ฉบับที่ 276 มะเร็งปอดในนักกีฬาหนุ่มไม่สูบบุหรี่

        คนบนโลกออนไลน์ได้รู้จักหมอหนุ่มวัย 28 ปีคนหนึ่งที่บอกเล่าอาการป่วยมะเร็งปอดของตัวเองผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า เป็นคนที่ชอบออกกำลังกายแต่กลับป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 4 โดยหมอหนุ่มท่านนี้ใส่ใจในความผิดปกติของอาการไอของตนเองจึงเข้ารับการตรวจร่างกายแล้วพบว่า กำลังป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 4 ซึ่งไม่สามารถผ่าตัดรักษาให้หายขาดได้ หมอหนุ่มได้ตั้งประเด็นที่อาจเป็นสาเหตุของการป่วยว่า ปัจจัยเดียวที่เป็นไปได้คือ ภาวะฝุ่น PM 2.5 ที่รุนแรงในจังหวัดเชียงใหม่มานานหลายปี สิ่งที่น่าสนใจคือ คนเชียงใหม่ทุกคนต่างรับผลจากฝุ่น PM 2.5 พอ ๆ กันแต่ไม่ใช่ทุกคนเป็นมะเร็งปอด แล้วปัจจัยใดที่น่าจะทำให้คนหนุ่มที่ออกกำลังกายเป็นประจำและไม่สูบบุหรี่กลับมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคนอื่น การกลายพันธุ์ของเซลล์อาจนำไปสู่การเป็นมะเร็งปอด         ข้อมูลทางการแพทย์กล่าวว่า มะเร็งปอดนั้นแบ่งได้ในชั้นต้นเป็น 2 ประเภทคือ มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small Cell Lung Cancer) ซึ่งพบประมาณร้อยละ 10-25 ของมะเร็งปอดทั้งหมด มักพบบริเวณใกล้ขั้วปอดมากกว่าบริเวณชายปอด มีการแพร่กระจายเร็ว มีความเข้าใจว่าเกิดจากการที่สารเคมีบางชนิดทำให้เกิดความผิดปกติของระบบฮอร์โมน โดยทั่วไปนั้นมะเร็งปอดชนิดนี้ตอบสนองต่อเคมีบำบัดและรังสีรักษาได้ดี แต่โอกาสหายขาดยังเป็นไปได้น้อย ส่วนประเภทที่ 2 คือ มะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก (Non-Small Cell Lung Cancer) ซึ่งพบประมาณร้อยละ 75-90 ของมะเร็งปอดทั้งหมด มีการแพร่กระจายที่ช้าจึงมีโอกาสตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้นได้มากกว่ามะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก จึงนำไปสู่การผ่าตัดเอาก้อนและต่อมน้ำเหลืองออกพร้อมการบำบัดร่วมกับการให้เคมีบำบัดและรังสีรักษาหรือการบำบัดเสริมอื่นๆ ทำให้มีโอกาสหายขาดได้         การเกิดมะเร็งซึ่งรวมถึงมะเร็งปอดนั้นเกี่ยวข้องกับการกลายพันธุ์ของยีนหลายยีน ซึ่งบทความเรื่อง Genomic profiling in non-small-cell lung cancer in young patients. A systematic review (การทบทวนอย่างเป็นระบบถึงการทำรูปแบบจีโนมในมะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็กในผู้ป่วยอายุน้อย) ในวารสาร ESMO Open ของ European Society for Medical Oncology ในปี 2021 ได้ให้ข้อมูลว่า มะเร็งปอดในผู้ป่วยอายุน้อยนั้นพบไม่บ่อยนัก ดังนั้นจึงทำการทบทวนอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับรูปแบบจีโนมของผู้ป่วยอายุน้อยที่เป็นมะเร็งปอดตั้งแต่ปี 2010 ถึง 2020 จากเอกสารในฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หลักต่าง ๆ แล้วเลือกต้นฉบับงานวิจัย 23 ฉบับมาพิจารณาซึ่งพบว่า มะเร็งปอดในผู้ป่วยอายุน้อยกว่า 50 ปี เกิดขึ้นบ่อยในสตรีและเป็นมะเร็งแบบ adenocarcinoma (มะเร็งที่เกิดขึ้นที่ต่อมหรือเยื่อบุที่ผลิตเมือกหรือของเหลว มะเร็งประเภทนี้พบได้บ่อยในมะเร็งเต้านม ต่อมลูกหมาก ปอด และลำไส้ใหญ่) และบ้างก็อยู่ในระยะที่ลุกลาม ซึ่งในการทบทวนข้อมูลครั้งนี้พบว่า การกลายพันธุ์ของหลายยีนในเซลล์เนื้อเยื่อ (somatic cells) มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งปอด ได้แก่         การกลายพันธุ์ของยีน TP53 ซึ่งสร้างโปรตีน p53 ที่ควบคุมระบบการแบ่งเซลล์ให้เป็นปรกติ การกระตุ้นการตายของเซลล์ในลักษณะ apoptosis และความเสถียรของยีนด้วยกลไกการซ่อมแซมต่างๆ         การกลายพันธุ์ของยีน EGFR T790M ยีนนี้เป็นที่รู้จักกันในนามว่า gatekeeper gene ซึ่งเป็นยีนที่ทำหน้าที่ป้องกันการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งที่เกิดขึ้น และป้องกันการสะสมของการกลายพันธุ์ที่นำไปสู่การเพิ่มจำนวนเซลล์ผิดช่วงเวลา สำหรับ epidermal growth factor receptor (EGFR) นั้นเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่เป็นตัวรับปัจจัยที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของผิวหนัง ผลของการกลายพันธุ์นำไปสู่การแสดงออกของตัวรับ EGFR บนผนังมากเกินไป ทำให้เกิดการแบ่งเซลล์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งเป็นลักษณะขยายการทำงานของเซลล์ที่ไม่ปรกติจึงมีความเกี่ยวข้องกับมะเร็งหลายชนิดรวมถึงมะเร็งชนิด adenocarcinoma ในปอด มะเร็งทวารหนัก มะเร็งสมอง (Glioblastoma) และเนื้องอกของเยื่อบุผิวที่ศีรษะและคอ         การกลายพันธุ์ของกลุ่มยีน BRCA ได้แก่ BRCA1, BRCA2 (และอาจเพิ่ม BRCA3 ในอนาคต) ซึ่งก่อให้เกิดกลุ่มอาการมะเร็งเต้านมและรังไข่ทางพันธุกรรม         การกลายพันธุ์ของยีน HER2 (Human epidermal growth factor receptor) จนกลายเป็นปัจจัยสนับสนุนการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง มีงานวิจัยพบว่าประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมักพบความผิดปรกติของ HER2 เป็น positive นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระดับยีนส์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดมะเร็งได้หลายชนิดรวมถึงมะเร็งปอด         การกลายพันธุ์ของยีน YAP1 (yes associated protein 1) ซึ่งสร้างโปรตีนตัวควบคุมการถอดรหัสที่กระตุ้นการถอดรหัสยีนที่เกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของเซลล์และการแพร่กระจายและยับยั้งการฆ่าตัวตายแบบ apoptosis ดังนั้นการกลายพันธุ์จึงส่งผลให้การเกิดมะเร็งได้ง่ายขึ้น         การกลายพันธุ์ของยีน CHECK2 ซึ่งเป็นยีนที่ควบคุมการสร้างโปรตีนที่หยุดยั้งการเติบโตของเนื้องอก ความผิดปรกติของยีนนี้เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมตลอดชีวิตเป็นสองเท่า นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งต่อมลูกหมากได้ และทำให้เกิดความสงสัยว่า การเปลี่ยนแปลงของยีนนี้โดยเฉพาะในวัยรุ่นและผู้ใหญ่วัยหนุ่มสาวมีความสัมพันธ์ต่อการเกิดมะเร็งปอด การกลายพันธุ์ของยีนใดที่อาจเป็นต้นเหตุสำคัญของมะเร็งปอด         ยีนที่ดูน่าสนใจเป็นพิเศษได้ถูกระบุในบทความของอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เรื่อง TP53 gene mutations of lung cancer patients in upper northern Thailand and environmental risk factors (การกลายพันธุ์ของยีน TP53 ของผู้ป่วยมะเร็งปอดในภาคเหนือของประเทศไทยและปัจจัยเสี่ยง) ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Cancer Genetics and Cytogenetics ของปี 2008 บทความนี้รายงานผลการศึกษาถึงผลของปัจจัยต่างๆ ในสิ่งแวดล้อมต่อการกลายพันธุ์ของยีน TP53 ในผู้ป่วยมะเร็งปอดที่อาศัยอยู่ในภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งเป็นบริเวณที่มีอุบัติการณ์ของมะเร็งปอดสูงกว่าส่วนอื่นของประเทศ (หลายบทความในอดีตตั้งประเด็นว่า ความนิยมในการสูบบุหรี่ขี้โยนั้นเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปอดสูงของสตรีชาวเหนือ)         การกลายพันธุ์ของยีน TP53 พบได้มากประมาณ 40-70% ในเนื้อเยื่อมะเร็งปอด และการกลายพันธุ์ของยีนนี้สามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ในระยะแรก ๆ ของมะเร็งปอดซึ่งอาจเป็นผลจากการได้รับสารก่อมะเร็งจากสิ่งแวดล้อม รายงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า จำนวนและรูปแบบการกลายพันธุ์ของยีน TP53 มีความแตกต่างกันในแต่ละกลุ่มประชากร ซึ่งความแตกต่างนี้อาจเกิดจากเชื้อชาติที่ต่างกัน หรือได้รับสารก่อมะเร็งจากสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน รวมไปถึงลักษณะการดำเนินชีวิตที่ต่างกัน         ในการศึกษานี้ได้มีศึกษาเปรียบเทียบการถ่ายทอดยีนที่กลายพันธุ์ในผู้ป่วยมะเร็งปอดและครอบครัว (ญาติสายตรงและพี่-น้องผู้ป่วย) พร้อมมีกลุ่มควบคุมเพื่อดูว่า การกลายพันธุ์แต่กำเนิด (germline mutations หรือ inherited mutations นั้น เป็นการที่ยีนมีความผิดปกติตั้งแต่เป็นเซลล์ต้นกำเนิดหลังการปฏิสนธิ และส่งผ่านความผิดปกตินี้ผ่านเซลล์สืบพันธุ์ไปยังรุ่นลูกหลานต่อไปได้ เช่น การกลายพันธุ์ของยีน BRCA ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ชนิดที่สามารถสืบทอดทางพันธุกรรมได้) มีผลต่อการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดของประชากรกลุ่มนี้หรือไม่ โดยนักวิจัยได้ดำเนินการสกัดดีเอ็นเอจากเม็ดเลือดขาวของผู้ป่วย ญาติผู้ป่วยและกลุ่มควบคุม พร้อมกับสกัดดีเอ็นเอจากเนื้อเยื่อมะเร็งปอดและเนื้อเยื่อปอดปกติของผู้ป่วยแต่ละรายเปรียบเทียบกับลำดับเบสอ้างอิงที่ได้จาก GenBank (accession no. X54156) ซึ่งผลการศึกษาจากผู้ป่วย 55 รายและกลุ่มควบคุม 57 ราย รวมทั้งจากบิดา-มารดาของผู้ป่วยอีก 8 ราย ไม่พบการกลายพันธุ์แต่กำเนิดในดีเอ็นเอที่สกัดจากเม็ดเลือดขาว การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่า การกลายพันธุ์แต่กำเนิดไม่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งปอดในผู้ป่วยกลุ่มนี้ แต่พบว่ามีการกลายพันธุ์ของเซลล์เนื้อเยื่อ (somatic mutation) 19 ตำแหน่ง ในดีเอ็นเอที่สกัดได้จากเนื้อเยื่อมะเร็งปอดของผู้ป่วย 18 ตัวอย่าง อย่างไรก็ดีไม่มีการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่งใดๆ ซ้ำกันจนเป็น hot spot (ซึ่งเป็นจุดสังเกตที่เด่นชัดถึงโอกาสของการเกิดมะเร็ง)         ประเด็นที่น่าสนใจคือ เมื่อทดสอบผลของปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมต่อการกลายพันธุ์ พบว่าการใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีกำจัดศัตรูพืช และการอาศัยอยู่ในบ้านที่มีอากาศถ่ายเทไม่ดี ได้แก่บ้านซีเมนต์หรือบ้านที่มีห้องครัวอยู่ภายในบ้าน มีผลต่อการเกิดการกลายพันธุ์ของยีน TP53 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ         ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่า ความแตกต่างระหว่างเชื้อชาติและสารก่อกลายพันธุ์ในสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อการกลายพันธุ์ของยีน ซึ่งนำไปสู่การเกิดมะเร็งปอด และเป็นไปได้ว่าการกลายพันธุ์ของยีน TP53 อาจเกิดจากปัจจัยอื่นนอกเหนือไปจากการสูบบุหรี่ ซึ่งหากรู้ถึงปัจจัยที่มีผลต่อการกลายพันธุ์แล้วจะมีประโยชน์ต่อการป้องกันการเกิดมะเร็งปอดต่อไปได้ในอนาคต ซึ่ง ณ.ปัจจุบัน พ.ศ. 2567 นั้นก็ดูเหมือนยังไม่ทราบในสิ่งที่บทความตั้งความหวังไว้ ดังนั้นคนไทยในภาคเหนือจึงยังอยู่ในความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดต่อไป

อ่านเพิ่มเติม >


ฉบับที่ 267 หุ่นยนต์ดูดฝุ่น 2023

        หุ่นยนต์ทำความสะอาดพื้นกลายเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ประจำในร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า แถมยังมีสารพัดยี่ห้อให้ได้เลือกกัน หลายคนอยากมีไว้ประจำบ้านแต่ก็ยังลังเลเพราะผลการทดสอบเปรียบเทียบสองครั้งก่อนที่ฉลาดซื้อเคยนำเสนอ (ในฉบับที่ 197 และ 258) ทำให้เราได้ข้อสรุปว่าผู้ผลิตหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยังต้องปรับปรุงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์นี้อีกมาก มาดูกันว่าในการทดสอบครั้งล่าสุดนี้มีความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างสมาชิกขององค์กรทดสอบระหว่างประเทศ หรือ International Consumer Research & Testing ได้ส่งหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเข้าทดสอบโดยห้องปฏิบัติการ CTTN/IREN Centre Technique de la Teinture et du Nettoyage ของฝรั่งเศส ในระหว่างเดือนสิงหาคม 2565 ถึงมีนาคม 2566*คะแนนแบ่งออกเป็น 5 ด้าน ในสัดส่วนดังนี้        1. ประสิทธิภาพการทำความสะอาด (ร้อยละ 40) โดยวัดจากความสามารถในการกำจัดฝุ่น เศษขนมปัง เส้นใย ทั้งบนพื้นพรมและพื้นกระเบื้อง        2. ความสะดวกในการใช้งาน (ร้อยละ 22)        3. การเคลื่อนไหวในห้องนั่งเล่นที่มีสิ่งกีดขวาง เช่น โซฟา ม่าน แจกัน สายไฟ (ร้อยละ 20)        4. เสียงรบกวนจากเครื่องขณะใช้งาน (ร้อยละ 12)        5. การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (ร้อยละ 6)                 พนักงานขายอาจเล่าถึงสรรพคุณของเจ้าหุ่นยนต์พวกนี้ไว้อย่างน่าตื่นเต้น แต่การทดสอบของเรากลับพบว่าแม้แต่รุ่นที่ได้คะแนนมากที่สุด ก็ได้ไปเพียง 53 คะแนนเท่านั้น (น้อยกว่าสองครั้งก่อนหน้าที่ตัวท้อปได้คะแนน 63 และ 57 ตามลำดับ) ดูรายละเอียดคะแนนด้านต่างๆ ของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทั้ง 22 รุ่น (สนนราคาโดยประมานตั้งแต่ 5,250 ถึง 23,170 บาท*) ได้ในหน้าถัดไป* ราคาที่แสดงเป็นราคาที่สำรวจจากอินเทอร์เน็ตในช่วงเดือนมิถุนายน 2566 โปรดตรวจสอบอีกครั้งก่อนตัดสินใจ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า0 Point

ฉบับที่ 260 อากาศดีต้องมีได้

        มลภาวะทางอากาศเป็นอีกปัญหาระดับโลกที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน ทุกวันนี้มีผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรเพราะอากาศที่ไม่สะอาด ไม่ต่ำกว่า 7 ล้านคนต่อปี ในขณะที่ฝุ่นขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM2.5 หรือฝุ่นจิ๋ว) จากไอเสียรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม ควันไฟจากการหุงต้มหรือการให้ความอบอุ่น รวมถึงพื้นที่ทะเลทรายที่เพิ่มขึ้นและไฟป่าที่รุนแรงขึ้นเพราะภาวะโลกร้อน ก็มีแนวโน้มจะเพิ่มปริมาณขึ้น         เดือนกันยายนปี 2564 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศปรับเกณฑ์แนะนำคุณภาพอากาศ ลดเพดานค่าฝุ่นจิ๋วที่ยอมรับได้ลงมาที่ไม่เกิน 5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรใน 24 ชั่วโมง (จากเดิม 25 ไมโครกรัม)  การตรวจวัดโดย IQAir  บริษัทสัญชาติสวิสที่วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีฟอกอากาศ พบว่ามีเพียง 222  เมืองจาก 6,475 เมือง ใน 117 ประเทศเท่านั้นที่ผ่านเกณฑ์องค์การอนามัยโลก แต่มีถึง 93 ประเทศที่มีอากาศที่เลวร้ายเกินเกณฑ์ถึงสิบเท่า           จากรายงานดังกล่าว ในบรรดา 50 เมืองที่อากาศเลวร้ายที่สุดในโลกในปี 2564 มีถึง 46 เมืองที่อยู่ในภูมิภาคอินเดียกลางและอินเดียใต้ โดยมีบังคลาเทศรั้งตำแหน่งประเทศที่อากาศเป็นพิษที่สุดในโลก ด้วยค่าฝุ่นจิ๋ว 76.9 ไมโครกรัมต่อหนึ่งลูกบาศก์เมตร ประเทศอื่นในอันดับต้นๆ ได้แก่ แชด ปากีสถาน ทาจิกิสถาน อินเดีย โอมาน คีร์กีสถาน บาห์เรน อิรัก และเนปาล         ส่วนประเทศที่อากาศสะอาดที่สุดคือ นิวคาลิโดเนีย ซึ่งเป็นเกาะในทะเลแปซิฟิกใต้ (ค่าฝุ่นจิ๋ว 3.8 ไมโครกรัมต่อหนึ่งลูกบาศก์เมตร) ตามด้วยเวอร์จินไอแลนด์ เปอโตริโก เคปเวิร์ด ซาบา ฟินแลนด์ เกรนาดา บาฮามาส์ ออสเตรีย และเอสโตเนีย         อย่างไรก็ตาม บริษัท IQAir บอกว่าปัจจุบันเขายังไม่มีสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศครอบคลุมทั่วทุกประเทศ จึงอาจมีเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นได้ทุกปี เช่น ก่อนปี 2564 ไม่เคยมีชื่อประเทศแชดปรากฏ แต่เมื่อมีสถานีตรวจวัด ประเทศนี้คว้าอันดับประเทศที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดอันดับสองของโลกไปเลย          เมืองหรือประเทศที่ประสบปัญหาเรื่องคุณภาพอากาศ มีแผนลดมลพิษหรือควบคุมมาตรฐานอากาศกันอย่างไร เราลองไปสำรวจกัน         เริ่มจากฟินแลนด์ซึ่งเป็นแชมป์โลกด้านอากาศสะอาด ก็ยังมีค่าฝุ่นจิ๋วเกินเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ (ค่าฝุ่นจิ๋วของฟินแลนด์คือ 5.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) และในเขตตัวเมืองเฮลซิงกิก็ยังคงมีไนโตรเจนไดออกไซด์เกินมาตรฐานถึงสามเท่า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยโรคหัวใจ หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจอันมีสาเหตุมาจากมลภาวะปีละไม่ต่ำกว่า 2,000 ราย      เทศบาลเมืองร่วมกับมหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ องค์กรกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาของเมือง ได้ริเริ่มโครงการ HOPE (Healthy Outdoor Premises for Everyone) ที่ให้ประชากรมีส่วนร่วมติดตามคุณภาพอากาศในพื้นที่กลางแจ้ง โดยอาสาสมัครอย่างน้อย 150 คนจะพกอุปกรณ์ตรวจวัดติดตัวไปด้วยตามเส้นทางที่ใช้ประจำวัน มหาวิทยาลัยเชื่อว่าอุปกรณ์ดังกล่าวจะเก็บข้อมูลได้แม่นยำที่สุดในโลก         ส่วนประเทศที่คุณภาพอากาศเลวร้ายที่สุดในยุโรปอย่างโปแลนด์ ซึ่งมีถึง 36 เมืองที่ติดอันดับ “เมืองอากาศแย่ที่สุด 50 เมืองในยุโรป” และมีประชากรเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเพราะมลพิษทางอากาศมากถึง 47,000 คนทุกปี ก็กำลังรณรงค์อย่างจริงจัง รวมถึงออกมาตรการจำกัดการใช้ถ่านหินและการใช้ฟืนหุงต้มหรือสร้างความอบอุ่น และมีแผนเพิ่มการติดตั้งเซนเซอร์ให้ทั่วถึงเพื่อให้เอื้อต่อการกำกับดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายด้วย          โปแลนด์ซึ่งเป็นประเทศที่มีการทำเหมืองถ่านหินมากที่สุดในยุโรปรองจากเยอรมนี ยังพึ่งพาถ่านหินเป็นหลักในอุตสาหกรรมต่างๆ ในขณะที่บ้านเรือนทั่วไปก็ยังใช้เตาผิงแบบดั้งเดิมเพื่อให้ความอบอุ่นด้วย         ในภาพรวมสหภาพยุโรปซึ่งมีประชากรประมาณ 450 ล้านคน กำลังผลักดันให้มีกฎหมายว่าด้วยการจำกัดปริมาณฝุ่นจิ๋วภายในปี 2573 และตั้งเป้าว่าภายในปี 2593 จะต้องไม่มีสารก่อมลพิษในอากาศเลย  เป้าหมายนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง เพราะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ผู้คนต้องกลับไปพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลกันมากขึ้น         ข้ามทวีปไปอเมริกาใต้เพื่อดูความพยายามของโบโกตา เมืองหลวงของโคลัมเบียกันบ้างพิษส่วนใหญ่ของโบโกตาซึ่งมีประชากร 500,000 คน มาจากการเดินทางขนส่ง (ที่เหลือเป็นควันจากไฟป่าในประเทศข้างเคียง)         คลอเดีย โลเปซ นายกเทศมนตรีของโบโกตาประกาศตั้งเป้าว่าโบโกตาจะลดมลภาวะลงให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 10 ภายในปี 2567 โดยมีแผนเปลี่ยนรถเมล์ทั้งหมดให้เป็นรถพลังงานไฟฟ้า 100% เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะของเมืองนี้เป็นระบบที่สะอาดที่สุดในโลก         เมื่อต้นปี 2565 โบโกตามีรถเมล์ไฟฟ้าให้บริการรวม 655 คันในหกเส้นทาง และจากคำนวณพบว่าการมีรถเมล์จำนวนดังกล่าววิ่งรับส่งผู้โดยสารในเมืองสามารถทำให้อากาศสะอาดขึ้นเทียบได้กับการปลูกต้นไม้ 148,000 ต้น ทางเมืองจึงมีแผนจะจัดหารถดังกล่าวมาให้บริการเพิ่มอีก 830 คันภายในสิ้นปี และโบโกตายังประกาศจะเป็นเมืองที่มีรถเมล์พลังงานไฟฟ้าให้บริการมากที่สุดในโลกรองจากจีนด้วย         มาที่กรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ โซลเผชิญกับมลภาวะที่เข้าขั้นวิกฤตเช่นกัน งานวิจัยคาดการณ์ว่าหากไม่มีการลงมือแก้ไขโดยด่วน ประชากรกว่า 10 ล้านคนในมหานครแห่งนี้จะมีอายุสั้นลง 1.7 ปี        นอกจากไอเสียจากรถยนต์แล้ว กรุงโซลและอีกหลายพื้นที่ในเกาหลีใต้ยังได้รับผลกระทบจาก “ฝุ่นเหลือง” ที่เคยเชื่อกันว่าถูกพัดพามาจากทะเลทรายในจีนและมองโกเลีย แต่ต่อมีการศึกษาที่ยืนยันว่ามีฝุ่นเหลืองจากเขตอุตสาหกรรมของเกาหลีมากกว่าที่พัดมาจากประเทศจีนด้วยซ้ำ ที่สำคัญเกาหลีใต้ยังมีโรงไฟฟ้าถ่านหินถึง 61 โรง ที่ทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าสนองร้อยละ 52.5 ของความต้องการไฟฟ้าในประเทศ         แผนรับมือของเกาหลีใต้เริ่มจากการประกาศเพิ่มจำนวนสารอันตรายควบคุมในอากาศเป็น 32 ชนิด (จาก 18 ชนิดในกฎหมายฉบับก่อนหน้า) เมื่อปี 2563 นอกจากนี้ยังมีกฎหมายห้ามรถเครื่องยนต์ดีเซลเข้ามาวิ่งในเขตเมือง ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป และรัฐบาลเกาหลีใต้ยังได้ร่วมมือกับรัฐบาลจีนในการทำฝนเทียมเพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นเหลือง และร่วมมือกับเอกชนที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาหุ่นยนต์วัดคุณภาพอากาศ ที่สามารถซอกแซกเข้าไป “ตรวจ”​ โรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก โดรนตรวจการณ์พื้นที่ชายฝั่ง รวมถึงใช้ดาวเทียมของตัวเองในการตรวจวัดคุณภาพอากาศให้บ่อยขึ้น และตรวจวัดปริมาณสารก่อมลพิษถึง 7 ชนิด        กรุงเทพมหานครที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของประชากรไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคนของเรานั้น ตามแผน  “Green Bangkok 2030” ที่ประกาศไว้เมื่อปี 2562 เราได้ให้คำมั่นไว้ว่ากรุงเทพฯ จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประชากร จาก 7.30 ตารางเมตรต่อคน เป็น 10 ตารางเมตรต่อคนภายในปี 2573 และพื้นที่เหล่านี้ต้องสามารถเข้าถึงได้จากที่อยู่อาศัยในระยะไม่เกิน 400 เมตร หรือใช้เวลาเดินไม่เกิน 5 นาทีด้วย แผนนี้เน้นไปที่ “เครื่องฟอกอากาศ” เป็นหลัก ยังต้องจับตาดูกันต่อไปว่าจะมีกฎระเบียบหรือนโยบายใหม่ๆ ออกมาเพื่อจัดการกับต้นตอของมลพิษในเมือง    https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-22/every-country-is-flunking-who-air-quality-standard-report?leadSource=uverify%20wallhttps://thecitizen.plus/node/51769https://thl.fi/en/web/thlfi-en/-/the-tightened-recommendations-for-air-quality-by-who-pose-new-challenges-even-to-finlandhttps://innovationorigins.com/en/selected/helsinki-citizens-help-measuring-air-pollution/https://www.unep.org/news-and-stories/story/five-cities-tackling-air-pollutionhttps://bogota.gov.co/en/international/2023-bogota-will-have-biggest-electric-fleet-after-chinahttps://www.koreatimes.co.kr/www/world/2022/11/501_338651.htmlhttps://www.privacyshield.gov/article?id=Korea-Air-Pollution-Control

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 258 หุ่นดูดฝุ่น

        หุ่นยนต์ทำความสะอาดพื้นดูเหมือนจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น จากที่เคยมีราคาค่อนข้างแพงและตัวเลือกจำกัด ปัจจุบันมีผู้ผลิตหลายเจ้าส่งผลิตภัณฑ์นี้ออกมาให้ผู้บริโภคได้มีทางเลือกมากขึ้น ทั้งรูปลักษณ์ ฟังก์ชัน และราคา แต่คำถามที่ยังคาใจหลายคนคือ อุปกรณ์นี้น่าลงทุนหรือไม่ ฉลาดซื้อฉบับนี้จะพาคุณไปหาคำตอบกันอีกครั้ง*         สมาชิกขององค์กรทดสอบระหว่างประเทศ หรือ International Consumer Research & Testing ได้ร่วมกันส่งตัวอย่างหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเข้ารับการทดสอบในห้องปฏิบัติการ CTTN/IREN Centre Technique de la Teinture et du Nettoyage ที่ประเทศฝรั่งเศส* ในระหว่างเดือนพฤษภาคม 2564 จนถึงพฤษภาคม 2565 โดยการทดสอบแบ่งออกเป็น 5 ด้าน แต่ละด้านมีสัดส่วนคะแนนแตกต่างกันดังนี้        1. ประสิทธิภาพการทำความสะอาด (ร้อยละ 40) โดยวัดจากความสามารถในการกำจัดฝุ่น เศษขนมปัง เส้นใย ทั้งบนพื้นพรมและพื้นกระเบื้อง        2. ความสะดวกในการใช้งาน (ร้อยละ 22)         3. การเคลื่อนไหวในห้องนั่งเล่นที่มีสิ่งกีดขวาง เช่น โซฟา ม่าน แจกัน สายไฟ (ร้อยละ 20)        4. เสียงรบกวนจากเครื่องขณะใช้งาน (ร้อยละ 12)        5. การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (ร้อยละ 6)         ด้วยเนื้อที่อันจำกัดเราจึงขอเลือกรุ่นที่ได้คะแนนรวมสูงสุดในกลุ่มออกมา 20 ตัวเพื่อนำเสนอ (สนนราคาโดยประมานตั้งแต่ 7,000 ถึง 43,000 บาท*)         เราเรียนรู้จากผลการทดสอบครั้งนี้ว่าประสิทธิภาพโดยรวมของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่วางตลาดในช่วงสองปีที่ผ่านมาไม่ได้ดีขึ้นจากเดิมนัก และรุ่นที่ได้คะแนนมากที่สุดในการทดสอบครั้งนี้ ก็ได้ไปเพียง 57 คะแนน (เทียบกับครั้งก่อน ตัวท็อปได้ไป 63 คะแนน) ที่น่าสังเกตคือราคาที่แพงกว่าอาจไม่ได้บ่งบอกถึงประสิทธิภาพที่สูงกว่าเสมอไป         อย่างไรก็ตามหากคุณยังต้องการ “พื้นสะอาด” โดยไม่ต้องเหนื่อยแรงมากนัก ลองพลิกดูคะแนนในด้านต่างๆ ของแต่ละรุ่นได้ในหน้าถัดไป            *ติดตามบทความเรื่องทดสอบหุ่นยนต์ดูดฝุ่นครั้งก่อนหน้าได้ใน ฉลาดซื้อ ฉบับที่ 197        *อัตราค่าทดสอบเฉลี่ยอยู่ที่รุ่นละ 1.318 ยูโร (ประมาณ 47,500 บาท)

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 258 ความเคลื่อนไหวเดือนสิงหาคม 2565

4 เดือนแจ้งความคดีออนไลน์ 59,846 เรื่อง         นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทางดีอีเอสและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์และการสื่อสารดิจิทัล ได้เปิดรับเรื่องร้องเรียนผ่าน www.thaipoliceonline.com เพื่อช่วยให้ประชาชนได้มีช่องทางร้องทุกข์เพิ่มขึ้น และจากสถิติตั้งแต่ 1 มีนาคม – 31 กรกฎาคม 2565 ของศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าวมีผู้เสียหายที่มาแจ้งความคดีออนไลน์ จำนวนถึง 59,846 เรื่อง โดยทางดีเอสไอสามารถอายัดบัญชีผู้กระทำผิดได้เป็นเงินกว่า 121 ล้านบาท         ในส่วนของคดีที่พบมากที่สุด ได้แก่ คดีเกี่ยวกับหลอกลวงทางด้านการเงิน จำนวน 31,047 เรื่อง แบ่งเป็น 3 อันดับแรก ดังนี้  การหลอกลวงให้ทำงานออนไลน์ หลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน หลอกให้ลงทุนในรูปแบบต่างๆ รองลงมา ได้แก่ การหลอกลวงจำหน่ายสินค้า จำนวน 24,643 เรื่อง การพนันออนไลน์ จำนวน462 เรื่อง ข่าวปลอม จำนวน 239 เรื่อง และล่วงละเมิดทางเพศ จำนวน 136 เรื่อง นั่งแคปกระบะไม่คาดเข็มขัดนิรภัยไม่ผิดกฎหมาย         ย้ำอีกครั้งว่าหลังวันที่ 5 กันยายน 2565 ผู้นั่งรถยนต์เบาะที่ 2 ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยหากฝ่าฝืนมีโทษปรับ 2,000 บาท (พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ 2565 กำหนดให้ผู้ขับรถและผู้โดยสารทุกที่นั่งต้องคาดเข็มขัดนิรภัย) แต่สำหรับกรณีของผู้ที่นั่งในรถกระบะด้านหลังคนขับ (แคป) นายจิรุฒน์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่าจะมีการหารือร่วมกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อจัดทำร่างประกาศให้เป็นข้อยกเว้น         รถกระบะนั้น ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 กำหนดให้คาดเข็มขัดเฉพาะแถวหน้าเท่านั้น ส่วนแคปไม่ต้องคาดเข็มขัด แต่กำหนดให้ต้องมีผู้โดยสารไม่เกิน 3 คน เพื่อให้ไม่เกิดความแออัดจนเกินไปรวมถึงอันตรายเมื่อเกิดอุบัติเหตุด้วย อย. ยันยังไม่พบการจำหน่ายแป้งฝุ่นเด็กปนเปื้อนแร่ใยหินในไทย         จากที่บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้ประกาศหยุดจำหน่ายแป้งเด็กทำจากทัลคัม (Talcum) ทั่วโลก ภายในปี 2566 เหตุจากการฟ้องร้องจากผู้บริโภคว่า ผลิตภัณฑ์แป้งเด็กที่ทำจากทัลคัมของจอห์นสันนั้น พบการปนเปื้อนของแร่ใยหิน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง         ด้านเภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้เผยว่า แป้งฝุ่นโรยตัวมีส่วนประกอบหลัก คือ ทัลคัม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่พบได้ตามธรรมชาติช่วยดูดซับความชื้น ให้ความรู้สึกสบาย นุ่มลื่นผิว และมีการใช้มาเป็นเวลานาน ทัลคัมหากนำมาใช้ในเครื่องสำอางต้องมีความบริสุทธิ์สูง ไม่มีการปนเปื้อนแร่ใยหิน ในปัจจุบันยังคงเป็นสารที่สามารถนำมาใช้ในเครื่องสำอางค์ได้  ทั้งนี้ ทาง อย. ได้มีการเฝ้าระวังความปลอดภัยสำหรับแป้งฝุ่น ที่อาจมีการปนเปื้อนของแร่ใยหิน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารทัลคัมหลายยี่ห้อ จำนวน 133 ตัวอย่าง (ปี 2563 - 2565) โดยเก็บส่งตรวจวิเคราะห์ จำนวน 20 ตัวอย่าง มียี่ห้อ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จำนวน 6 ตัวอย่าง สำหรับผลการตรวจวิเคราะห์ทุกรายการยังไม่พบการปนเปื้อนแร่ใยหิน ขอให้ประชาชนมั่นใจ เจ้าของผลงานบนสื่อออนไลน์แจ้งถอดงานได้ทันทีหากพบการละเมิด         นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวถึง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2565  ว่าเพื่อยกระดับของการคุ้มครองงานลิขลิทธิ์บนสื่อออนไลน์ เจ้าของแพลตฟอร์ม อย่างเช่น Facebook Youtube สามารถถอดงานละเมิดลิขสิทธิ์ออกได้ทันทีหากได้รับแจ้งโดยเจ้าของผลงาน ไม่ต้องผ่านกระบวนการทางศาล         ทั้งนี้การปรับเปลี่ยนยังคงสอดคล้องกับหลักสากลรองรับการเข้าเป็นภาคีการตกลงสนธิสัญญาว่าด้วยลิขสิทธิ์ขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO Copyright Treaty: WCT) ที่ประเทศไทยได้ยื่นภาคยานุวัติสารต่อองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาดังกล่าว องค์กรผู้บริโภค ผลึกกำลังค้านควบรวม ทรู-ดีแทค         วันที่ 3 สิงหาคม 2565 ทางเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค ร่วมกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เข้ายื่นหนังสือต่อ ศ. คลินิก  นายแพทย์ สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ   เพื่อคัดค้านการควบรวมกิจการของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (มหาชน) เนื่องจากการควบรวมของทั้ง 2 บริษัท ยังมิได้ขออนุญาตจากทางสำนักคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)         ทั้งนี้การกระทำดังกล่าวจะเป็นการกระทำที่ขัดต่อพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม  มาตรา 21 อันอาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคที่ถูกปิดกั้นทางเลือกการใช้บริการและลดโอกาสของผู้ประกอบการรายใหม่         นอกจากนั้นยังยื่นข้อเสนอขอให้ทางคณะกรรมการฯ เปิดเผยข้อมูลการศึกษาวิเคราะห์รวมถึงความคิดเห็นของอนุกรรมการทั้ง 4 คณะ ตลอดจนผลการศึกษาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ประชาชนได้รับรู้          ด้านนางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ ไม่มีการอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองที่ให้ กสทช.ต้องทำหน้าที่พิจารณาการควบรวมกิจการทรู-ดีแทค อย่างรอบคอบ ไม่ใช่แค่มีหน้าที่รับเรื่องเท่านั้น รวมถึงส่งมอบจำนวนผู้เข้าชื่อคัดค้านจาก Change.org/TrueDtac

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 247 แฟชั่นต่อขนตาปลอมถาวร

        การเสริมความงามให้ใบหน้าโดดเด่นด้วยขนตาที่หนางอนสวย ยังคงเป็นที่นิยมมากสำหรับสาวๆหลายท่าน ทว่าการต่อขนตาสมัยนี้ไม่ได้ใช้วิธีการในรูปแบบเดิมที่ใช้ขนตาแบบแผงสำเร็จ และแค่เราล้างหน้าก็หลุดออกมาโดยง่าย  ปัจจุบันเป็นเทรนด์ต่อขนตาแบบถาวร ที่ใช้เวลาแค่ 30-60 นาที ขนตาที่ต่อก็สามารถอยู่ได้ถาวรถึง 4-8 สัปดาห์ โดนน้ำก็ไม่หลุด          “ต่อขนตาปลอมแบบถาวร” คือ การนำขนตาปลอม หรือตามร้านจะมีรูปแบบที่เรียกว่า ขนมิงค์ เส้นใยสังเคราะห์หรือขนตารูปแบบอื่นๆ ให้ทางลูกค้าเลือก ซึ่งจะนำมาทากาวและติดไปที่ขนตาเส้นที่ยาวและหนาทีละเส้น  เพื่อให้เกิดการยึดติดกับขนตาจริง โดยการติดขนตานั้นจะเป็นการใช้กาวเฉพาะสำหรับการต่อขนตาแบบนี้เท่านั้น หากใช้กาวอื่น เช่น กาวตราช้าง ไม่สามารถทำได้ อันตรายมากๆ อย่างที่เคยมีข่าวเมื่อหลายปีก่อน ที่มีช่างหัวใสนำกาวตราช้างมาติดแทนกาวที่ใช้โดยเฉพาะ ซึ่งก่อให้เกิดอาการบวมแดง ขนตาติดกันเป็นก้อน ระคายเคืองและลืมตาไม่ขึ้น จนทำให้ขนตาธรรมชาติหลุดออกเกือบทั้งหมด          ความเสี่ยงการต่อขนตาถาวร        ขนตา มีหน้าที่ป้องกันสิ่งแปลกปลอมรอบดวงตามิให้สร้างความระคายเคืองให้แก่ลูกตา เช่น ป้องกันละอองฝุ่น หรือแม้แต่เหงื่อ  แต่เมื่อมีการนำขนหรือวัสดุต่างๆ ที่คล้ายกับขนตาจริงมาตกแต่งเสริมความงามรอบดวงตา อาจจะก่อความเสี่ยงต่อดวงตาได้ ดังนี้        -        เกิดความเสี่ยงจากวัสดุที่ใช้ทำขนตาปลอม ซึ่งอาจสะสมสิ่งสกปรก เชื้อโรค เมื่อนำมาใช้บริเวณแผงขนตา ทำให้เสี่ยงระคายเคืองและเปลือกตาอักเสบ        -        กาวติดขนตามีส่วนผสมสารที่เรียกว่า “ฟอร์มาลดีไฮด์(formaldehyde)” ซึ่งก่อปัญหาแพ้ได้ง่าย เช่น  คันตา เคืองตา ตาอักเสบ ติดเชื้อ ขนตาร่วงหรือถึงขั้นหลุดร่วงถาวร        -        ความเสี่ยงจากการเก็บรักษา ”ขนตาปลอม” ที่ไม่สะอาด ไม่ถูกวิธี  อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ เกิดอาการแพ้อย่างหนัก อักเสบ อาจเสี่ยงถึงขั้นทำให้ดวงตาเสียหาย        -        เมื่อต่อขนตาแล้วดึงออกบ่อยๆ อาจทำให้ขนตาจริงหลุดติดออกมา แล้วกระทบถึงการทำลายระบบต่างๆ รอบดวงตา เพราะบริเวณโคนขนตาแต่ละเส้นนั้น จะมีต่อมไขมันและต่อมเหงื่อช่วยผลิตไขมันและน้ำเพื่อไปหล่อเลี้ยงในดวงตา         วิธีดูแลหลังต่อขนตาปลอมถาวร        1.ห้ามขยี้ตา บางคนอาจจะรำคาญหรือไม่ชิน เพราะต่อขนตาเป็นครั้งแรก ยังไงก็ห้ามขยี้เพราะอาจทำให้ขนตาปลอมหลุดออกมาพร้อมขนตาจริง        2.ห้ามโดนน้ำหลังต่อ 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นค่อยล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ ห้ามล้างน้ำอุ่นเพราะจะทำให้กาวติดขนตาเสื่อมสภาพ        3.ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่เช็ดเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมเป็นน้ำมัน เพราะจะทำให้ขนตาที่ต่อหลุดร่วงเร็วเนื่องจากประสิทธิภาพกาวลดลง        4.งดการดัดขนตาและหรือใช้มาสคาร่ากันน้ำไปก่อน เพราะขนตานั้นเปราะบางมาก การต่อขนยาช่วยให้มีความยาวงอนเด้งอยู่แล้ว หากไปดัดหรือทามาสคาร่าซ้ำก็อาจจะเป็นการทำให้หลุดร่วงเร็วขึ้น

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 246 วิธีรับมือกับไรฝุ่นในห้องนอน

        “ไรฝุ่น”  เป็นแมลงขนาดเล็กที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น มีขนาดเพียง 0.3 มม. เติบโตได้ดีในอากาศชื้นที่อุณหภูมิระหว่าง 18.5 - 29 องศาเซลเซียส โดยไรฝุ่นนั้นมีอยู่ทุกที่ทั้งนอกและในบ้าน บริเวณที่มักพบไรฝุ่นคือ สิ่งของที่เป็นเส้นใยอย่างตุ๊กตา ม่าน ผ้าคลุม พรมปูพื้น กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในบ้าน โดยเฉพาะเครื่องนอน ทั้งผ้าปูเตียง หมอน ผ้าห่ม โดยไรฝุ่นอาศัยเศษผิวหนังและรังแคบนศีรษะเป็นอาหาร  ทั้งนี้ไรฝุ่นสร้างปัญหาให้กับมนุษย์เราอย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะผู้ที่เป็นภูมิแพ้และโรคหอบหืด         แม้ไรฝุ่นอาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของทุกคน แต่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนเป็นภูมิแพ้ เพราะอาการแพ้ เกิดจาก การที่ส่วนลำตัวและอุจจาระของไรฝุ่นที่เข้าสัมผัสหรือมนุษย์หายใจเข้าไป จะกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารแปลกปลอม และผลิตสารภูมิต้านทาน (Antibody) ขึ้น จากนั้นเมื่อร่างกายจำได้ว่า สารดังกล่าวเป็นสารก่อภูมิแพ้ เมื่อเผชิญกับสารก่อภูมิแพ้ครั้งต่อไปร่างกายก็จะปล่อย “สารฮีสทามีน” ซึ่งทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ เช่น จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ หอบ หายใจลำบาก มีเสมหะมาก คันตา น้ำตาไหล หรือตาแดง คันที่ผิวหนัง ใต้ดวงตาบวมช้ำ ใครนอนแล้วตื่นมามีอาการเข้าข่ายเหล่านี้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้สัมผัสสารก่อภูมิแพ้อื่น ให้ลองคิดถึงเรื่องไรฝุ่นไว้และหาวิธีรับมือ การรับมือกับไรฝุ่นในห้องนอน “ที่นอน” เป็นบริเวณที่ต้องพบเจอไรฝุ่นมากที่สุด เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เราต้องใช้นอนเป็นเวลานานหลายชั่วโมง การเลือกผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน เพื่อป้องกันไรฝุ่น อาจจะเป็นวิธีที่ช่วยให้สุขภาพคุณดีขึ้นหรืออาการแพ้น้อยลงได้        1.การเลือกผ้าปูที่นอนกันไรฝุ่น ควรเลือกจากเนื้อผ้าที่มีการทอแน่น เนื้อผ้าไม่ฟู เพราะการทอผ้าที่ไม่แน่นมากพอจะทำให้ตัวไรฝุ่นเข้าไปอาศัยได้ง่าย        2.ถ้ามีการเคลมว่า ป้องกันไรฝุ่น ควรเป็นสินค้าที่ผ่านมาตรฐานที่มีสถาบันรองรับว่าผ่านการทดสอบและสามารถใช้ป้องกันไร่ฝุ่นได้จริง เนื่องจากปัจจุบันมีผ้าป้องกันไรฝุ่นหลายยี่ห้อ เราควรตรวจสอบก่อนซื้อเพื่อการนำไปใช้ให้มีประสิทธิภาพ        3.เครื่องนอนที่ใช้ควรทำจากใยสังเคราะห์ เช่น ผ้าฝ้าย ซึ่งสามารถซักทำความสะอาดด้วยน้ำอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสได้บ่อยครั้ง ชนิดผ้ากันไรฝุ่น         “ผ้ากันไรฝุ่นทำจากพลาสติก” สามารถใช้ป้องกันไรฝุ่นได้ดี แต่อาจไม่มีรูระบายอากาศถ่ายเท เวลาขยับอาจเกิดเสียงขณะนอน         “ผ้ากันไรฝุ่นทำจากชนิดผ้าทอแน่น” สามารถป้องกันไรฝุ่นได้ เนื่องจากการทอผ้าที่แน่นเป็นพิเศษเสริมด้วยการทอผ้าที่มีช่องว่างระหว่างเส้นด้ายที่มีขนาดเล็กกว่าตัวไรฝุ่น และสามารถถ่ายเทอากาศได้สะดวก         “ผ้ากันไรฝุ่นชนิดเคลือบฟิล์ม”  ผ้ามีประสิทธิภาพในการกันไรฝุ่นแต่มีราคาสูง ชั้นบนจะเป็นเนื้อผ้าและเคลือบสาร polyurethane ไว้อุดช่องว่างระหว่างเส้นด้าย และอาจไม่สามารถระบายอากาศได้ดีและอายุการใช้งานน้อย ผ้ากรอบแตกง่าย         “ผ้ากันไรฝุ่นชนิดเคลือบสารฆ่าไรฝุ่น” ผ้าชนิดนี้ไม่มีข้อมูลงานวิจัยที่แน่ชัดว่าสารที่ใช้เคลือบฆ่าไรฝุ่น จะส่งผลเสียในระยะยาวหรือไม่ หากซื้อควรศึกษาสารที่ใช้ในการเคลือบว่าเป็นสารอะไรก่อนนำมาใช้         “ผ้ากันไรฝุ่นชนิดผ้าอัดใย” เป็นผ้าที่ผลิตโดยการอัดของเส้นใย polypropyene ประสิทธิภาพกันไรฝุ่นได้ สามารถใช้แล้วทิ้ง ซักไม่ได้ เมื่อใช้ไปสักพักไรฝุ่นอาจสามารถเข้าไปฝังตัวสร้างรังได้ การกำจัดไรฝุ่น         ควรซักผ้าปู ผ้าคลุมที่นอน ผ้าห่ม หมอน ด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิประมาณ 60 องศาเซลเซียส เพื่อให้สารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้หลุดออกไป หากไม่สามารถซักด้วยน้ำร้อนควรใส่ลงในเครื่องปั่นแห้งอย่างน้อย 15 นาทีที่อุณหภูมิมากกว่า 60 องศาเซลเซียส  ควรผึ่งแดดที่นอนอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง เพื่อลดความชื้น จัดห้องนอนให้โล่งโปร่งเพื่อให้อากาศถ่ายเท ลดสิ่งของที่ทำจากผ้าหรือเส้นใย อย่างพรม ตุ๊กตาซึ่งกักเก็บไรฝุ่นได้ดี และหลีกเลี่ยงการใช้หมอนที่มีไส้ทำจากนุ่น

อ่านเพิ่มเติม >

“ฉลาดซื้อ” ทดสอบเครื่องฟอกอากาศ พบหลายแบรนด์ลด PM 2.5 ไม่ได้อย่างที่โฆษณา

        นิตยสารฉลาดซื้อ เครือข่ายนักวิชาการเพื่อผู้บริโภค และโครงการสนับสนุนระบบเฝ้าระวังสินค้าและบริการด้านสุขภาพ ร่วมกันทดสอบเครื่องฟอกอากาศ เน้นเฉพาะประสิทธิภาพการลด PM 2.5 โดยอ้างอิง มอก.3061 – 2563 ของเครื่องฟอกอากาศจำนวน 9 ยี่ห้อ ได้แก่  Samsung รุ่น Cube AX9500 AX47R9080SS/ST, Honeywell รุ่น Air Touch (HAC35M), Licc รุ่น Fresh 241, Electrolux รุ่น Pure A9 PA91-406GY  , Saijo Denki รุ่น AP-P35, SHIMONO รุ่น AP-9000, Dyson รุ่น TP03 PH/TH WH/SV, Tefal รุ่น PU6067, และ LG รุ่น AS60GDPV0 (เก็บตัวอย่างสินค้าเดือนกันยายน 2563) พบ 6 แบรนด์ไม่เป็นตามคำโฆษณา         ผลการทดสอบประสิทธิภาพในการกรอง ฝุ่น PM 2.5 โดยพิจารณาจากค่าประสิทธิภาพการกำจัดฝุ่นในแง่อัตราการไหลของอากาศบริสุทธิ์ (Clean Air Delivery Rate, CADR) สูงสุด ได้แก่ เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อ Shimono รุ่น AP-9000 มีค่า CADR สูงสุด เหมาะกับพื้นที่ห้องขนาด 71.36 ตารางเมตร และอันดับ 2 ได้แก่ เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อ Samsung รุ่น Cube AX9500 AX47R9080SS/ST ST เหมาะกับพื้นที่ห้องขนาด 56.71 ตารางเมตร ในอันดับ 3 คือ เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อ Electrolux รุ่น Pure A9 PA91-406GY  โดยทั้ง 3 ยี่ห้อมีประสิทธิภาพในการกรอง ฝุ่น PM 2.5 เป็นไปตามที่โฆษณาไว้อันดับ 4 Licc รุ่น Fresh 241 และอันดับ 5 LG รุ่น AS60GDPV0 อันดับ 6 คือยี่ห้อ Tefal รุ่น PU6067 อันดับ 7 คือยี่ห้อ Honeywell รุ่น Air Touch (HAC35M) อันดับ 8 คือยี่ห้อ Dyson รุ่น TP03 PH/TH WH/SV อันดับ 9 ยี่ห้อ Saijo Denki รุ่น AP-P35 แต่ขนาดห้องที่แนะนำ ทั้ง 6 ยี่ห้อ ไม่เป็นตามคำโฆษณา เนื่องจากมีขนาดพื้นที่น้อยกว่าที่ระบุไว้          การทดสอบเครื่องฟอกอากาศ (เฉพาะประสิทธิภาพการลด PM 2.5)        1.อ้างอิงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องฟอกอากาศเฉพาะด้านประสิทธิภาพการลด PM2.5 (มอก. 3061 – 2563) ซึ่งมาตรฐานนี้เป็นมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศสำหรับในที่อยู่อาศัยและงานที่มีจุดประสงค์คล้ายกัน         2. ทดสอบในห้องที่มีการควบคุมอัตราการแลกเปลี่ยนอากาศให้มีค่าน้อยที่สุดและมีการควบคุมปริมาณฝุ่นละอองขนาด 2.5 μm (PM2.5) ที่สร้างให้มีค่าอยู่ในช่วง 1.0-5.0 mg/m3         3. ฝุ่นที่ใช้ในการทดสอบใช้เครื่องสร้างฝุ่น TOPAS aerosol generator ATM 226 เพื่อสร้างฝุ่นจำลองขนาดอนุภาคอยู่ในช่วง 0.1-0.9 μm (ฝุ่นส่วนใหญ่มีขนาดอนุภาค 0.2 μm)        4. เครื่องวัดความเข้มข้นของ PM2.5 ในการทดสอบนี้ คือ DUSTTRAK DRX AEROSOL MONITOR 8533         5. ห้องที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพการกำจัดฝุ่นละอองนี้มีขนาดห้อง 30.45 m3 [กว้าง×ยาว×สูง:3.53 m x 3.45 m x 2.50 m]                  ดร.ไพบูลย์ ช่วงทอง เครือข่ายนักวิชาการเพื่อผู้บริโภค ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ตั้งข้อสังเกตว่า การบอกขนาดห้องที่เหมาะสมของเครื่องฟอกอากาศแต่ละยี่ห้อ จะมีความแตกต่างกัน บางยี่ห้อ บอกขนาดห้องที่เหมาะสม ในช่วงที่ค่อนข้างกว้าง เมื่อดูจากผลการทดสอบกว่าร้อยละ 60 ของตัวอย่างเครื่องฟอกอากาศที่นำมาทดสอบไม่เป็นตามคำโฆษณา เนื่องจากมีขนาดพื้นที่น้อยกว่าที่ระบุไว้         นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ยกระดับมาตรฐานเครื่องฟอกอากาศในครัวเรือน ทั่วไปเป็นมาตรฐานบังคับ เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อ เลือกใช้สินค้า ที่มีมาตรฐานอุตสาหกรรม ในการป้องกัน อันตรายจากการสูดดม ฝุ่นและควันมลพิษที่แพร่กระจายเข้ามาสู่ตัวบ้าน และสร้างผลกระทบทางสุขภาพกับประชาชน โดยเฉพาะประชาชนในกลุ่มเสี่ยง เช่น ทารก เด็กเล็ก และผู้ป่วยจากโรคทางเดินหายใจ         ดร.นพ.วิรุฬ ลิ้มสวาท ผู้อำนวยการสำนักวิจัยสังคมและสุขภาพ สํานักวิชาการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นักวิชาการด้านสังคมและสุขภาพ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายอากาศสะอาด กล่าวว่า เรื่องมลพิษทางอากาศซับซ้อน ต้องจัดการร่วมกันหลายระดับตั้งแต่ระดับครอบครัวจนถึงระดับสังคม และต้องปกป้องสุขภาพของประชาชนไปพร้อมกันการหาทางจัดการต้นเหตุ การสุ่มทดสอบเครื่องฟอกอากาศกลุ่มที่สองที่มีราคาแพงขึ้น กว่าครั้งแรกนี้ เป็นความก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่งของการคุ้มครองผู้บริโภคในการปลุกพลังพลเมืองให้เป็นยามเฝ้าระวังแบบ citizen watchdog ในการปกป้องคนทุกกลุ่ม จากการกระทำที่ไม่ถูกต้อง         “ในขณะที่การจัดการที่ยั่งยืนจะต้องมีการแก้ไขระบบของรัฐที่กระจัดกระจายและขาดประสิทธิภาพ เราจึงจำเป็นต้องมีการเสนอกฎหมายอากาศสะอาดฉบับประชาชน ที่เน้นการปฏิรูประบบบริหารจัดการอากาศสะอาดเพื่อสุขภาพของประชาชน โดยมีเป้าหมายในการปกป้องสิทธิที่จะหายใจอากาศที่สะอาดของประชาชนซึ่งเป็นสิทธิที่มีอยู่คู่กับสิทธิที่จะมีชีวิต มันเป็นสิทธิติดตัว ไม่ใช่ว่าทำให้อากาศในพื้นที่สะอาดขึ้นแล้วก็จบ แต่เป็นการมุ่งเน้นไปที่ประชาชนแต่ละคนว่าเขาจะต้องหายใจด้วยอากาศที่สะอาด กลไกของกฎหมายจะเข้าไปแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของกลไกราชการและเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน” ดร.นพ.วิรุฬ กล่าว                  ปัจจุบัน ร่างกฎหมายฉบับนี้อยู่ในขั้นตอนการรวบรวม 10,000 รายชื่อเพื่อเสนอกฎหมายต่อรัฐสภา ตัวเลขที่ได้ขณะนี้อยู่ที่ประมาณหลักพันกว่า (สามารถร่วมลงชื่อได้ที่ thailandcan.org)                  ดร.นพ.วิรุฬ อธิบายว่า กระบวนการออกกฎหมายเป็นเครื่องมือกระตุ้นให้คนทำความเข้าใจกับปัญหา เพราะว่าสุดท้ายแล้วไม่ว่ากฎหมายจะผ่านหรือไม่ แต่มันจะกระตุ้นให้ประชาชนตั้งคำถามกับการจัดการมลพิษทางอากาศโดยรัฐ เกิดเป็น active citizen ที่เข้าใจเรื่องนี้และเป็นแรงผลักดันจากข้างล่างขึ้นมา

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 240 ผลการทดสอบเครื่องฟอกอากาศ เฉพาะประสิทธิภาพการลด PM 2.5

        สังคมเมืองในปัจจุบันต้องเผชิญกับปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อมมากมาย ยิ่งในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรหนาแน่นติดขัดมักจะเกิดปัญหาคุณภาพอากาศ โดยหนึ่งในปัญหาที่พบมากในขณะนี้คือ ปัญหาฝุ่นละออง (PM) ซึ่งเกิดขึ้นจากการจราจร การเผาไหม้ในที่โล่ง และภาคอุตสาหกรรม จากการวิจัยพบว่า ฝุ่นละอองที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมักเป็นฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 μm (PM2.5) ทำให้ในปัจจุบันผู้บริโภคนิยมใช้เครื่องฟอกอากาศ (Air cleaner/ Air Purifier) มาช่วยลดความเข้มข้นของฝุ่นละอองภายในอาคาร/บ้านเรือนของตนเอง จึงมีผู้ผลิตหลายรายหันมาผลิตเครื่องฟอกอากาศ เน้นประชาสัมพันธ์ว่าสามารถช่วยลดฝุ่นละออง (PM2.5) พร้อมช่วยขจัดมลพิษและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ          การทดสอบครั้งนี้ เป็นการนำเครื่องฟอกอากาศที่มีในท้องตลาดมาเพื่อทดสอบประสิทธิภาพในการบำบัดฝุ่นละออง  เน้นเฉพาะประสิทธิภาพการลด PM 2.5 โดยใช้วิธีและเครื่องมือที่มีมาตรฐาน จากการสุ่มซื้อตัวอย่างเครื่องฟอกอากาศในท้องตลาด และทางออนไลน์จำนวน 9 ยี่ห้อ ได้แก่  Samsung รุ่น Cube AX9500 AX47R9080SS/ST, Honeywell รุ่น Air Touch (HAC35M), Licc รุ่น Fresh 241, Electrolux รุ่น Pure A9 PA91-406GY  , Saijo Denki รุ่น AP-P35, SHIMONO รุ่น AP-9000, Dyson รุ่น TP03 PH/TH WH/SV, Tefal รุ่น PU6067, และ LG รุ่น AS60GDPV0 (เก็บตัวอย่างสินค้าเดือนกันยายน 2563)         ผลการทดสอบประสิทธิภาพเครื่องฟอกอากาศ         ผลการทดสอบเป็นผลลัพธ์จากการคำนวณค่าอัตราการส่งอากาศสะอาด (Clean Air Delivery Rate; CADR) และพื้นที่ห้องที่ใช้ได้ (Applicable floor area) ของทั้ง 9 รุ่น          สรุปผลการทดสอบ         จากผลการทดสอบ พบว่า ประสิทธิภาพในการกรอง ฝุ่น PM 2.5 โดยพิจารณาจากค่าประสิทธิภาพการกำจัดฝุ่นในแง่อัตราการไหลของอากาศบริสุทธิ์ (Clean Air Delivery Rate, CADR) สูงสุด ได้แก่ เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อ Shimono รุ่น AP-9000 มีค่า CADR สูงสุด เหมาะกับพื้นที่ห้องขนาด 71.36 ตารางเมตร และอันดับ 2 ได้แก่ เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อ Samsung รุ่น Cube AX9500 AX47R9080SS/ST เหมาะกับพื้นที่ห้องขนาด 56.71 ตารางเมตร ในอันดับ 3 คือ เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อ Electrolux รุ่น Pure A9 PA91-406GY  โดยทั้ง 3 ยี่ห้อมีประสิทธิภาพในการกรอง ฝุ่น PM 2.5 เป็นไปตามที่โฆษณาไว้         อันดับ 4 Licc รุ่น Fresh 241 และอันดับ 5 LG รุ่น AS60GDPV0 อันดับ 6 คือยี่ห้อ Tefal รุ่น PU6067 อันดับ 7 คือยี่ห้อ Honeywell รุ่น Air Touch (HAC35M) อันดับ 8 คือยี่ห้อ Dyson รุ่น TP03 PH/TH WH/SV อันดับ 9 ยี่ห้อ Saijo Denki รุ่น AP-P35 แต่ขนาดห้องที่แนะนำ ทั้ง 6 ยี่ห้อ ไม่เป็นตามคำโฆษณา เนื่องจากมีขนาดพื้นที่น้อยกว่าที่ระบุไว้        วิธีการทดสอบ        การทดสอบครั้งนี้ ทำการทดสอบประสิทธิภาพการกำจัดฝุ่นของเครื่องฟอกอากาศจำนวน 9 รุ่น โดยอ้างอิงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องฟอกอากาศเฉพาะด้านประสิทธิภาพการลด PM2.5 (มอก. 3061 – 2563) ซึ่งมาตรฐานนี้เป็นมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศสำหรับในที่อยู่อาศัยและงานที่มีจุดประสงค์คล้ายกัน เช่น บ้านเรือน สำนักงาน ร้านค้า เป็นต้น โดยทำการทดสอบในห้องที่มีการควบคุมอัตราการแลกเปลี่ยนอากาศให้มีค่าน้อยที่สุดและมีการควบคุมปริมาณฝุ่นละอองขนาด 2.5 μm (PM2.5) ที่สร้างให้มีค่าอยู่ในช่วง 1.0-5.0 mg/m3          3.1 เงื่อนไขการทดสอบ        สำหรับฝุ่นที่ใช้ในการทดสอบนี้ ทางผู้ทดสอบจะใช้เครื่องสร้างฝุ่น TOPAS aerosol generator ATM 226 (ดังรูปที่ 1‑1) เพื่อสร้างฝุ่นจำลอง โดยปกติเครื่องนี้จะสร้างฝุ่นจำลองที่มีขนาดอนุภาคอยู่ในช่วง 0.1-0.9 μm ซึ่งฝุ่นส่วนใหญ่มีขนาดอนุภาค 0.2 μm โดยแผนภูมิการกระจายตัวของขนาดฝุ่นแสดงดังรูปที่ 1‑2              3.2 เครื่องมือที่ใช้ในการทดสอบ            เครื่องวัดความเข้มข้นของ PM2.5 ในการทดสอบนี้คือ DUSTTRAK DRX AEROSOL MONITOR 8533 แสดงดังรูปที่ 1‑3 ซึ่งเครื่องวัดดังกล่าวสามารถวัดความเข้มข้นของ PM2.5 แบบ Real-time ได้             3.3 ลักษณะของห้องที่ใช้ในการทดสอบ             ห้องที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพการกำจัดฝุ่นละอองนี้มีขนาดห้อง 30.45 m3 [กว้าง×ยาว×สูง:3.53 m x 3.45 m x 2.50 m] โดยคุณสมบัติของห้องดังกล่าวสามารถรักษาระดับความเข้มข้นของฝุ่นละอองภายในห้องได้ ซึ่งฝุ่นละอองต้องลดลงน้อยกว่า 20% ของความเข้มข้นเริ่มต้นในระยะเวลา 30 นาที        นอกจากนี้จะติดตั้งเครื่องฟอกอากาศบริเวณริมห้องโดยให้เว้นระยะจากผนังห้องเป็นระยะ 30 cm ตามที่ผู้ผลิตได้ระบุไว้ รวมถึงมีการติดตั้งเครื่องวัดความเข้มข้นฝุ่นละอองและเครื่องมืออื่นๆ บริเวณกึ่งกลางห้อง โดยมีความสูงจากพื้น 1.2 m แผนผังห้องและการติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบทั้งหมด แสดงดังรูปที่ 1-4 และรูปที่ 1-5        3.2 วิธีการทดสอบ        สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพนี้จะทำการทดสอบโดยตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของฝุ่นละอองที่เปลี่ยนแปลงตามระยะเวลา เพื่อคำนวณหาค่าประสิทธิภาพของการกำจัดฝุ่นละออง และเพื่อหาประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศและเครื่องปรับอากาศอย่างถูกต้อง ทั้งนี้จึงจำเป็นต้องทดสอบอัตราการระบายอากาศ (Air exchange rate) การลดลงตามธรรมชาติของฝุ่นละอองภายในห้องขณะยังไม่มีเครื่องฟอกอากาศหรือเครื่องปรับอากาศ (Natural decay) และทดสอบการลดลงของฝุ่นละอองขณะเปิดเครื่องฟอกอากาศหรือเครื่องปรับอากาศ (Decay of dust concentration)        การลดลงของฝุ่นละอองตามธรรมชาติ (Natural decay)         ดำเนินการโดยการสร้างฝุ่นละอองเพื่อให้ความเข้มข้นของ PM 2.5 ภายในห้องมีค่าอยู่ในช่วง 1.0 - 5.0 mg/m3 จากนั้นจะทำการวัดความเข้มข้นของฝุ่นละอองภายในห้องเป็นเวลา 30 นาที เพื่อหาค่าที่การ Natural decay โดยความเข้มข้นของฝุ่นละอองหลังจากเวลาผ่านไป 30 นาที ควรมีค่าความเข้มข้นมากกว่า 80 % ของความเข้มข้นเริ่มต้น         การลดลงของฝุ่นละอองขณะเปิดเครื่องฟอกอากาศ (Decay of dust concentration)         ในการทดสอบนี้จะดำเนินการเหมือนกับการทดสอบ Natural Decay แต่หลังจากสร้างฝุ่นละอองจนได้ความเข้มข้นของ PM 2.5  ในช่วง 1.0-5.0 mg/m3 จะทำการเปิดเครื่องฟอกอากาศโดยจะวัดความเข้มข้นของ PM 2.5 เป็นเวลา 90 นาที หรือจนกว่าความเข้มข้นของ PM 2.5 จะเหลือความเข้มข้นน้อยกว่า 0.020 mg/m3 หรือ 20 µm/m3        การคำนวณหาประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศ                 สำหรับการคำนวณนี้จะทำการคำนวณค่าประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศในแง่ของ อัตราการไหลของอากาศบริสุทธิ์ (Clean Air Delivery Rate; CADR) เพื่อให้ทราบถึงอัตราการสร้างอากาศสะอาดของเครื่องฟอกอากาศhttps://consumerthai.org/consumers-news/product-and-other/4554-641203_airpurifier.html

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 226 กระแสต่างแดน

ต้องได้ใบเสร็จ        ก่อนหน้านี้ ลูกค้าร้านอาหาร ร้านขนมปัง ร้านกาแฟ ร้านตัดผม หรือร้านค้าย่อยอื่นๆ ในเยอรมนี จะไม่ได้รับใบเสร็จหากไม่ร้องขอ         แต่กฎหมายใหม่ว่าด้วย “การป้องกันการแก้ไขบันทึกการขายดิจิทัล” ที่มีผลบังคับใช้เมื่อปี 2559 กำหนดว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ธุรกิจทุกประเภทจะต้องออกใบเสร็จให้ลูกค้าโดยไม่ต้องถาม ไม่ว่าธุรกรรมนั้นจะมีมูลค่าเท่าไร         ร้านที่ใช้เครื่องคิดเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ต้องแสดงเลขที่ใบแจ้งหนี้ หมายเลขเครื่องคิดเงิน ชื่อ/ที่อยู่ของผู้ประกอบการ และวันที่ทำธุรกรรม ส่วนร้านที่ไม่มีเครื่องดังกล่าวก็ให้จดบันทึกการขายไว้เพื่อการตรวจสอบของสรรพากร         หลายคนมองว่ามาตรการปราบปรามการเลี่ยงภาษีรูปแบบนี้อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด เพราะมันเพิ่มขั้นตอนการทำงานและยังสร้างขยะกระดาษเพิ่มขึ้นด้วยมาตรฐานฝุ่นควัน        กลุ่ม Air Clean Taiwan ออกมาเรียกร้องให้รัฐสภาไต้หวันออกกฎหมายเพิ่มมาตรฐานในการ เฝ้าระวังฝุ่นละอองพีเอ็ม 10 ให้เท่ากับที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ที่ 20 ไมโครกรัมต่อ 1 ลูกบาศก์เมตรต่อปี          แม้ในภาพรวม ค่าพีเอ็ม 10 ของไต้หวันลดลงจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 17 นายเย่กวงเผิง ผู้ก่อตั้งองค์กรดังกล่าวซึ่งรณรงค์เรื่องนี้มากว่าเจ็ดปีบอกว่า      ปัจจุบันเขตเกาสงและอีกหลายๆ ที่ในไต้หวันมีค่าฝุ่น ละอองเกินมาตรฐานดังกล่าวถึงสามเท่า         ค่ามาตรฐานของไต้หวัน (125 ไมโครกรัมต่อ 1 ลูกบาศก์เมตรต่อวันหรือ ค่าเฉลี่ยต่อปี 65 ไมโครกรัมต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร) ยังไม่เคยถูกปรับตั้งแต่ปี 2542         ล่าสุดองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมของไต้หวันเตรียมกำหนดมาตรฐานใหม่เป็น 100 ไมโครกรัมต่อ 1 ลูกบาศก์เมตรต่อวันหรือค่าเฉลี่ยต่อปี 50 ไมโครกรัมต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร ให้เท่ากับที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้กฎเหล็ก        สวิตเซอร์แลนด์มีกฎระเบียบที่เข้มงวดสำหรับผู้พักอาศัยในอพาร์ตเมนท์ ถึงขั้นลือกันไปผิดๆ ว่าเขาห้ามการกดชักโครกในยามวิกาลด้วย           สวิตเซอร์แลนด์มีสิ่งที่เรียกว่า “ช่วงเวลาพักผ่อน” ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละเมือง ช่วงเวลาดังกล่าวในซูริคอยู่ระหว่างสี่ทุ่มถึงเจ็ดโมงเช้า และห้าทุ่มถึงเจ็ดโมงเช้าในวันศุกร์และเสาร์           ในช่วงเวลานี้ผู้อยู่อาศัยพึงงดพฤติกรรมก่อความรำคาญทุกชนิดและไม่ทำ “เสียงที่ไม่จำเป็น” หลังเวลาสองทุ่ม หรือในวันอาทิตย์         นอกจากข้อห้าม (เช่น ห้ามนำสัตว์มาเลี้ยง) กฎระเบียบยืดยาวที่เจ้าของอาคารติดประกาศแจ้งต่อผู้อยู่อาศัยยังกำหนดความรับผิดชอบไว้ชัดเจนด้วย เช่น ในฤดูหนาว ผู้เช่าจะเป็นผู้ทำหน้าที่กวาดหิมะ           ที่ผ่านมายังไม่มีการห้ามผู้เช่ากดชักโครกในยามวิกาล แต่ถึงจะห้ามจริงก็เอาผิดผู้เช่าไม่ได้ ผู้เชี่ยวชาญบอกว่ากฎระเบียบเหล่านี้จะมีผลผูกพันต่อเมื่อมันสมเหตุสมผลเท่านั้น...ค่อยยังชั่ว  ปารีสเมืองปั่น        แอน ฮิลดาโก ผู้ว่าราชการนครปารีสเคยประกาศไว้ตอนหาเสียงเมื่อสี่ปีก่อนว่าจะทำให้ปารีสเป็นเมืองจักรยานให้ได้         แม้การทำให้ชาวปารีส “ทุกคน” ใช้จักรยานอาจดูเกินเอื้อม แต่สถิติล่าสุดก็ช่วยยืนยันว่า “แผนจักรยาน” ของเธอกำลังไปได้สวย ปัจจุบันจำนวนผู้ใช้จักรยานมีมากกว่าจำนวนผู้ใช้มอเตอร์ไซค์และสกู๊ตเตอร์รวมกัน และยังมากกว่าจำนวนผู้ใช้รถไฟไต้ดินบางสายด้วย         เดือนกันยายนปี 2561 จำนวนผู้ใช้จักรยานในปารีสเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 54 และในแต่ละวันมีผู้ใช้จักรยานบนท้องถนนถึง 1,030 คน จำนวนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 1,630 คนในปี 2562         นอกจากนี้การใช้รถยนต์ระหว่างปี 2553 ถึง 2561 ยังลดลงร้อยละ 5 ในขณะที่การใช้จักรยานเดินทางเพิ่มขึ้นร้อยละ 30         ปารีสขยับขึ้นจากเมืองที่เป็นมิตรกับจักรยานอันดับที่ 17 ในปี 2558 มาเป็นอันดับที่ 8 ในปีนี้  เป้าหมายสูงสุดของผู้ว่าฯ คนนี้คือทำให้ปารีสเป็นเมืองหลวงจักรยานอันดับหนึ่ง ปาดหน้าโคเปนเฮเกน อัมสเตอร์ดัม และออสโล ไปเลยจ้า  โนเคป็อป        ที่ผ่านมาการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่ทำได้อย่างไม่มีข้อจำกัดในเกาหลีใต้ ส่งผลให้สถิติการดื่มในผู้หญิงและเยาวชนอายุต่ำกว่า 19 ปีที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ         จำนวนนักดื่มหญิงเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 41.5 ในปี 2550 เป็นร้อยละ 50.5 ในปี 2560 (ในขณะที่มีการเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.5 ในนักดื่มชาย) ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่าเป็นเพราะการใช้ศิลปินเคป็อปในการโฆษณาแอลกอฮอล์นั่นเอง         รายงานระบุว่าผู้ประกอบการทุ่มงบปีละไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านวอน (ประมาณ 507 ล้านบาท) เพื่อการนี้         ก่อนหน้านี้เคยมีความพยายามที่จะออกกฎหมายกำหนดอายุพรีเซ็นเตอร์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้ที่ 24 ปี หลังจากศิลปินสาว “ไอยู” ซึ่งขณะนั้นอายุ 21 ปี รับเป็น “หน้าตา” ให้กับโซจูยี่ห้อหนึ่งในปี 2557 แต่กฎหมายดังกล่าวไม่เคยถูกนำเข้าสู่การพิจารณา         ล่าสุดกระทรวงสวัสดิภาพและสาธารณสุขเตรียมออกประกาศห้ามใช้ศิลปินดาราเคป็อปในการโฆษณาหรือเป็นพรีเซ็นเตอร์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปเลย

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 225 เปรียบเทียบประสิทธิภาพเครื่องฟอกอากาศ

        การทดสอบครั้งนี้ เป็นการนำเครื่องฟอกอากาศที่มีในท้องตลาดมาเพื่อทดสอบประสิทธิภาพในการบำบัดฝุ่นละออง โดยใช้วิธีและเครื่องมือที่มีมาตรฐาน เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจซื้อเครื่องฟอกอากาศ โดยเครื่องฟอกอากาศที่ทำการสุ่มซื้อตัวอย่างจากท้องตลาด และทางออนไลน์จำนวน 10 ยี่ห้อ ดังนี้        1.   รายละเอียดเครื่องฟอกอากาศ        2.  คุณสมบัติเฉพาะของเครื่องฟอกอากาศ        3. วิธีการทดสอบ         การทดสอบนี้จะทำการทดสอบเครื่องฟอกอากาศโดยการปรับปรุงมาตรฐาน Standards of The Japan Electrical Manufacturers’ Association (JEM Standards), JEM1467-Air Cleaner for Household Use (Air cleaners of household and similar use) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศครัวเรือน โดยกำหนดเงื่อนไข ดังนี้         3.1 เงื่อนไขการทดสอบ             3.1.1 ฝุ่นที่ใช้ในการทดสอบ             ในการทดสอบครั้งในใช้เครื่องสร้างฝุ่น TOPAS Aerosol Generator ATM 226 (รูปที่ 2.1) โดยเครื่องดังกล่าวจะสร้างฝุ่นจำลองที่มีขนาดช่วง 0.1 - 0.9 ไมครอน โดยฝุ่นส่วนใหญ่มีขนาด 0.2 ไมครอน 3.1.2 เครื่องมือที่ใช้ในการทดสอบ            การทดสอบนี้ใช้เครื่อง Dusttrak DRX Aerosol Monitor 8533 (รูปที่ 2.2) เพื่อวัดความเข้มข้นของ PM 2.5 โดยเครื่องวัดนี้สามารถวัดความเข้มข้นของ PM 2.5 แบบ Real-time3.1.3 ลักษณะของห้องที่ทดสอบ        ห้องที่ใช้ในการทดสอบมีขนาด 26.46 m3  (กว้าง x ยาว x สูง: 3.6 x 3 x 2.45 m3) ทำการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศบริเวณริมกำแพงห้อง โดยตั้งเครื่องฟอกอากาศให้สูงจากพื้น 70 เซนติเมตร และติดตั้งเครื่องวัดความเข้มข้นฝุ่นให้สูงจากพื้น 70 เซนติเมตร บริเวณกึ่งกลางห้อง         ห้องที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพการบำบัดฝุ่นละอองมีคุณสมบัติสามารถรักษาระดับความเข้มข้นของฝุ่นละอองภายในห้อง และมีการติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบ ดังรูป        3.2 วิธีการทดสอบ        การทำสอบประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศทำได้โดยทดสอบการลดลงตามธรรมชาติของฝุ่นละอองภายในห้องขณะยังไม่มีเครื่องฟอกอากาศ (Natural decay) และทดสอบการลดลงของฝุ่นละอองขณะเปิดเครื่องฟอกอากาศ (Decay of dust concentration) สำหรับการทดสอบเครื่องฟอกอากาศแต่ละเครื่อง ทำการทดสอบเครื่องละ 2 ครั้ง เพื่อยืนยันผลการทดสอบ โดยค่าการตรวจวัดดังกล่าวจะแสดงในรูปของ อัตราการไหลของอากาศบริสุทธิ์ (Clean Air Delivery Rate; CADR)       การลดลงของฝุ่นละอองตามธรรมชาติ (Natural decay)        ดำเนินการโดยการสร้างฝุ่นละอองเพื่อให้ความเข้มข้นของ PM 2.5 ภายในห้องมีค่าอยู่ในช่วง 1.0 - 5.0 mg/m3 จากนั้นจะทำการวัดความเข้มข้นของฝุ่นละอองภายในห้องเป็นเวลา 30 นาที เพื่อหาค่าที่การ Natural decay โดยความเข้มข้นของฝุ่นละอองหลังจากเวลาผ่านไป 30 นาที ควรมีค่าความเข้มข้นมากกว่า 80 % ของความเข้มข้นเริ่มต้น        การลดลงของฝุ่นละอองขณะเปิดเครื่องฟอกอากาศ (Decay of dust concentration)        ในการทดสอบนี้จะดำเนินการเหมือนกับการทดสอบ Natural Decay แต่หลังจากสร้างฝุ่นละอองจนได้ความเข้มข้นของ PM 2.5  ในช่วง 1.0-5.0 mg/m3 จะทำการเปิดเครื่องฟอกอากาศโดยจะวัดความเข้มข้นของ PM 2.5 เป็นเวลา 90 นาที หรือจนกว่าความเข้มข้นของ PM 2.5 จะเหลือความเข้มข้นน้อยกว่า 0.020 mg/m3 หรือ 20 µg/m3        การคำนวณหาประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศ        สำหรับการคำนวณนี้จะทำการคำนวณค่าประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศในแง่ของ อัตราการไหลของอากาศบริสุทธิ์ (Clean Air Delivery Rate; CADR) เพื่อให้ทราบถึงอัตราการสร้างอากาศสะอาดของเครื่องฟอกอากาศ        โดยการคำนวณ CADR จะคำนวณจาก4. ผลการทดสอบประสิทธิภาพเครื่องฟอกอากาศผลการทดสอบได้แสดงดังตารางที่ 2 โดยค่าการตรวจวัดดังกล่าวจะแสดงในรูปของ อัตราการไหลของอากาศบริสุทธิ์ (Clean Air Delivery Rate: CADR)สรุปผลการทดสอบจากผลการทดสอบสามารถแบ่งประเภทของเครื่องฟอกอากาศ โดยพิจารณาจาก การเปรียบเทียบ พื้นที่ห้องที่เหมาะสม กับ พื้นที่ห้องที่แนะนำตามโฆษณาหรือคู่มือการใช้งาน ได้เป็น 5 กลุ่มกลุ่มที่ 1 คือ เครื่องฟอกอากาศเหมาะกับกลุ่มที่ขนาดพื้นที่ห้องจากการทดสอบ มีขนาดเล็กมาก        (2.32 ตารางเมตร) ซึ่งสามารถแปลผลการทดลองได้ว่า ไม่สามารถลดปริมาณฝุ่นได้ ได้แก่ ยี่ห้อ Clairกลุ่มที่ 2 เครื่องฟอกอากาศที่สามารถใช้ในห้องที่มี ขนาด 13 - 16  ตารางเมตร  และเป็นไปตามโฆษณาหรือคู่มือการใช้งาน ได้แก่ ยี่ห้อ Blueair **   กลุ่มที่ 3 เครื่องฟอกอากาศที่สามารถใช้ในห้องที่มีขนาด มากกว่า 20 ตารางเมตร แต่ไม่เกิน 30 ตารางเมตร และเป็นไปตามโฆษณาหรือคู่มือการใช้งาน ได้แก่ ยี่ห้อ Hitachi Fanslink Air D  Sharp และ Bwell  กลุ่มที่ 4 เครื่องฟอกอากาศที่สามารถใช้ได้กับห้องที่มีขนาดมากกว่า 20 ตารางเมตร แต่ไม่เกิน 30 ตารางเมตร แต่ไม่เป็นไปตามโฆษณาหรือคู่มือการใช้งาน ได้แก่ Hatari, Mitsuta   กลุ่มที่ 5 เครื่องฟอกอากาศที่สามารถใช้ในห้องที่มีขนาด มากกว่า 30 ตารางเมตร และเป็นไปตามโฆษณาหรือคู่มือการใช้งาน ได้แก่ Philips และ Mi** หมายเหตุ ** เนื่องด้วยทีมบริหารของผลิตภัณฑ์ Blueair ได้นำเอกสารยืนยันจาก AHAM (Association of Home Appliance Manufacturers) ซึ่งระบุว่า ผลิตภัณฑ์ Blueair สามารถใช้กับห้องในขนาด 16 ตารางเมตร ได้ ตามที่ระบุในคู่มือการใช้งาน         อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตจากทีมทดสอบของนิตยสารฉลาดซื้อว่า การทดสอบผลิตภัณฑ์ของบลูแอร์ เป็นการทดสอบที่ค่า CADR ขึ้นอยู่กับขนาดของฝุ่นที่ใช้ทดสอบด้วย โดยดูจากผลการทดสอบของ Blueair (ขนาดฝุ่น tobacco smoke 0.1- 1 micron CADR 119  ขนาดฝุ่น Dust 0.5- 3 micron CADR 121  ขนาดฝุ่นละอองเกสร ดอกไม้  CADR 131)         การที่ค่า CADR มีความแตกต่างกัน การระบุปริมาตรหรือขนาดห้องที่เหมาะสมจึงแตกต่างตามไปด้วย ดังนั้นทางบลูแอร์ควรทำความเข้าใจกับผู้บริโภคว่าขนาดห้องที่เหมาะสมกับเครื่องฟอกอากาศควรเป็นเท่าไร และควรต้องแจ้งเรื่อง การทดสอบแบบไม่มี prefilter ซึ่งเป็นการทดสอบที่แตกต่างจากทางนิตยสารฉลาดซื้อ ที่ทดสอบแบบมี prefilter ซึ่งเป็นสภาพจริงที่ผู้บริโภคใช้งาน        นอกจากนี้ การทดสอบความสามารถในการดักจับฝุ่น ตามมาตรฐานของ JEMA มีข้อกำหนดเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับ ฝุ่นละอองไมโครขนาดเล็ก ( PM 2.5) ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการทดสอบประสิทธิภาพเครื่องฟอกอากาศของนิตยสารฉลาดซื้อ        คำแนะนำเพิ่มเติม สำหรับผู้บริโภคในการตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ และการเฝ้าระวังคุณภาพอากาศ โดยเฉพาะความเข้มข้นของ ฝุ่น PM 2.5 ด้วยตนเอง  คือ การใช้เครื่องวัดความเข้มข้นฝุ่น ขนาดพกพา ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องไฟฟ้าและร้านค้าออนไลน์ แก้ไขปรับปรุง ณ วันที่ 4 ก.พ. 2563   

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 216 กระแสต่างแดน

ขอคืนพื้นที่        Adblock Cardiff เรียกร้องให้เทศบาลเมืองเลิกหารายได้จากการให้เช่าพื้นที่ทำป้ายโฆษณาที่พวกเขาบอกว่า “เป็นมลพิษต่อสุขภาพจิต” ของผู้คน เพราะมันพร่ำบอกอยู่ทุกเช้าค่ำว่าชีวิตพวกเขา “ขาดอะไรบางอย่าง”        องค์กรดังกล่าวขอให้เทศบาลคาร์ดิฟพิจารณาผลกระทบในระยะยาวและเคารพสิทธิผู้บริโภคที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงโฆษณาเหล่านี้ได้แม้จะไม่ต้องการเห็นมัน         ด้านโฆษกเทศบาลชี้แจงว่านอกจากสร้างรายได้ให้รัฐแล้ว ป้ายพวกนี้ยังช่วยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนด้วย นักวิเคราะห์สื่อก็มองว่านี่เป็นเรื่องปกติที่ทำกัน ป้ายรถเมล์ในลอนดอนก็สร้างโดยบริษัทที่จ่ายค่าเช่าพื้นที่ให้กับเทศบาลนั่นเอง        การเคลื่อนไหวแบบเดียวกันนี้ที่เมืองบริสตอลสามารถระงับการให้อนุญาตติดตั้งป้ายโฆษณาดิจิทัลขนาดใหญ่ถึง 11 ป้ายในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ในขณะที่เซาเปาโลซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของบราซิลได้แบนโฆษณาแบบนี้ไปแล้วจ่ายให้จบ        สภารีไซเคิลแห่งออสเตรเลียว่าจ้างบริษัท Equilibrium ให้ศึกษาแนวทางจัดเก็บ “ค่ารีไซเคิล” ของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ก่อนจะประชุมเพื่อทำ “นโยบายขยะแห่งชาติ” ในเดือนกุมภาพันธ์นี้        อัตราที่เหมาะสมในการเรียกเก็บค่ารีไซเคิลจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยางรถยนต์ และที่นอน (ตั้งแต่จัดเก็บ ขนส่ง คัดแยก และนำกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงค่าบริหารจัดการและค่าการตลาด) มีดังนี้        ขยะเครื่องใช้ไฟฟ้ามีค่าใช้จ่าย 1.85 เหรียญ (41 บาท) ต่อน้ำหนักสินค้า 750 กรัม กาต้มน้ำไฟฟ้าที่หนัก 1.3 กิโลกรัมจึงมีค่ารีไซเคิล 3.20 เหรียญ (71 บาท)        ยางรถยนต์หนึ่งเส้นมีค่ารีไซเคิล 4 เหรียญ (89 บาท) และที่นอนหนึ่งหลังมีค่ารีไซเคิล 16.50 เหรียญ (365 บาท) เฉลี่ยแล้วค่าธรรมเนียมนี้อยู่ที่ร้อยละ 2 ของราคาสินค้า        คนออสซี่สร้างขยะปีละ 2,700 กิโลกรัมต่อคน ออสเตรเลียจริงจังกับมาตรการรีไซเคิลมากขึ้นกว่าเดิมตั้งแต่จีนประกาศไม่รับอุปการะขยะต่างประเทศองจำกัด        รัฐมนตรีกระทรวงขนส่งของเยอรมนีให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งว่าทางหลวงของประเทศเขาปลอดภัยที่สุดในโลก…        แต่สถิติขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ระบุว่าอัตราการเสียชีวิตต่อระยะทาง 1,000 กิโลเมตรของทางหลวงในเยอรมนีอยู่ที่ร้อยละ 30.2 ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของยุโรปคือร้อยละ 26.4 และ OECD ยังพบว่าความเร็วที่เพิ่มขึ้นผันแปรโดยตรงต่ออัตราการตายที่สูงขึ้น        พูดให้ชัดคือทางหลวงในฝรั่งเศส ฟินแลนด์  สหราชอาณาจักร โปรตุเกส และสวีเดน ปลอดภัยกว่าในเยอรมนีซึ่งร้อยละ 70 ของทางหลวงไม่มีการจำกัดความเร็ว        รอดูกันว่ารัฐบาลเยอรมนีจะจัดการอย่างไร ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเสียงเรียกร้องให้จำกัดความเร็วบน “ออโต้บาห์น” เพราะผลการศึกษาพบว่าการจำกัดความเร็วจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และไฮโดรคาร์บอนลงได้ร้อยละ 9 และลดการปล่อยไนโตรเจนออกไซด์ลงได้ร้อยละ 6 ด้วยขออภัยในความไม่สะดวก        ร้านสะดวกซื้อในญี่ปุ่นประกาศยุติการขาย “นิตยสารผู้ใหญ่” ภายในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรต่อทุกคน ก่อนที่ญี่ปุ่นจะเปิดบ้านเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 2020        สามแบรนด์ใหญ่ต่างเห็นตรงกันว่าไม่ควรทำให้อาคันตุกะจากต่างแดนที่จะเริ่มมาเยือนตั้งแต่ปีนี้เพื่อชมการแข่งขันรักบี้เวิลด์คัพได้ภาพลักษณ์ที่ผิดๆ เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น        เซเว่นอิเลฟเว่นบอกว่าก่อนหน้านี้ลูกค้าหลักของร้านคือผู้ชายที่เข้ามาซื้อเครื่องดื่มและอาหารฟาสต์ฟู้ด แต่ปัจจุบันมีลูกค้าทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ ที่สำคัญยอดขายนิตยสารเหล่านี้มีสัดส่วนน้อยกว่าร้อยละ 1 ของยอดขายใน 20,000 สาขาทั่วประเทศ        ด้านแฟมิลี่มาร์ทซึ่งมี 16,000 สาขาทั่วประเทศ ก็เริ่มหยุดขายนิตยสารนี้ไปแล้วใน 2,000 สาขา        ลอว์สันซึ่งหยุดการขายนิตยสารนี้ในสาขาที่โอกินาวาไปตั้งแต่สองปีก่อน ก็เตรียมจะใช้นโยบายนี้ใน 14,000 สาขาทั่วประเทศเช่นกันลดแล้วลดอีก        ปักกิ่งมีแผนจะลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศลงจากเดิมให้ได้อีกร้อยละ 1 จากปีที่แล้วที่สามารถลดจากปีก่อนหน้าได้ถึงร้อยละ 12 จนเหลือปริมาณฝุ่นอยู่ที่ 51 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร        “โครงการหนึ่งไมโครกรัม” นี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเมืองที่ได้ลงมือทำทุกอย่างที่ควรทำเพื่อลดปริมาณฝุ่น แม้แต่เชื้อเพลิงที่ใช้เพื่อให้ความอบอุ่นในบ้านเรือนทุกวันนี้ก็เปลี่ยนจากถ่านหินมาใช้พลังงานสะอาดแล้ว        รัฐมนตรีกระทรวงนิเวศน์วิทยาและสิ่งแวดล้อมของจีนยอมรับว่า การรักษาระดับปริมาณฝุ่นไม่ให้สูงกว่าเดิมในสภาวะอากาศที่อาจไม่เป็นผลดีต่อคุณภาพอากาศก็ถือเป็นชัยชนะแล้ว        สาเหตุหลักของฝุ่นจิ๋วในปักกิ่งมาจากการคมนาคมขนส่ง (ร้อยละ 45) โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถบรรทุกที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล รัฐบาลจึงมีมาตรการติดตามการเคลื่อนไหวของรถเหล่านี้ด้วยระบบออนไลน์ ในขณะที่ไซต์งานก่อสร้าง ซึ่งเป็นตัวการสร้างฝุ่นอันดับสอง (ร้อยละ 16) ก็กำลังถูกจับตาผ่านกล้องวิดีโอเช่นกัน

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 215 วิธีรับมือฝุ่นและมลภาวะเพื่อผิวสดใส

ในวิกฤตฝุ่นขนาดเล็กที่เราเผชิญอยู่ หลายคนอาจไม่มีอาการข้างเคียงที่จับได้ว่ากระทบกับสุขภาพ ซึ่งอาจเพราะเคยชินกับสภาพแวดล้อม แต่บางทีถ้าวิกฤตฝุ่นเริ่มส่งผลกระทบกับผิวพรรณอันนี้เชื่อว่าคุณผู้อ่านที่รักสวยรักงามน่าจะจับสังเกตได้ง่าย เช่น เริ่มมีสิวผุดขึ้น ทั้งที่ไม่ปรากฏมานานแล้ว หรือผิวเกิดผื่นคันยุบยิบๆ ผิวหมองทั้งที่บำรุงอยู่ตลอด ทั้งนี้ก็เพราะฝุ่นควันหรือมลภาวะทางอากาศนั้นทำร้ายผิวได้ไม่น้อยไปกว่าแสงแดดเลย          ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผิวพรรณไม่ได้มาจากวัยที่เพิ่มขึ้น แสงแดดหรือความเครียดเท่านั้น มลภาวะทางอากาศคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ซ้ำยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอยตามจุดต่างๆ ไปจนถึงจุดด่างดำ ยิ่งฝุ่นที่มีอนุภาคเล็กๆ มากๆ PM 2.5 ยิ่งก่อให้เกิดปัญหากับผิวได้โดยตรง เพราะสามารถแทรกซึมเข้าไปทางผิวหนังได้          “ผลกระทบที่ฝุ่นละออง PM 2.5 มีต่อผิวพรรณของมนุษย์นั้น ผศ.นพ.ชูชัย ตั้งเลิศสัมพันธ์ กรรมการสมาคมแพทย์ความงาม ให้สัมภาษณ์กับทางบีบีซีไทยว่า สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระดับ กล่าวคือ ผลลัพธ์ทันทีจะก่อให้เกิดอาการแพ้และระคายเคือง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (atopic dermatitis) หรือโรคผิวหนังอักเสบบริเวณที่มีต่อมไขมันเป็นจำนวนมาก ซึ่งสองโรคนี้พบเห็นได้บ่อยครั้งผลระยะยาว อนุภาคของฝุ่นจะแทรกผ่านเข้าผิวหนังแล้วทำลายเซลล์ผิว โดยเฉพาะผู้ที่เสริมความงามด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น ฉีดโบท็อกซ์ หรือศัลยกรรม ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะรอยที่ผิวหนังจะทำให้ระคายเคืองได้ง่าย และหากแกะเกาจนเกิดแผล ก็อาจจะติดเชื้อ” (ที่มา https://www.bbc.com/thai/thailand-46890563)รับมืออย่างไรดี          1.หมั่นทำความสะอาด ถ้าออกไปอยู่ในพื้นที่โล่งนานๆ อย่างน้อยเข้าบ้านหรือในอาคารก็ควรล้างมือ หรือถ้าล้างหน้าได้ก็ควรทำ แต่ต้องเพิ่มการบำรุงด้วยเพราะผิวที่โดยชะล้างบ่อยจะแห้งกร้าน ควรเพิ่มครีมหรือโลชั่นเพื่อบำรุงผิว กักเก็บความชุ่มชื้น          2. เพิ่มกระบวนการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งแค่การบำรุงผิวจากเครื่องสำอางอาจจะได้ผลน้อย ควรเพิ่มการรับประทานผัก ผลไม้สด ซึ่งอุดมด้วยแร่ธาตุและวิตามินให้มากขึ้น          3.ถ้าไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีการสะสมฝุ่นละอองขนาดเล็กสูง อยู่ในพื้นที่โล่งแจ้งให้น้อยลง โดยเฉพาะผู้ที่ทำศัลยกรรมความงาม เช่น ฉีดโบท็อกซ์ ควรจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ          4.ติดตามข่าวสารเรื่องสภาวะอากาศอย่างใกล้ชิด ป้องกันแค่ผิวพรรณยังไม่พอ ควรเพิ่มการใช้หน้ากากกันฝุ่นด้วย เพราะจะส่งผลกับสุขภาพโดยรวม          5.ช่วยกันรณรงค์และงดใช้รถยนต์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมลภาวะฝุ่นละอองขนาดเล็ก ด้วยการใช้รถสาธารณะเพิ่มขึ้น 

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 206 เท่าทันฝุ่นละออง PM2.5 กับ Air Visual

มลพิษในอากาศของประเทศไทยมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีข่าวการรายงานสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่มีค่าเกินมาตรฐาน ซึ่งสามารถมองเห็นสภาพอากาศที่มีฝุ่นละอองในอากาศได้อย่างชัดเจน และทำให้เกิดกระแสการป้องกันตนเองของผู้ที่ต้องใช้ชีวิตในกรุงเทพมหานครฝุ่นละออง PM2.5 หมายถึง ค่าฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน ซึ่งมีขนาดประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ เป็นขนาดที่เล็กเกินกว่าที่ขนจมูกของมนุษย์จะสามารถกรองฝุ่นละอองชนิดนี้ได้ โดยจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและต่อสุขภาพร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง จะทำให้ฝุ่นละอองสามารถแพร่กระจายเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ กระแสเลือด และแทรกซึมเข้าสู่การทำงานในอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับฝุ่นละอองในสภาพอากาศในประเทศไทย จึงนำแอปพลิเคชันเช็คสภาพมลพิษในอากาศที่มีชื่อว่า Air Visual ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และระบบปฏิบัติการ iOS  เพื่อติดตามสภาพอากาศได้ตลอดเวลา ภายในแอปพลิเคชันจะมี หมวด My Air  เพื่อแจ้งผลสภาพอากาศของจังหวัดในประเทศ เป็นระดับตัวเลขให้ทราบว่าสภาพอากาศเป็นเช่นไร โดยแบ่งมาตรฐานตามคุณภาพอากาศได้ 6 ระดับ ดังนี้ ระดับ 0-50 Good  หมายถึงสภาพอากาศดี ไม่มีความเสี่ยงหรือความเสี่ยงน้อย  ระดับ 51-100 Moderate  หมายถึงคนที่แพ้หรือภูมิคุ้มกันต่ำ ไม่ควรทำกิจกรรมนอกบ้าน  ระดับ 101-150 Unhealthy for sensitive group หมายถึงสภาพอากาศคนที่แพ้หรือภูมิคุ้มกันต่ำ ไม่ควรออกนอกบ้าน  และอาจเกิดการระคายเคืองหรือมีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจได้  ระดับ 151-200 Unhealthy หมายถึงสภาพอากาศมีผลต่อคนภูมิคุ้มกันต่ำอย่างมากและระดับนี้มีผลกระทบต่อคนทั่วไป อาจมีความเสี่ยงทางเดินหายใจได้  ระดับ 201-300  Very Unhealthy หมายถึงสภาพอากาศมีผลต่อผู้คนทั่วไป ไม่ควรออกมาทำกิจกรรมนอกบ้าน และระดับ 301-500 Hazardous หมายถึงผู้คนทั่วไปมีความเสี่ยงสูงที่จะป่วย เกิดการระคายเคืองหรือมีปัญหาด้านทางเดินหายใจซึ่งในหมวด My Air จะแบ่งสภาพอากาศเป็นช่วงเวลา และมีการคาดการณ์สภาพอากาศล่วงหน้าได้ 3 วัน นอกจากนี้ผู้ใช้แอปพลิเคชั่นยังสามารถเพิ่มจังหวัดที่ต้องการทราบสภาพอากาศ ให้กดสัญลักษณ์บวกที่อยู่บริเวณตรงกลางด้านล่างแอปพลิเคชันหมวด Map จะแสดงสภาพอากาศทั่วประเทศและทั่วโลก เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบสภาพอากาศภายในประเทศและทั่วโลก  และหมวด News&Ranking มีไว้เพื่อแจ้งข่าวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับสภาพอากาศทั่วโลก และแสดงการจัดลำดับสภาพอากาศที่แย่ที่สุดทั่วโลกสภาพอากาศที่มีฝุ่นละอองมากขนาดนี้ ประชาชนอย่างเราควรมีวิธีป้องกันฝุ่นละออง PM2.5 ที่เกินมาตรฐานนั้น โดยการหาซื้อหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองมาตรฐาน N95 ซึ่งสามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาด 0.3 ไมครอน จะทำให้สามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาด 2.5 ไมครอนได้   แต่ถ้าเป็นหน้ากากอนามัยทั่วไปจะไม่สามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาด 2.5 ไมครอนได้ ป้องกันสุขภาพตัวเองให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บกันด้วยนะคะ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 197 หุ่นยนต์ดูดฝุ่น

ฉลาดซื้อเล่มนี้ขอตามเทรนด์ล้ำๆ ด้วยการนำเสนอผลทดสอบหุ่นยนต์ทำความสะอาดพื้นที่องค์กรทดสอบระหว่างประเทศทำไว้ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา แม้สนนราคาของมันจะค่อนข้างแพงแต่เครื่องดูดฝุ่นแบบนี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะใครๆ ก็อยากมีผู้ช่วยดูแลพื้นบ้านให้สะอาดเอี่ยม คำถามคือ มันทำอย่างนั้นได้จริงหรือไม่? การทดสอบครั้งนี้แบ่งคะแนนออกเป็น 5 ด้าน เรียงตามน้ำหนักคะแนนได้แก่ ประสิทธิภาพการทำความสะอาด (ฝุ่น เศษขนมปัง เส้นใย) บนพื้นพรมและพื้นไม้ ความสะดวกในการใช้งาน การเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์ในห้องนั่งเล่น(ที่มีโซฟา ม่าน แจกัน สายไฟ เป็นต้น) ประสิทธิภาพการใช้พลังงานและเสียงที่เกิดขณะใช้งานทีมทดสอบพบว่ารุ่นที่ “ดีที่สุด” สอบผ่านด้วยคะแนนร้อยละ 63 เท่านั้น ดูรวมๆ แล้วอุปกรณ์ประเภทนี้ยังทำงานได้ต่ำกว่าความคาดหวังของผู้บริโภค แต่รู้ไว้ไม่เสียหลาย พลิกหน้าถัดไปเพื่อดูว่าหุ่นยนต์รุ่นที่คุณเห็นในโฆษณาหรือที่พนักงานสาธิตให้ดูในห้างนั้นได้คะแนนแต่ละด้านไปมากน้อยอย่างไร   

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 193 วิธีลดรถบนถนนวันละ 20 เปอร์เซ็น เป็นธรรมกับทุกคน

คนจำนวนมากทั้งขับรถและไม่ขับรถยนต์รู้สึกเหมือนกันว่า รถติดมาก ทั้งทางปกติ และบนทางด่วนกว่าจะชำระค่าทางด่วนได้บางวันใช้เวลาเกือบชั่วโมงทั้งที่ระยะทางเพียง 500 เมตร หากเป็นประเทศอาเจนตินา เราทุกคนคงขึ้นทางด่วนฟรีทุกวัน หลายหน่วยงาน ทั้งรัฐบาลกลาง กรุงเทพมหานคร ตำรวจทางด่วน  หน่วยงานจราจร หรือการทำงานหนักของตำรวจจราจร ระบบไฟอัตโนมัติ ก็ไม่ช่วยให้ภาวะรถติดคลี่คลายลงไปได้เลยหลายคนต้องหลีกเลี่ยงการเดินทาง ออกจากที่พักเช้ามากกว่าเดิม และกลับก่อนเวลา หรือกลับหลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำให้ส่วนใหญ่รู้สึกว่ารถเบาบางลง ทุกวันๆ  คนส่วนใหญ่ยังมีความทุกข์จากรถที่ติดเพิ่มมากขึ้น ยังไม่นับรวมคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจที่เสียหายไปในแต่ละวัน ทางออกเดียวที่จะทำให้การจราจรในกรุงเทพมหานครดีขึ้น ยืนยันว่าต้องเป็นการลงมือปฏิบัติการของผู้บริโภคที่ขับรถเท่านั้น หากใช้วันคู่วันคี่ หลายคนบอกว่า คนรวยไม่ได้รับผลกระทบเพราะมีรถทั้งคู่และคี่(จริง) บริษัทรถยนต์ได้ประโยชน์เพราะคนจะซื้อรถมากขึ้น ทว่าหากเรามัวแต่คิดเหตุผลเล็กๆ แล้วไปเบียดบังข้อเท็จจริงว่า ปัญหารถติดในกทม. เราต้องเป็นคนลงมือทำ เพราะหากทำจริงจำนวนรถในท้องถนนกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะหายไปเกือบ 50% ปัญหารถติดในกรุงเทพมหานคร ผู้ว่ากทม. นายกรัฐมนตรี คสช. ก็เอาไม่อยู่ เพราะจำนวนรถมีมากกว่าถนน แทนที่เราจะมีความทุกข์ทุกวันจากปัญหารถติด  หากเราทุกคนจะทดลองเสียสละร่วมกัน หยุดขับรถกันคนละวันต่อสัปดาห์ ก็จะทำให้รถหายไป 20% บนถนนทุกวัน โดยไม่ต้องมีมาตรการจำกัดเขตเพราะระบบขนส่งที่ยังไม่สมบูรณ์ทำให้จำกัดการขับรถเข้าชั้นในได้ลำบาก เช่นโดยหากมีเลขทะเบียน 1 และ 2 ลงท้าย ขอให้หยุดขับรถวันจันทร์ หากมีเลขทะเบียน 3 และ 4 ลงท้าย ขอให้หยุดขับรถวันอังคารหากมีเลขทะเบียน 5 และ 6 ลงท้าย ขอให้หยุดขับรถวันพุธหากมีเลขทะเบียน 7 และ 8 ลงท้าย ขอให้หยุดขับรถวันพฤหัสหากมีเลขทะเบียน9 และ 0 ลงท้าย ขอให้หยุดขับรถวันศุกร์ ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็พักผ่อนตามสบายใครใคร่ขับรถก็ขับจำนวนรถก็ลดลงไป 20%  แถมเป็นมาตรการที่เป็นธรรมกับทุกคนที่มีรถยนต์ด้วย เราน่าจะตัดสินใจลองพยายามกันดู ในส่วนของบริการขนส่งสาธารณะ เช่น ขสมก. ต้องรีบปรับปรุงบริการมากขึ้น  รวมไปถึงบรรดารถตู้ รถเมล์ร่วม สามารถช่วยกันแก้ไขปัญหาร่วมกันได้ เพียงแต่ต้องทำเร่งด่วนพร้อมกัน

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 174 กระแสในประเทศ

สรุปความเคลื่อนไหว สิงหาคม 2558 กสทช. สั่งปรับดีแทคให้ลูกค้าใช้เน็ตฟรี 1 กิกะไบต์เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดปัญหากับผู้ใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ “ดีแทค” บางส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่สามารถใช้บริการอินเทอร์เน็ตได้ เนื่องจากมีสัญญาณต่ำมาก ทำให้มีผู้ใช้บริการจำนวนมากแจ้งเรื่องร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งทาง กสทช. ได้เรียกผู้แทนของบริษัท ดีแทค เข้ามาชี้แจงถึงเหตุของปัญหาดังกล่าวพบว่า เกิดจากอุปกรณ์โครงข่ายบางส่วนของดีแทค ได้เกิดความขัดข้อง ทำให้เกิดผลกระทบต่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของผู้บริโภคราว 50,000 ราย     ทาง กสทช. ได้สั่งให้ดีแทคเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งทางดีแทคได้แจ้งว่าจะชดเชยผู้ใช้บริการ 50,000 รายที่ได้รับผลกระทบ โดยจะให้บริการอินเทอร์เน็ตเพิ่มฟรี จำนวน 1 กิกะไบต์ ในรอบบิลถัดไป    ใครที่เป็นผู้ใช้เครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือระบบดีแทคแล้วได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว หากไม่ได้รับจากชดเชยเยียวยาตามที่แจ้ง สามารถติดต่อสอบถามไปที่ ดีแทค คอล เซนเตอร์ โทร. 02-2027267 (โทรฟรี) หรือสายด่วน กสทช. 1200 ห้ามบรรจุภัณฑ์ทำไซต์ใหญ่ตบตาผู้บริโภคเดี๋ยวนี้มีผลิตภัณฑ์หลายชนิดหลายยี่ห้อที่ใช้บรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่เกินความจำเป็น ด้วยเหตุผลที่ตั้งใจจะตบตาผู้บริโภค ให้สินค้าตัวเองดูมีขนาดใหญ่น่าจะให้ปริมาณเยอะ แต่แท้จริงมีของอยู่ไม่ถึงครึ่งบรรจุภัณฑ์ แถมยังเป็นเพิ่มปริมาณขยะอีกต่างหาก ซึ่งปัญหานี้กำลังจะได้รับการแก้ไข หลังจากพบว่ามีร้องเรียนปัญหาด้งกล่าวเป็นจำนวนมากเข้ามายัง สำนักงานคณะกรรมคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. โดยมีการสำรวจสินค้าต่างๆ พบว่าสินค้ากลุ่มที่พบการใช้บรรจุภัณฑ์ใช้พื้นที่มากเกินความจำเป็น ได้แก่ ขนมขบเคี้ยว ยาสระผม น้ำยาล้างจาน ฯลฯ ซึ่งพบว่ามีพื้นที่ว่างเฉลี่ยถึง 15 - 35% แม้ว่าสินค้าที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์จะมีน้ำหนักหรือปริมาณที่ตรงกับที่ระบุไว้ด้านข้างบรรจุภัณฑ์ แต่การที่บรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าความเป็นจริงอาจทำให้ผู้บริโภคสับสน เพราะผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่ตัดสินใจซื้อสินค้าเหล่านั้น เพราะเห็นบรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ และคิดว่าปริมาณสินค้าด้านในจะมากใกล้เคียงกับขนาดบรรจุภัณฑ์โดยหลังจากนี้ สคบ. ตั้งใจที่จะออกเป็นข้อกำหนดหรือ พ.ร.บ. ควบคุมเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพื่อจะได้เป็นช่วยผู้บริโภคไม่ให้เกิดความสับสน กระตุ้นให้ผู้ผลิตลดการใช้ทรัพยากรส่วนเกินและลดการเพิ่มปริมาณขยะ “ยากำจัดฝุ่นไร” เป็นยาอันตรายใช้ต้องระวังปัญหาเรื่องฝุ่นไรภายในบ้านถือเป็นเรื่องที่หลายๆ ครอบครัวกังวลและให้ความสำคัญ เพราะฝุ่นไรที่มักอยู่ตามที่นอน ผ้าม่าน อาจเป็นต้นเหตุของโรคภูมิแพ้ได้ ซึ่ง อย. ก็ออกมาให้คำแนะนำก่อนที่ผู้บริโภคจะหาซื้อผลินภัณฑ์ดังกล่าวมาใช้ โดยเฉพาะต้องไม่ลืมคำนึงถึงเรื่องของความปลอดภัย เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้กำจัดไรฝุ่นบ้านจัดเป็นวัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 อาจจัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 หรือชนิดที่ 3  ขึ้นอยู่กับชนิดของสาระสำคัญที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ ซึ่งสารสำคัญในผลิตภัณฑ์กำจัดไรฝุ่นบ้านที่ขึ้นทะเบียนกับ อย. คือ น้ำมันกานพลู (Clove Oil) และน้ำมันอบเชย (Cinnamon Oil)สำหรับการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กำจัดไรฝุ่นบ้านนั้น ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. และมีการแสดงเลขทะเบียน วอส. (วัตถุอันตราย ) ในกรอบเครื่องหมาย อย. ควรอ่านฉลากก่อนใช้และปฏิบัติตามคำแนะนำในฉลากอย่างเคร่งครัด ส่วนวิธีการใช้สําหรับที่นอน ฉีดผลิตภัณฑ์กําจัดไรฝุ่นให้ทั่วที่นอนแล้วใช้ผ้าห่มหรือพลาสติกคลุมทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง แล้วจึงเปิดผ้าคลุมออก ทิ้งไว้จนกลิ่นจางลงจึงใช้ได้ สําหรับผ้าห่ม หมอน ตุ๊กตา โซฟา ฉีดสเปรย์ให้สัมผัสโดยตรง ทิ้งไว้จนกลิ่นจางลงจึงใช้ได้ ระวังอย่าให้ละออง เข้าตา ปาก หรือจมูกเมื่อเสร็จจากการใช้แล้วต้องรีบล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้ง หากผู้บริโภคมีข้อสงสัยว่าผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายใดที่มีการขึ้นทะเบียนไว้กับ อย.หรือไม่ สามารถสืบค้นได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th หัวข้อสืบค้นข้อมูลผลิตภัณฑ์ เลือกผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย และทะเบียนวัตถุอันตราย โดยสามารถค้นหาได้จากชื่อผลิตภัณฑ์ชื่อ สารสําคัญ และเลขทะเบียนวัตถุอันตราย “ประกันสังคม” สิทธิทันตกรรมแย่สุดเมื่อเทียบ 3 สิทธิทันตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เปิดเผยข้อมูลเปรียบเทียบสิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมของ 3 กองทุน คือ สวัสดิการข้าราชการ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) และประกันสังคม พบว่าแต่ละกองทุนมีการกำหนดสิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมไว้ครอบคลุมไม่เท่ากัน โดยสิทธิประกันสังคมจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่ำที่สุด และกลุ่มที่เหมือนจะถูกเอารัดเอาเปรียบมากที่สุดด้วย เพราะเป็นกลุ่มเดียวที่ต้องร่วมจ่าย แต่สิทธิที่ได้รับการทำฟันน้อยมาก จำกัดเพียงแค่การถอนฟัน อุดฟัน การขูดหินน้ำลาย และใส่ฟันเทียมถอดได้ โดยมีเบิกจ่ายสูงสุดได้เพียงแค่ 600 บาทต่อปี และกำหนดให้เป็นการเบิกจ่ายจากการทำหัตถการ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 300 บาท ถือว่าน้อยมากและยุ่งยากขณะที่ระบบบัตรทองให้สิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมการทำหัตถกรรมเกือบทั้งหมด ตั้งแต่การขูดหินน้ำลาย อุดฟัน ถอนฟัน ผ่าฟันคุด ยกเว้นการรักษาคลองรากฟัน ไปจนถึงการใส่ฟันเทียม ซึ่งถือว่าดีกว่าประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการถือว่าให้การดูแลผู้ป่วยทันตกรรมดีที่สุด เพราะสิทธิประโยชน์ครอบคลุมหัตถการทันตกรรมทั้งหมด เพียงแต่จำกัดต้องทำเฉพาะในโรงพยาบาลของรัฐเท่านั้น ซึ่งบางแห่งมีคิวหนาแน่น เพราะต้องดูแลทั้งผู้ป่วยบัตรทองและข้าราชการทพ.อดิเรก ศรีวัฒนาวงษา นายก (สำรอง) ทันตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ฝากข้อเสนอถึง สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ว่าควรปรับเพิ่มเพดานเบิกจ่ายในส่วนของทันตกรรมให้มากกว่าแค่ 600 บาท เพราะเป็นวงเงินที่น้อยเกินไป ทั้งนี้ในส่วนของผู้ประกันตนถือเป็นระบบประกันภาคบังคับ จึงควรได้รับการดูที่ดีและครอบคลุมมากกว่าที่จะผลักภาระให้ผู้ประกันตนยังต้องจ่ายเงินค่ารักษาดูแลตัวเองเพิ่มขึ้นอีกสายการบินโลว์คอสห้ามคิดค่าโดยสารเกิน 13 บาทต่อ กม.ปัจจุบันมีสายการบินต้นทุนต่ำ (low cost airline) เปิดให้บริการหลายสายการบิน  ซึ่งที่ผ่านมามีเรื่องร้องเรียนจากการใช้บริการผ่านมายังกรมการบินผลเรือนและทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจำนวนไม่น้อย โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องโปรโมชั่นที่ไม่ตรงตามที่แจ้งไว้ในโฆษณา เช่นการจองที่นั่งแล้วพบว่าไม่มีที่นั่งตามที่จอง หรือการจำกัดจำนวนแต่ไม่ได้มีการแจ้งรายละเอียดไว้ว่าปัจจุบันเหลือที่นั่งเท่าไหร่ สามารถจองได้ถึงเมื่อไหร่ รวมทั้งเรื่องราคาที่ไม่ได้แจ้งราคาสุทธิจริงๆ ไว้ในโฆษณา ซึ่งจากนี้สายการบินต้นทุนต่ำจะต้องมีการแจ้งรายละเอียดต่างๆ ในการใช้บริการ เงื่อนไขต่างๆ ที่ต้องครบถ้วนชัดเจน ในทุกช่องทางการโฆษณาสำหรับการแข่งขันเรื่องราคา กรมการบินพลเรือนแจ้งว่ายังไม่พบปัญหาดังกล่าว ปัจจุบันได้กำหนดราคาขั้นสูงไว้ไม่ให้เกิน 13 บาทต่อกิโลเมตร (กม.) ส่วนราคาขั้นต่ำไม่ได้กำหนด  ซึ่งแต่ละสายการบินสามารถจัดโปรโมชั่นแข่งขันลดราคาได้ แต่ต้องไม่เป็นการดัมพ์ราคา หรือตัดราคาสายการบินอื่นจนแข่งขันไม่ได้ ปัจจุบันคาดว่าต้นทุนของสายการบินต้นทุนต่ำ กม.ละ 2-5 บาท

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 132 หัวดูดไรฝุ่น เครื่องดูดฝุ่น LG ไม่ทำงาน

คุณจีวัฒน์ร้องเรียนผ่านทาง www.consumerthai.orgผมซื้อเครื่องดูดฝุ่นแอลจี เพราะมีหัวดูดพิเศษ sani punch ปรากฏว่าหัวดูดมันไม่ทำงาน ขอเคลมผ่านตัวแทนจำหน่ายหนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ตัวแทนจำหน่ายแจ้งว่า ทางแอลจีบอกว่าเคลมไม่ได้ เพราะถือว่าหัวดูดนั้นเป็นของแถมในกล่อง “ตอนที่โฆษณาบอกว่ามันคือคุณสมบัติเด่นของสินค้าเลยนะครับนั่น ที่ผมซื้อก็เพราะมันมีคุณสมบัตินั้นนั่นแหละ ผมควรทำไงดี แนะนำด้วยครับ” แนวทางแก้ไขปัญหาเราได้เปิดไปดูข้อมูลโฆษณาของเครื่องดูดฝุ่นของ LG ที่ถูกร้องเรียนเข้ามา มีรายละเอียดทางอินเตอร์เน็ตคร่าวๆ ว่าLG VC4920NHTMY เป็นเครื่องดูดฝุ่นกำลังไฟ 2,000 วัตต์ มีหัวดูด Mop อเนกประสงค์ ซึ่งช่วยให้ดูดฝุ่นและถูพื้นได้พร้อมกันในครั้งเดียว พร้อมหัวดูด Sani Punch ซึ่งมีลูกกลิ้งสัมผัสพื้นผิวถึง 3,000 ครั้งต่อนาที สามารถลดไรฝุ่นตามที่นอนและโซฟาได้มากถึง 80% หลังจากใช้เพียง 5 ครั้ง ทำให้บ้านสะอาดอย่างแท้จริง ประโยชน์ของหัวดูด Sani Punch มีการโฆษณาข้อมูลเพิ่มเติมว่า“กำจัดผิวหนังที่หลุดร่วงบนที่นอนของคุณผิวหนังที่หลุดลอกออกมาบนที่นอนของคุณ เป็นอาหารชั้นเลิศให้กับไรฝุ่นทั้งหลาย ทำให้ไรฝุ่นขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วกำจัดไรฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพหัวดูด Sani Punch จะช่วยลดไรฝุ่นบนที่นอน ที่เป็นสามาเหตุของโรคภูมิแพ้ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ครอบครัวของคุณพักผ่อนได้อย่างสบายตัว และสบายใจ”ดูจากเนื้อหาโฆษณาแล้ว ต้องถือว่าเจ้า หัวดูด Sani Punch นั้นเป็นสาระสำคัญในการขายสินค้า จะอ้างว่าเป็นเพียงของแถมเมื่อเสียแล้วเปลี่ยนให้ใหม่ไม่ได้ ดูจะเป็นพฤติกรรมที่ขาดความรับผิดชอบไปหน่อยเมื่อลูกค้าเขาเชื่อโฆษณาว่ามันสามารถดูดไรฝุ่นหรือแม้กระทั่งเศษผิวหนังของมนุษย์ได้ เลยซื้อมาใช้ แต่เมื่อซื้อมาแล้วกลับเปิดใช้ไม่ได้ หรือไม่สามารถดูดไรฝุ่น เศษผิวหนังของมนุษย์ได้อย่างที่กล่าวอ้าง เจ้าของสินค้าและผู้ผลิตก็จะต้องรับผิดชอบในปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อเรียกร้องปากเปล่ากันไม่ได้เรื่อง เราจึงแนะนำให้ผู้ร้องรายนี้ได้ทำหนังสือไปถึงกรรมการผู้จัดการของบริษัท แอลจี เพื่อขอให้เปลี่ยนหัวดูดไรฝุ่นอันใหม่ให้ ไม่นานหลังได้รับหนังสือทวงสิทธิจากผู้บริโภค บริษัทแอลจีก็ได้ส่งหัวดูดไรฝุ่นอันใหม่มาให้คุณจิรวัฒน์ใช้งาน ปัญหานี้จึงจบลงได้ด้วยดีส่วนจะดูดไรฝุ่น เศษผิวหนังได้ดีขนาดไหน ใครที่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ช่วยบอกมาด้วยนะครับ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 178 ประสิทธิภาพ “เครื่องดูดฝุ่น”

เครื่องดูดฝุ่น ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตประจำวัน ช่วยให้การทำความสะอาดบ้านง่ายขึ้นเยอะ ทุ่นแรงทุ่นเวลา หลายบ้านอยากจะมีเจ้าเครื่องดูดฝุ่นไว้ใช้งาน แต่อาจยังติดเรื่องราคาที่ค่อนข้างสูง และอาจยังไม่มั่นใจว่าซื้อมาแล้วจะใช้งานได้คุ้มค่าหรือเปล่า แถมยังสงสัยเรื่องประสิทธิภาพในการดูดฝุ่นว่าจะดีจริงอย่างที่โฆษณาหรือเปล่า เพื่อไขข้อข้องใจให้กับคนที่กำลังมองหาเครื่องดูดฝุ่นไว้ใช้งานสักเครื่อง ฉลาดซื้อฉบับนี้จึงขอนำเสนอผลทดสอบเปรียบเทียบประสิทธิภาพการใช้ พลังในการดูด ไปดูกันสิว่าเครื่องยี่ห้อไหน รุ่นอะไร คุ้นค่าน่าซื้อกันบ้าง การทดสอบครั้งนี้ทดสอบโดย เครือข่ายนักวิชาการเพื่อผู้บริโภค ตัวอย่างเครื่องดูดฝุ่นที่นำมาทดสอบครั้งนี้มีทั้งหมด 9 ตัวอย่าง แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่มีที่เก็บฝุ่น เป็นถุงผ้า จำนวน 3 ตัวอย่าง ได้แก่ Tefal รุ่น city space TW2422 AH ระบุกำลังไฟฟ้า 2000 วัตต์Philips รุ่น PowerLife FC 8451 ระบุกำลังไฟฟ้า 1900 วัตต์ Panasonic รุ่น MC-CG 331ระบุกำลังไฟฟ้า 1600 วัตต์ 2.กลุ่มที่มีที่เก็บฝุ่นเป็น ถังพลาสติก จำนวน 6 ตัวอย่าง ได้แก่Samsung รุ่น VCMA 18 AV ระบุกำลังไฟฟ้า 1800 วัตต์Hitachi รุ่น CV-SH18 ระบุกำลังไฟฟ้า 1800 วัตต์Sharp รุ่น EC-L518-V ระบุกำลังไฟฟ้า 1800 วัตต์Electrolux รุ่น MobiMAXX ZAR 3500 ระบุกำลังไฟฟ้า 1600 วัตต์Imaflex รุ่น VC-932 ระบุกำลังไฟฟ้า 1600 วัตต์ LG รุ่น VC 2316 NND.BORPETH ระบุกำลังไฟฟ้า 1600 วัตต์                                         ฉลาดซื้อแนะนำ• ก่อนซื้อควรพิจารณาว่า เครื่องดูดฝุ่นของเราสามารถดูดฝุ่นเก็บในปริมาณมากหรือน้อย ซึ่งสามารถดูจากปริมาตรของถุงและถังเก็บฝุ่น• อย่าลืมตรวจสอบอุปกรณ์เสริมสำหรับการใช้งานในที่แคบ บางยี่ห้อไม่มีอุปกรณ์เสริมสำหรับการดูดฝุ่นในที่แคบ • กำลังไฟฟ้าที่ระบุไว้ (จากการทดสอบนี้) อาจไม่ได้ส่งผลต่อความสามารถในการดูดฝุ่น จะเห็นได้ว่า ในกรณีของกลุ่มที่มีที่เก็บฝุ่นเป็นถุงผ้า เครื่องดูดฝุ่นยี่ห้อ Philips ซึ่งระบุกำลังไฟฟ้าที่ 1900 วัตต์ สามารถดูดผงทรายและผงเหล็ก ได้ดีกว่ายี่ห้อ Tefal ซึ่งระบุกำลังไฟฟ้าที่ 2000 วัตต์ ในกรณีของ กลุ่มที่มีที่เก็บฝุ่นเป็นถังพลาสติก เครื่องดูดฝุ่น ยี่ห้อ Imaflex ซึ่งระบุกำลังไฟฟ้าที่ 1600 วัตต์ สามารถดูดผงทรายและผงเหล็ก ได้ดีกว่า ยี่ห้อ Hitachi ซึ่งระบุกำลังไฟฟ้าที่ 1800 วัตต์----------------------------------------------------- วิธีการทดสอบ1.ทดสอบ “ดูดผงเหล็ก” และ “ผงทราย” บนพื้นพรม และ ทดสอบดูดผงทรายบนพื้นปูน-นำผงเหล็กและผงทรายที่ชั่งน้ำหนักแล้วไปโรยบนพื้นพรม และพื้นปูน ปาดผงเหล็กและผงทรายเกลี่ยให้ทั่ว บนพื้นที่ทดสอบ ขนาด 3 เมตร x 3 เมตร -การทดสอบดูดผงเหล็กบนพื้นพรม เครื่องดูดฝุ่น กลุ่มที่มีที่เก็บฝุ่นเป็นถุงผ้า ใช้ปริมาณผงเหล็ก 2.5 กิโลกรัม ส่วนเครื่องดูดฝุ่น กลุ่มที่มีที่เก็บฝุ่นเป็นถุงพลาสติก ใช้ปริมาณของผงเหล็ก 5 กิโลกรัม-การทดสอบดูดผงทรายบนพื้นพรม เครื่องดูดฝุ่น กลุ่มที่มีที่เก็บฝุ่นเป็นถุงผ้า ใช้ปริมาณผงทราย 1.5 กิโลกรัม ส่วนเครื่องดูดฝุ่น กลุ่มที่มีที่เก็บฝุ่นเป็นถุงพลาสติก ใช้ปริมาณของผงทราย 3 กิโลกรัม-การทดสอบดูดผงทรายบนพื้นปูน ทั้งเครื่องดูดฝุ่น กลุ่มที่มีที่เก็บฝุ่นเป็นถุง และกลุ่มที่มีที่เก็บฝุ่นเป็นถุงพลาสติก ใช้ปริมาณของผงทราย 1.5 กิโลกรัม เท่ากัน-เปิดเครื่องดูดฝุ่นให้มีกำลังสูงสุด ดูดจนกระทั่งพื้นพรมและพื้นปูนสะอาด จับเวลา และวัดการใช้พลังงานด้วยเครื่องวัดการใช้พลังงานไฟฟ้า ยี่ห้อ Voltcraft รุ่น Cost Control 3000 SET-ชั่งน้ำหนักของผงเหล็กและผงทราย ที่เครื่องดูดฝุ่นสามารถดูดกลับคืนมาได้ 2.ทดสอบความดังของเสียง-เปิดเครื่องดูดฝุ่นที่ระดับกำลังสูงสุด ทำการดูดผงทรายที่พื้นปูน เป็นเวลา 1 นาที-วัดระดับความดังของเสียง ด้วยเครื่องวัดความดังเสียง ยี่ห้อ ONO SOKKI รุ่น LA 4440 บันทึกค่าความดังสูงสุดที่วัดได้ 3.ประเมินความสามารถในการดูดฝุ่นในที่แคบการทดสอบนี้จึงใช้การประเมินความสามารถในการดูดในพื้นที่แคบ โดยดูจากขนาดของปากท่อและความยาวของหัวดูด ซึ่งขนาดของปากท่อที่ดูดขนาดเล็กจะมีความสามารถในการแทรกซอนลงไปในพื้นที่แคบได้ดีกว่า เกณฑ์การให้คะแนนการทดสอบ “ดูดผงเหล็ก” และ “ผงทราย” บนพื้นพรม และ ทดสอบดูดผงทรายบนพื้นปูนดีมาก : 3 คะแนน (สามารถดูดผงเหล็กกลับคืนได้ครบ)ดี : 2 คะแนน (สามารถดูดผงเหล็กกลับคืนได้เกินกว่า 90 %ของน้ำหนักทั้งหมด)ผ่าน : 1 คะแนน (สามารถดูดผงเหล็กกลับคืนได้น้อยกว่า 90 %ของน้ำหนักทั้งหมด) การทดสอบ การวัดความดังของเสียง ดีมาก : 3 คะแนน (ระดับเสียงน้อยกว่า 75 เดซิเบล)ดี : 2 คะแนน (ระดับเสียงระหว่าง 75-80 เดซิเบล)ผ่าน : 1 คะแนน (ระดับเสียงมากกว่า 80 เดซิเบล) การประเมินความสามารถในการดูดฝุ่นในที่แคบ ดีมาก : 3 คะแนน (สามารถใช้ดูดได้ในที่แคบและลึก)ดี : 2 คะแนน (สามารถใช้ดูดได้ในที่แคบ)ผ่าน : 1 คะแนน (ใช้ดูดได้ในที่แคบ)ไม่ผ่าน : 0 คะแนน (ใช้ในการดูดในที่แคบไม่ดี) กิตติกรรมประกาศเครือนักวิชาการเพื่อผู้บริโภคขอขอบคุณภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ที่ให้ความอนุเคราะห์ การใช้เครื่องมือวัดระดับความดังของเสียงในการทดสอบการใช้งานเครื่องดูดฝุ่นครั้งนี้      

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า150 Point