ฉบับที่ 261 พบเศษเชือกฟางในเมนู “ตำลึงผัดฉ่า”

        เจอกันบ่อยๆ อาหารที่สั่งจากดิลิเวอรี่มีของไม่พึงประสงค์มาอีกแล้วคุณน้ำตาลเข้ามาร้องเรียนกับทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคว่า เธอได้สั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันสีชมพูเจ้าหนึ่งจากร้านย่านสุขุมวิท 34 โดยสั่งเมนู “ตำลึงผัดฉ่า” ซึ่งเป็นเมนูประจำที่เคยสั่งกับทางร้านและในอาหารก็มักจะเจอก้านตำลึงยาวๆ อยู่เป็นประจำซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ครั้งนี้ดันไม่ปกติ         ตอนที่เธอรับประทานเข้าไปแล้วสัมผัสในปากพบกับอะไรแปลกๆ ที่คิดว่าไม่น่าจะใช่ก้านตำลึงแน่ๆ คือมันเคี้ยวไม่แหลกเสียที จึงคายออกจากปากก็พบกับสิ่งแปลกปลอมที่มีลักษณะคล้ายเชือกฟางเส้นบางๆ สีเขียว (เสียด้วย) ขนาดยาวเกือบครึ่งไม้บรรทัด หลังเจอเหตุการณ์ดังกล่าวเธอรีบติดต่อกับทางร้านเพื่อเรียกร้องความรับผิดชอบค่าเสียหายและการชดเชยเยียวยาทันที เพราะรู้สึกว่าถ้า ณ ตอนนั้นไม่เอะใจคายสิ่งแปลกปลอมออกมาแต่กลืนเข้าไปด้วยเข้าใจผิดว่าเป็นก้านตำลึง อาจจะเกิดอันตรายต่อร่างกายหรือติดคอก็เป็นได้            ต่อมาเมื่อได้ติดต่อกับทางร้านอาหารเพื่อขอให้แสดงความรับผิดชอบ ผู้จัดการร้านอาหารดังกล่าวได้ยืนยันที่จะทำเพียงการคืนค่าอาหารและแจก Gift Voucher จำนวน 500 บาทให้เท่านั้น โดยพร้อมสาธยายถึงมาตรฐานวิธีการเด็ดผักของทางร้านให้ผู้ร้องฟังอยู่ตลอดเวลา เมื่อผู้ร้องพยายามชี้แจงถึงความอันตรายของเส้นเชือกว่าหากรับประทานเข้าไปจะเกิดอันตรายอะไรได้บ้าง ทางร้านก็ได้บอกกลับผู้ร้องว่า “คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้งครับ และนี่ก็เป็นเรื่องสุดวิสัย”         น้ำตาลจึงคิดว่าการที่ร้านค้าประกอบอาหารให้ผู้บริโภครับประทานแต่เจอสิ่งแปลกปลอมที่อันตรายต่อผู้บริโภคแบบนี้ โดยที่ร้านอาหารดังกล่าวสามารถป้องกันได้แต่กลับประมาท ผู้ร้องจึงขอยื่นเรื่องให้ทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคช่วยเหลือโดยต้องการเรียกร้องค่าเยียวยาการรับผิดชอบนี้เป็นจำนวนเงินที่ผู้ร้องเห็นว่าเหมาะสม แนวทางการแก้ไขปัญหา         เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้ติดต่อไปยังผู้ร้องเพื่อขอให้ไปลงบันทึกประจำวันไว้กับทางสถานีตำรวจ เพื่อนำไปดำเนินการติดต่อการทางร้านอาหารและนัดไกล่เกลี่ย ต่อมาทางมูลนิธิฯ ได้ติดต่อไปทางร้านอาหารดังกล่าวว่าได้ส่งหนังสือที่ขอเชิญเข้าร่วมการไกล่เกลี่ย ทางร้านอาหารจะเข้าร่วมไหม? ซึ่งก็ได้คำตอบกลับมาว่า ไม่ขอเข้าร่วมการไกล่เกลี่ย เพราะมั่นใจคุณภาพของร้านตนเองและผู้ร้องก็ไม่ได้รับประทานเข้าไปด้วย หากไม่พอใจในอาหารของร้านก็ยินดีคืนเงินให้กับผู้บริโภคตามที่บอกผู้ร้องไปตั้งแต่แรก        เมื่อนำคำตอบของร้านอาหารแจ้งกับผู้ร้อง และสอบถามว่ายังต้องการให้มีการเจรจาอีกหรือไม่ ผู้ร้องเองได้แจ้งว่าตนเองไม่สะดวกที่จะมาแล้ว อีกอย่างตอนนี้ตนเองก็ใจเย็นลงมาก เพราะในขณะเกิดเหตุการณ์นั้นค่อนข้างตกใจและไม่พอใจกับคำตอบของทางร้านอาหารเท่าไร ผู้ร้องจึงขอยุติเรื่องดังกล่าวไม่ขอดำเนินการต่อ พร้อมขอบคุณทางมูลนิธิฯ ที่ช่วยประสานงานให้

อ่านเพิ่มเติม >