหลาดนี้อาจเข้ามาในประเทศไทยแล้ว ใครใคร่เชื่อก็เชื่อเถอะ เพราะมันคงไม่ต่างไปจากการกราบไหว้เห็ดรูปพญานาคเพื่อขอหวย) ในเรื่องของ cluster water นั้น มีเรื่องที่เหลือเชื่อเกิดขึ้นคือ มีชายคนหนึ่งได้ทำการจดลิขสิทธิ์เครื่องผลิต cluster water ซึ่งอ้างว่าน้ำที่ได้จากเครื่องมีลักษณะการเรียงโมเลกุลเป็นวงเกาะติดสารอินทรีย์ที่ทำหน้าที่เป็นแกนกลางได้แก่ โปรตีน สายกรดอะมิโน (น่าจะหมายถึงเป็บไตด์) สารสกัดจากว่านหางจระเข้และอื่น ๆ โดยใช้เทคนิคต่าง ๆ ที่ทำให้ดูน่าเชื่อถือว่า เป็นน้ำชนิดที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ปรับปรุงอวัยวะภายในต่าง ๆ ท่านผู้สนใจอ่านรายละเอียดได้ในเรื่อง How is Clustered Water™ made? สามารถอ่านได้จากเว็บ www.chem1.com/CQ/clusterpats.html โดยขอให้ยึดกาลามสูตร 10 ของพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งด้วยนอกจากนี้ยังมีการเสนอน้ำที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ (Perfect water) แก่ผู้บริโภคที่ซื้อสินค้ายี่ห้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเครื่องปรับสภาพน้ำของบริษัทหนึ่งในสหรัฐอเมริกา บริษัทนี้อ้างว่าสามารถเปลี่ยนโครงสร้างของน้ำเพื่อทำให้พลังงานของน้ำเปลี่ยนไป จนสามารถขจัดความทรงจำที่เป็นพิษ (toxic memory) ได้ อีกทั้งน้ำที่ถูกเปลี่ยนโครงสร้างไปแล้วนั้นสามารถทำให้เซลล์ได้น้ำนิ่ม (soft water) ซึ่งผู้เขียนก็นึกไม่ออกว่าน้ำนี้เป็นอย่างไรเว็บดังกล่าวข้างต้นให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรรมวิธีผลิตน้ำชนิดพิเศษซึ่งดูแปลกดี โดยเริ่มต้นจากการเอาน้ำไปต้มจนได้ไอน้ำ แล้วนำไอน้ำไปผ่านสนามแม่เหล็กจนไอนั้นกลั่นตัวเป็นหยดน้ำที่อุณหภูมิมากกว่า 0 องศาเซลเซียสภายใต้แสงอินฟราเรดไปจนถึงแสงอัลตร้าไวโอเล็ท ก็จะได้น้ำวิเศษสมปรารถนาคำโฆษณาสินค้าที่เป็นเครื่องมือปรับโครงสร้างน้ำในลักษณะต่างๆ นั้นมักเหมือนกันคือ น้ำที่ผ่านเครื่องมือจะทำให้สภาพร่างกายกลับคืนสู่สภาพที่ดีเหมือนยังหนุ่มสาวผลเสียเนื่องจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (เรื่องนี้น่าสนใจเพราะทุกท่านนั้นต่างก็อยู่ในสนามพลังอะไรต่อมิอะไร ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ มือถือ ตลอดจนถึงสนามแม่เหล็กจากสายไฟฟ้าแรงสูงที่ผ่านกลางหมู่บ้าน ดังนั้นอาจมีใครสักคนที่จะนำสิ่งเหล่านี้ไปเป็นข้ออ้างในการชวนให้ท่านผู้อ่านซื้อสินค้าประเภทนี้) เพิ่มระบบภูมิต้านทาน ทำให้ผิวกลับสู่สภาพเต่งตึง (โดยอุปกรณ์มีลักษณะเป็นฝักบัวอาบน้ำ) เป็นต้น ท่านที่สนใจคิดว่าทนอ่านข้อความลักษณะนี้ได้สามารถไปที่ www.thewellnessenterprise.com ซึ่งคงต้องตัดสินเองว่าเชื่อได้หรือไม่ ที่ซ้ำร้ายคือ ยังมีน้ำอีกหลายชนิดเช่น photonic structured water, ultra-hydrating super liquid, MRET water, hexagonal water, Energized Vibrational Healing Water และอื่น ๆ อีกสุดจะพรรณนา กำลังดาหน้าเข้ามาหาท่านในอนาคต  

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point