ฉบับที่ 195 “วิสารท์ ทัฬหวรรัตน์” ทุกข์ของผู้ประสบเหตุและคนที่อยู่ข้างหลัง

5 ปี ที่เลยผ่านของ วิสารท์ ทัฬหวรรัตน์ อดีตนักจัดรายการวิทยุ เหยื่อรถตู้สายสิงห์บุรี-ลพบุรี ที่ย้อนอดีตเล่าถึงความหวังที่เขาจะเป็นหัวหน้าครอบครัว เลี้ยงดูแม่เพื่อทดแทนบุญคุณสลายลงเมื่อ เวลา 9 โมงกว่าๆ ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2554 เมื่อวิสารท์เรียนจบ  เขาอาสาทำงานหาเลี้ยงแม่ ด้วยการทำงานหลายงาน ทั้งการเป็นดีเจ รับจัดอีเว้นท์ รวมทั้งการมีรายได้พิเศษอื่นๆ ที่พอเพียงจึงบอกให้แม่หยุดทำงาน เขาย้อนเล่าเรื่องราวในวันนั้นอีกครั้ง “วันนั้นเป็นวันธรรมดาครับ วันพุธหรือวันพฤหัสฯ ผมไม่แน่ใจ ไปทำงานปกติ ช่วงเช้าไปที่วินรถตู้จะไปทำงานที่ลพบุรี เพราะว่าแต่ก่อนผมเป็นนักจัดรายการที่สิงห์บุรีนี้แหละ แล้วเจ้านายให้ย้ายไปจัดที่ลพบุรี ก็เลยต้องนั่งรถตู้จากสิงห์บุรีไปลพบุรี เป็นรายการวิทยุ รายการเพลง เราก็มีความชอบในเพลง เรียนมาก็จบโดยตรงสายนี้ด้วย ก็เป็นเพลงแนวสตริง จัดทั้งเก่าทั้งใหม่ปะปนกันไป ก็ใช้ชื่อเล่นนี้แหละครับ ตามด้วยชื่อจริง ชื่ออ๊อฟ วิสารท์ ก็เริ่มเป็นตั้งแต่ช่วง 28 – 29 ปี ก่อนหน้านี้ก็ทำงานอื่นเรื่อยมาจนมาได้งานนี้ แต่เพิ่งได้มาเริ่มต้นยังไม่ถึงปีเลยครับ ที่สิงห์บุรีก็ประสบอุบัติเหตุเสียก่อน ตอนนั้นรถวิ่งด้วยความเร็วเกิน 120 เกือบ 140 (กิโลเมตร/ชั่วโมง) ระหว่างนั้นรถก็ไปตรงๆ ทางโล่งๆ เกิดมีมอเตอร์ไซค์แซงขึ้นมาจากด้านหนึ่ง มารู้ทีหลังว่ามอเตอร์ไซค์คันนั้นเขาหนีตำรวจมา ตำรวจเขาไล่จับยาบ้า ก็มาตัดหน้าแล้วรถก็เลยหักหลบไปทางด้านขวาเพราะถ้าหากว่าหักซ้ายก็ไม่ได้จะชนเขา รถเลยลงข้างทาง มันไม่มีเกาะกลาง ก็เลยข้ามไปอีกเลนหนึ่ง เป็นรถ NGV แล้วรถพ่วงบรรทุก NGV ก็ตรงเข้ามาก็สวนเข้ามาเต็มๆ เสียงกรี๊ดกันลั่นรถ มันเหมือนในหนังในละครที่มันเป็นภาพสโลว์ คือมันเห็นทุกอย่างแล้วเสียงมันก้องอยู่ในหู แล้วก็ตึ้บ สวิตซ์ดับเลย(หมายถึงเราก็สลบ) ครับ ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย ถ้าเสียก็คือไม่รู้เลยตอนนั้นพอเกิดอุบัติเหตุคนในรถก็มีเสียชีวิต 2 คน ก็คือคนขับและคนที่นั่งข้างหลังผม ผมนั่งข้างหน้า ผมก็คิดว่า ผมรอดได้อย่างไร มันเป็นช่วงระหว่างอัดกับช่วงล้อ ช่วงพ่วง แล้วทีนี้ตัวคนขับอัดไปกับล้อ ตัวผมก็เข้าไปในช่องว่างพอดีระหว่างช่องว่าง ถ้าไม่อย่างนั้นก็คือเสียชีวิตเรียบร้อย น้องคนข้างหลังเขาหลับแล้วหัวกระแทกคอนโซลคอหักตาย ส่วนที่เหลือก็ขาหัก แขนหักบ้างเล็กๆ น้อยๆ มีน้องคนหนึ่งจมูกไม่สามารถรับกลิ่นได้แล้วตอนนี้5 ปีที่ผ่านมา เรามีความทุกข์อะไรบ้าง อยากให้สะท้อนให้ฟังอย่างแรกคือค่าใช้จ่ายที่มีปัญหามากเพราะมีบางช่วงที่สินค้าที่ผมทำขายไม่ได้เลยแล้วแม่ก็ตกงาน แกก็เครียด บางทีก็เหม่อ ว่าทำไม่ต้องเป็นแบบนี้ ไม่มีใครมาช่วยเรา ติดต่อไปตามหน่วยงานต่างๆ เขาก็บอกว่าไม่มีนโยบายบ้าง บางเดือนก็ไม่มีค่าน้ำ ค่าไฟมาจ่าย ต้องไปยืมเพื่อนบ้าง โดนเขาว่าบ้าง บางทีมันก็ท้อ แต่แม่บอกให้สู้ ตอนอยู่โรงพยาบาลเคยกอดคอกันร้องไห้ ไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง ไม่มีเงินจ่ายค่าหมอและการต่อสู้เรื่องเงินทอง ความยากลำบากเพราะเราก็เจ็บ เราติดต่อลำบากแค่ไหน ไปร้องเรียนกับใครมาบ้างหนึ่ง คือรอจากที่ฟ้องไป ส่วนเรื่องเงินต่างๆ ก็ไปขอทางกระทรวงพัฒนาสังคมและมนุษย์ ติดต่อไปทางผู้พิการว่า ขอเอาเงินมาปรับสภาพสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับทำทางลาด เขาก็บอกว่ายังไม่เปิดโครงการ เขาก็ปัดไปทาง อบต. บ้าง ทางอบต. ก็บอกว่ายังไม่เห็นรู้เรื่องเลย เรายังไม่เปิดรับ เรามีสิทธิอยู่ตรงนี้ทำไมต้องโยนไปแต่ละที่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำงานกันอย่างไร ระบบเป็นแบบไหนในจังหวัดนี้หรือว่าทั้งหมดเลย ผมก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็นเฉพาะตรงนี้หรือว่าทั้งหมด หรือว่าจะมีมาแค่ให้ดูสวยหรูเฉยๆ ทางลาดที่พี่เห็นนี้ผมต้องหาเงินทำเอง ไปหัดเข็นรถจะได้ไปไหนมาไหนได้ ตอนแรกจะปรับห้องน้ำ แม่จะได้ไม่ต้องมาทำอะไรให้แล้ว แต่มันก็มีค่าใช้จ่าย ตอนนี้ชีวิต ความเป็นอยู่ก็มาอยู่กับน้าสาว น้าสาวเขาเช่าอยู่แล้วผมก็มาอาศัย เพิ่งขายบ้านหลังเก่าไปเพราะว่ามันติดธนาคารก็เลยขายไปแล้วก็จะมาซื้อใหม่ กำลังจะซื้อใหม่ผมก็มาโดนชนเสียก่อน เงินที่จะมาซื้อบ้านก็หมดไปแล้วได้ไปไหนบ้างไหมหลังจากประสบอุบัติเหตุเต็มที่ก็โรงพยาบาล มีอยู่ครั้งเดียวเข้าปีที่ 3 เป็นวันปีใหม่เพื่อนก็เลยเอารถมารับไปนั่งกินเลี้ยงปีใหม่ แต่ก็กว่าจะไปได้ก็ทุลักทุเลพอสมควรได้เงินประกันเท่าไรได้จาก พ.ร.บ. 15,000 บาท และก็รักษาจากประกันชั้นหนึ่งเป็นค่ารักษาหมดเลยเหลือให้มาเป็นเช็คมาได้มา 110 บาท ผมยังถ่ายลงเฟซบุ๊คแลย จริงๆ ประกันแบบนี้มันมีวงเงินอยู่ พอโดนชนแบบนี้ผมอยากให้พิจารณาตามแต่ละเคสว่าใครหนักใครเบา ให้ช่วยเหลือให้ทันท่วงทีอีก 1 ท่าน ในอีกมุมมองของคนใกล้ชิดที่แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ประสบเหตุ แต่ความเจ็บปวดที่ถูกถ่ายทอดออกมาเจ็บปวดไม่แพ้กัน คุณแม่กิมเอ็ง ทัฬหวรรัตน์ อายุ 56 ปี “แม่ของอ๊อฟเล่าว่าเมื่ออ๊อฟเดินไม่ได้ แม่ก็ต้องเป็นคนเดินเรื่อง แม่ก็ติดต่อศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคจังหวัดสิงห์บุรีหรือ ศสส. เลยให้เขาช่วยแม่ ช่วยดำเนินเรื่องให้เพราะแม่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแบบนี้”แม่มีความรู้สึกอย่างไรบ้างตอนอ๊อฟประสบอุบัติเหตุเพราะตอนนั้นแม่ก็เลิกทำงาน แล้วเขาก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง แม่ก็เสียใจคิดว่าลูกแม่จะไม่ได้กลับมาแล้ว ปัญหาการเงินมันก็ขัดข้อง ค่าใช้จ่ายมีปัญหาขัดข้องทุกอย่าง เราหาเงินไม่ได้แล้ว ไม่มีงานทำ อายุมากแล้ว เขาก็ไม่จ้างเรา(เมื่อก่อนแม่ทำงานร้านอาหารและเลี้ยงเด็ก พออ๊อฟได้ทำงานก็ขอให้แม่ก็เลิก) แม่ก็ต้องลุกมาสู้อีกทีหลังจากนั้นแม่ก็ไปร้องเรียนกับพวกรถตู้หรือที่ขนส่งจังหวัดอะไรบ้างไหมไปที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคจังหวัดสิงห์บุรีหรือ ศสส. อย่างแรกเลย (ทำไมถึงรู้ว่าจะต้องไปร้องเรียนที่นั่น) มีอยู่คนเข้ามาติดต่อบอกว่าถ้าจะให้เขาช่วยอะไรให้ติดต่อเขา ก็ให้เบอร์โทรติดต่อที่ ศสส. ไว้ แม่ก็คุยกับพ่อแม่ผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคนว่าเราเป็นอย่างนี้ เราจะไปจ้างทนายความเราก็ไม่มีเงิน เราก็มาให้ ศสส. เขาช่วยกันดีไหม พวกแม่ๆ ก็เห็นด้วย คนอื่นๆ ก็ตกลง ก็รวมกลุ่มกันมาขอให้ ศสส. ช่วยการร้องเรียนนี้ดำเนินการไปยากลำบากแค่ไหนลำบากมากเพราะแม่ก็ไม่ค่อยรู้ขั้นตอนต่างๆ   แล้วหลังจากนั้นเราได้เงินช่วยเหลืออะไรมาบ้าง ใครช่วยเราบ้างอ๊อฟเจ็บหนักมาก ประกันก็เป็นค่ารักษา ประกันของรถเป็นค่ารักษาหมดเลย ไม่เหลือใช้เลยได้ก้อนเดียว ก้อนแรกเลย จากนั้นก็ไม่ได้จากที่ไหนอีกเลย ทั้งเจ้าของรถหรือคนขับค่ะ เจ้าของรถ คนขับ ไม่มีเลย เจ้าของรถมาเยี่ยมพร้อมนมหมีกระป๋องเล็กๆ หนึ่งแพ็คและวันนั้นแม่ก็โทรติดต่อเขา บอกว่าให้เขาลงมาช่วยดูแลเราหน่อย เราเดือดร้อน เขาก็ตอบมาว่า “พี่ หนูก็เดือดร้อน” เราสิเดือดร้อนยิ่งกว่าเขา เขาจะเดือดร้อนอะไร เขามีรถหากินทุกวัน เราไม่มีใครจะออกหากิน ถ้าเราออกหากินแล้วลูกเรานอนไม่มีใครดูแล เราต้องคอยดูแลลูกเราตอนนี้เขาก็ยังทำกิจการรถตู้อยู่เขาก็ยังหากินกับรถตู้อยู่ รถตู้เขาชนแล้วแต่รถทำไมไม่จอดโรงพัก เขาเอารถออกไปเลย คนเขาไม่มีดูแล เขาห่วงแต่รถ จากนั้นเขาก็ไม่ได้มาอะไรอีกเลย มาเยี่ยมครั้งเดียวแล้วถ่ายรูปไปหนเดียวแค่นั้นแม่คิดว่าจากนี้แม่อยากให้เป็นอย่างไร อยากให้การช่วยเหลือเรื่องการต่อสู้ของเราจบลงอย่างไร แม่ไม่อยากจะให้ช่วยให้แม่ชนะหรอก ขอแค่ช่วยให้แม่มีเงินมารักษาลูก อยากให้คุ้มครองผู้ประสบอุบัติเหตุหน่อย โดนชนแล้วไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเลย แม่ก็อยากจะให้มีหน่วยงานไหนสักหน่วยงานหนึ่งเข้ามาคุ้มครองหรือช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้น แต่นี่ไม่มีหน่วยงานไหนเขามาดูแลเรา เราก็ดิ้นรนกันเอง ทั้งเดินเรื่อง ทั้งหาเงินทุกอย่าง เงินประกันที่ได้มาก้อนแรกมันน้อยไปสำหรับเราเพราะว่า คนของเราเจ็บมาก เงินที่เราเก็บเอาไว้(ก้อนที่เก็บเอาไว้เพื่อซื้อบ้าน) เราก็เอาออกมาใช้จ่ายหมด แล้วเงินที่เขาช่วยเหลือเยียวยามานี้มันก็น้อยเกินไป แม่อยากจะให้เพิ่มวงเงินขึ้นอีกสักหน่อยหนึ่ง----------------------------------------------------------------------ปัจจุบัน คดีของวิสารท์ ทัฬหวรรัตน์ อยู่ระหว่างการเตรียมบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เพื่อให้บริษัท ขนส่ง จำกัด จำเลยในคดีจ่ายเงินค่าเสียหายตามคำพิพากษา 713,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 นับแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2554 (เดิมศาลพิพากษาไว้ 963,500 บาท แต่ต่อมาประกันภัยมาจ่ายแล้ว 250,000 บาท ตอนนี้เหลือที่ บ.ขนส่งฯ ต้องจ่ายอีกประมาณ 713,500 บาท ไม่รวมดอกเบี้ย)

อ่านเพิ่มเติม >