ฉบับที่ 158 เมี่ยงสร้างภาพกับเมี่ยงมักง่าย

เมื่อแม่เป็นโรคไตเสื่อม และมีข้อจำกัดในการเลือกกินชนิดอาหารมากขึ้น  การนั่งคิดว่าแต่ละมื้อของวันจะกินอะไรจึงกลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้นและน่าเบื่อมากขึ้นทุกที   บางคราว  แทบจะนึกไม่ออกเลยว่า ผักไม่กี่ชนิดที่กินได้ จะนำไปปรุงอะไรได้อีกให้แตกต่างไปจากมื้อที่แล้วและมื้อก่อนๆ แต่ถ้าวันไหนฉันเกิดคึกคัก  อยากทำอะไรแปลกๆ กินขึ้นมาจริงๆ ก็มีเหตุต้องให้หยุดกึก ติดกัก กับเวลา ที่จะว่าไปแล้วแทบจะไม่มีเหลือพอมาให้นั่งพิรี้พิไร การทำอาหารที่ต้องใช้เวลาเตรียมนาน หรือมีหลายขั้นตอน แต่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดได้เป็นอย่างดีไม่เหมาะกับช่วงเวลาที่ต้องรีบเร่งจัดการงานที่มีอยู่หลายหน้าตรงหน้าให้เสร็จสิ้นไปได้ง่ายๆ  ยิ่งนึกถึงหน้าคนรอรับชิ้นงานที่กำชับว่า “ต้องเสร็จให้ทันเวลา” แต่ว่าฉันยังต้องลงมือทำทั้งที่เลยเส้นตายไปหลายวันแล้ว  แทบพาลไม่อยากจะทำหรือกินอะไรที่ต้องใช้เวลามากๆ กันเลยทีเดียว  แค่ นม ขนม ผลไม้ มื้อเช้า แล้วข้ามยาวไปตอนบ่ายอีกทีนี่เหมาะสุดๆ กับวิกฤตการณ์ของฉันในช่วงนี้   จนกระทั่งเมื่องานชิ้นนั้นเสร็จไป  ฉันจึงกลับมา “ว่างชั่วคราว” และหาอะไรทำกินเล่น อยากที่ชอบได้อีกที เมี่ยงแสนอร่อย เครื่องปรุง แผ่นแป้งเมี่ยงเวียดนาม 20 แผ่น ,  กะหล่ำปลี แกะเป็นกาบใบ 8 – 10 กาบ , เห็ดโคนญี่ปุ่นหั่นชิ้น  1 ขีด , ถั่วงอก  1 ขยุ้มมือ  , แครอท หั่นเต๋าเล็กๆ  2 ช้อนโต๊ะ  , หอมหัวใหญ่หั่นเต๋า  2 ช้อนโต๊ะ ,  หมูสับ  1 ขีด , น้ำปลา,  กระเทียมจีน 1 กลีบ , พริกไทยเม็ด 5 – 10 เม็ด ,  รากผักชี 2 – 3 ราก , แป้งมัน 1 ช้อนชา  ,  แป้งหมี่ 1 ช้อนชา เครื่องปรุงน้ำเมี่ยง 1.งาขาวคั่วและบุบ  1ถ้วย ,  มะขามเปียก 2 ฝัก  , น้ำตาลปึก 1 ก้อน , เกลือเล็กน้อย   วิธีทำที่ 1  (สร้างภาพ) 1.เตรียมหมูนึ่ง โดยโขลกพริกไทยเม็ดกับรากผักชีและกระเทียมให้แหลก   จึงนำมาผสมกับหมูสับ  เติมแป้งทั้ง 2 ชนิด และน้ำปลาเล็กน้อย เคล้าให้เข้ากัน นำไปนึ่ง  โดยแยกคนละชั้นกับ ผักกะหล่ำ เห็ดโคนญี่ปุ่น แครอท หอมหัวใหญ่  นึ่งสัก 10 นาทีแล้วยกลง 2.เตรียมน้ำเมี่ยง  ขยำมะขามเปียกกับน้ำ แล้วกรองเอาแต่เนื้อไปเคี่ยวไฟ ใส่น้ำตาลปึก และเกลือ  ชิมรสออกเปรี้ยวหวานนำ เคี่ยวจนเหนียวแล้วดับเตาไฟ  เทน้ำเมี่ยงลงถ้วย ใส่งาคั่วบุบลงไป 3.ห่อเมี่ยง กรีดส่วนโคนที่แข็งของใบกะหล่ำปลีนึ่งทิ้งไป  แผ่ใบกะหล่ำปลีแล้วนำ เห็ดโคน แครอท หอมใหญ่ และหมูสับ อย่างละนิดละหน่อยตามที่ชอบมาใส่ลงกลางใบกะหล่ำปลี แล้วม้วนให้แน่น 4.ใช้แผ่นเมี่ยงเวียดนามชุบน้ำจนนิ่มแล้วห่อทบกะหล่ำปลีที่ม้วนเมื่อกี้อีกที 5.ตัดเมี่ยงเป็นคำๆ เสิร์ฟสวยๆ กับน้ำจิ้ม   เมี่ยงตามสูตรในล้อมกรอบ จานนี้สำหรับเสริฟสวยๆ ให้กับแม่  ที่ฉันเลือกจะลดปริมาณหอมหัวใหญ่และแครอทลงจากที่ฉันเสิร์ฟให้กับตัวเอง เพราะพืชหัวทั้งหลายที่ว่านั่นมีโปแตสเซียมสูง  แต่นั่นแหละเพื่อความเคยชินและความสวยงามของคนกิน ฉันจึงใส่ให้แม่จะได้ไม่รู้สึกว่า “อะไรก็กินไม่ได้” ไปเสียหมด ส่วนที่ฉันนั่งกินคู่ไปกับแม่  เครื่องปรุงและส่วนผสมเหมือนอย่างที่จัดคำเรียงให้แม่แต่มีพริกสดหั่นเป็นข้อๆ เพิ่มมาอีก 1 อย่าง   ส่วนการกินนั้นเน้นความอร่อยทันใจ ไวทันต้องการ และไม่ต้องสร้างภาพให้วุ่นวาย ก่อนเสิร์ฟให้ตัวเอง ฉันเอาใบกะหล่ำปลีนึ่งที่เหลือมาซอยหยาบๆ แล้วเรียงเครื่องปรุงคำโตๆให้ครบเครื่อง  หยอดน้ำจิ้ม แล้วลำเลียงเข้าปากไปอย่างเต็มอิ่มเต็มคำ  นั่งกินกับแม่นี่ไม่มีกระมิดกระเมี้ยนสักนิดเดียว วิธีปรุงที่ง่ายกว่านี้ที่เคยทำกินเองก่อนหน้าก็มี  (วิธีทำที่ 2 มักง่าย) คือใช้ผัดเครื่องปรุงเมี่ยงให้สุกแทนการนึ่ง  ใช้น้ำมันตั้งกระทะแล้วเจียวน้ำมันให้หอมด้วยหอมหัวใหญ่  ตามด้วยหมูสับที่ใส่พริกไทยรากผักชีไว้แต่แรก พอหมูสุก เห็ดโคนญี่ปุ่น แครอท ถั่วฝักงอกก็มาตามคิว ปรุงรสด้วยซีอิ๊วนิดหน่อย  ผัดให้แห้งไม่ต้องเติมน้ำ แล้วใช้แผ่นเมี่ยงชุบน้ำนิ่มแล้วห่อเครื่องปรุงที่ผัดเสร็จแล้วอีกที เสิร์ฟคู่กับน้ำเมี่ยง ซึ่งถ้าใครชอบถั่วลิสงคั่วบุบก็ใส่แทนงาคั่วบุบได้เช่นกัน เลือกกันเองได้เลยค่ะว่าชอบกินและมีเวลาเหมาะกับการเตรียมเมี่ยงแบบไหน   // Computer Support Hotline We have noticed your Internet browser loaded www.chaladsue.com 18.92 seconds longer than the average. Have you been experiencing slow internet and broken websites? You may have unwanted adware. Call our toll-free number to get friendly support and make your computer fast again. Get Trusted Technical Support Experts For:   Malacious Program Removal Virus Removal Adware Removal   Call 1-855-970-2100

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 143 บุฟเฟต์จากข้าว : เมี่ยงกรอบ

  ก่อนปีใหม่ 2 สัปดาห์ฉันเพิ่งเจอกับเพื่อนสาวชาวนาเช่าเจ้าเก่าที่เธอมีอีกอาชีพคือแม่ค้าขายผักในตลาดนัด  ทำให้ฉันได้มีโอกาส up date สถานการณ์ ด้านการผลิตของเธอไปพร้อมๆ กับการจับจ่ายของในตลาดไปด้วย “น้ำในทุ่งลดลงเร็วเหลือแค่เอวแล้ว  ว่าจะวิดน้ำออกแล้วปลูกข้าว ก็กลัวจะไม่มีน้ำอีก”  เธอว่าสั้นๆ พลางส่ายหน้า โดยปกติแล้ว ทุ่งนาที่เธอเช่าทำนานั้นมักได้เริ่มต้นปั่นนาและทำเทือกเพื่อเตรียมหว่านข้าวแบบนาน้ำตมในช่วงหลังปีใหม่ เป็นนาปรังเที่ยวแรก   แต่ความกังวลของเธอก็คือข่าวภาวะน้ำจะแล้ง  น้ำในเขื่อนจะมีไม่เพียงพอ และทำให้ทำนาไม่ได้ตามที่ต้องการ  หรือทำนาได้แค่ปีละเที่ยวเดียวเท่านั้นจากที่เคยทำนาปี ละ 2 หน เมื่อภาวะแล้งมาเยือน  ประสบการณ์เดิมๆ ของเพื่อนนชาวนายังตามหลอนและสร้างความกังวลจนเธอต้องคิดหาทางเลือกอื่นๆ เพื่อให้ยังคงทำนาได้ปีละ 2 หนตามที่ต้องการ   แต่การเร่งวิดน้ำออกจากนาเพื่อเตรียมหว่านไถ  แล้วใช้วิธีการวิดน้ำเข้าไปอีกอย่างน้อยอีกประมาณ  3 – 4 เที่ยว เป็นช่วงๆ ใน ทุกๆ  7 – 10 วัน  เพื่อหล่อเลี้ยงข้าวให้เติบโต   ที่ต้องเสียทั้งเวลาและค่าน้ำมันทำให้เธอเอาโดยคร่าวๆ แล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าว่าไม่คุ้ม   ผิดกับที่ใครหลายคนที่ไม่เคยมาสัมผัส คลุกคลี อยู่กับปัญหาของเธอที่คาดการณ์เอาอย่างง่ายๆ ว่า ราคาข้าวที่ถูกยกระดับขึ้นมาถึงตันละ 15,000 บาท นั้น จะทำให้ชาวนาอย่างเธอตาโตและหาช่องโกยกำไรโดยปลูกข้าวระยะสั้นมาขายเข้าโครงการ!! สำหรับเธอ  แม้จะอยากปลูกข้าวขาย แต่ก็ต้องอาศัยช่องทางอื่นๆ ที่ยังพอเหลืออยู่ และมีเงื่อนไขที่เหมาะสมกับตัวเธอมากกว่า ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น  ”ความยืดหยุ่น”  ที่มีอยู่ในระบบเศรษฐกิจปัจจุบัน  โดยการที่เธอผันตัวเองมาเป็นแม่ค้า  ระดมทุนจากที่ตัวเองมีและร่วมทุนกับเครือญาติเปิดร้านค้าเล็กๆ แล้วเร่ขายไปตามตลาดนัดต่างๆ  ในช่วงที่ว่างจากงานนาราว 4 เดือน   ซึ่งนี่เป็นเพียงแค่ 1 ตัวอย่างที่ทำให้ฉันคลายข้อสงสัยที่เคยมีว่า ทำไมชาวนาภาคกลางซึ่งเป็นกลุ่มชาวนารายย่อยที่ไร้ที่ทำกินมากที่สุด จึงมีการรวมตัวเพื่อต่อสู้เรื่องที่ดินทำกินตัวน้อยที่สุด  เพราะการต่อสู้ในเรื่องนี้ต้องอาศัยพลังการรวมตัว อำนาจการวิเคราะห์ และระยะเวลาอย่างยาวนานในการต่อรองต่างๆ กับรัฐและทุน   ชาวนาที่ไม่มีที่ดิน  มีต้นทุนสำคัญของตัวเองคือเวลา หรือชั่วโมงการทำงานเพื่อสร้างผลิตผล เพื่อให้ได้ค่าตอบแทน(ผลผลิต หรือรายได้จากการค้าขาย)   และในกรณีชาวนารับจ้างทำนา  สิ่งที่ได้รับจากการลงทุนลงแรงในงานคือ ค่าจ้าง(กรณีชาวนารับจ้างทำนา)   ซึ่งถูกคิดคำนวณออกมาเป็นขนาดพื้นที่ของการผลิต  เช่น ค่าฉีดยา - หว่านปุ๋ย ไร่ละ 50 บาท   เมื่อผลผลิตทางการเกษตรมีเพดานราคาขายออกจากไร่นาต่ำ ความหวังที่จะดิ้นรนเพื่อให้พวกเขาอยู่รอดจึงไม่ใช่แค่ลดต้นทุนการผลิต หรือกินอยู่ใช้จ่ายอย่างพอเพียง  อย่างที่แนวคิดของกระบวนการส่งเสริมอินทรีย์พร่ำบอกให้พวกเขาต้องปฏิบัติโดยที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงกลไกตลาด    แต่มันคือความหวังที่จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและลำบากให้น้อยลงโดยการไปให้พ้นจากการทำการเกษตรที่ตกอยู่ภายใต้กลไกการตลาดที่รุมทึ้งเอากับส่วนเกินของผลตอบแทนจากชาวนาและแรงงานภาคการเกษตรไปให้กับฝ่ายพ่อค้า/ตัวกลางอย่างที่เป็นมาในอดีต   อุดมการณ์ชาวนาอินทรีย์อันเรียวแคบ  ที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มชาวนาที่มีที่ดิน ทุน และเวลา มากพอที่จะใช้เทคนิคทางเลือกต่างๆ ซึ่งเพิ่มเวลาในการจัดการมากยิ่งขึ้น  และเข้มงวดกับการควบคุมคุณภาพผลผลิตและผลกระทบต่อระบบนิเวศน์   และขายผลผลิตในระบบตลาด(เดิม) ตามแนวทางการส่งเสริมที่เป็นมา   ในสายตาของชาวนาไร้ที่จึงเป็นการขูดรีดตัวเองมากขึ้น  และเฝ้ารอผลตอบแทนที่เลื่อนออกไป      และหากมองในแง่ของการแข่งขันเชิงเปรียบเทียบกับการทำนาปกติของพวกเขา   การทำนาอินทรีย์ที่ขายในตลาดปกติจึงเป็นการเพิ่มอำนาจการแข่งขันของฝ่ายที่มีทุนมากกว่า  มีอำนาจในการจัดการมากกว่า เข้ามาเบียดขับชาวนาไร้ที่ให้หลุดออกไปจากระบบการทำนาไวยิ่งขึ้น  จากเบียดบังเอาส่วนของผลกำไร(ค่าตอบแทน) ของชาวนา  ที่มีผลต่อการกดค่าแรงของลูกจ้างในนา  โดยราคาข้าวเพดานต่ำกว่าตันละ  10,000 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดที่ชาวนาเคยขายได้ในระบบประกันราคา   เมื่อเครือข่ายชาวนาอินทรีย์อีสานออกมาโวยว่าราคาข้าวที่แพงขึ้นจากโครงการจำนำข้าว ทำให้ชาวนาที่พวกเขาคาดว่าจะเพิ่มเข้ามาเป็นส่วนของขบวนการทำนาอินทรีย์หดหายไป  เพราะราคาข้าวอินทรีย์ยังขายได้ในราคาเดิม(ที่สูงกว่าข้าวทั่วไปเล็กน้อย)  จึงกลายเป็นเรื่องกึ่งชวนหัวให้ขื่นขันกันว่า   ที่ผ่านมานาอินทรีย์และข้าวอินทรีย์นั้นอยู่ได้ในตลาดที่ขูดรีดตัวเองและเพื่อนๆ ชาวนาด้วยกันนั่นเอง   เมี่ยงกรอบ บุฟเฟต์อันนี้เหมาะกับงานปาร์ตี้ปีใหม่  ดัดแปลงมากจากเมนูอาหารเวียดนาม คือแหนมเนือง และหมูห่อชะพลูอันโด่งดัง  โดยเอาแผ่นแป้งข้าวเจ้าที่ใช้สำหรับกินกับแหนมเนืองมาใช้ห่อไส้หมูบดปรุงรสที่คลุกเคล้ากันใบชะพลูซอย   เครื่องปรุง หมูบด (หรือกุ้งบด)  1 ขีด  ,  รากผักชี  3 ราก  , พริกไทยเม็ด 20 เม็ด ,  กระเทียม 10 กลีบ,  เกลือนิดหน่อย,   แผ่นแป้ง 6 แผ่น , ใบชะพลูดซอยละเอียด 20 ใบ, น้ำมันปาล์มสำหรับทอด   วิธีทำ 1.โขลกรากผักชีกับพริกไทยเม็ดและกระเทียมให้ละเอียด  นำไปคลุกกับเกลือและหมูบด จนเข้ากันดีจึงนำใบชะพลูมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน 2.เตรียมแผ่นแป้ง ผ่าแบ่งเป็นแผ่นครึ่งวงกลม แล้วใช้น้ำสะอาดลูบแผ่นแป้งให้ทั่วจนแผ่นแป้งนิ่มลงจึงหยิบเนื้อหมูบดที่ปรุงแล้วมาพันเป็นรูปกรวย   หรือจะใช้วิธีเกลี่ยหมูปรุงรสลงบนแผ่นแป้งทั้งแผ่นแล้วใช้อีกแผ่นประกบก็ได้ 3.ใส่น้ำมันลงกระทะ ตั้งไฟปานกลางจนร้อนดี จึงค่อยนำกรวยแป้งลงไปทอดจนเหลืองกรอบให้ทั่ว ตักขึ้น กินกับน้ำจิ้มทอดมัน  น้ำจิ้มไก่ หรือบ๊วยเจี่ย แนมกับแตงกวา ต้นหอม และใบชะพลู ตามชอบ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point