ฉบับที่ 274 กรแสต่างแดน

เงินขวัญถุง         คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคแห่งเมืองเดลลี สั่งปรับห้างจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป lifestyle เป็นเงิน 3,000 รูปี (ประมาณ 1,300 บาท) และขอให้ห้างคืนเงิน 7 รูปีที่เรียกเก็บเป็นค่าถุงกระดาษ ให้กับลูกค้าด้วย         คณะกรรมการได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภครายหนึ่ง ว่าด้วยความบกพร่องในการให้บริการของห้าง ซึ่งอ้างว่าถุงกระดาษมีต้นทุนแพงกว่าถุงพลาสติก (ที่รัฐบาลประกาศห้ามใช้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2565) จึงขอเรียกเก็บค่าถุงจากลูกค้า         คำถามคือห้างควรผลักภาระค่าใช้จ่ายไปให้ลูกค้าที่จ่ายเงินค่าสินค้าแล้วหรือเปล่า สำคัญกว่านั้นคือลูกค้าได้รับการบอกกล่าวล่วงหน้าหรือไม่         จากหลักฐานภาพถ่ายที่ยืนยันว่าห้างไม่ได้แจ้งให้ลูกค้านำถุงมาเอง รวมถึงไม่ได้บอกราคาและประเภทของถุงกระดาษ บริษัทจึงไม่สามารถเก็บค่าถุงที่ใช้ใส่สินค้าที่ซื้อจากทางร้านได้ และต้องจ่ายค่า “ทำขวัญ” ลูกค้าเป็นจำนวนดังกล่าว   ชื่อไฮเอนด์         เทศบาลกรุงโซลขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ให้ลดความยาวและความซับซ้อนของโครงการอพาร์ตเมนท์ หลังผลสำรวจพบว่าชาวเมืองส่วนใหญ่ไม่ถูกใจสิ่งนี้         หลายปีที่ผ่านมาเกิดเทรนด์การตั้งชื่ออพาร์ตเมนท์เป็นภาษาเกาหลีผสมกับภาษาต่างประเทศ ยำรวมกันทั้งชื่อย่าน ชื่อบริษัทที่ก่อสร้างรวมถึงชื่อแบรนด์เพื่อแสดงถึงความ “ไฮเอนด์” ทั้งที่ชื่อเหล่านี้ไม่ได้การันตีคุณภาพของที่อยู่อาศัย         เทศบาลฯ ได้สำรวจความเห็นประชากรกว่า 1,000 คน และพบว่าร้อยละ 77.3 ไม่ชอบชื่อยืดยาวแบบนี้ บางหมู่บ้านถึงกับร้องขอให้เอาชื่อของตัวเองออกจากชื่ออพาร์ตเมนท์ที่ไม่มีอะไรเกี่ยวกันด้วย         หลังการพูดคุยมีผู้ประกอบการ 9 ราย (Samsung Hyundai และ Posco ก็อยู่ในกลุ่มนี้) ให้คำมั่นว่าจะตั้งชื่อโครงการให้สั้นและง่ายกว่าเดิม รวมถึงใช้คำภาษาเกาหลีให้มากขึ้น         เทศบาลโซลมีกำหนดจะประกาศ “แนวทางการตั้งชื่ออพาร์ตเมนท์” ภายในครึ่งปีแรกของปี 2024  ซ่อมกันก่อน         เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้คนไม่ทิ้งขว้างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เสียหายเพียงเล็กน้อย รัฐบาลฝรั่งเศสจึงให้ “โบนัสช่วยซ่อม” แบบเหมาจ่ายมาตั้งแต่ปี 2022  โดยเงินช่วยเหลือดังกล่าวอยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการลดขยะและสร้างเศรษฐกิจแบบหมุนเวียนที่ประกาศใช้เมื่อปี 2020         สิ่งที่จะเพิ่มมาในปี 2024 คือค่าซ่อมหน้าจอโทรศัพท์ 25 ยูโร (ประมาณ 950 บาท) และค่าซ่อมโน๊ตบุ๊ค 50 ยูโร         รวมแล้วจึงมีเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เข้าข่ายได้รับเงินช่วยเหลือ 73 รายการ เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องล้างจาน กาต้มน้ำ เครื่องทำกาแฟ โทรทัศน์และเครื่องเล่นดีวีดี         เงินช่วยเหลือนี้จะปรากฎเป็นส่วนลดในบิลค่าซ่อมโดยอัตโนมัติ ลูกค้าไม่ต้องลงทะเบียน เพียงแต่ต้องไปใช้บริการกับร้านซ่อมที่เข้าร่วมโครงการ         ฝรั่งเศสตั้งเป้าเพิ่มจำนวนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่เข้ารับการซ่อมจากปีละ 10 ล้านชิ้น เป็น 12 ล้านชิ้นให้ได้ภายในปี 2027   ไม่ใช่ที่สูบ         อุตสาหกรรมท่องเที่ยวญี่ปุ่นออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวต่างชาติเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการห้ามสูบบุหรี่ให้มากขึ้น โดยอาจระบุ “พื้นที่สูบบุหรี่” ผ่านแอปพลิเคชันที่ให้ข้อมูลเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวในภาษาต่างๆ เป็นต้น         ญี่ปุ่นห้ามการสูบบุหรี่ทั้งในอาคารและกลางแจ้ง (ยกเว้นในพื้นที่สำหรับสูบบุหรี่) มาตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2020 ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงการระบาดของโควิด 19 จึงไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากนัก แต่เมื่อการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว จำนวนชาวต่างชาติที่ถูกปรับเพราะ “เดินไปสูบไป” ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในบางเมืองเช่น โกเบ มีถึงร้อยละ 40 ของผู้ฝ่าฝืนที่เป็นนักสูบจากต่างแดน         นอกจากกฎหมายที่ใช้ทั่วประเทศแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมบางแห่งมีค่าปรับสำหรับการสูบบุหรี่ในพื้นที่ด้วย เช่น การสูบบุหรี่ในสวนนารา มีค่าปรับ 1,000 เยน (ประมาณ 240 บาท) โดยเจ้าหน้าที่สามารถแสดงตนและปรับผู้ฝ่าฝืนได้ทันที   ลดเวลาหน้าจอ         กระทรวงเด็กและโรงเรียนของเดนมาร์กเล็งออกกฎหมายห้ามศูนย์รับดูแลเด็กเล็กใช้โทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตเป็นอุปกรณ์ช่วยเลี้ยงเด็ก         ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าผู้ดูแลจะให้เด็กดูหน้าจอแท็บเล็ตหรือโทรทัศน์ไม่ได้ เพียงแต่ต้องจำกัดเวลา เช่น สำหรับเด็กอายุไม่เกินสองปี จะอนุญาตให้ดูหน้าจอมือถือหรือแท็บเล็ตได้ในกรณีที่ “จำเป็นอย่างยิ่ง” เท่านั้น เพราะเด็กเล็กไม่ควรมี “เวลาหน้าจอ” มากเกินไป         ขณะที่เด็กอายุระหว่างสามถึงห้าปีจะอนุญาตให้ใช้หน้าจออย่างเหมาะสม โดยเด็กจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้รับผิดชอบ         สรุปว่าสถานรับเลี้ยงเด็กจะอ้างว่าจำเป็นต้องปล่อยให้เด็กดูจอเพราะ “วันนี้ยุ่งมาก” หรือ “ใกล้เวลาพ่อแม่มารับแล้ว” ไม่ได้ รัฐมนตรีฯ เขามองว่ามันเป็นความบกพร่องในการดูแลเยาวชนของชาติ กระทรวงฯ คาดว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะผ่านเป็นกฎหมายได้ในเดือนกรกฎาคมปี 2024   

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 273 ผู้ประกอบการ “ยอดแย่” แห่งปี

        ประมาณช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี องค์กรผู้บริโภคออสเตรเลียหรือเรียกสั้นๆ ว่า CHOICE จะ “มอบ” รางวัลให้กับผู้ประกอบการที่ละเมิดสิทธิผู้บริโภคจนสมควรแก่การพูดถึง ปีนี้เป็นการแจกครั้งที่ 18 แล้ว เจ้าของรางวัล Shonky 2023 มีตั้งแต่ร้านค้าปลีก แพลตฟอร์มหาบ้านเช่า อุปกรณ์ไอที เว็บไซต์ ไปจนถึง “ตู้เย็น”ห้างค้าปลีก Woolworths and Coles ได้รางวัลแชมป์ขูดรีด         ปีนี้คนออสซีเผชิญค่าเช่าแพง ดอกเบี้ยเงินกู้แพง แถมข้าวของยังพากันขึ้นราคาอีกการสำรวจล่าสุดพบว่าร้อยละ 88 ของคนออสเตรเลียกังวลเรื่องราคาอาหารและสินค้าในชีวิตประจำวันเพราะพวกเขาเริ่มรู้สึกว่าได้ของกลับบ้านน้อยทั้งๆ ที่จ่ายเงินมากขึ้น ในขณะที่สองห้างใหญ่โกยกำไรอู้ฟู่         เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาห้างวูลเวิร์ธประกาศว่าปีนี้มีกำไร 1,620 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 จากปีก่อนหน้า ผู้บริหารให้เหตุผลว่าที่กำไรเพิ่มก็เพราะมีค่าใช้จ่ายส่วนที่เกี่ยวกับโควิดน้อยลง หลังทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ ทางห้างโคลส์ก็มีกำไรถึง 1,100 ล้านเหรียญ เช่นกัน         การสำรวจโดย CHOICE ในเดือนกันยายนที่ผ่านมาพบว่าร้อยละ 60 ของนักช้อปเชื่อว่าสองห้างนี้กำลังกอบโกยกำไรมหาศาลจากการขึ้นราคาสินค้า มีไม่ถึงร้อยละ 20 ที่คิดว่าซูเปอร์มาร์เก็ตทั้งสองแห่ง (ครองตลาดรวมกันถึงร้อยละ 65) ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะไม่ขึ้นราคาสินค้า RentTech แพลตฟอร์มหาบ้านเช่า ที่ข้อมูลเกินจำเป็น         นอกจากค่าเช่าบ้านที่แพงขึ้นแล้ว คนออสซีจำนวนไม่น้อยยังหาบ้านอยู่ไม่ได้อีกด้วย แพลตฟอร์มหาบ้านเช่า อย่าง Ignite, 2Apply และ Snug จึงกลายเป็นที่พึ่งสุดท้าย พวกเขาต้องยอมให้ข้อมูลมากมาย เพราะอยากมีที่อยู่ ตั้งแต่สเตทเมนท์ธนาคาร ที่อยู่ปัจจุบัน ที่อยู่ก่อนหน้า บุคคลรับรองจากงานที่ทำล่าสุด 5 งาน หรือแม้แต่รูปถ่ายของลูกๆ และสัตว์เลี้ยง         การสำรวจโดย CHOICE พบว่าร้อยละ 60 ของผู้ใช้แอปฯ เหล่า รู้สึกไม่พอใจกับปริมาณหรือชนิดของข้อมูลที่ต้องให้กับแอปฯ         ในขณะที่ร้อยละ 41 เคยถูกเจ้าของบ้านกดดันให้ทำเรื่องขอเช่าผ่านแอปฯ มีจำนวนไม่น้อย (ร้อยละ 29)ที่ตัดสินใจไม่เช่าเพราะไม่ไว้ใจแพลตฟอร์มเหล่านี้         CHOICE เสนอว่าถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องออกกฎหมายควบคุม เพื่อป้องกันการเรียกขอข้อมูลตามใจชอบโดยไม่มีการแจ้งผู้ใช้ว่าจะส่งให้ใคร นำไปใช้อย่างไร และจะเก็บไว้นานแค่ไหน  Personal alarms อุปกรณ์ฉุกเฉินที่ชิลเกินไป         สินค้ายอดนิยมอย่างหนึ่งที่ลูกหลานนิยมซื้อให้ผู้สูงอายุใส่ติดตัวคืออุปกรณ์แจ้งเตือนฉุกเฉิน เจ้าเครื่องนี้ควรจะช่วยให้ผู้ที่สวมใส่ (ห้อยไว้ที่คอ สวมรอบข้อมือ หรือติดเป็นเข็มขัด) สามารถส่งสัญญาณไปขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแลได้อย่างรวดเร็ว         แต่การทดสอบของ CHOICE ที่ทำกับอุปกรณ์นี้จำนวน  40 รุ่น พบว่ามันไม่เป็นเช่นนั้น แม้จะทำหลายปีก็ยังไม่เจออุปกรณ์ที่ดีสักรุ่นเดียว ทั้งตั้งค่ายาก ใช้งานยาก ตัวหนังสือเล็กมาก คู่มือก็ไม่มีให้ ผู้ใช้ต้องดาวน์โหลดเองจากอินเทอร์เน็ต ได้มาแล้วก็ยังอ่านยาก เจ้าหน้าที่ทดสอบ (ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี) อ่านเท่าไรก็ยังไม่เข้าใจ ต้องโทรไปถามฝ่ายบริการลูกค้าของบริษัท แถมต้องชาร์จบ่อย ผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องความจำจะทำอย่างไร แต่ถึงจะจำได้ก็ชาร์จยากอยู่ดี ซ้ำร้ายบางรุ่นสัญญาณจะขาดหายเวลาที่ผู้ใช้งานอยู่บนยานพาหนะ เช่น รถเมล์ รถไฟ บ้างก็ไม่ส่งเสียงเตือนเมื่อผู้สวมใส่อยู่นอกเขตที่โปรแกรมไว้ สรุปว่าผู้ผลิตต้องปรับปรุงด่วน อุปกรณ์เหล่านี้จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกายได้ก็ต่อเมื่อมันทำงานได้จริง Kogan First ทำเนียนเก็บค่าสมาชิก         การซื้อของออนไลน์ เหมือนการเดินฝ่าดงกับระเบิด หูตาต้องไว บางครั้งอาจไม่ใช่การกด “เลือก” แต่เราต้องมีสติและกด “ไม่เลือก” ไม่เช่นนั้นอาจถูกหักเงินในบัญชีบัตรเครดิตโดยไม่รู้ตัว         ผู้ที่ซื้อของกับร้านออนไลน์ของ Kogan หรือ Dick Smith จะเห็นตัวเลือก “ฟรีช้อปปิ้ง” ที่หน้าเช็คเอาท์ มีเครื่องหมายเหมือนถูกกดเลือกไว้แล้ว พวกเขาก็เข้าใจไปว่ามันฟรีตามนั้น แต่มองไม่เห็นตัวหนังสือเล็กๆ ที่แจ้งข้อความทำนองว่า “คุณได้สมัครเป็นสมาชิกเพื่อทดลองใช้บริการของเรา และสามารถใช้ได้ฟรีเป็นเวลาสองสัปดาห์ หากพ้นกำหนดแล้วคุณจะถูกหักเงิน 99 เหรียญ”         CHOICE ทอลองให้ผู้ใช้ 19 คน ลองเข้าไปใช้งานเว็บไซต์ดังกล่าว และพบว่ามีถึง 9 คนที่ “พลาด” สมัครใช้บริการโดยไม่รู้ตัวว่าอีกสองอาทิตย์จะถูกหักเงิน         ปัจจุบันออสเตรเลียยังไม่มีกฎหมายที่จะสกัดพฤติกรรมแบบนี้ของผู้ประกอบการ ในขณะที่ยุโรป อเมริกาและสิงคโปร์มีแล้ว   Xbox Mini Fridge ตู้เย็นอะไร แช่แล้วไม่เย็น         เครื่องใช้ไฟฟ้านี้เป็นผลงานที่ Microsoft กับ Ukonic ร่วมกันพัฒนาเพื่อตอบโต้เรื่องล้อเลียนบนอินเทอร์เน็ตที่บอกว่าเกมคอนโซล Xbox Series X หน้าตาเหมือนตู้เย็นไม่มีผิด         ไหนๆ ถูกล้อแล้วก็ทำตู้เย็นไปเลย แต่ปัญหาคือมันแช่แล้วไม่เย็นนี่สิ         การทดสอบของ CHOICE ในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิ 32 องศา พบว่าตู้นี้ใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมงกว่าจะทำให้เครื่องดื่มบรรจุกระป๋อง 8 กระป๋อง มีอุณหภูมิ 21 องศา (น้ำเปิดจากก๊อกยังเย็นกว่า) แถมยังกินไฟมากด้วย ถ้าเสียบปลั๊กไว้ทั้งวันทั้งคืนจะกินไฟประมาณ 376 kWh ต่อปี ไม่ต่างกับตู้เย็นขนาด 500 ลิตร ที่ทำความเย็นได้จริงๆ เลย เสียชื่อไมโครซอฟท์ที่เป็นผู้นำด้านการลดการใช้พลังงานของวิดีโอเกม         CHOICE สรุปว่ามันไม่ใช่ตู้เย็น มันเป็นแค่ตู้เก็บความเย็นที่มีความจุ 10 ลิตร เราต้องนำของไปแช่ในตู้เย็นจริงๆ ก่อนแล้วค่อยเอามาใส่ แถมยังแช่เครื่องดื่มได้น้อยกว่าที่ออกแบบและโฆษณาไว้ เพราะกระป๋องเครื่องดื่มในออสเตรเลียมีขนาดใหญ่กว่าในอเมริกา เลยใส่ได้แค่ 8 กระป๋อง แทนที่จะเป็น 12

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 235 อย่าซื้ออุปกรณ์จัดฟันเถื่อน

        จัดฟันถ้าไม่ได้ทำด้วยทันตแพทย์จะมีความเสี่ยงสูง ผู้บริโภคพึงระวัง แต่เพราะช่องทางการค้าขายวัสดุอุปกรณ์การทำฟันหรือจัดฟันแฟชั่นนั้นเข้าถึงง่าย จึงมีหลายคนอยากทดลอง รายนี้ร้องเรียนเข้ามาเพราะสินค้าและบริการขายมีปัญหา (ถือว่าโชคดีที่ยังไม่ถึงขั้นสุขภาพฟันเสียหาย) เรามาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น        คุณพลอยเห็นเพจจัดฟันแฟชั่น ชื่อ เพจโกดัง Cute smile ฟันสวย มีคนติดตามเกือบแสนคน จึงสั่งซื้อรีเทนเนอร์จากเพจดังกล่าว เมื่อโอนเงินไปแล้ว ได้รับผงสำหรับพิมพ์ฟันส่งมาเพื่อให้ลูกค้าพิมพ์ฟันแล้วส่งกลับไป       ครั้งแรก “ก็ทำตามคลิปวิดีโอแล้วทุกอย่าง” แต่ไม่สำเร็จ คุณพลอยเลยต้องสั่งใหม่อีกรอบ ซึ่งครั้งนี้ตนเองคิดว่าโอเคแล้ว แต่พอส่งไปทางเพจบอกว่า ไม่ผ่าน เลยวิตกว่าตนเองต้องทำพิมพ์ฟันอีกกี่ครั้งกันถึงจะผ่าน เลยแจ้งทางเพจว่า “ขอเงินคืนนะคะ” เพราะทำแล้วไม่ผ่านทั้งที่ทำตามคู่มือทุกอย่างแล้ว        แต่งานนี้เพจบอกว่า ไม่มีกฎการคืนเงิน คุณพลอยจึงปรึกษามาว่าทำอย่างไรดี แนวทางการแก้ไขปัญหา        ลักษณะการขายสินค้าของทางเพจนั้นผิดกฎหมาย ศูนย์ฯ จึงทำหนังสือแจ้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อให้จัดการเพจดังกล่าวตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 1/2561  เรื่องห้ามขายสินค้าอุปกรณ์จัดฟันแฟชั่น อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562  มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 600,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมสำเนาหนังสือร้องเรียนถึงทันตแพทยสภา       ต่อมาได้รับแจ้งว่า เพจดังกล่าวเป็นเพจที่มีถิ่นฐานอยู่นอกราชอาญาจักรไทย แต่แอดมินหรือเจ้าของเพจนั้น คือนายวีระยุทธ กลิ่นหอม (คนที่คุณพลอยโอนเงินสั่งซื้อสินค้า) เขาเป็นผู้ต้องหาพร้อมนายอนุพล เชื้อโชติ ที่ร่วมกันผลิตลวดและอุปกรณ์ดัดฟันแฟชั่น ซึ่งขณะนี้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว           ข่าว บุกจับ แหล่งผลิตเหล็กดัดฟันแฟชั่นเถื่อน        https://mgronline.com/local/detail/9620000087583

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 231 ทำสัญญายอมในคดีแพ่งจะมีข้อตกลงยกเว้นให้สิทธิดำเนินคดีอาญาได้ จริงหรือไม่

ช่วงนี้เรายังอยู่กับสถานการณ์โรคโควิด 19 ซึ่งเป็นโรคติดต่อร้ายแรง แม้ว่าจะเริ่มเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อค่อยๆ ลดลง แต่เราก็ยังต้องระมัดระวัง เน้นอยู่บ้าน ถ้าออกไปไหนก็ควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกันทุกครั้งนะครับ  ในฉบับนี้ผมก็อยากจะพูดถึงกฎหมายในเรื่องการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ เพราะหลายท่านคงเคยได้ยินมาบ้างว่า เวลาเราตกลงกันได้เพื่อให้เรื่องยุติและมีหลักฐาน เราก็จะทำสัญญายอมกัน แต่ทราบหรือไม่ว่าผลของการทำสัญญายอม กฎหมายจะถือตามสัญญาที่เกิดขึ้นและมีผลให้หนี้เดิมที่เคยโต้แย้งกันระงับไปด้วยผลของสัญญายอมนะครับ อย่างเช่นในคดีตัวอย่างที่จะยกมาพูดถึงกันในวันนี้         เรื่องมีอยู่ว่า จำเลยจ่ายหนี้ค่าซื้อเครื่องยนต์และอุปกรณ์รถยนต์เป็นเช็ค ต่อมาเช็คเด้งทำให้ขึ้นเงินไม่ได้ โจทก์ก็เอาเรื่องมาฟ้องศาลทั้งคดีแพ่งและอาญา ต่อมาในคดีแพ่ง โจทก์กับจำเลยเขาตกลงกันได้ ก็ทำสัญญายอมกันไว้ และในสัญญายอมมีข้อตกลงว่า สัญญายอมไม่ผูกพันคดีอาญา คือโจทก์ยังมีสิทธิดำเนินคดีอาญาได้ ศาลฎีกาก็มองว่า เมื่อทำสัญญายอมกันแล้ว ทำให้หนี้ตามเช็คที่พิพาทกันหมดไป และต้องรับผิดกันตามสัญญายอมที่เกิดขึ้น มีผลให้คดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 สิทธินําคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปด้วย ดังนั้นการทำข้อตกลงที่ให้คดีอาญายังมีอยู่ ก็เป็นการขัดต่อกฎหมายดังกล่าว จึงไม่มีผลใช้บังคับ และข้อตกลงนี้สามารถแยกออกต่างหากได้จากข้อตกลงอื่นในสัญญายอม จึงไม่ทำให้สัญญายอมโมฆะทั้งหมด ยังมีผลใช้บังคับได้ คําพิพากษาศาลฎีกาที่ 2788/2562         มูลหนี้ซื้อเครื่องยนต์และอุปกรณ์รถยนต์ซึ่งจําเลยที่ 2 ชําระหนี้ด้วยเช็คพิพาท ถูกโจทก์ นําไปฟ้องเป็นคดีแพ่ง ซึ่งต่อมาโจทก์และจําเลยที่ 2 ได้ทําสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ในคดีแพ่งดังกล่าวและศาลพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้ว ผลของสัญญาประนีประนอมยอมความ ย่อมทําให้สิทธิของโจทก์ที่จะเรียกร้องให้จําเลยที่ 2 ชําระเงินตามมูลหนี้ค่าซื้อเครื่องยนต์และอุปกรณ์ รถยนต์จากการออกเช็คพิพาทเป็นอันระงับสิ้นไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 โจทก์คงมีสิทธิเรียกร้องให้จําเลยที่ 2 ชําระหนี้แก่ตนตามสัญญาประนีประนอม ยอมความเท่านั้น แม้จําเลยที่ 2 จะไม่ชําระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ก็ไม่มีสิทธิ เรียกร้องให้จําเลยที่ 2 รับผิดในมูลหนี้ตามเช็คพิพาทได้อีก จึงต้องถือว่าหนี้ค่าซื้อเครื่องยนต์และ อุปกรณ์รถยนต์ที่จําเลยที่ 2 ออกเช็คพิพาทเพื่อใช้เงินนั้น เป็นอันสิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลในคดีนี้ มีคําพิพากษาถึงที่สุด คดีจึงเป็นอันเลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 สิทธินําคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 ส่วนที่ในสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 1 ระบุไว้ว่า การทําสัญญาประนีประนอมยอมความนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาที่วินิจฉัยอยู่นี้ เป็นทํานองยกเว้น มิให้ถือว่าคดีอาญาเลิกกันด้วยก็ตาม แต่ข้อตกลงดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ขัดต่อบทบัญญัติแห่ง กฎหมายโดยชัดแจ้งจึงตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 ซึ่งข้อตกลง ดังกล่าวสามารถแยกออกต่างหากจากข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความในข้ออื่นได้ จึงไม่ทําให้สัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งตกเป็นโมฆะทั้งหมด ทั้งนี้ ตามมาตรา 173 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์         จากตัวอย่างคดีนี้ ก็ทำให้เราได้เรียนรู้นะครับว่า ในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความใดๆ ก็ตาม แม้คู่สัญญาจะมีเสรีภาพในการทำสัญญา แต่ก็ต้องวางอยู่บนหลักกฎหมายด้วย ดังนั้นเราต้องตรวจสอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วยก่อนทำสัญญา หากไปกำหนดข้อตกลงใดๆ ก็ตาม ที่มีกฎหมายบัญญัติไว้แล้วและมีข้อตกลงนั้นขัดต่อกฎหมาย ก็จะไม่มีผลใช้บังคับเหมือนในคดีนี้ 

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 230 กระแสต่างแดน

ปิดช้าไป        สมาคมผู้บริโภคแห่งออสเตรีย VSV เปิดเผยว่าผู้ใช้บริการสกีรีสอร์ตในแคว้นไทโรล (อาณาเขตติดต่อกับอิตาลีและเยอรมนี) ประมาณ 400 คนกำลังเตรียมฟ้องหน่วยงานรัฐที่ดูแลแคว้นดังกล่าว ที่ไม่สั่งปิดบาร์ในรีสอร์ตแห่งหนึ่งโดยทันที หลังพบพนักงานติดเชื้อไวรัสโคโรนาในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์         สมาคมฯ กำลังรวบรวมคำให้การของพยานเพื่อการฟ้องคดีแบบกลุ่ม พวกเขามองว่าการสั่งปิดบาร์ ซึ่งเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวลำดับต้นๆ ล่าช้าออกไปสองสัปดาห์ เป็นเพราะความประมาทและห่วงผลประโยชน์ทางธุรกิจ         และนั่นนำไปสู่การติดเชื้อของผู้คนหลายร้อยคนจากออสเตรีย เยอรมนี อังกฤษ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก และแคนาดา          ประชากร 750,000 คนในแคว้นดังกล่าวจึงถูกกักกันตัวจนถึงวันที่ 6 เมษายน ขณะนี้ออสเตรียมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 15,000 คน และมีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 500 คน  ทำไงดีไม่มีแฟกซ์        เมื่อญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินและขอให้คนทำงานจากบ้าน ก็เกิดการรวมตัวกันของผู้คนที่ร้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทันที         ประชากรในประเทศที่มีหุ่นยนต์ช่วยงานและแกดเจ็ตล้ำๆ กลับไม่พร้อมสำหรับการทำงานที่บ้าน เพราะสิ่งนี้ไม่เคยอยู่ในวิธีคิดของพวกเขา         ขณะที่วิถีตะวันตกแบ่งแยกภาระงานชัดเจน พนักงานจึงสามารถแยกย้ายกันไปทำได้ แต่เจแปนสไตล์นั้นคาดหวังให้ทุกคนมารวมตัวเป็นทีมที่สำนักงาน จึงไม่จำเป็นต้องมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่บ้าน แล้วไหนจะความจำเป็นต้องใช้แฟกซ์ และตราประทับส่วนตัวในเอกสารต่างๆ อีก         การสำรวจโดย YouGov พบว่ามีเพียงร้อยละ 18 ของมนุษย์เงินเดือนญี่ปุ่นเท่านั้น ที่พร้อมทำงานที่บ้าน บริษัทที่ทำได้คือค่ายใหญ่ๆ อย่างโตโยต้าและโซนี่ ที่เหลืออีกร้อยละ 70 ซึ่งเป็นบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กยังต้องเครียดกับการปรับตัวต่อไป  ไม่ลดก็ไม่ซื้อ        จีนตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขของประเทศลงให้ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50         ในการประมูลยาเข้าระบบสาธารณสุขปีนี้ รัฐบาลจึงกำหนดเพดานราคายาต่ำลงกว่าเดิมเกือบเท่าตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งยา 33 ชนิดที่ใช้กันมากในประเทศ         บริษัทยาข้ามชาติที่เคยทำกำไรได้มหาศาลจากตลาดจีนจึงต้องลดราคาเพื่อให้สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตในท้องถิ่นได้ เช่น ไบเออร์ ต้องลดราคายารักษาโรคเบาหวานลงร้อยละ 80 หรือไฟเซอร์ที่ต้องลดราคายาลิปิเตอร์ที่ใช้ในผู้ที่มีความดันสูงลงร้อยละ 74 เช่นกัน        รัฐบาลหวังว่าการ “กดราคา” จะทำให้ยาสิทธิบัตรเหล่านี้ถูกแทนที่ด้วยยาชื่อสามัญที่จีนสามารถผลิตเองในประเทศได้อย่างแพร่หลายตั้งแต่ปี 2018          จีนต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านยาเพื่อนำเงินไปทุ่มเทให้กับการวิจัยและพัฒนาวิธีการรักษาใหม่ๆ ตกที่นั่งลำบาก        กลุ่มอุตสาหกรรมการบินในยุโรปยื่นจดหมายให้ความเห็นกับคณะกรรมาธิการยุโรปว่า มาตรการเว้นระยะห่างเพื่อลดการติดเชื้อในห้องโดยสารเครื่องบินเป็นสิ่งที่ “ไม่จำเป็น และทำไม่ได้จริง”         สิ่งที่สายการบินอย่าง แอร์ฟรานซ์ เคแอลเอ็ม และลุฟทันซา ต้องการคืออุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลสำหรับผู้โดยสาร เช่น หน้ากากอนามัย และยังบอกอีกว่ารัฐบาลแต่ละประเทศควรเป็นผู้รับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเป็นธุระจัดหาและจ้างงานบุคลากรผู้เชี่ยวชาญการมาตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่อง         ซีอีโอของไรอันแอร์ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าจะเว้นระยะห่างระหว่างกันในเครื่องบินให้ได้ 2 เมตร เราจะต้องนั่งห่างกันถึง 7 ที่นั่ง ซึ่งถ้าทำอย่างนั้น บินเท่าไรก็ไม่พ้นภาวะขาดทุน         รอติดตามแนวปฏิบัติสำหรับสายการบินโดยคณะกรรมาธิการยุโรปได้ กลางเดือนพฤษภาคมนี้ เบื่อสะสม        เมื่อต้องกักตัวอยู่ในบ้านนานๆ หลายคนก็เริ่มหันมาทำกับข้าว ทำงานบ้าน งานฝีมือ ช้อปออนไลน์  เต้นติ๊กต่อก ฯลฯ แต่ทั้งหมดนี้ยังสู้วิธีรับมือกับความเบื่อของคนจีนไม่ได้        ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงพีคของการระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีน ยอดการใช้แอป “So Young” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับผู้นิยมการทำศัลยกรรมความงาม เติบโตขึ้นถึงร้อยละ 134 และมีคนที่ “เบื่อหน้าตัวเอง” เข้ามาปรึกษาผ่านวิดีโอคอลถึง 40,000 ราย        ข้อมูลจากแอปโซยัง ซึ่งเป็นตัวกลางระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการศัลยกรรมความงาม ยังระบุว่า ฟังก์ชัน “บิวตี้ไดอารี” ที่เปิดให้ผู้ใช้เข้ามาบันทึกประสบการณ์การทำศัลยกรรมและการฟื้นตัวนั้นมีผู้ใช้มากขึ้น จนขณะนี้มีให้เปิดอ่านถึง 3.5 ล้านเล่ม

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 199 มาตรการเพื่อลดความเสี่ยงจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากอุปกรณ์การสื่อสาร

การใช้มือถือ สมาร์ตโฟน และแทบเบล็ต ซึ่งเป็นอุปกรณ์การสื่อสารของผู้คนในยุคนี้ แม้จะทำให้มีความสะดวกสบาย และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสังคมก็ตาม แต่ประเด็นเรื่องความเสี่ยงต่อสุขภาพก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ และยังหาข้อสรุปทางวิชาการไม่ได้ ในฐานะผู้บริโภคที่มีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์การสื่อสาร จึงควรมีมาตรการในการลดอัตราการรับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า(Specific Adsorption Rate: SAR) เพื่อป้องกันตัวตัวเองจากความเสี่ยงดังกล่าวตรวจสอบค่า SAR จากอุปกรณ์การสื่อสารของเราตามข้อแนะนำจากอียู ควรเลือกซื้อเลือกใช้อุปกรณ์สื่อสารที่มีค่า SAR ไม่เกิน 2 วัตต์ต่อกิโลกรัม (น้ำหนักตัวมนุษย์) กรณีของหน่วยงานภาครัฐเยอรมนีที่กำกับดูแลเรื่องนี้ คือ Bundesamt fÜr Strahlenschutz (The federal office for radiation protection) ได้เผยแพร่ฐานข้อมูลให้กับประชาชนทั่วไป ได้ทราบถึงค่า SAR ของ อุปกรณ์สื่อสารกว่า 2800 รุ่น ซึ่งเราสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ตามเว็บไซต์ นี้ http://www.bfs.de/SiteGlobals/Forms/Suche/BfS/EN/SARsuche_Formular.htmlนอกจากนี้ มีเพียงมือถือเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น ที่ได้รับผลิตภัณฑ์ฉลากฟ้า (Blauer Engel) ที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะมีค่า SAR ต่ำมาก (ยี่ห้อ Fairphone 2)ใช้และพกพาอุปกรณ์สื่อสารเท่าที่จำเป็นหลักการนี้คือ ระยะห่างระหว่างอุปกรณ์สื่อสารและร่างกายมนุษย์ยิ่งห่างยิ่งมีความเสี่ยงน้อย ถ้าเพิ่มระยะห่างเป็น 2 เท่า อัตราการดูดซับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะลดลงถึง 4 เท่า ดังนั้น ไม่ควรพกพาอุปกรณ์การสื่อสารไว้ในห้องนอน และการใช้งานอุปกรณ์การสื่อสาร ก็ใช้เท่าที่จำเป็น และควรใช้อุปกรณ์สื่อสารบริเวณที่มีสัญญาณดี เพราะจะส่งคลื่นออกมาน้อยกว่าบริเวณที่สัญญาณไม่ดีมาตรการการเฝ้าระวังเป็นเรื่องจำเป็นรูปแสดงผลการวัดค่า SAR ของโทรศัพท์มือถือรุ่นต่างๆ ในปี 2008 ของ องค์กรภาคประชาสังคม เยอรมนี Stiftungwarentestนอกเหนือจากการทำงานด้านเฝ้าระวังของภาครัฐแล้ว ในประเด็นการเฝ้าระวังผลกระทบจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากอุปการณ์สื่อสารของภาคประชาสังคมก็เป็นเรื่องที่จำเป็น กรณีของเยอรมนีที่บทบาทของภาคประชาสังคมที่มีความเข้มแข็งทั้งทางด้านการเมือง ทางวิชาการ และการได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐ ได้ตรวจติดตาม การปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของอุปกรณ์การสื่อสารเป็นระยะๆ ตัวอย่างคือ การแสดงผลของค่า SAR ที่ได้จากการทดสอบทั้งการทดสอบที่ออกแบบขึ้นเอง ในปี 2008 ภายใต้การดูแลของนักวิชาการ ได้ทำให้ข้อกังวลของประชาชนในเรื่องนี้ ลดลงไป แต่อย่างไรก็ตามนักวิชาการทางด้านสุขภาพ และภาคประชาสังคม ก็ติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิดและสื่อสารกับสังคมอย่างสม่ำเสมอ(แหล่งข้อมูล: วารสาร Test ฉบับที่ 8/2017)

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 170 Security suite 2015

อัพเดทกันอีกครั้งกับโปรแกรมรักษาความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของคุณ เมื่อเราเลือกใช้ชีวิตในแบบที่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่อกับเครือข่ายออนไลน์มากขึ้น ความเสี่ยงต่อการติดไวรัสหรือถูกขโมยข้อมูลส่วนตัวจึงมีมากขึ้น นอกจากนั้นเรายังมีอุปกรณ์หลากหลายทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ้ค แทบเล็ต และสมาร์ทโฟน หลายคนจึงต้องการความมั่นใจว่าการทำงานหรือการใช้ชีวิตจะไม่สะดุด ด้วยการใช้โปรแกรมรักษาความปลอดภัย คราวนี้องค์กรทดสอบระหว่างประเทศ ICRT (International Consumer Research & Testing) ได้ทดสอบโปรแกรมดังกล่าว 18 โปรแกรม* (แบบเสียเงินซื้อ 15 โปรแกรม และแบบดาวน์โหลดฟรี 3 โปรแกรม) ซึ่งการทดสอบครั้งนี้เป็นการวัดประสิทธิภาพในการป้องกันมัลแวร์ ประสิทธิภาพของไฟร์วอลล์ ความสะดวกในการใช้งาน และการใช้หน่วยความจำในตัวเครื่อง โดยให้น้ำหนักในแต่ละหัวข้อร้อยละ 60 15 15 และ 10 ตามลำดับ นอกจากนี้ยังดูเรื่องความสามารถในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลด้วย (แต่ไม่นำคะแนนจากหัวข้อนี้มาเฉลี่ยในคะแนนรวม) ติดตามคะแนนด้านต่างๆ ได้ในหน้าถัดไป ผลการทดสอบยืนยันอีกครั้งว่ายังไม่มีโปรแกรมที่สามารถให้ความคุ้มกันได้เต็มร้อย รปภ.คนสำคัญที่สุดยังต้องเป็นตัวเราเองที่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งยวดเวลาที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต และอ่านเงื่อนไขต่างๆเสมอก่อนที่จะใส่ข้อมูลสำคัญส่วนตัว หรือคลิ๊ก “ตกลง” ปลงใจไปกับหน้าจอใดๆ   *คอมพิวเตอร์ที่ทดสอบโปรแกรมเหล่านี้ ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 8.1                

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 88 อุปกรณ์หูฟังบลูทูธ ตอบรับความต้องการ “โทรไม่ถือ”

ถึงวันนี้ทุกคนคงทราบกันแล้วว่ากฏหมายห้ามไม่ให้ใช้มือหรือใช้คอไปถือมือถือ ขณะที่กำลังขับรถ ใครยังจำเป็นต้องโทรอยู่แต่ไม่อยากโดนจับก็อย่าลืมหาอุปกรณ์ดังกล่าวมาพกติดตัวไว้ ฉลาดซื้อเล่มนี้ขอถือโอกาสนำเสนอผลทดสอบมาให้ได้ใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อ ตามงบประมานที่สะดวกใจ สบายกระเป๋า (อันนี้ก็แล้วแต่ขนาดกระเป๋าของแต่ละคน)ผลทดสอบครั้งนี้เราได้จากการทดสอบที่องค์กรเพื่อผู้บริโภคของประเทศในยุโรปและอเมริกาได้ทำไว้ ในช่วงปลายปี 2550 (ชาวฉลาดซื้อคงจำกันได้ว่าเราเป็นสมาชิกขององค์กรทดสอบระหว่างประเทศหรือ ICRT ที่มีการทดสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อยู่อย่างสม่ำเสมอ) อุปกรณ์บลูทูธทุกรุ่นที่นำมาทดสอบมีฟังก์ชั่นโทรออกได้ด้วยเสียง และมีปุ่มปรับความดังของเสียงที่ตัวอุปกรณ์ (ยกเว้น Sony-Ericsson HBH-IV835 และ Nokia BH-100)  และสามารถเรียกซ้ำหมายเลขล่าสุดที่โทรออกได้ (ยกเว้น Sony-Ericsson HBH-PV 705 และ Logitech Mobile Freedom)ทุกตัวมีระยะรับสัญญาณบลูทูธ 10 เมตร ยกเว้น Sony-Ericsson HBH-IV835 และ Sony-Ericsson HBH-PV702 ที่รับสัญญานได้ 5 เมตร อุปกรณ์ที่นำทำมาทดสอบส่วนใหญ่ผลิตในประเทศจีน ยกเว้น Plantronics ที่ผลิตในประเทศเม็กซิโก และ LG และ SUMSUMG ที่ผลิตในเกาหลี  **หมายเหตุ:  ก่อนตัดสินใจซื้ออย่าลืมตรวจสอบราคาอีกครั้ง พร้อมกับหาโอกาสทดลองใส่ดูว่ารู้สึกสบายหรือไม่ พร้อมทั้งตรวจสอบให้ดีว่าอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถใช้ร่วมกับมือถือที่คุณมีอยู่หรือไม่  --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ทำไมต้องฟันสีน้ำเงิน??อุปกรณ์บลูทูธนั้นหลายคนรู้จักกันอยู่แล้วเป็นเทคโนโลยีในการเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์สองชนิด ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์กับมือถือ หรือหูฟังกับมือถือเป็นต้น แต่มันเกี่ยวอะไรกับบลูทูธ หรือ ฟันสีน้ำเงินด้วย เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อปี  1994 บริษัทสัญชาติสวีดิช ที่มีนามว่าอิริคสัน โมบาย คอมมูนิเคชั่น เขาได้ริเริ่มศึกษาความเป็นไปได้ในการนำเอาคลื่นวิทยุกำลังต่ำมาสร้างการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์  และต่อมาในปี 1998 ก็มีบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีก 4 แห่ง (ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็แบรนด์ใกล้ๆตัวคุณอย่าง โนเกีย ไอบีเอ็ม โตชิบา และอินเทล)  เข้ามาร่วมด้วย จนถึงทุกวันนี้เทคโนโลยีดังกล่าวถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์สื่อสารแบรนด์ต่างๆมากมาย  เมื่อสามารถสร้างมาตรฐานในการสื่อสารแบบไร้สายขึ้นมาได้ บริษัทอิริคสัน ก็ตั้งชื่อเจ้าสิ่งนี้ว่าบลูทูธ เพื่อเป็นเกียรติแก่กษัตริย์ไวกิ้งนาม Harald Bluetooth กษัตริย์พระองค์นี้เป็นที่รู้กันดีในหมู่ชาวสแกนดิเนเวียว่าเป็นผู้ผนวกดินแดนระหว่างเดนมาร์กกับนอร์เวย์ และนำคริสศาสนามาเผยแพร่ให้ผู้คนในดินแดนสแกนดิเนเวียนทั้งหมดคำว่า Bluetooth นั้นบางตำนานก็ว่าเป็นเพราะพระองค์โปรดปรานบลูเบอรี่เป็นพิเศษ เสวยบ่อยมากจนฟันดูเป็นสีนำเงินตลอดเวลา แต่บ้างก็ว่าคำนี้เพี้ยนมาจาก  Blatand ในภาษาแดนิช ที่แปลว่า ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีผิวสีคล้ำ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หูฟังแบบโมโน

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า150 Point

ฉบับที่ 141 ชุดอุปกรณ์นั่งๆ นอนๆ ทับเงินทับทอง

ชุดอุปกรณ์มหัศจรรย์เสียเงินเสียทองแห่งชาติชุดนี้ พบจากบ้านผู้ป่วยรายหนึ่งในอำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ผู้ป่วยรายนี้หมดเงินไปแสนกว่าบาท กว่าจะได้อุปกรณ์ชุดนี้มารนั่งๆ นอนๆ ทับมัน ผู้ป่วยเล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกตนได้ไปสมัครเป็นสมาชิกของศูนย์สุขภาพสุขภาพวีเก็น  ซึ่งอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง หลังจากสมัครสมาชิกแล้ว ตนก็ได้สิทธิเข้าไปใช้บริการกับอุปกรณ์เหล่านี้ หลังจากรับบริการไป 2-3 ครั้ง ทางศูนย์ฯ ก็จะแนะนำให้ตนซื้ออุปกรณ์ดังกล่าว ไว้ใช้ที่บ้านจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมามารอคิวรับบริการ อุปกรณ์ที่ผู้ป่วยรายนี้ซื้อมามี 2 – 3 ชิ้น ราคาแสนกว่าบาท อุปกรณ์ชิ้นแรก เรียกว่าเก้าอี้แร่ ราคาประมาณ 20,000 กว่าบาท ลักษณะจะคล้ายๆ เก้าอี้นั่ง  มีรูปตรงกลาง ขนาดประมาณฝ่ามือ ทำงานโดยใช้ไฟฟ้าพอเสียบปลั๊กเก้าอี้ก็จะเริ่มสั่น พร้อมทั้งมีไอร้อนพวยพุ่งออกมาสัมผัสกับก้นน้อยๆ ของผู้นั่ง สามารถปรับระดับอุณหภูมิที่ความร้อนจะสัมผัสก้นได้ถึง 5 ระดับ ตามความทนทานของก้น (ฮา)   ผู้ขายบอกว่าอย่าตกใจ  มันคือไอของแร่ธาตุที่กำลังพวยพุ่งออกมาเพื่อรักษาอาการป่วย (เหมือนรังสีเฮ้ากวงทะลวงก้นชอบกล) นอกจากนี้สามารถปรับระดับความแรงของการสั่นได้ 3  ระดับและตั้งเวลาได้ 3 ช่วงตั้งแต่ 10  -  20  หรือ 30 นาที   ผู้ป่วยรายนี้บอกว่าเมื่อตนนั่งครั้งแรกรู้สึกเวียนศีรษะมาก เพราะเก้าอี้จะสั่นตลอดเวลาและเมื่อนั่งไปสักพักก็จะเริ่มรู้สึกร้อนก้น  ผู้ขายอธิบายว่า การที่เครื่องสั่น มันจะสะเทือนไปถึงเลือดในเส้นเลือดของผู้นั่งไปด้วย เสมือนเป็นการฟอกเลือด  นอกจากนี้ยังสามารถรักษาได้ทั้ง เบาหวาน  ความดันโลหิตสูง ริดสีดวงทวารหนัก  (อ้างว่าไอร้อนของแร่จะทำให้หัวของริดสีดวงแห้งและฝ่อไป) รักษาต่อมลูกหมากโต ป้องกันการเป็นมะเร็งปากมดลูก  แก้ปวด แนะนำให้นั่งนานมากที่สุดไม่เกิน 30 นาทีต่อครั้ง อุปกรณ์ชิ้นที่สองคือเตียงนวด ราคาประมาณ 103,000 บาท (ขอย้ำอีกครั้งว่าว่าแสนกว่าบาท)  เป็นเตียงต่อกับไฟฟ้า โฆษณาว่ารักษาอาการปวดหลัง ปวดเอว หมอนรองกระดูกทับเส้น และอุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายคือ แผ่นประคบแร่ธาตุ โฆษณาว่าคลายเส้น แก้ปวด ราคา 30,000 บาท ดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจะอนุญาตให้โฆษณาอย่างนี้ ใครเจอก็แจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาไปตรวจสอบให้หายสั่นซะทีนะครับ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 171 ประสิทธิภาพเครื่องปั่นและเครื่องบดไฟฟ้า

เครื่องปั่นอาหาร หรือเบลนเดอร์ เป็นอุปกรณ์เครื่องครัวที่จำเป็นพอสมควร เพราะเป็นเครื่องทุ่นแรงชั้นดีของคุณแม่บ้าน พ่อบ้านที่ชมชอบการทำอาหาร  ด้วยความสามารถในการปั่นอาหารให้เป็นชิ้นเล็กละเอียด แทนการสับด้วยมีด ซึ่งต้องออกแรงมาก และใช้ทำน้ำผลไม้ปั่น (ปั่นรวมกับน้ำแข็ง) หรือสมูทตี้ได้อีกด้วย             ในตลาดบ้านเราก็มีผลิตภัณฑ์เครื่องปั่น เครื่องบดไฟฟ้า อยู่หลายยี่ห้อ ฉลาดซื้อจึงเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จำนวน 9 ตัวอย่าง ซึ่งเลือกซื้อจากห้างสรรพสินค้าและห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ส่งให้เครือข่ายนักวิชาการเพื่อผู้บริโภค ได้ทดสอบในเรื่องประสิทธิภาพ การปั่นและการบด จากผลการทดสอบมีรุ่นที่แนะนำอยู่สองตัว ติดตามได้ในหน้าถัดไป                         ฉลาดซื้อแนะ 1.      เครื่องปั่น Philips รุ่น HR 2115 และ 7 Otto รุ่น BE-126 ได้คะแนนการทดสอบรวม เกินครึ่ง คือ 12 คะแนน และ 11 คะแนนตามลำดับ (จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน) 2.      จากการทดสอบการใช้งานของเครื่องปั่นและเครื่องบด สามารถสรุปได้ว่า เครื่องปั่นที่ผ่านการทดสอบ ทุกการทดสอบ คือ Otto รุ่น BE-126 เป็นเครื่องปั่นอเนกประสงค์ที่สามารถปั่นและบดได้ 3.      ในการปั่นน้ำผลไม้ ที่ต้องใช้น้ำแข็งก้อน แนะนำเครื่องปั่น Philips รุ่น HR 2115 4.      ในการใช้เครื่องปั่นและเครื่องบด นั้น โดยทั่วไป ในการปั่นผักผลไม้ และการบดเนื้อ ผู้บริโภคสามารถตัดหรือ ซอย ผัก ผลไม้ และเนื้อให้มีขนาดเล็กลงได้ ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการปั่นหรือบด เพิ่มขึ้น แน่นอนว่า ก็เป็นภาระที่ยุ่งยาก และเพิ่มขึ้นอีกด้วยเช่นกัน ยิ่งกำลังไฟฟ้า มีขนาดเล็กเท่าไหร่ ผู้บริโภคก็มีภาระในการ ตัดและ ซอย ให้มีขนาดเล็กลง เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ได้ความละเอียดในการปั่นและบดเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับ เครื่องปั่นที่มีกำลังไฟฟ้าสูงกว่า แต่อย่างไร ก็ตามจากผลการทดสอบจะเห็นว่า เครื่องปั่นที่มีกำลังสูงสุดในการทดสอบครั้งนี้ ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ประกันว่า ความสามารถในการปั่นและการบด จะสูงขึ้นตามกำลังไฟฟ้าที่ระบุไว้   ข้อสังเกต ผลการทดสอบปั่นน้ำแข็ง Philips รุ่น HR 2115 สามารถปั่นน้ำแข็งก้อน ได้ละเอียดมากที่สุด(คะแนน ดีมาก) รองลงมาคือ Electrolux รุ่น CRUZO Serie EBR 2601 SHARP รุ่น EM-ICE POWER และ Panasonic รุ่น  MX-900 M สามารถปั่นน้ำแข็งก้อน ได้ละเอียดมาก(คะแนน ดี) ส่วน Otto รุ่น BE-126 และ Tefal  รุ่น BL 233 สามารถปั่นน้ำแข็งก้อน ได้(คะแนน ผ่านการทดสอบ) สำหรับ HW รุ่น CH1  และ Tefal  รุ่น BL 3001 ไม่สามารถปั่นก้อนน้ำแข็งให้ละเอียดได้เลย และเป็นที่น่าสังเกตว่า กำลังไฟฟ้าของเครื่องปั่น HW รุ่น CH1  ที่มีกำลังสูงสุด คือ 750 วัตต์ ตามที่ระบุไว้นั้น ไม่ได้มีผลต่อความสามารถในการปั่นน้ำแข็ง เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องปั่นที่มีกำลังไฟฟ้าต่ำกว่า และหากพิจารณาถึงความดังของเครื่องปั่น ในการปั่นน้ำแข็ง จะเห็นว่า Philips AJ SHARP และ Panasonic   มีเสียงดังเกินกว่า 90 เดซิเบล ซึ่งเป็นระดับความดังที่ค่อนข้างสูง   ข้อสังเกต ผลการทดสอบปั่นแครอท การทดสอบนี้ ไม่มีเครื่องปั่นหมายเลขใดเลยที่สามารถปั่นแครอท ให้หมดชิ้นได้ ซึ่งคณะผู้ทดสอบจึงให้คะแนนเพียงแค่ผ่านการทดสอบหรือไม่ผ่านการทดสอบ เท่านั้น เครื่องปั่นที่ผ่านการทดสอบได้แก่ Philips รุ่น HR 2115  Electrolux รุ่น CRUZO Serie EBR 2601 HW รุ่น CH1   และ  Otto รุ่น BE-126 (คะแนนผ่านการทดสอบ) นอกนั้นไม่ผ่านการทดสอบ   ข้อสังเกต ผลการทดสอบปั่นสับปะรด เครื่องปั่น SHARP รุ่น EM-ICE POWER   Panasonic  รุ่น  MX-900 M และ  Tefal  รุ่น BL 233 สามารถปั่นได้ละเอียดมากที่สุด (คะแนน ดีมาก) เครื่องปั่น HW รุ่น CH1  และ  Otto รุ่น BE-126 สามารถปั่นได้ละเอียดพอสมควร (คะแนน ผ่านการทดสอบ) ส่วนเครื่องปั่นที่เหลือ ไม่สามารถปั่นได้เลย ชิ้นงานสับปะรดติดคาใบมีด (ดูรูปที่ 1 ประกอบ)   ข้อสังเกต ผลการทดสอบบดหนังหมู เครื่องบด Philips รุ่น HR 2115 AJ รุ่น BL 001 HW รุ่น CH1  และ Otto รุ่น BE-126 สามารถบดได้ละเอียดมากที่สุด (คะแนน ดีมาก) ส่วนเครื่องบดรุ่นที่เหลือ ไม่สามารถบดได้ละเอียดซึ่งจะเห็นชิ้นของหนังหมู คงอยู่เป็นชิ้นใหญ่ (คะแนน ไม่ผ่าน)

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 116 พัดลม วัดกันไปใครแรงกว่า

พัดลมเป็นอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคที่มีใช้กันมานาน แทบจะมีอยู่ประจำบ้านทุกครัวเรือนในเมืองไทย หลายๆ คนอาจคิดว่าพัดลมคงไม่มีอะไรให้ต้องคำนึงถึงมากเหมือนกับสินค้าประเภทอื่นในการเลือกซื้อ หลักการทำงานของพัดลมก็ไม่ซับซ้อน มันจะทำงานเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลเข้าสู่มอเตอร์พัดลม และเมื่อเรากดปุ่มเลือกให้ใบพัดลมหมุนเร็วขึ้น ความแรงของลมก็จะมากขึ้นตามที่ต้องการได้โดยใบพัดจะดูดอากาศจากบริเวณด้านหลังของตัวใบพัด แล้วปล่อยออกสู่ด้านหน้านั่นเอง  อย่างไรก็ตาม จากการที่ฉลาดซื้อร่วมกับเครือข่ายนักวิชาการเพื่อผู้บริโภค ได้ทำการทดสอบพัดลม ขนาด 16 นิ้ว ทั้งแบบตั้งโต๊ะและแบบตั้งพื้น (ชนิดที่สามารถปรับระดับคอได้) ที่ราคาตั้งแต่ 400 บาท ถึง 1,100 บาท นั้น เราพบว่ามีความแตกต่างกันอยู่พอสมควรมีตั้งแต่ระดับที่เราประเมินว่าเหมาะกับระดับ 5 ดาว ไปจนถึงรุ่นที่เรากล้ำกลืนให้ได้เพียง 1 ดาว เลยทีเดียว   รายละเอียดของแต่ละรุ่นที่เราทดสอบเป็นอย่างไร ติดตามได้ในหน้าถัดไป  เราทดสอบอะไร • ประสิทธิภาพแรงลม  ได้จากการคำนวณค่าความเร็วลมเทียบกับการกินไฟ เช่น พัดลมที่มีความเร็วลมสูงมากและกินไฟมากย่อมมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าพัดลมที่มีความเร็วลมต่ำแต่กินไฟมาก • การทรงตัวของพัดลม การทรงตัวเมื่อมีแรงกระแทก พิจารณาจากแรงกระแทกที่หน้าพัดลม ทดสอบโดยการตั้งพัดลมไว้กึ่งกลางคาน แล้วผูกเชือกติดกับคาน ปลายเชือกอีกด้านผูกกับลูกบอล โดยให้ความยาวเชือกยาวเท่ากับลูกบอลอยู่กึ่งกลางหน้าพัดลม จากนั้นจับลูกบอลตั้งฉาก 90 องศา จากแนวดิ่ง เชือกตึง แล้วปล่อยด้วยแรงที่เท่ากันให้ไปกระแทกกับพัดลม • ปุ่มควบคุมการหมุนส่าย / ปุ่มปรับระดับความแรง  ประเมินจากสภาพของปุ่มหลังผ่านการทดสอบโดยการกด 500 ครั้ง • ฐานพัดลม   พิจารณาจากความเหมาะในการถ่วงน้ำหนักของตัวพัดลมไม่ให้ล้มง่าย • ฝาครอบใบพัด  พิจารณาจากความแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ทำ ตัวล็อค และความยากง่ายในการถอดเพื่อทำความสะอาด ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------                   ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- มอเตอร์พัดลมมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นส่วนต้นกำลังในการเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานกล และเป็นมอเตอร์เหนี่ยวนำเฟสเดียวใช้กับไฟบ้านขนาดแรงดัน 220 โวลต์ มีตัวเก็บประจุต่อร่วมเพื่อช่วยทำให้มอเตอร์หมุนในตอนเปิดเครื่อง USEFUL TIP!มอเตอร์เหนี่ยวนำเฟสเดียวเป็นมอเตอร์ประสิทธิภาพต่ำ(แต่ราคาถูก) ดังนั้นเราจึงควรปิดพัดลมทุกครั้งที่ไม่ได้ใช้งาน จะช่วยประหยัดค่าไฟได้แถมยังเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานของพัดลมด้วย ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- วิธีการเลือกซื้อพัดลม - เลือกขนาดของพัดลมให้เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่ใช้สอย ตำแหน่งของการติดตั้ง และการไหลเวียนของอากาศ - เลือกรุ่นที่มีเอกสารมาตรฐานประหยัดไฟเบอร์ 5 และ ฉลาก มอก. และถ้าผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 ก็จะช่วยให้ประหยัดไฟได้อย่างมากในระยะยาว และมีอายุการใช้งานนานอีกด้วย - อย่าลืมพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้ o ดูน้ำหนักของตัวพัดลมo โครงสร้างโดยเฉพาะช่วงคอพัดลมo ชนิดของเนื้อพลาสติกที่ใช้และความแข็งของเนื้อพลาสติกจากการสัมผัสo ลักษณะและขนาดของสายไฟ รวมทั้งปลั๊กไฟฟ้า หรือมีระบบตัดไฟอัตโนมัติในกรณีที่พัดลมไม่หมุนเมื่อมีการจ่ายกระแสไฟฟ้า - พัดลมที่บรรจุอยู่ในกล่อง ควรมีการแกะออกและทำการทดสอบก่อนตัดสินใจซื้อ เนื่องจากโครงสร้างของ พัดลมนั้นค่อนข้างเปราะบาง อาจเกิดกรณีสินค้าชำรุดเสียหายซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างการขนส่งได้ และไม่สามารถสังเกตได้จากภายนอกของบรรจุภัณฑ์   ดูแลรักษาพัดลมของคุณ พัดลมจัดว่าเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่มีความซับซ้อนมากนัก การดูแลรักษาจึงไม่มีความยุ่งยากสามารถใช้หลักการพื้นฐานในการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไปได้ 1. ศึกษาคู่มือการใช้งานอย่างละเอียด ทำความเข้าใจถึงหลักการทำงานของพัดลม 2. อย่าเสียบปลั๊กทิ้งไว้ โดยเฉพาะพัดลมที่มีระบบรีโมทคอนโทรล เพราะจะมีกระแสไฟฟ้าไหลเข้าอยู่ตลอดเวลา 3. สังเกตอุณหภูมิของตัวพัดลมโดยเฉพาะบริเวณมอเตอร์หากมีการใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน หากมอเตอร์มีความร้อนมากเกินไปเป็นเวลานาน ตัวมอเตอร์นั้นเสื่อมสภาพได้ ควรให้ปิดพักบ้าง เพราะสาเหตุส่วนใหญ่ที่พัดลมเสียนั้นเกิดจากมอเตอร์เสีย 4. หลีกเลี่ยงการตั้งพัดลมในบริเวณที่อาจมีการกระทบกระทั่งกับสิ่งอื่นได้ง่าย เนื่องจากรูปทรงพัดลมแบบใช้ใบพัดนั้น จุดศูนย์ถ่วงนั้นอยู่ค่อนข้างสูง น้ำหนักเบาและเปราะบาง ล้มง่าย 5. หลีกเลี่ยงการตั้งพัดลมในที่ๆ มีความร้อนสูงหรือกลางแจ้งเนื่องจากโครงสร้างพัดลมบางชนิดจะมีพลาสติกเป็นส่วนประกอบหลัก 6. ถอดใบพัดและตะแกรงออกมาทำความสะอาดเป็นระยะๆ เพื่อช่วยให้ประหยัดพลังงานได้ดีขึ้น  

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 168 Fitness Band อุปกรณ์วัดความฟิต

เป็นเรื่องน่ายินดีเสมอถ้าใครสักคนจะลุกขึ้นมาออกกำลังกายสร้างความฟิตให้กับตัวเอง และวันนี้เรามีผู้ช่วยที่ทำให้เราสามารถดูแลตัวเองได้ด้วยอุปกรณ์ที่บอกได้ว่าวันนี้เราเดินหรือวิ่งเป็นระยะทางเท่าไร ใช้พลังงานไปแค่ไหน พักผ่อนเพียงพอหรือไม่ เพียงแค่เราป้อนข้อมูลพื้นฐานบางอย่างเช่น อายุ เพศ ส่วนสูง หรือน้ำหนัก ลงไป ฉลาดซื้อ ฉบับนี้ขอนำเสนอผลการทดสอบฟิตเนสแบนด์ ที่องค์กรทดสอบระหว่างประเทศ ICRT ได้ทำไว้ทั้งหมด 15 รุ่น สนนราคาประมาณ 2,800 ถึง 6,600 บาท  อุปกรณ์นี้ทำงานด้วยโปรแกรมที่ทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการ iOS 6 หรือสูงกว่า / แอนดรอยด์ 4.3 หรือสูงกว่า (ยกเว้น Withings Pulse O2 ที่ใช้กับแอนดรอยด์ 2.3.3) และสามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ได้ ข้อสำคัญคือผู้ใช้ต้องไม่ลืมถ่ายข้อมูลเข้าโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์บ่อยๆ เพราะอุปกรณ์นี้มีข้อจำกัดเรื่องหน่วยความจำ รุ่นที่เก็บข้อมูลได้นานที่สุดในการทดสอบนี้ก็เก็บได้ไม่เกิน 30 วัน ส่วนด้านพลังงานนั้นอุปกรณ์ส่วนใหญ่ใช้แบตเตอรี่ชนิดที่สามารถชาร์จใหม่ได้ ขณะที่บางรุ่นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ทุก 6 เดือนหรือ 1 ปี ในภาพรวมแล้วอุปกรณ์นี้ ทั้งแบบที่มีและไม่มีหน้าจอแสดงผล สามารถตอบโจทย์ของคนรักสุขภาพได้ดีพอใช้ ทุกรุ่นกันน้ำได้เพราะต้องสัมผัสกับเหงื่อ และบางรุ่นก็สามารถใส่เล่นกีฬาทางน้ำได้ด้วย เราพบว่าฟิตเนสแบนด์ที่เราทดสอบมีความแม่นยำในการนับก้าว การคำนวณระยะทางและแคลอรีที่ใช้ไปได้ในระดับพอใช้ถึงดีมาก นอกจากนี้โดยเฉลี่ยแล้วคะแนนด้านความรู้สึกสบายเวลาสวมใส่ ความสวยงามของรูปลักษณ์ภายนอกและความทนทาน ก็อยู่ในระดับดีเช่นกัน ... ติดตามผลคะแนนของแต่ละรุ่นได้ในหน้าถัดไป   ก่อนซื้ออย่าลืมตรวจสอบราคาอีกครั้ง และเพื่อความแน่ใจกรุณาสอบถามผู้ขายว่าระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์นี้กับระบบในโทรศัพท์มือถือของคุณสามารถทำงานร่วมกันได้หรือไม่                

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 167 ตะหลิวไนลอน

ตะหลิว เป็นอุปกรณ์คู่ครัวที่ขาดไม่ได้ เพราะต้องใช้กับงานผัด งานทอด ซึ่งวัสดุที่นิยมใช้ทำตะหลิว ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าไร้สนิม อะลูมิเนียม ซึ่งทนความร้อน แต่ตะหลิวพวกนี้มีความคม เนื่องจากการขึ้นรูปที่ต้องการความบาง แบน  เหตุนี้ตะหลิวเหล็กจึงไม่เหมาะกับกระทะสมัยใหม่ ที่เรียกว่า กระทะเทฟลอน หรือกระทะเคลือบเทฟลอน เพราะหากความคมของตะหลิวไปขูดเอาตัวเคลือบออก อันตรายจากการปนเปื้อนสารเคมีที่เป็นพิษก็ตามมา กระทะเคลือบเทฟลอนจึงระบุห้ามใช้กับตะหลิวที่มีความคม ทำให้เกิดตะหลิวที่ทำจากพลาสติกทนความร้อน บางทีก็เรียกตะหลิวไฟเบอร์ ตะหลิวไนลอน หรือตะหลิวที่ทำจากไม้ขึ้น เพื่อให้เหมาะกับการใช้กระทะเคลือบเทฟลอน ปัญหาก็ตามมาอีกว่า ตะหลิวพวกนี้ ใช้งานได้จริงหรือไม่ ไม่เป็นอันตรายจริงหรือในเมื่อทำมาจากพลาสติก ซึ่งรู้กันอยู่ไม่ควรใช้กับความร้อนสูงๆ  ความจริงก็คือ ตะหลิวพวกนี้ใช้งานได้จริง แต่ต้องเลือกวัสดุที่ถูกต้องและใช้ให้เหมาะสม เพราะถึงเป็นพลาสติกทนความร้อน(ไนลอน) แต่หากใช้งานไม่ถูกต้องก็เกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะกรณีที่เผลอติดนิสัยเดิมๆ วางตะหลิวไว้ในกระทะร้อนๆ ซึ่งห้ามเด็ดขาดหากเลือกใช้ตะหลิวไนลอน อีกอย่างหนึ่งควรพิจารณาเรื่องสำคัญคือ ตะหลิวนั้นทำมาจากไนลอน จริงหรือไม่ และจำเป็นต้องซื้อของแพงหรือเปล่า เพราะคนส่วนใหญ่เชื่อว่าตะหลิวราคาถูกๆ อาจไม่ใช่พลาสติกชนิดทนความร้อนจริง ซึ่งเรื่องแบบนี้ต้องพิสูจน์ การพิสูจน์ครั้งนี้ ฉลาดซื้อได้เลือกซื้อตะหลิวพลาสติกที่วางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป ทั้งหมด 11 ยี่ห้อ แล้วนำส่งให้เครือข่ายนักวิชาการเพื่อผู้บริโภคทำการทดสอบ ใน 4 ประเด็นคือ 1. ผลิตภัณฑ์ที่ทำการทดสอบเป็นพลาสติก ประเภทไนลอน หรือไม่ และเป็น ไนลอนประเภทใด 2. ความแข็งของวัสดุที่ใช้ทำตะหลิวมีค่าเป็นอย่างไร 3. จุดหลอมเหลวของตะหลิวแต่ละยี่ห้อเป็นเท่าใด และ 4. ชิ้นงานทนความร้อนที่อุณหภูมิ 200 °C ในเตาอบ และในน้ำมันได้หรือไม่ ข้อแนะนำ 1.ผู้บริโภคควรตรวจสอบตะหลิวว่าใช้วัสดุพลาสติกประเภทใดในการผลิต โดยดูจากฉลากสินค้า 2.ห้ามทิ้งหรือวางตะหลิวแช่ไว้บนภาชนะที่มีความร้อนสูงๆ เช่น ในน้ำมันที่ใช้ทอดอาหาร เป็นเวลานานๆ และควรหลีกเลี่ยงการใช้พลาสติก ในการทำอาหารที่ต้องใช้ความร้อนสูง 3.ไม่ควรนำตะหลิวแช่หรือสัมผัสกรดหรือเกลือหรือด่างเข้มข้น เช่น น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำส้มสายชู 4.ห้ามใช้กับเตาไมโครเวฟ 5.หลังการใช้งานควรทำความสะอาดทันที  ไม่ควรใช้ฝอยเหล็กขัดทำความสะอาด ควรใช้ฟองน้ำและผึ่งให้แห้งทุกครั้ง ข้อแตกต่างระหว่างไนลอน 6,6 และ ไนลอน 6 ไนลอนจัดเป็นพลาสติกในกลุ่ม semi crystalline เริ่มมีการสังเคราะห์ตั้งแต่ปี 1930 ไนลอนเป็นชื่อทางการค้า ชื่อดั้งเดิมทางวิทยาศาสตร์ คือ โพลีอาไมด์ (Polyamide: PA) ไนลอนมีหลายประเภท แต่ที่นิยมในการสังเคราะห์วัสดุ คือ ไนลอน 6,6 และ ไนลอน 6  ไนลอน 6,6 มีลักษณะความเป็นผลึกมากกว่า ส่งผลให้จุดหลอมเหลวสูงกว่า และมีความแข็ง และความต้านทานการสึกหรอดีกว่า ไนลอน 6 ผลการทดสอบ 1. การทดสอบเพื่อตรวจดูว่าเป็นพลาสติก ประเภทไนลอนประเภทไหน ในการทดสอบจะใช้เทคนิค FTIR และ DSC โดยการทดสอบได้รับการอนุเคราะห์จาก ภาควิชาวิทยาการและวิศวกรรมวัสดุ คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เพื่อบอกประเภทวัสดุพลาสติก เชิงคุณภาพว่าเป็นพลาสติกชนิดใด ขั้นตอนการทดสอบ การทดสอบหาโครงสร้างทางเคมีด้วยวิธีการ FTIR การทดสอบหาอุณหภูมิหลอมเหลวด้วย DSC การทดสอบการละลาย กราฟของ FTIR ของทุกตัวอย่างจะมีลักษณะดังภาพที่ 1  ซึ่งสอดคล้องกับโครงสร้างทางเคมีของ Nylon แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็น Nylon ชนิดใด ภาพที่ 1 FTIR spectrum ของตัวอย่าง เมื่อนำวัสดุของตะหลิวแต่ละยี่ห้อ มาหาช่วงอุณหภูมิหลอมเหลว (melting temperature) จะได้ผลดังตารางที่ 1 ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าอ้างอิงจากตารางที่ 2 จะพบว่า ตะหลิวยี่ห้อ Tesco, FACKELMANN (แฟคเคลมาน) และ Galaxy (นกเพนกวิน) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ไนลอน 6 ในการผลิต ตะหลิวยี่ห้ออื่น ใช้วัสดุพลาสติก ประเภท Nylon 6,6 แม้ว่าลักษณะทางกายภาพจะดูคล้ายกันแต่ถ้าผู้บริโภคซื้อผลิตภัณฑ์ที่ทำจาก Nylon 6 ก็จะทำให้ใช้งานได้ในช่วงความร้อนที่ต่ำกว่าและเสียรูปได้ง่ายกว่า ตารางสรุปผลการทดสอบคุณสมบัติทางกายภาพและวัสดุที่ใช้ทำตะหลิว   2 ผลทดสอบการวัดความแข็ง โดยทดสอบตามมาตรฐาน ASTM D2240 ใช้หัวกดชนิดกรวยมุมแหลม และใช้แรงกดขนาด 5 kgf การทดสอบค่าความแข็งได้นับการอนุเคราะห์จาก ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องมือและวัสดุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยวัดค่าความแข็งของ พลาสติกจำนวน 3 จุดแล้วหาค่าความแข็งเฉลี่ย โดยผลทดสอบของตะหลิวยี่ห้อ Tesco, FACKELMANN (แฟคเคลมาน) และ Galaxy (นกเพนกวิน) มีความแข็งต่ำกว่ายี่ห้ออื่น ซึ่งสอดคล้องกับ ผลการทดสอบที่ 1 เนื่องจากสมบัติความแข็งของไนลอนประเภท 6 จะมีค่าความแข็งโดยเฉลี่ยต่ำกว่า ไนลอน ประเภท 6,6 3 ผลการทดสอบการทนทานความร้อน ที่อุณหภูมิ 200 °C การทดสอบนี้ นำตะหลิว ไปวางในเตาอบอุณหภูมิ 200 °C ผลการทดสอบ พบว่า ชิ้นงานทุกชิ้นมีการเสียรูป และเริ่มมีการหลอมละลายของพลาสติก เมื่อเวลาผ่านไป 5 นาที ดังรูปที่ 1 รูปที่ 1 การเสียรูป ที่ตะหลิว หลังจาก ทิ้งไว้ในเตาอบ อุณหภูมิ 200 °C นาน 5 นาที   4 ผลการทดสอบการทนทานความร้อน ในน้ำมันพืช อุณหภูมิ 200 °C การทดสอบนี้ ตะหลิวทุกยี่ห้อ มีการเสียรูป และหลอมละลายในน้ำมัน เมื่อเวลา ผ่านไป 5 ชั่วโมง ดังรูปที่ 2 รูปที่ 2 การเสียรูป ที่ตะหลิว หลังจาก ทิ้งไว้ในน้ำมันพืช อุณหภูมิ 200 °C นาน 5 ชั่วโมง

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point