ฉบับที่ 228 เมื่อนวดไทย เป็นมรดกของโลก

“เมื่อปลายปี 2019 คณะกรรมการร่วมระหว่างรัฐบาลเพื่อการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโก มีมติประกาศให้นวดไทยติด 1 ใน 15 มรดกโลกทางวัฒนธรรมของยูเนสโกประจำปี 2019 ซึ่งจัดประชุมครั้งที่ 14 ขึ้นที่โบโกตา ประเทศโคลอมเบีย มติของยูเนสโกให้ขึ้นบัญชี "นวดไทย" (Nuad Thai, traditional Thai massage) เป็นตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity) พร้อมกับมรดกวัฒนธรรมฯ จากประเทศอื่นๆ อีก 14 ประเทศ” ฉลาดซื้อจึงขอร่วมแสดงความยินดีกับเรื่องนี้ ด้วยการพา ดร. ภก.ยงศักดิ์ ตันติปิฎก หัวหน้าหน่วยวิจัยระบบภูมิปัญญาสุขภาพ สำนักวิจัยสังคมและสุขภาพ เล่าถึงความดีงามของนวดไทย ว่าทำไมยูเนสโกเห็นว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลก ทำไมยูเนสโกจึงเลือก “นวดไทย”         ทำไมยูเนสโกเขาคิดเรื่องว่าเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม หรือมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้   ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญอันหนึ่ง ก็คือว่าในโลกของยุคสมัยใหม่มันมีลักษณะการจดสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ ของสิทธิ์ต่างๆ ในหลายลักษณะมากที่เขาเรียกว่าทรัพย์สินทางปัญญา แล้วก็การแสดงความเป็นเจ้าของมันก็ทำให้เกิดผลกระทบกับสิ่งที่เป็นวัฒนธรรม ซึ่งมีการสร้างสรรค์โดยมนุษย์ในอดีตที่ผ่านมาเยอะแยะ เพราะว่าถ้าเมื่อไรผูกขาดความเป็นเจ้าของโดยใครคนใดคนหนึ่งจะกระทบคนอื่นที่เขาเคยใช้ประโยชน์ อันนี้เป็นเหตุสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้ต้องคิดถึงว่า แล้วจะปกป้องคุ้มครองสิ่งที่เป็นวัฒนธรรมเหล่านี้ เป็นความรู้เป็นการปฏิบัติที่คนเคยทำกันมาแล้วสืบทอดกันมาได้อย่างไร ไม่ให้ถูกฉกฉวยเอาไปเป็นจดสิทธิบัตรของที่โน่น ที่นี่ ที่นั่น จดสิทธิความเป็นเจ้าของ ของใครคนใดคนหนึ่ง อันนี้ก็เรียกว่าเป็นภัยคุกคามต่อเรื่องวัฒนธรรมของมนุษย์         เพราะฉะนั้นเขาก็เลยคิดว่ายูเนสโกควรมีบทบาทในการทำเรื่องนี้โดยการขึ้นทะเบียน ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า List Type ผมอยากจะแปลเป็นภาษาไทยว่าเป็นการประกาศจารึกไว้ว่า นี่มันเป็นสมบัติของมนุษยชาติ เพราะฉะนั้นเขาก็ใช้อนุสัญญาฉบับนี้เพื่อที่จะทำให้ประเทศต่างๆ มาทำเรื่องนี้ด้วยกัน เพราะฉะนั้น หัวใจของการที่ได้ขึ้นจารึกว่าเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมหรือมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่ขึ้นไปเป็นของประเทศนั้นประเทศนี้คนอื่นห้ามมาใช้ มันจะคนละ concept  คนละวิธีคิดกับเรื่องของสิทธิบัตรคนละเรื่องกันเลย มันไม่ใช่การแสดงความเป็นเจ้าของ แต่มันเป็นการแสดงว่าเป็นของมนุษยชาติที่โลกนี้มนุษย์ควรจะต้องช่วยกันดูแล ช่วยกันคุ้มครองอย่าให้มันสูญหาย ต้องช่วยกันดูแล concept ตรงนี้ ต้องเข้าใจกันให้ชัด เพราะว่าผมได้มีโอกาสไปคุยกับราชการบางส่วนที่พอเห็นว่า  นวดไทยขึ้นยูเนสโกแล้วอยากจะโหนกระแส โดยไม่เข้าใจ concept ของเขา แล้วก็จะบอกว่าถ้าเราได้ขึ้นยูเนสโกอย่างนี้เราก็จะไปขอจดสิทธิบัตรได้ไหม เพราะนี่เขารับรองเป็นมรดกโลกแล้ว ผมบอกไปว่าคนละเรื่องกัน ความต่างของนวดไทยกับนวดแบบอื่นๆ         ขอบเขตของนวดไทยไม่ใช่แค่นวดภาคกลางแต่หมายถึงนวดพื้นบ้านด้วย นวดพื้นบ้านที่อยู่ตามภูมิภาคต่างๆ มันมีภูมิปัญญาของเขาเกิดขึ้นมาเอง สัดส่วนของร่างกายในแต่ละภาคจะมีชื่อเรียกของเขา กระบวนการนวดรักษาแตกต่างกัน  ฤาษีดัดตนกับนวดไทยก็ไม่รวมกัน         คือเราบรรยายในเอกสารที่เราเสนอยูเนสโกว่า เรื่องของนวดไทยเราเป็นทั้งศาสตร์เป็นทั้งศิลปะในการดูแลสุขภาพของคนไทยที่ไม่ใช้ยา โดยใช้มือผสมกับกาลเวลา โดยมีตัวทฤษฎีที่เป็นหลักการสำคัญก็คือเรื่องของเส้นโดยเฉพาะเส้นประธาน 10 ในส่วนของตรรกะอาจจะมีส่วนที่ใกล้กับราชสำนัก(นวดแบบหนึ่ง) ก็จะมีองค์ความรู้ที่เป็นระบบมากหน่อย ก็จะมีเรื่องของเส้นประธาน 10 อย่างชัดเจน   ในส่วนที่แตกต่างกันไปตามหัวเมือง concept เรื่องเส้นกับลมก็ยังมีอยู่อย่างชัดเจน ไม่ต่างกัน แล้วก็เรื่องของธาตุที่เข้ามาเกี่ยวข้องคือ ธาตุทั้ง 4 คือเขาจะอยู่บนๆ เพียงแต่ว่าความลึกความละเอียดมันอาจจะมีความแตกต่างกัน แต่สุดท้ายก็ concept เดียวกันคือเรื่องเส้น เรื่องลม เรื่องธาตุที่จะมาจัดการกับความเจ็บป่วยโดยใช้มือกับส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่เน้นใช้ยา         แล้วก็เราก็พยายามทำให้กระจ่างบอกว่า concept เรื่องเส้นประธานของเราก็ไม่ได้เหมือนกับทางจีนทางอินเดียเสียทีเดียว มันก็มีความแตกต่างกัน มีบางคนชอบพูดว่าเราเอามาจากอินเดียพอเราไปดูอินเดียก็ไม่เห็นมี นวดจีนก็เป็นอีกแบบก็มีเส้นลมปราณของเขา ซึ่งเราก็เคยเชิญอาจารย์จากปักกิ่งมา เขาก็มาสาธิตวิธีการนวดของเขาแลกเปลี่ยนกับของเรามันก็มีความแตกต่างอย่างชัดเจน ทฤษฎีเส้นประธาน 10 ของเราของเขาก็ไม่มี เขามี 12 14 เส้นของเขา ส่วนของอินเดียเขาก็มีจักรกะต่างๆ ซึ่งเป็นตำแหน่งของพลังงาน แต่ก็มีแนวดีที่คล้ายของเรา แนวอินทารา   แต่ก็ไม่ใช่ตรงกันเสียทีเดียวชื่ออาจจะพ้องกันสามเส้นสี่เส้นก็แล้วแต่ แต่ว่าทิศทางหรือการนำมาใช้ก็คนละเรื่องกัน พูดง่ายๆ คือคนละศาสตร์กัน         แต่ว่าของบางอย่างมันก็อาจจะมีบางอย่างที่คล้ายคลึงกันได้ เพราะมันก็อยู่บนร่างกายมนุษย์เหมือนกัน ซึ่งตรงนี้เราก็พยายามจะทำให้ชัดเจนว่ามันก็เป็นลักษณะที่มีความเฉพาะของไทยเรามีความเฉพาะเจาะจงพอสมควรเพื่อป้องกันว่าจะมีคนอ้างว่า เช่นนวดไทยเป็นของอินเดียเราไปเสนอได้อย่างไร อันนี้เพื่อจะเคลียร์ประเด็นพวกนี้ ต่อไปนี้เราจะไม่พูดว่านวดไทยมาจากอินเดียเพราะมันไม่มีหลักฐาน นวดไทยมาจากจีนมันไม่มีหลักฐาน พูดไปโดยไม่มีหลักฐานมันไม่เกิดผลดีอะไร เราควรจะพูดจากสิ่งที่ปรากฏแล้วเราก็อาจจะสันนิษฐานว่ามันมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันในลักษณะไหน อาจจะเกิดการแลกเปลี่ยนกัน มันเป็นเรื่องปกติของวัฒนธรรมที่เวลาคนไปมาหาสู่กันก็แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน แต่จะบอกว่าอันนี้มาจากที่นั่นที่นี่โดยตรงมันพูดยาก ยกเว้นบางเรื่องชัดๆ อย่างเช่น พุทธศาสนามาจากพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าอยู่ที่อินเดียตอนเหนือถึงแม้กระนั้นก็ตามก็ยังมีคนเถียงอยู่นะว่าไม่จริงหรอกอันนี้ก็ว่ากันไป วัฒนธรรมมันเป็นสิ่งที่สืบทอดกันมายาวนานใช้เวลา การจะพูดอะไรควรจะพูดจากหลักฐานที่มีอยู่พูดเกินเลยหลักฐานมันสร้างปัญหา แล้วอีกประเด็นหนึ่งก็คือว่า จริงๆ การทำงานชิ้นนี้ไม่ได้ต้องการแสดงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ เราต้องการบอกว่าของเหล่านี้มีคุณค่าต่อมนุษย์เท่านั้นเอง การนวดมีอันตรายไหม          คนที่นวด นวดไปทำไม นวดไปเพื่ออะไร จากที่ไหนคุณภาพเชื่อถือได้ไม่ได้อย่างไรตอนนี้เป็นปัญหาใหญ่ซึ่งราชการเขาก็พยายามทำอยู่ บางอย่างเช่น ทำให้นวดทั่วๆ ไปมีสถานที่ ที่ด้รับการรับรองแล้วคนนวดก็ผ่านการอบรมมาในระดับที่เขาพอยอมรับได้ แต่ว่านวดพวกนี้เป็นนวดที่ไม่ได้เน้นการรักษาโรคเป็นการนวดเพื่อผ่อนคลายเพื่อความสบาย แต่ว่าประชาชนที่ไปนวดบางทีเขาก็คาดหวังว่านวดแล้วมันก็ต้องแก้โน่นแก้นี่ให้เขาได้ เพราะฉะนั้นเขาก็ไปบางทีหมอก็อาจจะต้องทำในสิ่งที่เกินความสามารถของเขา บางทีก็ทำในสิ่งที่มันอาจจะยิ่งซ้ำเติมเพราะว่าความรู้กับประสบการณ์ก็อาจจะยังน้อยแต่ว่าไปทำในเรื่องที่เกินขีดความสามารถของตัวเอง แล้วก็อาจจะไปทำในสิ่งที่เป็นอันตรายเกิดขึ้น อันนี้มันก็ทำให้เกิดผลเสียโดยรวม         ในช่วงสักสองสามปีที่ผ่านมามันจะเจอเคสที่นวดแล้วเป็นอันตราย ซึ่งมันก็ปนๆ กันตอนนี้คนนวดอย่างที่ว่ามันหลากหลายมากเราก็ไม่รู้ว่าพวกไหนเป็นพวกไหน แต่ตอนนี้สิ่งที่ราชการเขาพยายามทำคือ ตะล่อมให้เข้าไปอยู่ในที่ทางที่เขาดูแลได้ นอกจากนั้นก็ถือว่าผิดกฎหมาย แต่ว่าที่ผิดกฎหมายที่ทำกันอยู่เยอะแยะที่ไม่ได้ขออนุญาตตามกฎหมาย  ก็ยังมีอยู่เยอะแยะแล้วก็อาจจะทำดีบ้างไม่ดีบ้างปนๆ เราก็ไม่รู้ไม่สามารถประกันอะไรได้ทั้งนั้น อาจจะมีคนมีฝีมืออยู่ในนั้นก็มี มีคนที่ตั้งตัวมาแล้วก็ทำในจุดในสิ่งที่อาจจะเกิดอันตรายร้ายแรงก็ได้ก็ไม่มีใครรู้ อันนี้ก็เป็นปัญหาที่ประชาชนเองก็ต้องระวัง แล้วก็อย่าคิดว่าการนวดมันจะเกิดผลดี ถ้านวดโดยคนที่ไม่มีความชำนาญมันก็เกิดผลเสียแล้วก็ในบางกรณีก็อาจจะเกิดอันตรายที่ร้ายแรงได้ โดยเฉพาะการนวดในข้อห้ามต่างๆ ที่ไม่ให้นวดกัน มันก็มีนะข้อห้ามในการนวดมันก็มีอยู่ ไปนวดก็เกิดอันตรายอาจจะถึงแก่ชีวิตได้ ตำแหน่งบางแห่งของร่างกายเราก็ไม่ให้นวดเพราะว่ามันมีความเสี่ยง เช่นอาจจะไปทำให้เกิดการบาดเจ็บของเส้นประสาท อาจจะทำให้เกิดอัมพาตตามมาก็ได้ ในบางที่ ในบางท่า แล้วก็อาจจะถึงแก่ชีวิตด้วยซ้ำในบางตำแหน่งเช่นไปกดประตูลมตรงท้อง โดยที่ไม่รู้ว่าผู้ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดโป่งพองในท้องกดไปก็หลอดเลือดแตกทันทีเลย มันก็อันตรายพวกนี้ถ้าคนที่เขาเรียนมาเยอะพอเขาจะรู้ข้อระวังพวกนี้แล้วเขาจะต้องมีวิธีตรวจหรือต้องซักประวัติสอบถามจนแน่ใจว่าไม่เข้าข่ายที่จะเกิดอันตรายได้เขาถึงจะทำ         เพราะฉะนั้นการนวดมันก็มีสองด้านเรื่องความปลอดภัยก็เป็นเรื่องที่ต้องระวังมากๆ คนที่อบรมมาน้อยเรียนมาน้อยหรือว่าเรียนแบบงูๆ ปลาๆ ก็อาจจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้ก็กล้าทำในสิ่งที่ไม่ควรทำเพราะรู้น้อย หรือถ้าคนที่เรียนมากรู้มากขึ้นเขาก็จะรู้ข้อจำกัดตัวเองว่าทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เราต้องเข้าใจประชาชนที่จะไปใช้บริการเองก็ต้องเข้าใจว่าหมอมีหลากหลายมาก เรียนมาหลากหลายมากบางคนก็รู้น้อยบางคนก็อาจจะรู้มากมีประสบการณ์มากมันต้องพิจารณาให้ดีก็ไม่ง่ายที่จะไปพิจารณาว่าใครเป็นคนที่มีความรู้มีประสบการณ์ก็ไม่ได้ง่ายซะทีเดียว ขึ้นอยู่กับว่าตัวเราต้องช่างสังเกต เราจะสังเกตหมอนวดอย่างไร         ตอนนี้คือถ้าหากว่าไม่แน่ใจก็ต้องยังไม่เสี่ยงที่จะไปนวดกับคนที่เรายังไม่รู้จักไม่แน่ใจ อย่าคิดว่านวดมันมีแต่ผลดีอาจจะเกิดผลเสียแทรกซ้อนได้ ถ้าทำโดยคนที่ไม่รู้ ถ้าเราไม่แน่ใจก็อย่าให้เขานวด ส่วนหนึ่งมันจะมีการนวดที่อยู่ในคลินิกหรือในสถานพยาบาลอันนี้ก็จะถือว่าน่าเชื่อถือได้มากที่สุดแล้ว เพราะว่าการที่เขามีคลินิกเปิดคลินิกได้มันก็ต้องผ่านการรับรองโดยราชการต้องมาอนุญาตแล้วก็เขาต้องมีใบประกอบวิชาชีพ คนที่มีใบประกอบวิชาชีพต้องมีความรับผิดชอบสูงกว่าคนที่ไม่มี เพราะว่าถ้าเขาทำอะไรผิดพลาดเขาก็จะถูกถอนใบอนุญาตได้คือตัดอาชีพเขาเลย แล้วคนที่จะมาเปิดคลินิกรักษาโดยมากโดยส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่แน่ใจว่าตัวเองมีฝีมือพอสมควร   มีความรู้พอสมควรที่จะทำแล้วมีคนมาหาแล้วก็อยู่ได้อยู่รอด เพราะว่าการเปิดสถานพยาบาลหรือคลินิกมันต้องลงทุนมันมีค่าใช้จ่าย ถ้าไม่แน่ใจก็ไม่กล้าเปิด แต่ถ้าร้านนวดเล็กๆ นวดในที่ไม่ต้องอะไรมากมายก็การลงทุนก็อาจจะไม่เยอะก็ตั้งตัวขึ้นมาแล้วก็นวดๆ ไป นวดไทยมีบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพหรือยัง         มีอยู่หลายตัวอย่างที่เขาทำๆ กันอยู่หลายที่แล้วเขาก็ทำกับชุมชนแล้ว รพ.สต ก็ไปสนับสนุนให้เขาอยู่ได้แล้วก็ดูแลกัน ก็มีพ่อหมอมาช่วยกันผลัดเปลี่ยนกันมาช่วยดูแลชาวบ้านช่วยกันดูแลผู้ป่วยอาจจะใช้สถานที่ในศาลาประชาคมของหมู่บ้าน บางที่เขาก็ใช้อย่างนั้นแต่ว่าก็ต้องมีการจัดการเพราะว่ามันก็ต้องมีคนมาช่วยจัดการถึงจะไปได้ แล้วก็บางทีก็ต้องหาเงินหาทุนมาสนับสนุนสิ่งของเครื่องใช้บางอย่างจะให้ชาวบ้านลงทุนเองทั้งหมดก็จะทำยาก เท่าที่ผมไปเห็นมาแล้วก็ราชการก็ลงมาสนับสนุนแล้วก็ช่วยดู ส่วนของเจ้าหน้าที่  ที่เป็นทางฝ่ายสาธารณสุขเขาก็จะเข้าใจในเรื่องสิ่งที่จะต้องระมัดระวังสิ่งที่อาจจะเกิดผลแทรกซ้อน ก็จะช่วยกันดูแลช่วยกันควบคุมดูแลกำกับกันให้อยู่ในกรอบไม่สร้างปัญหา ถ้าเกิดว่าทำอะไรที่มันล่อแหลมเกินไปอันตรายเกินไปก็ต้องคอยเตือนๆ กันว่าท่านี้นวดแบบนี้มันอาจจะเสี่ยงเกินไป มีคนช่วยกันดูก็จะทำให้มันลดปัญหาลงไปได้ ปัจจุบันมีการจัดระเบียบการควบคุมราคา เรื่องความปลอดภัยในการใช้บริการไหม         คือเราเสนอให้หน่วยงานรับผิดชอบจะต้องดูแลเรื่องนี้ให้เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งเขาก็พยายามทำอยู่พยายามอยู่แต่ว่าเนื่องจากเรื่องการนวดมันกว้างขวางมันแพร่หลายมากก็เห็นใจว่ามันไม่ได้ง่าย แต่ว่าคนที่จะทำได้ก็คือราชการเพราะมีกลไกมีมือไม้ทุกจังหวัดอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าก็ต้องช่วยกันสอดส่องดูแลห้ามปรามกัน เพราะว่าถ้าทางราชการไม่ไปห้ามปรามไม่ไปดูแล  มีคนหนึ่งทำได้โดยผิดกฎหมายคนอื่นก็ทำตามเขาอ้างว่าคนนั้นก็ทำได้ฉันก็ทำบ้าง อันนี้ราชการเองก็ต้องคอยกวดขันห้ามปรามอาจจะต้องถึงขั้นจับกุมในบางกรณีเพื่อให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย กฎหมายมันมีอยู่เรื่องพวกนี้แต่ว่าเราจะบังคับใช้กฎหมายพวกนี้มากน้อยแค่ไหน

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 150 มรดกทางพันธุกรรม

ผู้เขียนไม่ค่อยสบายใจเมื่อมองไปข้างหน้าแล้วคาดได้ว่า ประเทศไทยอาจมีทรัพยากรมนุษย์ที่ลืมตาดูโลกในช่วงนี้ เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ไม่เป็นไปในลักษณะที่ควรเป็น ความคิดเช่นนี้เกิดขึ้นเพราะผู้เขียนได้ดูคลิปที่ได้มาจาก YouTube เรื่อง the ghost in your genes คลิปดังกล่าวให้ความรู้ใหม่ว่า มรดกทางพันธุกรรมที่ส่งผ่านจากบรรพบุรุษไปสู่ลูกหลานนั้น ไม่ได้อยู่ภายใต้การบงการจากยีน (ซึ่งอยู่บนโครโมโซม) เพียงประการเดียว แต่ยังขึ้นกับสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่นอาหารการกิน ความเป็นอยู่ในอดีต การต่อสู้และการก่อการร้าย ปัจจัยเหล่านี้ต่างแสดงอิทธิพลต่อการที่ลักษณะทางพันธุกรรมของแต่ละยีนจะแสดงออกหรือไม่ในรุ่นลูกหลาน ปัจจุบันเด็กไทยมีการสำส่อนในเรื่องเพศจนมีลูกเมื่ออายุ 10 ปี ขาดสัมมาคารวะ เป็นคนสร้างเกราะกำบังตัวเองเพื่อจะได้อยู่กับโลกไซเบอร์ ขึ้นรถไฟฟ้าก็แย่งที่นั่งโดยไม่เอื้อเฟื้อคนพิการหรือผู้อ่อนแอกว่า ซ้ำร้ายยังยอมรับในเรื่องคอรัปชั่นว่า ทำได้ถ้าตนเองได้รับส่วนแบ่งทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ไม่เคยปรากฏเมื่อสมัยผู้เขียนยังเป็นเด็ก The ghost in your genes นั้นเป็นสารคดีเกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์อังกฤษที่ใฝ่ศึกษาว่า การส่งมรดกทางพันธุกรรมให้ลูกหลานนั้นเป็นไปอย่างเที่ยงตรงหรือไม่ เพราะเป็นที่ทราบกันว่า การปิด-เปิดยีนเพื่อแสดงออกถึงลักษณะทางพันธุกรรมนั้น ขึ้นกับสิ่งแวดล้อมที่เซลล์นั้นประสบ ยกตัวอย่างที่ท่านผู้อ่านอาจเคยประสบคือ การถ่ายท้องเมื่อกลับมาดื่มนมหลังจากเลิกดื่มไปนานแล้ว อาการถ่ายท้องนั้นเกิดเพราะเมื่อดื่มนมเข้าไปแล้วขาดเอนไซม์ แลคเตส ที่ใช้ย่อยน้ำตาลแลคโตสส่งผลให้น้ำตาลแลคโตสไม่ถูกย่อยจึงลงไปสู่ลำไส้ใหญ่ กลายเป็นอาหารของแบคทีเรียที่ย่อยน้ำตาลนี้ได้เป็นก๊าซที่ทำให้ท้องอืด ส่วนน้ำตาลและผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการหมักของแบคทีเรียรวมกันก็เพิ่มความดันออสโมติกทำให้มีน้ำเพิ่มขึ้นในลำไส้ใหญ่ จนทำให้อุจจาระเหลวเกิดอาการที่เรียกว่า ถ่ายท้อง การหยุดสร้างเอนไซม์แลคเตสเพื่อย่อยแลคโตสนั้นเกิดเพราะ เอนไซม์ต่างๆ ในร่างกายมนุษย์มักถูกสร้างออกมาเพื่อตอบสนองกระตุ้นด้วยสิ่งมันจะทำการย่อย ดังนั้นใครก็ตามที่เลิกดื่มนมไปนานๆ ยีนที่ทำหน้าที่ควบคุมการสร้างเอนไซม์แลคเตสก็จะถูกปิด เพราะขาดน้ำตาลแลคโตสไปกระตุ้นการทำงาน แต่ในบางกรณี การปิดเปิดนั้นอาจเป็นปรากฏการณ์ถาวรได้ โดยในคลิปดังกล่าวนั้น ผู้ทำการวิจัยชาวอังกฤษได้ไปทำการศึกษาร่วมกับนักวิจัยชาวสวีเดนในหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะพิเศษกล่าวคือ เป็นหมู่บ้านที่สามารถรักษาข้อมูลความเป็นไปของแต่ละครอบครัวที่เป็นสมาชิกของหมู่บ้านได้อย่างดี สามารถสืบกลับไปในอดีตว่า บรรพบุรุษของแต่ละครอบครัวนั้นประสบสุขหรือทุกข์ภัยอย่างใด มีความเป็นอยู่ในด้านโรคภัยไข้เจ็บแบบใด และผลดังกล่าวนั้นถ่ายทอดไปเป็นมรดกทางสุขภาพแก่ลูกหลานอย่างไร สิ่งซึ่งน่าแปลกใจในเรื่องอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมต่อการเกิดตัวอ่อนมนุษย์ก็คือ มีประเด็นว่า เด็กสองคนซึ่งมีบางส่วนของโครโมโซมแท่งเดียวกันและตำแหน่งเดียวกันขาดหายไป กลับเป็นโรคทางพันธุกรรมที่ต่างกัน คำถามคือว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น (ปรากฏการณ์นี้ต่างจากกรณีที่เด็กซึ่งมีจำนวนโครโมโซมคู่ที่ 21 เป็น 3 แท่ง มีอาการดาว์นซินโดรมทุกคน) คำตอบนั้นยังไม่มี แต่ในคลิปสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นอิทธิพลของปัจจัยภายนอกต่อการแสดงออกของความผิดปรกติที่โครโมโซม ข้อสังเกตที่น่าสนใจประการหนึ่งคือ การเกิดโรคทางพันธุกรรมที่เกิดยากในภาวะธรรมชาตินั้นกลับเกิดได้ในเด็กหลอดแก้ว นักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งในคลิปได้ตั้งประเด็นว่า การทำการปฏิสนธินอกมดลูก (IVF หรือ in vitro fertilization) นั้นอาจมีส่วนในการกระตุ้นให้โรคทางพันธุกรรมแสดงออกมา เนื่องจากปิดเปิดยีนบางตำแหน่ง ทั้งนี้เพราะมีการทดลองเลี้ยงตัวอ่อน (embryo) หนูในจานแก้วปรากฏว่า มีการปิดหรือเปิดยีนบางตำแหน่งต่างจากหนูที่โตในท้องแม่ ซึ่งปรากฏการนี้ได้ถ่ายทอดไปยังรุ่นลูกด้วยเช่นกัน มีการศึกษาถึงผลที่ก่อให้เกิดปัญหาทางจิตใจอย่างร้ายแรงเช่น กรณี 911 ที่นิวยอร์กว่า มีผลต่อลูกของสตรีที่ประสบเห็นเหตุการณ์อย่างไร โดยนักวิจัยตั้งประเด็นว่า การเกิดเหตุร้ายช่วงการตั้งท้องเด็กนั้น ส่งผลต่อระดับสูงกว่าปรกติของฮอร์โมนเช่น คอร์ติโซน (cortisone ซึ่งจะหลั่งออกมาเมื่อมีความเครียด) ในเด็กที่โตขึ้น แม้ว่าเด็กจะคลอดหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว ดังนั้นนักวิจัยจึงยังติดตามดูต่อพฤติกรรมของเด็กกลุ่มนี้ ซึ่งผู้เขียนเข้าใจว่า สตรีที่ท้องในช่วงมีการวางระเบิดในจังหวัดชายแดนใต้นั้นคงมีแน่นอน แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับเด็กเหล่านี้ อย่างไรก็ดีในคลิปดังกล่าวนั้น ปัจจัยหลักที่นักวิทยาศาสตร์ลงความเห็นว่าน่าจะสำคัญที่สุด ที่ทำหน่วยพันธุกรรมมีการทำงานที่เบี่ยงเบนไปก็คือ การได้รับอาหารและโภชนาการที่เปลี่ยนไป ซึ่งประเด็นนี้ในอดีตอาจขึ้นกับปริมาณผลผลิตทางการเกษตร แต่ในปัจจุบันเราคงสามารถเห็นได้ว่า พฤติกรรมการบริโภคแบบเร่งด่วน การกินอาหารตามใจตน ไม่สนใจหลักการกินอาหารที่ถูกต้อง น่าจะมีผลลัพธ์เป็นมรดกที่ส่งต่อให้กับเด็กไทยที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต ทั้งทางด้านสุขภาพและนิสัยใจคอ มีประเด็นหนึ่งจากคลิปที่น่าสนใจกล่าวว่า คุณภาพของเซลล์สืบพันธุ์ที่ถูกสร้างขึ้นนั้น มีสภาวะแวดล้อมเป็นตัวกำหนดการแสดงออกของยีน หลังจากที่เซลล์สืบพันธุ์ชายและหญิงผสมกัน สิ่งนี้สามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ เพราะปัจจุบันเราทราบดีกว่า แฝดแท้ (identical twin) นั้นถึงจะมียีนเหมือนกัน 100 % ถ้าถูกเลี้ยงดูอยู่ในสภาวะแวดล้อมต่างกัน เช่น กินอาหารต่างกัน ทำเลอยู่อาศัยต่างกัน มีอาชีพต่างกัน ใช้ชีวิตในรูปแบบต่างกัน ฯ สุดท้ายเมื่ออายุมากขึ้นเราสามารถมองเห็นความแตกต่างกันของรูปลักษณ์ภายนอกได้ชัดเจน (เรื่องประเภทนี้สามารถไปดูคลิปใน YouTube ได้โดยใช้คำค้นหาว่า epigenetic identical twins) ดังนั้นต่อให้แฝดแท้ชายทั้งสองคนไปแต่งงานกับแฝดแท้หญิงทั้งสองคน โอกาสที่ลูก (แม้เป็นเพศเดียวกันจากคู่แต่งงานแต่ละคู่) มีการทำงานของยีนที่ต่างกันย่อมเกิดได้ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมในช่วงการพัฒนาเซลล์สืบพันธุ์ที่ต่างกันทำให้การปิดเปิดยีนต่างกัน รูปลักษณ์ นิสัยใจคอ สุขภาพ ฯลฯ จึงอาจต่างกันได้ ประเด็นเรื่องของผลเนื่องจากสิ่งแวดล้อมต่อคุณภาพของคนนี้ เป็นที่สนใจของหน่วยงานรัฐบาลในบางประเทศ ที่มุ่งหวังจะสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อให้ประชาชนมีความสุข ซึ่งควรจะส่งผลกระทบถึงคุณภาพคนที่ออกมา ดังนั้นในอนาคตอันใกล้นี้ พลเมืองของประเทศเช่น ภูฏาน ซึ่งไม่เคยคิดจะแข่งขันในการเป็นอารยะเช่นเดียวกับประเทศอื่น น่าจะเป็นคนที่มีสุขภาพทั้งกายและใจดีกว่าพลเมืองของอาเซียน ซึ่งเมื่อรวมกันก็จะพยายามแข่งขันกันเพื่อให้ได้เป็นหนึ่งในอาเซียนตามคำขวัญที่พยายามคิดขึ้นมา

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 160 การเพิกถอนนิติกรรมที่ผู้จัดการมรดกยักยอกทรัพย์

ฉบับนี้เป็นเรื่องที่ผู้อ่านควรทราบไว้เพราะเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเองได้ ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า โจทก์ทั้งสอง จำเลยที่ 1 นางสาว อ. เด็กชาย ช.เป็นบุตร นาย บ. กับ นาง ห. นาย บ.เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทโฉนดที่ดินเลขที่ 1012 ต.ตะเคียน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 2  ไร่ 2 งาน 60 ตารางวา โจทก์ทั้งสอง จำเลยที่ 1 และนายกฤตธรรมปลูกสร้างบ้านรวม 7 หลัง อยู่อาศัยในที่ดินพิพาท บ้านเลขที่ 324 เป็นของจำเลยที่ 1 บ้านเลขที่ 324/1  ถึง 324/5  เป็นของโจทก์ที่ 2 บ้านเลขที่ 324/6  เป็นของโจทก์ที่ 1 และบ้านไม่มีเลขที่เป็นของนายกฤตธรรม โดยไม่ได้แบ่งแยกการครอบครองที่ดินเป็นสัดส่วน นางสาว อ. เด็กชาย ช. ถึงแก่ความตายไปก่อน นาย บ.  เมื่อวันที่ 8 เมษายน  2530 นาย บ.ถึงแก่ความตาย ที่ดินพิพาทจึงเป็นมรดกตกทอดแก่โจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นทายาทที่ยังมีชีวิตอยู่ นาย บ.ไม่ได้ทำพินัยกรรมและแต่งตั้งผู้จัดการมรดกไว้  จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกโดยไม่ระบุว่าโจทก์ที่ 1 เป็นทายาทนาย บ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 27 กันยายน. 2538 ตั้งจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกของนาย บ. ครั้นเมื่อวันที่ 4 มกราคม  2539  จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนาย บ จดทะเบียนโอนที่ดินเป็นของตนเอง  โดยที่โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นทายาทมิได้รู้เห็นยินยอม  แล้วจดทะเบียนขายฝากที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 ในวันเดียวกัน มีกำหนดเวลาไถ่ถอนภายใน 3 เดือน กำหนดสินไถ่ 2,000,000 บาท เมื่อครบกำหนดจำเลยที่ 1 ไม่ไถ่ถอน. ต่อมาวันที่ 18 ธันวาคม  2539  จำเลยที่ 1 จดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างแก่จำเลยที่ 3 วงเงิน 3,000,000 บาท โจทก์ทั้งสองฟ้อง ขอให้เพิกถอนนิติการมขายฝากและนิติกรรมจำนองทรัพย์มรดกที่ดิน สู้คดีกันมา 4 ศาล เนื่องจากศาลฎีกาย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ผลคดีพลิกไปพลิกมา  มาดูกันว่าศาลฎีกาจะพิพากษาว่าอย่างไร คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2174/2555  ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การที่จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกโอนที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกมาเป็นของตนแต่ผู้เดียวในฐานะส่วนตัวโดยพลการ  แล้วจดทะเบียนขายฝากแก่จำเลยที่ 2 ในวันเดียวกันเช่นนี้ ย่อมไม่เป็นไปเพื่อการจัดการมรดกโดยทั่วไปหรือเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดก  แต่เป็นการกระทำผิดหน้าที่ของผู้จัดการมรดกและถือว่าเป็นการกระทำนอกขอบอำนาจในฐานะผู้จัดการมรดก เป็นการแบ่งปันทรัพย์มรดกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท ไม่มีสิทธิจดทะเบียนขายฝากกับจำเลยที่ 2 และการจัดการทรัพย์มรดกที่ไม่ชอบนั้นย่อมทำให้การจัดการทรัพย์มรดกยังไม่สิ้นสุดลง ที่ดินพิพาทจึงยังเป็นทรัพย์สินในกองมรดกของ  บ.และยังคงอยู่ในระหว่างการจัดการแบ่งปันทรัพย์มรดก จำเลยที่ 2 รู้ว่ามีบ้านปลูกสร้างอยู่ในที่ดินพิพาทหลายหลัง สภาพมั่นคงถาวรมีทางเข้าออกเป็นสัดส่วน มีเลขที่บ้านแยกต่างหากจากกัน  จำเลยที่ 2 ก็ไม่สนใจที่จะสอบถามบุคคลที่อยู่ในที่ดินที่ดินพิพาทให้ได้ความว่าเป็นบริวารของจำเลยที่ 1 หรือเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมผู้มีสิทธิในที่ดินพิพาท  พฤติการณ์แห่งคดีเชื่อก่อนรับซื้อฝากจำเลยที่ 2 รู้อยู่แล้วว่าโจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาท ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 รับโอนโอยไม่สุจริต มีเหตุให้เพิกถอนนิติกรรมขายฝากตามฟ้องได้ทั้งแปลง เมื่อนิติกรรมขายฝากไม่ผูกพันทายาทคือโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 แล้ว ที่ดินพิพาทจึงยังเป็นทรัพย์สินในกองมรดกของ บ. จำเลยที่ 2 จึงไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท ย่อมไม่มีสิทธินำไปจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้เงินกู้แก่จำเลยที่ 3 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 705 เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ผู้จำนองเป็นตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ทั้งสองหรือทายาทอื่นใด และโจทก์ทั้งสองไม่รู้เห็นยินยอมหรือกระทำโดยประมาทเลินเล่อ  แม้จำเลยที่ 3 รับจำนองจากจำเลยที่ 2 ไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน และจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต ก็ไม่มีผลผูกพันโจทก์ทั้งสองตามหลักผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน “ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนรายการจดทะเบียนขายฝากและรายการจดทะเบียนจำนอง ฯลฯ   //

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 169 มรดกทางดิจิตัล

โดย ดร.ไพบูลย์ ช่วงทอง เครือข่ายนักวิชาการเพื่อผู้บริโภค ประธานอนุกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ด้านสินค้าและบริการปัจจุบันเราใช้การติดต่อสื่อสาร การเก็บข้อมูลในรูปแบบของสารสนเทศผ่านโปรแกรมและแอพพลิเคชันต่าง ๆ ในโลกไซเบอร์ ดังนั้นประเด็นหนึ่ง ซึ่งต้องให้ความสำคัญ และทางองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคแห่งเยอรมนีกำลังรณรงค์อยู่ คือ การจัดการข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียชีวิต (Digital Estate) ว่าจะจัดการอย่างไรดี บทความนี้ขอเล่าวิธีจัดการมรดกตกทอดของเราไม่ว่าจะเป็น บัญชีอีเมล์ เฟสบุ้ค ไลน์ ทวิตเตอร์ และยาฮู อีเบย์ เพย์พาล ที่ทำธุรกรรมผ่านโปรแกรมหรือแอพพลิเคชันดังกล่าว ซึ่งการจัดการนั้นอิงกับกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎหมายมรดกตามหลักกฎหมายของเยอรมนี สิ่งที่เราเคยโพสลงไปในเฟสบุ้ค เมื่อเรายังมีชีวิตอยู่นั้น เมื่อตอนเราเสียชีวิต ข้อความและบัญชีนั้น ก็ยังคงดำรงอยู่ หากไม่มีผู้ใดทราบ รหัสผ่านของเราในการที่จะเข้าไปลบข้อความหรือ ยกเลิกบัญชีกับทางเฟสบุ้คได้ ลูกหลานหรือ ญาติ ที่เป็นผู้รับมรดก ที่ต้องการจะเข้าไปจัดการมรดกทางดิจิตัลนี้ จำเป็นต้องใช้มรณบัตร ถึงแม้ว่าจะมีใบมรณบัตรมายื่นเป็นหลักฐานกับทางเฟสบุ้คก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปลบข้อมูลส่วนตัวของผู้ตายได้ แต่สามารถเข้าไป จัดการ ให้เป็นสถานะ Commemoration (in Gedenken erhalten) ได้ ภายใต้สถานะนี้ โปรแกรมเฟสบุ้ค จะไม่ส่ง การแจ้งเตือนวันครบรอบวันเกิดของผู้เสียชีวิตแล้วเหมือนอย่างที่เคยแจ้งเตือนวันเกิด การขอเข้าไปจัดการกับบัญชีและแอพพลิเคชันทั้งหลายในโลกไซเบอร์นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ จำเป็นต้องอาศัยกฎหมายมรดกเป็นหลัก ผู้ให้บริการอีเมล์ บางราย ไม่ยินยอมให้ ผู้รับมรดกเข้าไปตรวจสอบอีเมล์ของผู้ตายได้เลย แต่จะยอมให้ลบบัญชีอีเมล์ของผู้ตายทิ้งแทน ทั้งๆ ที อาจมีอีเมล์ที่ความสำคัญทางธุรกิจรวมอยู่ด้วย โปรแกรม google+ มีทางเลือกที่น่าสนใจต่อกรณี การรับมรดกทางดิจิตัล คือ inactive account manager ในตอนที่เจ้าของบัญชี google + ยังมีชีวิตอยู่นั้น สามารถกำหนดได้เลยว่า ใครบ้างที่สามารถเข้าไปจัดการบัญชีของเราได้ เมื่อเสียชีวิตไปแล้ว หรือสามารถกำหนดได้ว่า หากไม่มีการเคลื่อนไหวของบัญชีเป็นระยะเวลานานเท่าไหร่ จึงสามารถลบข้อมูลในบัญชีตัวเองแบบอัตโนมัติ   และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเรื่องมรดกทางดิจิตัล เราสามารถเตรียมตัวไว้ก่อนได้ดังนี้ 1. ระบุลงไปพินัยกรรมว่า ใครเป็นผู้ได้รับสิทธิในการเข้าไปจัดการ มรดกทางดิจิตัล 2. จดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ใช้บัญชี อีเมล์ไหนบ้าง และบัญชีไหนที่สำคัญ 3. การระบุสถานะของโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น เฟสบุ้ค ทวิตเตอร์ หรือ google+ ว่าจะให้ลบบัญชี หรือ คงสถานะ Commemoration ไว้ 4. ภาพถ่ายและวิดิโอ ในพินัยกรรมควรระบุหรือ บอกกล่าวด้วยว่า ภาพหรือวีดิโอไหนที่มีค่าและมีความสำคัญ เพื่อช่วยผู้รับมรดกในการตัดสินใจว่า จะลบหรือเก็บภาพถ่าย วิดิโอไว้ 5. Digital Subscribes ควรระบุไว้ในพินัยกรรมด้วยว่า แอพพลิเคชัน เกมส์ออนไลน์ บริการ Streaming ข่าวสาร ของหนังสือพิมพ์ใด ที่เรารับบริการและเสียค่าบริการอยู่ เพื่อให้ผู้รับมรดกไปทำการยกเลิก 6. ในการจัดทำพินัยกรรมสำหรับจัดการมรดกทางดิจิตัลนี้ ทางที่ดีคือ การบันทึกพินัยกรรมด้วยลายมือ พร้อมกับลงนามต่อหน้าพยานซึ่งพยานเองก็ต้องลงนามด้วย จึงจะทำให้พินัยกรรมนั้นมีผลทางกฎหมาย ชีวิตในโลกยุคดิจิตัลนั้นเป็นชีวิตที่สะดวกสบาย แต่ในกรณีที่เสียชีวิตลง มรดกทางดิจิตัลเองนั้น ก็สามารถสร้างความยุ่งยากให้กับผู้รับมรดกอยู่ไม่ใช่น้อย แต่อย่างไรก็ตามข้อมูลของผู้ตายนั้น บางครั้งมีคุณค่าและมีความสำคัญต่อญาติที่รับมรดกมากกว่ามูลค่าทางตัวเงิน ที่ผู้ให้บริการดิจิตัล และผู้ที่ทำหน้าที่ออกกฎหมายจำเป็นที่จะต้องวางหลักเกณฑ์ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการจัดการมรดกประเภทนี้   (แหล่งข้อมูล: วารสาร Test 3/2015)

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point