ฉบับที่ 208 โซเดียมในเมล็ดทานตะวัน เมล็ดแตงโมและเมล็ดฟักทองอบ

เมื่อสี่สิบปีก่อนอาจไม่มีใครทราบว่าเมล็ดทานตะวันอบแห้งนั้นสามารถทานได้ เมล็ดอบแห้งที่นิยมสมัยก่อนนั้นจะเป็นเมล็ดแตงโมหรือที่เรียกว่า เม็ดก๋วยจี๊ มากกว่า เมล็ดฟักทองก็มีบ้าง ต่อมาเมื่อมีการเพาะปลูกต้นทานตะวันมากขึ้น เพราะเป็นพืชที่สร้างรายได้ที่ดี ด้วยสามารถนำทุกส่วนมาทำประโยชน์ได้เกือบทั้งหมด  โดยเฉพาะการสร้างตลาดเรื่องการบริโภคเมล็ดทานตะวันในลักษณะของอาหารเพื่อสุขภาพ ทั้งน้ำมันสกัด ยอดอ่อนทานตะวัน และเมล็ดอบแห้ง  ปัจจุบันเมล็ดทานตะวันอบแห้ง จึงกลายเป็นของว่างที่ได้รับความนิยมแซงหน้าเมล็ดแตงโมไปเรียบร้อย  เมล็ดทานตะวันอบแห้ง ตามนิยามของมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.739/2548) หมายถึง  ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำเมล็ดทานตะวันดิบที่คัดเมล็ดเสียและลีบออกมาต้มในน้ำเกลือแล้วทำให้แห้ง อาจนำมากะเทาะเปลือกแล้วคัดแยกเมล็ดออกจากเปลือก มาตรฐานทั่วไป คือต้องสะอาด ปราศจากการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ สิ่งสกปรก ขนาดของเมล็ดที่บรรจุในซองหรือบรรจุภัณฑ์ควรมีขนาดใกล้เคียงกันและเป็นเมล็ดสมบูรณ์ เมื่อมองไปบนชั้นวางสินค้าประเภทเมล็ดอบแห้ง เราจะพบเมล็ดทานตะวันอบแห้งหลายยี่ห้อ มีทั้งที่ไม่แกะเปลือกและกะเทาะเปลือกแล้ว ซึ่งฉลาดซื้อได้เก็บตัวอย่างเมล็ดทานตะวันอบแห้งมาจำนวน 12 ผลิตภัณฑ์ และเก็บตัวอย่างเมล็ดแตงโมและเมล็ดฟักทองอีก 7 ผลิตภัณฑ์ รวมทั้งสิ้น 19 ตัวอย่าง ส่งไปทดสอบเพื่อหาสิ่งแปลกปลอม เช่น เส้นผม ดิน ทราย กรวด ชิ้นส่วนหรือสิ่งปฏิกูลจากสัตว์ ว่า มีหรือไม่ (ผลทดสอบจะนำเสนอในฉบับถัดไป) และเปรียบเทียบฉลากจากทุกผลิตภัณฑ์ โดยเลือกที่โซเดียมเป็นหลัก เพราะของว่างชนิดนี้จะได้รสอร่อยกลมกล่อมต้องมีเกลือเป็นตัวชูรส ซึ่งหากกินเล่นกินเพลินไปก็อาจได้รับโซเดียมเพิ่มขึ้นไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นก่อนอร่อยเพลินครั้งต่อไป โปรดดูตารางที่ฉลาดซื้อนำเสนอผลการเปรียบเทียบฉลาก ผลิตภัณฑ์เมล็ดอบแห้งที่มีโซเดียมสูง ได้แก่• เมล็ดทานตะวันอบ ตรา ปาป้าฮัท (ไม่แกะเปลือก)  ปริมาณโซเดียม 250 มก./หน่วยบริโภค 25 กรัม (1000 มก./100 กรัม)• เมล็ดทานตะวัน ตรา ซันสแนคดั๊งค์ (กะเทาะเปลือก) ปริมาณโซเดียม 150 มก./หน่วยบริโภค 25 กรัม(600 มก./100 กรัม)• เมล็ดฟักทอง ตราทองการ์เด้น (กะเทาะเปลือก) ปริมาณโซเดียม 190 มก./หน่วยบริโภค 33 กรัม(575.7 มก./100 กรัม) • เมล็ดแตงโม ตรา M16 (ไม่แกะเปลือก) ปริมาณโซเดียม 105 มก./หน่วยบริโภค 20 กรัม(525 มก./100 กรัม)-------------------------------------------------------------------------คุณค่าทางโภชนาการของเมล็ดทานตะวันอบแห้ง ต่อ 100 กรัม• พลังงาน 584 กิโลแคลอรี 29%• คาร์โบไฮเดรต 20 กรัม 15%• โปรตีน 20.78 กรัม 37%• ไขมัน 51.46 กรัม 172%• ใยอาหาร 8.6 กรัม 23%• วิตามินเอ 50 หน่วยสากล 1.6%• วิตามินบี 1 1.480 มิลลิกรัม 123%• วิตามินบี 2 0.355 มิลลิกรัม 27%• วิตามินบี 3 8.335 มิลลิกรัม 52%• วิตามินบี 5 1.130 มิลลิกรัม 22%• วิตามินบี 6 1.345 มิลลิกรัม 103%• วิตามินบี 9 227 ไมโครกรัม 57%• วิตามินซี 1.4 มิลลิกรัม 2%• วิตามินอี 35.17 มิลลิกรัม 234%• ธาตุแคลเซียม 78 มิลลิกรัม 8%• ธาตุเหล็ก 5.25 มิลลิกรัม 63%• ธาตุแมกนีเซียม 325 มิลลิกรัม 81%• ธาตุแมงกานีส 1.950 มิลลิกรัม 85%• ธาตุฟอสฟอรัส 660 มิลลิกรัม 94%• ธาตุโพแทสเซียม 645 มิลลิกรัม 14%• ธาตุโซเดียม 9 มิลลิกรัม 1%• ธาตุสังกะสี 5.00 มิลลิกรัม 45%• ธาตุทองแดง 1.800 มิลลิกรัม 200%• ธาตุซีลีเนียม 53 ไมโครกรัม 96%% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 159 เห็ดสวรรค์กับแตงโม

หลังจากสำรวจพื้นที่ว่างๆ รอบบ้านราว 1 ไร่  หน้าดินที่เหนียวๆ แข็งๆ  กับระบบน้ำประปาที่ใช้ทั้งอาบ ดื่ม กิน และรดต้นไม้รอบบ้าน ทำให้ฉันตัดใจปลูกพืชผักและไม้ผลผสมผสานเพื่อขาย   กิจกรรมปลูกพืชผักต้นไม้ เอาไว้เป็นความบันเทิงเริงใจ และกิจกรรมผ่อนคลายของคนพอจะมีกินบ้างจากรายได้ทางอื่นที่ไม่ใช่การเกษตร  จะให้ฉันหวังทำการผลิตเต็มพิกัดแบบ  1 ไร่ ได้ 1 แสน นั้นคงจะไกลความสามารถของฉันไปเยอะกว่าฉันจะทุ่มเทแรงกายแรงใจ และเฟ้นหาสารพัดพันธุ์ผักพันธุ์พืชมาปลูกไปพร้อมๆ กับการฟื้นความอุดมสมบูรณ์ของดิน และปรับระบบนิเวศน์เกษตรให้เข้าสู่สมดุลได้ในเวลาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 – 3 ปี  ฉันคงจะได้มาหลายแสนจริงๆ นั่นแหละ  ทั้งแสนสาหัส แสนยากลำบาก แสนตรากตรำ ฯลฯ แต่ถึงอย่างนั้น เลือดนักการเกษตรในตัวฉันที่บ่มเพาะผ่านการเรียนรู้ประสบการณ์ตรงของชาวบ้านมาอย่างยาวนาน มันยัง “อุอั่งคั่งคุ” และยังดั้นด้นกระเสือกกระสนหาทางทำการผลิตที่พอจะทำได้กะเขามั่ง  เอาแบบลงทุนพอได้ งานไม่หนัก แต่เป็นกิจกรรมแบบชิลๆ อย่างเพาะเห็ดขาย  แต่ก่อนจะขาย  ตามประสาชนชั้นกลางทุนน้อยที่ไม่ค่อยกล้าเสี่ยง ฉันขอทำการทดลองเลี้ยงเห็ดแบบประหยัดก่อนละกัน แผ่นกระดานไม้อัดของชั้นเหล็กวางโชว์หนังสือขายอันที่เลิกใช้ถูกรื้อออก   ฉันใช้ตาข่ายพลาสติกขึงให้ตึงเป็นชั้นวางเห็ดที่พร้อมจะเผชิญสายน้ำและความชื้นที่เห็ดภูฐาน เห็ดฮังการี เห็ดโคน และเห็ดเป๋าฮื้อ ชอบ  แล้วใช้ถุงกระสอบข้าวพลาสติกและซาแลน(ผ้าพลาสติกคลุมต้นไม้เพื่อบังแดด) เย็บเป็นมุ้งครอบชั้นเลี้ยงเห็ดที่ตั้งอยู่ใต้ต้นลิ้นจี่ โดยมีต้นมะม่วง ลิ้นจี่ และปาล์ม เป็นหลักยึดสายมุ้งทั้งสี่ได้อย่างแข็งแรง   เท่านี้ก็พอจะให้เห็ด 4 ชนิดจาก 3 แหล่งผลิตที่หาได้ใกล้บ้านที่สุดได้เบ่งบาน – ฉันเริ่มฝัน   หลังจากรดน้ำวันละ 5 เวลา เช้ามืด สาย  บ่าย ค่ำ และ ก่อนนอน นาน 5 - 6 วัน เห็ดชุดแรกก็เริ่มทยอยออกดอกและค่อยๆ โตให้ฉันได้เก็บมาชั่งน้ำหนัก บันทึกผลผลิต และทดลองทำเมนูเห็ดแบบต่างๆ ในบางช่วง  ดอกเห็ดออกกะพร่องกะแพร่งบ้าง ออกดอกหนาแน่นบ้าง เป็นไปตามสภาพของชั้นวางเห็ดที่ไม่เอื้อให้ระบบน้ำและความชื้น และไอร้อนกระจายได้ไม่สม่ำเสมอทั่วกันทุกก้อน  มี  แมลงหวี่  แมลงวันทอง และด้วงก้นกระดกรบกวนเห็ดบ้าง แต่ไม่มากเท่ายุงลายที่มาจิกกัดฉันยามมุดมุ้งเข้าไปเก็บเห็ด  เลยยังไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมนอกจากรดน้ำ เก็บเห็ด กินเห็ด และขายเห็ด ชาวเห็ดไม่นิยมใช้สารเคมีควบคุมแมลงและเชื้อราศัตรูเห็ดอยู่แล้ว เพราะเห็ดที่เลี้ยงนั้นอ่อนไหวมากกว่าศัตรูเห็ดมาก   ถ้าหากมีแมลงรบกวนเห็ดมาก  ก็จะใช้ bio control คือใช้เชื้อบีที(Bacillus thuringiensis)  และเชื้อบีเอ็ม (Bacillus Mitophagus) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ใช้ควบคุมหนอน และแมลงหวี่  ชาวเห็ดมักใช้บีทีผสมน้ำฉีดรอบๆ อาคารเลี้ยงเห็ด ล่อให้แมลงหวี่ไปหากินรอบๆ อาคารแทนที่จะมารุมกินเห็ด   ส่วนก้อนเห็ดที่ติดเชื้อราชนิดอื่นนั้นทำได้อย่างเดียวคือคัดทิ้ง เพื่อป้องกันสปอร์เชื้อราที่ไม่ต้องการแพร่ระบาดไปกับน้ำและอากาศในโรงเรือน   ส่วนวิธีการเพิ่มผลผลิตเห็ดให้ได้มากขึ้น นอกจากจะให้น้ำแล้ว ชาวฟาร์มเห็ดจะมีสูตรเพิ่มธาตุอาหารในพืชกันได้ตามอัธยาศัย ซึ่งมีหลากสูตรมากมายให้เลือกใช้กันตามถนัด  และเป็นเทคนิคที่สำคัญที่ทำให้คนเลี้ยงเห็ดอยู่รอดจากภาวะขาดทุน อยู่กับความจริงบางอย่างของเห็ดแล้วฉันก็อดตกใจไม่ได้นะคะ เมื่อคิดจะหันมาจับอาชีพเลี้ยงเห็ดขาย    เห็ดสดๆ สวยๆ  บางช่วงเช่นช่วงอากาศเย็นและชื้น ราคามักตกวูบจนใจหวั่นไหว   ครั้นพออากาศแล้งและร้อนจัดๆ ราคาเห็ดดี แต่เชื้อเห็ดก็ไม่เจริญเติบโตและเลี้ยงยากมาก ซะงั้น  นั่นเฉพาะแค่เลี้ยงเห็ดนะ พอมาดูเรื่องการแปรรูป เห็ดสดๆ 1 กิโลกรัม ฉีกเป็นเส้นฝอยตากให้แห้งเตรียมทำเห็ดสวรรค์ ดันเหลือน้ำหนักแห้งแค่ 1 ขีด เท่านั้น  ฉันจึงหายแปลกใจ ว่าผลิตภัณฑ์เห็ดแปรรูปส่วนใหญ่ทำไมจึงเลือกวางขายในชั้นของบรรดาผู้บริโภคที่มีอันจะกินเสียเป็นส่วนใหญ่ เอาเถอะเรามาลองทำเห็ดสวรรค์กินกันดีกว่า... ยังไงฉันก็จะไปเป็นชาวเห็ดแน่ๆ ระหว่างปั่นต้นฉบับนี้ฉันรอช่างมาขึ้นโรงเรือนและทำร้านวางเห็ด  ช่างก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นเพื่อนรุ่นพี่ชาวนาที่ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาเขาขายข้าวได้แค่เกวียนละ 6,000 บาท และมีรายได้เสริมช่วงสั้นๆ ราว 1 เดือนจากการออกวิ่งรถกระบะติดเครื่องเสียงช่วยหาเสียงผู้สมัครนายกเทศบาลตำบลวันละ 500 บาท กว่าต้นฉบับจะถึงมือท่าน การบริหารบ้านเมืองระดับชาติยังไม่รู้จะจบยังไง แต่ในระดับท้องถิ่นการเลือกตั้งยังเป็นสิ่งจำเป็นและเป็นอำนาจต่อรองของชาวบ้านอยู่เสมอ อย่างเลี่ยงไม่ได้   แล้วเจอวิธีกินเห็ดแบบใหม่ๆ ฉบับหน้านะคะ   เห็ดสวรรค์ การเตรียมเห็ด – ใช้เห็ดนางฟ้าภูฐาน  หรือเห็ดฮังการีก็ได้ ฉีกเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปพึ่งแดด ให้แห้งสนิท ประมาณ 1–2 วัน เครื่องปรุง   1.เห็ดตากแห้งแล้ว 1 ขีด   2.หอมแดงซอยละเอียด 1/3 ถ้วย   3.น้ำมันปาล์ม 1 ถ้วย   4.น้ำมันหอย  2 ช้อนโต๊ะ   5.เกลือป่น เล็กน้อย   6.น้ำตาลปี๊บ  1/2  ถ้วย   7.พริกไทยเม็ด 30 เม็ด ตำละเอียด   8.งาขาวคั่วบุบ วิธีทำ 1.ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อนแล้วหรี่ไฟให้อ่อนที่สุด  เพื่อทอดเห็ดให้เหลือง ระวังไหม้เพราะเห็ดแห้งจะสุกง่ายมาก  ควรใส่เห็ดทีละน้อยๆ ใส่ปุ๊บกลับครั้งเดียวแล้วตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน  ทอดเห็ดจนหมด 2.เหลือน้ำมันแค่ก้นกระทะให้แค่พอใช้เจียวหอมแดงให้เหลืองกรอบ แล้วตักขึ้น  จากนั้นหรี่ไฟให้อ่อนลงที่สุดเพื่อปรุงรสต่อในกระทะ โดยเริ่มจากใส่น้ำมันหอย น้ำตาลปี๊บ เกลือ เคี่ยวให้เข้ากัน ชิมรสให้ออกรส เค็ม-หวาน พอสูสีกันได้ จากนั้นนำเห็ดทอดและหอมแดงเจียวใส่ลงไป เคล้าให้ทั่วเบาๆ  จนเข้ากันดีแล้ว จึงเติมพริกไทยป่นและงาขาวคั่วบด  แล้วจึงดับเตาไฟ 3.  กินเปล่าๆ หรือกินกับข้าวเหนียว  หรือจะเสิร์ฟคู่กับแตงโม แทนแตงโมหน้าปลาย่างก็แล้วแต่สะดวก อร่อยมากเลยค่ะ   //

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 120 องุ่นกับแตงโม เขาว่าสารเคมีเยอะจริงหรือ

ฉลาดซื้อพาแวะซื้อผลไม้อีกที คราวนี้ว่าด้วยองุ่นกับแตงโม ผลไม้ที่ใครต่อใครต่างก็ว่า มีสารเคมีการเกษตรตกค้างเยอะ ให้ระวังเวลากิน ก็เลยต้องพาไปพิสูจน์ครับ  องุ่นนั้น มีวิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 และเกลือแร่อย่างเหล็ก แคลเซียม มาก และเพราะน้ำตาลในองุ่นเป็นน้ำตาลกลูโคส ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้เลย กินองุ่นจึงทำให้รู้สึกสดชื่น อีกทั้งช่วยเร่งการเผาผลาญในร่างกาย ช่วยล้างและสร้างเม็ดเลือดกระตุ้นตับให้ทำหน้าที่ฟอกเลือดอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเป็นยาระบายอ่อนๆ  แต่จากการทดสอบหาปริมาณสารเคมีตกค้างในทุกหน่วยงาน องุ่นจัดว่าเป็นผลไม้ที่ติดอันดับท็อปห้าตลอดเรื่องมีการตกค้างของสารเคมีสูง ถึงขนาดมีคนบอกว่า ถ้ารักกันจริงต้องปอกเปลือกองุ่นให้กิน  ส่วนแตงโม จำไม่ได้แล้วว่าเป็นข้อมูลปีไหน แต่ว่ากันว่า แตงโม จะมีสารเคมีตกค้างอยู่มากถึง 11 ชนิด อันนี้ก็เป็นที่ล้อกันเล่นๆ ว่า ถ้าแตงโมไม่หวาน ก็ถือว่าดี เพราะลดสารเคมีลงไปได้ 1 ชนิด(ฮา)  ที่จริงแตงโมเป็นผลไม้ที่เหมาะกับเมืองร้อนเป็นที่สุด เพราะมีน้ำมาก กินแล้วช่วยให้เย็นและสดชื่นในขณะอากาศร้อนจัด แตงโมมีไลโคปีนและเบต้าแคโรทีนมาก ไลโคปีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้ผักผลไม้มีสีแดง คาดว่าช่วยป้องกันโรคหัวใจและมะเร็งได้บางชนิด ส่วนเบต้าแคโรทีนเป็นสารอาหารที่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ   ฉลาดซื้อทดสอบ องุ่น (ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ) เก็บตัวอย่างจำนวน 2 ครั้ง รวม 16 ตัวอย่าง (ครั้งละ 8 ตัวอย่าง) ในเดือนพฤศจิกายน 2552 และเดือนมีนาคม 2553 จากห้างค้าปลีกขนาดใหญ่และตลาดสดในพื้นที่ดำเนินงานโครงการฯ 8 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรสงคราม ขอนแก่น มหาสารคาม เชียงใหม่ พะเยา สงขลา และสตูล เพื่อทดสอบหาสารเคมีตกค้างทางการเกษตร 3 ประเภท คือ ยากันรา-คาร์เบนดาซิม (Carbendazim) ยาฆ่าแมลงกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต (Organophosphate) และยาฆ่าแมลงกลุ่มไพรีทอยด์ (Pyrethiod)   ข้อสังเกต1. มีผลิตภัณฑ์จำนวน 2 ตัวอย่าง (ร้อยละ 12.5) ที่พบการตกค้างของสารเคมีทั้ง 3 กลุ่มได้แก่ ตัวอย่างจากห้างเทสโก้ โลตัส จังหวัดพะเยาจากการเก็บสินค้าทดสอบในเดือนพฤศจิกายน 2552 และตัวอย่างจากตลาดสด อำเภอเมือง จังหวัดสตูลจากการเก็บสินค้าทดสอบในเดือนมีนาคม 2553  2. มีผลิตภัณฑ์จำนวน 2 ตัวอย่าง ที่ไม่พบการตกค้างของสารเคมีใด ๆ เลยจากการเก็บสินค้าทดสอบทั้ง 2 ครั้งในเดือนพฤศจิกายน2552 และเดือนมีนาคม 2553 ได้แก่ ตัวอย่างจากห้างเทสโก้ โลตัส และจากห้างบิ๊กซี จังหวัดมหาสารคาม และตัวอย่างจากตลาดกิมหยง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสังขลา   สรุปความเสี่ยงขององุ่น มีความเสี่ยงระดับปานกลาง (50 – 50) ที่จะพบผลิตภัณฑ์ที่มีการตกค้างของยาฆ่าแมลงอย่างใดอย่างหนึ่งโดยไม่สำคัญว่าจะซื้อจากแหล่งจำหน่ายใดทั้งห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ และตลาดสด อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาในระดับพื้นที่ พื้นที่ภาคเหนือจะมีความเสี่ยงที่จะได้รับสารเคมีตกค้างมากกว่าหนึ่งชนิดในแต่ละกลุ่มมากกว่าพื้นที่อื่น ๆ  ขณะที่ภาคอื่น ๆ มีความเสี่ยงเท่าๆ กันในระดับปานกลาง ที่จะพบผลิตภัณฑ์ที่สารพิษตกค้าง ยกเว้นจังหวัดมหาสารคาม (อำเภอเมือง) และ จังหวังสงขลา (อำเภอหาดใหญ่) ที่มีความเสี่ยงต่ำถึงต่ำมาก ส่วนความเสี่ยงจากการได้รับอันตรายจากยาฆ่าแมลงอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากปริมาณสารเคมีที่พบส่วนใหญ่ไม่สูงมากนัก (ไม่เกิน 1 มก./กก.   ผลวิเคราะห์ตัวอย่างอาหารตามแผนการสุ่มตัวอย่างครั้งที่ 2 Carbendazim Organophosphate group Pyrethiod group   (พฤศจิกายน 2552)   (มก./กก.) (มก./กก.) (มก./กก.)   องุ่น (1)   ไม่ระบุ Profenofos 0.05  Triazophos 0.02 ไม่ระบุ         สารพิษตกค้าง 288         3 Chlorpyrifos 0.5 Deltamethrin 0.2 Fenpropathrin 5 Permethrin 2   จังหวัด สถานที่เก็บ ผู้ผลิต MRL CODEX   กรุงเทพ เดอะมอลล์งามวงศ์วาน บ.เดอะมอลล์กรุ๊ป ไม่พบ ไม่พบ Fenpropathrin 0.05*   สมุทรสงคราม เทสโก้ โลตัส บ.เอกชัยดิสทริ บิวชั่นซิสเทม ไม่พบ ไม่พบ Fenpropathrin 0.08*   ขอนแก่น ตลาดสดเทศบาล3 นำเข้าจากจีน 0.02* ไม่พบ ไม่พบ   มหาสารคาม บิ๊กซี นำเข้าจากจีน ไม่พบ ไม่พบ ไม่พบ   สตูล เทสโก้ โลตัส นำเข้าจากจีน < 0.005* ไม่พบ ไม่พบ   สงขลา ตลาดกิมหยง องุ่นอเมริกา ไม่พบ ไม่พบ ไม่พบ   เชียงใหม่ เทสโก้ โลตัส นำเข้าจากจีน ไม่พบ Chlorpyrifos 0.0061* Cyhalothrin 0.045**  Cyfluthrin 0.028** Cypermethrin 0.205** Fenvalerate 0.293**   พะเยา เทสโก้ โลตัส ไม่ระบุ < LOD (0.025)* Chlorpyrifos 0.0107* Cyhalothrin 0.127** Cypermethrin 0.032** Fenvalerate 0.121** Deltamethrin 0.037*         MRL มกอช.     3 มก./กก.       *ปริมาณที่ตรวจพบยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของประกาศ สธ. ฉบับที่ 288 พ.ศ. 2548 หรือ MRL CODEX     **ยังไม่มีการกำหนดค่ามาตรฐานในประกาศกระทรวงสาธารณสุข และ CODEX       LOD = ปริมาณต่ำสุดเท่าที่เครื่องทดสอบปริมาณตกค้างของสารเคมีสามารถตรวจวัดได้         ผลวิเคราะห์ตัวอย่างอาหารตามแผนการสุ่มตัวอย่าง Carbendazim Organophosphate Pyrethiod     ครั้งที่ 4 มีนาคม 2553 (มก./กก.) (มก./กก.) (มก./กก.)         ไม่ระบุ Profenofos 0.05  Triazophos 0.02 ไม่ระบุ     องุ่น (2)   สารพิษตกค้าง 288       3 Chlorpyrifos 0.5 Deltamethrin 0.2 Fenpropathrin 5 Permethrin 2     จังหวัด สถานที่เก็บ ผู้ผลิต MRL CODEX     กรุงเทพ บิ๊กซี สะพานควาย บมจ. บิ๊กซี ไม่พบ Chlopyrifos  0.04* ไม่พบ     สมุทรสงคราม เทสโก้ โลตัส บ.เอกชัยดิสทรีบิวชั่น ไม่พบ Chlopyrifos  0.91*** ไม่พบ     ขอนแก่น ตลาดรถไฟ ไม่ระบุ ไม่พบ Prothiophos 1.01** ไม่พบ     มหาสารคาม เทสโก้ โลตัส บ.เอกชัยดิสทรีบิวชั่น ไม่พบ ไม่พบ ไม่พบ     สงขลา ตลาดกิมหยง ไม่ระบุ ไม่พบ ไม่พบ ไม่พบ     สตูล ตลาดสด อ.เมือง ไม่ระบุ 4.047*** Prothiophos 0.17** Cypermethrin 0.05**     เชียงใหม่ บิ๊กซี สาขาหางดง ห้างบิ๊กซี (สาขาหางดง) ไม่พบ ไม่พบ Cyhalothrin 0.017** Permethrin 0.028*  Cyfluthrin 0.038** Cypermethrin 0.026** Deltamethrin 0.007*     พะเยา เทสโก้ โลตัส ไม่ระบุ ไม่พบ Chlopyrifos  0.0211* Prothiofos 0.3086** Profenophos < LOD* Cyhalothrin 0.021** Cyfluthrin 0.012** Cypermethrin 0.006**           MRL มกอช. 3 มก./กก.         *ปริมาณที่ตรวจพบยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของประกาศ สธ. ฉบับที่ 288 พ.ศ. 2548 หรือ MRL CODEX     **ยังไม่มีการกำหนดค่ามาตรฐานในประกาศกระทรวงสาธารณสุข และ CODEX       ***ปริมาณที่พบสูงเกินกว่ามาตรฐานกำหนด         LOD = ปริมาณต่ำสุดเท่าที่เครื่องทดสอบปริมาณตกค้างของสารเคมีสามารถตรวจวัดได้       คำแนะนำในการบริโภคองุ่น – ควรล้างทำความสะอาดให้ดีก่อนการบริโภคเพื่อลดความเสี่ยงจากการได้รับอันตรายจากยาฆ่าแมลง และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเป็นเครื่องดื่มทั้งแบบคั้นสดและแบบปั่นหากไม่ได้ทำกินเอง เนื่องจากอาจได้รับอันตรายจากยาฆ่าแมลงตกค้างหากไม่มีการล้างทำความสะอาดที่ดีพอได้   แตงโม เก็บตัวอย่างทดสอบทั้งสิ้น 1 ครั้ง เป็นจำนวน 8 ตัวอย่างเมื่อเดือนมีนาคม 2553 เพื่อทดสอบหาการตกค้างของยาฆ่าแมลง 3 กลุ่ม คือ กลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต กลุ่มไพรีทอยด์ และกลุ่มคาร์บาเมต โดยเก็บตัวอย่างจากห้างค้าปลีกขนาดใหญ่จำนวน 5 แห่ง และจากตลาดสด จำนวน 3 แห่ง ในพื้นที่ดำเนินงาน 8 จังหวัดเช่นเดียวกันกับองุ่น ผลการทดสอบปรากฏว่า   สรุปความเสี่ยงของแตงโมและคำแนะนำในการบริโภคมีความเสี่ยงต่อการพบยาฆ่าแมลงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในผลิตภัณฑ์อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากกว่าครึ่งหนึ่งของตัวอย่างทั้งหมดไม่พบการปนเปื้อนเลย ยกเว้นพื้นที่เขตภาคเหนือคือเชียงใหม่ และพะเยาที่มีโอกาสได้รับผลิตภัณฑ์ที่มียาฆ่าแมลงตกค้างสูงโดยเฉพาะสารเคมีกลุ่มไพรีทอยด์ที่พบมากกว่า 4 ชนิดในหนึ่งผลิตภัณฑ์   ผลวิเคราะห์ตัวอย่างอาหารตามแผนการสุ่มตัวอย่างครั้งที่ 4 Organophosphate Pyrethiod Carbamate   มีนาคม 2553 (มก./กก.) (มก./กก.) (มก./กก.)   แตงโม ไม่ระบุ ไม่ระบุ Methomyl 0.2   สารพิษตกค้าง ฉบับที่ 288   AZINPHOS-METHYL 0.2 Fenvalerate 0.5 Methomyl 0.2   จังหวัด สถานที่เก็บ บริษัทผู้ผลิต/จำหน่าย MRL CODEX   กรุงเทพ คาร์ฟูร์ บางบอน บ. เซ็นคาร์ ไม่พบ ไม่พบ ไม่พบ   สมุทรสงคราม เทสโก้ โลตัส บ.เอกชัยดิสทรีบิวชั่น ไม่พบ ไม่พบ ไม่พบ   ขอนแก่น ตลาดรถไฟ ไม่ระบุ ไม่พบ ไม่พบ ไม่พบ   มหาสารคาม บิ๊กซี บมจ.บิ๊กซี ซูปเปอร์เซ็นเตอร์ ไม่พบ ไม่พบ ไม่พบ   สงขลา ตลาดหาดใหญ่ ไม่ระบุ ไม่พบ ไม่พบ Methomyl 0.12*   สตูล ตลาดสด อ.เมือง ไม่ระบุ ไม่พบ ไม่พบ ไม่พบ   เชียงใหม่ บิ๊กซี สาขาหางดง ไม่ระบุ ไม่พบ Cyhalothrin 0.039** Cypermethrin 0.159** Fenvalerate 1.705*** Deltamethrin 0.241** ไม่พบ   พะเยา เทสโก้ โลตัส ไม่ระบุ ไม่พบ Cyhalothrin 0.077** Permethrin 0.062**  Cyfluthrin 0.14** Cypermethrin 0.15** Fenvalerate 1.68*** Deltamethrin 0.214** ไม่พบ   *ปริมาณที่ตรวจพบยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของประกาศ สธ. ฉบับที่ 288 พ.ศ. 2548 หรือ MRL CODEX     **ยังไม่มีการกำหนดค่ามาตรฐานในประกาศกระทรวงสาธารณสุข และ CODEX       ***ปริมาณที่พบสูงเกินกว่ามาตรฐานกำหนด           ผลรายงานเฉพาะตัวอย่างที่ส่งวิเคราะห์เท่านั้น โดย สถาบันโภชนาการ ม.มหิดล ภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะเทคโนโลยี ม.ขอนแก่น คณะอุตสาหกรรมการเกษตร ม.สงขลานครินทร์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ ม.เชียงใหม่   คำแนะนำต่อการบริโภคกรุงเทพมหานครได้แถลงข่าวเมื่อเดือนตุลาคม 2553 ระบุไว้ว่ากว่าหนึ่งในสามของผลไม้รถเข็นไม่ผ่านมาตรฐานด้านจุลินทรีย์ก่อโรค ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการซื้อแตงโมจากร้านผลไม้รถเข็นที่ดูไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น ไม่มีฝาครอบปิดมิดชิด หรือมีแต่ไม่ครอบปิด หรือไม่มีน้ำแข็งรักษาความเย็นของอาหาร (ชะลอการเติบโตของจุลินทรีย์ก่อโรค) แนะนำให้ซื้อเป็นลูกใหญ่มาผ่ากินเองดีกว่า

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point