ฉบับที่ 148 อาญารัก : เหตุแห่งรักที่ต้องโบยด้วยหวาย

นักสตรีนิยมหรือเฟมินิสต์บางคน เคยอธิบายไว้ว่า ในสังคมอุตสาหกรรมหรือในระบบทุนนิยมนั้น ถือเป็นสังคมที่ผู้หญิงได้ถูกกดขี่ขูดรีดเอาไว้อย่างมากที่สุด ไม่ว่าจะด้วยภาระงานในบ้าน นอกบ้าน ค่าจ้างแรงงานที่ไม่เสมอภาค ไปจนถึงชีวิตที่ขาดการดูแลคุณภาพในฐานะอีกหนึ่งชีวิต แต่กระนั้นก็ดี ในกลุ่มของนักสตรีนิยมด้วยกันเอง ก็มีบางเสียงที่เห็นแย้งไปว่า ไม่ใช่แต่เฉพาะในสังคมทุนนิยมอุตสาหกรรมเท่านั้นหรอก ที่ผู้หญิงจะถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างเข้มข้น แต่ในทุก ๆ สังคมที่ยังคงถือเอาค่านิยมที่ผู้ชายมีอำนาจและเป็นใหญ่อยู่ต่างหาก ที่ผู้หญิงทั้งหลายจะถูกขูดรีดเอาเปรียบในทุกวิถีทาง และหากคำโต้แย้งข้อหลังเป็นจริง ก็คงจะเห็นได้จากชีวิตของผู้หญิงอย่าง “เนียน” ในละครโทรทัศน์เรื่อง “อาญารัก” ที่เข้าขั้นรันทดลำเค็ญ จนถึงระดับที่เธออาจต้องร้องบอกคนดูได้เลยว่า “โหดกว่านี้ยังมีอีกไหมพี่???” เรื่องราวของเนียนย้อนไปในยุคหลังเลิกทาส อันเป็นช่วงสมัยก่อนสังคมอุตสาหกรรมจะก่อตัวขึ้นในสยามประเทศ เนียนซึ่งเป็นหญิงที่อาภัพ ความรู้ก็น้อย สามีก็มาเสียชีวิตลง แถมจับพลัดจับผลูต้องเป็นหนี้เป็นสินอย่างล้นพ้น เธอจึงจำต้องมาทำงานเป็นบ่าวขัดดอกอยู่ในเรือนของ “ขุนภักดีบริบาล” และตกเป็นภรรยาของท่านขุนภักดีในที่สุด   และเพราะเรือนของขุนภักดีบริบาลไม่แตกต่างจากภาพจำลองขนาดย่อม ๆ ของสังคมไทยที่ยึดถือค่านิยมแบบชายเป็นใหญ่อยู่เป็นฉากหลัง ชะตาชีวิตของเนียนจึงมีอันต้องผันไปตามความรักความปรารถนาของขุนภักดีอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ เมื่อขุนภักดีเข้าใจผิดคิดว่าเนียนคบชู้ จากความรักความหลงแบบโมหจริตก็ได้เปลี่ยนเป็นโทสจริตเพียงชั่วยาม ขุนภักดีจึงลง “อาญาแห่งรัก” โบยหลังเนียนด้วยแส้ม้า และขับไล่ไปขี้ข้าเลี้ยงหมูอยู่สุดปลายสายตาของเขตเรือน คำพิพากษาของท่านขุนภักดีไม่ใช่มาจากเหตุอื่นใด นอกจากเพื่อบอกทั้งเนียนและทุกคนที่อยู่ใต้อาณัติแห่งตนว่า “เหตุผลใด ๆ” ในสากลพิภพก็ไม่มีความสำคัญเท่ากับ “เหตุผล” หรืออำนาจของขุนภักดีบริบาลผู้เป็นใหญ่ในเรือนหลังดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว เพราะฉะนั้น แม้ในความจริงแล้ว เนียนจะมิได้ประพฤติผิด “อาญา” ตามที่ขุนภักดีกล่าวอ้างแต่ประการใด แต่ทว่าประวัติศาสตร์ชีวิตของเนียนก็ไม่ได้ถูกเขียนหรือกำหนดได้ด้วยตัวของเธอเอง หากแต่ต้องเป็นไปตาม “เหตุผล” ที่ขุนภักดีขีดขึ้นไว้ให้เท่านั้น และกับตัวละครหญิงคนอื่น ๆ ที่แม้จะไม่ได้ดูรันทดอาภัพเท่ากับเนียน แต่ก็มีสถานะในบ้านไม่ได้แตกต่างกัน เริ่มจากภรรยาหลวงอย่าง “เรียม” ที่แม้จะไม่เห็นด้วยกับ “เหตุผล” แบบขุนภักดี ก็ได้แต่ทำตัวแบบน้ำท่วมปาก หรือแม้แต่อ้างความกตัญญูที่จะพรากลูกแฝดของเนียนมาเป็นลูกของตน เพียงเพื่อรักษาสถานภาพภรรยาเอกของขุนภักดีเอาไว้ ในสังคมที่บุรุษอย่างขุนภักดีบริบาลมีอำนาจอยู่ ผู้หญิงอย่างเนียนจึงมิได้แค่ม้วยด้วยมือของผู้ชายเท่านั้น หากแต่ยังต้องมาม้วยด้วยมือของผู้หญิงด้วยกันเองอย่างคุณเรียมผู้มีพระคุณของเธอด้วย ส่วน “สน” ผู้เป็นภรรยารองและสีสันของเรื่องนั้น เพื่อธำรงสถานะของตนเองไว้ ก็ต้องพยายามทุกวิถีทางเช่นกัน แม้แต่จะใช้เล่ห์กลโกงหรือมิจฉาทิฐิเข้ามาจัดการกับเนียนและทุกคนในบ้านที่จะเข้ามาเป็นปรปักษ์ในชีวิตของเธอ แต่ในแง่นี้ ละครก็ได้ชี้ให้เห็นด้วยว่า “อำนาจ” ของเพศชายที่เป็นใหญ่ดังกล่าว อาจไม่ได้จำกัดวงอยู่แต่ในพื้นที่ของบ้านหรือสถาบันครอบครัวเท่านั้น แต่แผ่ซ่านเข้าไปควบคุมผู้หญิงในพื้นที่อื่นๆ ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น เมื่อสนวางแผนจ้างให้ “เสือหนัก” ข่มขืนเนียน โดยที่ไม่รู้เลยว่าเสือหนักนั้นเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเนียน ละครก็ได้ลงโทษทั้งสนและบ่าวพลอยพยักอย่าง “ช้อย” ให้ถูกเสือหนักและพรรคพวกย้อนรอยมารุมข่มขืนถึง 7 วัน 7 คืน การข่มขืนและลงอาญาด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่นนี้ จึงเป็นอีกด้านที่ฉายให้เห็นอำนาจของบุรุษเพศ ที่จะเข้ามาให้คุณให้โทษกับตัวละครหญิงคนใดก็ได้ ในบ้านหรือนอกพื้นที่ของครัวเรือนก็ได้ โดยไม่จำกัดว่าชายผู้นั้นจะเป็นขุนภักดีบริบาลผู้เป็นข้าหลวงใหญ่ในหัวเมือง หรือจะเป็นขุนโจรชื่อก้องอย่างเสือหนักก็ตาม ผู้หญิงจะดีจะเลวหรือจะเป็นคนแบบไหนจึงไม่สำคัญ ตราบใดที่พวกเธอยังต้องอยู่ในวังวนของอำนาจที่กำกับโดยบุรุษเพศด้วยแล้ว ชีวิตของเธอก็มีแนวโน้มจะสุขหรือทุกข์แบบผันไปตามความปรารถนาของเพศชายเท่านั้น ทางออกที่ละครมอบให้กับเนียนนั้น จึงหนีไม่พ้นการให้เธอวางอุเบกขาและยอมรับชะตากรรมต่าง ๆ ที่ถูกกำหนดไว้โดยผู้อื่น ไม่แตกต่างไปจากนางสีดาผู้ต้องลุยไฟกว่าจะพิสูจน์คุณความดีที่แท้จริงได้ในตอนจบ “อาญารัก” อาจเป็นตัวอย่างการลงโทษโดยใช้ความรุนแรงต่างๆ ทั้งทางกาย วาจา และใจ ที่มีต่อสตรีเพศ ซึ่งเกิดขึ้นในยุคก่อนเปลี่ยนผ่านสู่สังคมอุตสาหกรรม แต่กระนั้น ความรุนแรงต่อผู้หญิงทั้งในบ้านและนอกบ้านแบบนี้ ก็ไม่ได้แปลว่าจะสูญสลายหายไปแล้วในปัจจุบัน แบบที่เราๆ เองก็อาจได้พบได้เห็นกันอยู่เป็นเนืองๆ หากเป็นดั่งนี้แล้ว การชูป้ายของนักสตรีนิยมที่จะให้ “stop violence against women” ก็น่าจะคงอยู่ ตราบเท่าที่หวายและแส้ม้าไม่ได้ถูกเก็บออกไปจริงๆ จากจิตสำนึกของสังคมไทย

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point