ฉบับที่ 157 คู่มือนักร้อง (เรียน) ตอนที่ 2

ฉบับที่แล้ว ผู้เขียนได้นำเสนอ คู่มือนักร้อง (เรียน) ไปแล้วในขั้นตอนแรก โดยเสนอให้จัดเตรียมข้อมูลให้พร้อมพรรค ซึ่งมีเคล็ดลับเพิ่มเติมง่ายๆ ดังนี้   เคล็ดลับ : การตรวจสอบเลขที่อนุญาตโฆษณา ยาที่ได้รับอนุญาตโฆษณา จะมีเลขที่โฆษณาระบุ   ฆท .../..... อาหารที่ได้รับอนุญาตโฆษณา จะมีเลขที่โฆษณาระบุ   ฆอ .../..... เครื่องมือแพทย์ที่ได้รับอนุญาตโฆษณา จะมีเลขที่โฆษณาระบุ   ฆพ .../..... เครื่องสำอางจะไม่มีเลขที่โฆษณา เนื่องจากกฎหมายกำหนดว่าสามารถทำการโฆษณาได้โดยไม่ต้องขออนุญาต เคล็ดลับ : การตรวจสอบเลขทะเบียนผลิตภัณฑ์ ยาแผนโบราณที่ผลิตในประเทศ จะมีเลขทะเบียน G .../..... ยาแผนปัจจุบันที่ผลิตในประเทศ จะมีเลขทะเบียน 1A .../..... หรือ 2A .../..... อาหาร จะมีเลขสารบบ 13 หลัก  เช่น xx-x-xxxxx-x-xxxx เครื่องสำอาง จะเลขที่จดแจ้ง 10 หลัก xx-x-xxxxxxx   2. หลักฐานครบถ้วน นอกจากข้อมูลที่ครบถ้วนแล้ว หากมีพยานหลักฐานชัดเจน จะทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้กระทำผิดไม่สามารถอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องได้ พยานหลักฐานเบื้องต้นที่เราควรรวบรวมให้ได้ เช่น พยานเอกสาร     ผลิตภัณฑ์ที่โฆษณามีเอกสาร ใบปลิว แผ่นพับ ประกอบการโฆษณาด้วยหรือไม่ พยานบุคคล       นอกจากเราแล้ว มีบุคคลใดที่รับรู้หรือเห็นเหตุการณ์การโฆษณาที่ไม่ถูกต้องอีก พยานวัตถุ          ตัวอย่างผลิตภัณฑ์สินค้าที่ทำการโฆษณา   3. เรื่องด่วนส่งทัน เราควรรีบส่งเรื่องร้องเรียนให้กับเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยเร็วที่สุด  แนะนำว่าไม่ควรเกิน  7  วัน ซึ่งเราสามารถส่งข้อมูลผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ถูกต้องไปยังหน่วยงานสาธารณสุขได้ในทุกระดับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ รพ.ชุมชน รพ.ทั่วไป  รพ.ศูนย์  สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา   4. ช่วยกันบอกต่อ นอกจากนี้ เราควรแจ้งให้คนในชุมชนทราบข้อมูลผลิตภัณฑ์อันตรายโดยด่วนที่สุด โดย ผ่านช่องทาง หรือวิธีการต่างๆ  แต่ถ้าเราไม่มั่นใจเราอาจสอบถามกับเจ้าหน้าที่ให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นไม่ถูกต้องหรือไม่ปลอดภัยอย่างไรก่อนดำเนินงานแจ้งข่าว หรือหากเรากังวลว่าอาจถูกผู้กระทำผิดฟ้องกลับ หรือมีปัญหาในชุมชน ควรประสานงานให้เจ้าหน้าที่ เป็นผู้กระจายข่าวออกจากหน่วยงานราชการ ก็ได้   เคล็ดลับ ในการร้องเรียน หากเราไม่อยากเปิดเผยตัวเอง เราควรรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานให้ชัดเจนมากที่สุด เพื่อให้ข้อมูลที่เราร้องเรียนมีความน่าเชื่อถือ ไม่ใช่เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ เพื่อกลั่นแกล้ง  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 156 คู่มือนักร้อง (เรียน) ตอนที่ 1

คอลัมน์เรื่องเล่าเฝ้าระวัง ได้นำเสนอข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพมาหลายฉบับแล้ว และเป็นข่าวดีที่ผู้เขียนทราบว่า ผู้บริโภคที่ติดตามอ่านคอลัมน์นี้หลายท่าน ได้ลุกขึ้นมาเป็นหูเป็นตาในการเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ที่ไม่ปลอดภัยในท้องตลาด  โดยแจ้งข้อมูลผลิตภัณฑ์อันตรายที่ตนพบเห็นไปให้หน่วยงานราชการดำเนินการต่อ แต่เนื่องจากข้อมูลที่ส่งต่อบางชิ้นมีรายละเอียดไม่มากพอ เจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถนำข้อมูลไปดำเนินการต่อได้ทันที ทำให้ต้องไปเริ่มต้นหาข้อมูลกันใหม่อีกรอบ เพื่อให้ประชาชน ผู้บริโภค และเครือข่ายต่างๆ สามารถรวบรวมข้อมูล หลักฐานต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน ผู้เขียนขอนำเสนอวิธีง่ายๆ ในการดำเนินการรวบรวมข้อมูลก่อนส่งเรื่องร้องเรียน โดยมีคาถาง่ายๆ ที่ควรท่องให้ขึ้นใจดังนี้ ข้อมูลพร้อมพรรค -  หลักฐานครบถ้วน – เรื่องด่วนส่งทัน – ช่วยกันบอกต่อ  ก่อนที่เราสวมวิญญาณจะเป็นพลเมืองดี นำข้อมูลมาร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่นั้น  เราควรตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่เรามีว่าครบถ้วน สมบูรณ์หรือไม่ เพราะถ้าข้อมูลที่เราส่งต่อให้เจ้าหน้าที่นั้นครบถ้วนหรือเพียงพอ เจ้าหน้าที่ก็จะสามารถนำไปดำเนินการได้ทันที แต่ถ้าข้อมูลที่เราร้องเรียนไม่ครบถ้วน ขาดข้อมูลที่สำคัญ เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถนำไปดำเนินการได้ และจะทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเสียเวลาในการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม จนอาจทำให้เรื่องที่เราร้องเรียนล่าช้าไม่ทันเหตุการณ์ มี 4 ขั้นตอนง่ายๆ ให้เราตรวจสอบความพร้อมในการร้องเรียนดังนี้   1. ข้อมูลพร้อมพรรค ในขั้นตอนนี้ ขอให้เราตรวจสอบข้อมูลที่เราจะนำไปร้องเรียนว่าครบถ้วน หรือเพียงพอหรือไม่ จากประสบการณ์พบว่า ข้อมูลที่ครบถ้วนจะประกอบด้วยประเด็นหลักๆ ดังนี้ 1) ชื่อผู้ร้องเรียน หรือผู้บันทึกข้อมูล ตลอดจนที่อยู่ หรือเบอร์โทรศัพท์เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อได้ หากต้องการข้อมูลรายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติมในภายหลัง 2) ควรตรวจสอบหน่วยงานที่เราจะร้องเรียนให้ถูกต้อง  เช่น ร้องเรียนเรื่องผลิตภัณฑ์สุขภาพ(อาหาร ยา เครื่องสำอาง ฯลฯ) ให้ร้องเรียนที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล กรณีที่เป็นการโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์และวิทยุสามารถร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ 3) ระบุสื่อที่พบการโฆษณาและข้อมูลเกี่ยวกับสื่อดังกล่าวให้ชัดเจนที่สุด เช่น วัน เวลาที่พบการโฆษณา พื้นที่ที่พบโฆษณา คลื่นความถี่/ช่องรายการ  ชื่อสถานี ชื่อรายการ  ชื่อผู้จัดรายการ 4) รายละเอียดข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่โฆษณา เช่น ชื่อผลิตภัณฑ์ และถ้าทราบว่าผลิตภัณฑ์นั้นเป็นยา อาหาร เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ วัตถุอันตรายให้ระบุไปด้วย  นอกจากนี้ หากเป็นไปได้ให้ตรวจสอบด้วยว่าโฆษณานั้นมี เลขที่โฆษณาผลิตภัณฑ์ หรือไม่ ทั้งนี้ต้องไม่สับสนระหว่างเลขที่อนุญาตโฆษณา กับเลขทะเบียนผลิตภัณฑ์ เช่น เลขทะเบียนตำรับยา หรือเลขทะเบียนตำรับอาหาร หรือเลขที่จดแจ้งเครื่องสำอาง 5) รายละเอียดวิธีการโฆษณา เช่น การจัดรายการ มีผู้เล่าประสบการณ์ สปอตโฆษณา หรืออื่น ๆ 6) ประเด็นที่เราสงสัยว่าไม่ถูกต้องหรือไม่ปลอดภัย  เช่น การอวดอ้างสรรพคุณอย่างเกินจริง หรือมีการรับรองสรรพคุณอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ เราสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้เองโดยเปรียบเทียบกับข้อกฎหมายในกฎหมายยา อาหาร หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง (ต่อฉบับหน้า)   //

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 155 ปากของเรา อย่าให้ของเสี่ยง เข้ามา

สิงหาคม 2552 มีข่าวเศร้าทางหน้าสื่อมวลชน เด็กนักเรียนหญิง ม.5 จากสถานศึกษาแห่งหนึ่ง ในจังหวัดขอนแก่น ขอเงินแม่ 2 พันบาท เข้าคลินิกเสริมความงามใส่เหล็กดัดฟันแฟชั่น กลับมาไม่กี่วันปวดฟันจนเหงือกบวม สุดท้ายทนไม่ไหวต้องนำส่งโรงพยาบาล ตรวจพบเป็นโรคหัวใจ – ไทรอยด์ติดเชื้อ และเสียชีวิตในสามวันต่อมา การใส่เหล็กดัดฟันที่วัยรุ่นนิยมกันมากจนเกิดเป็นแฟชั่นหลากหลายนั้น ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ หรือใครก็ทำให้ได้ เราต้องให้ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทำเท่านั้น และเหล็กที่ใส่จะต้องเป็นเหล็กสเตนเลสสตีลหรือเหล็กที่ใส่แล้วไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย และการจัดฟันหรือใส่เหล็กดัดฟันนั้นจะไม่สามารถใส่ได้ทันที ทันตแพทย์จะต้องตรวจสุขภาพของผู้จัดฟันให้ละเอียดเสียก่อนถึงสามารถใส่ได้ แต่การไปใส่เหล็กดัดฟันแฟชั่นจากผู้ที่ไม่มีความรู้หรือไม่ใช่ทันตแพทย์ที่ได้รับอนุญาต จะมีอันตรายทั้งจากวัสดุที่ใช้ทำลวดดัดฟัน ซึ่งจะเป็นลวดราคาถูก ไม่ใช่ลวดที่ใช้ทางการแพทย์ จึงอาจเป็นสนิมและมีสารปนเปื้อนที่เป็นโลหะหนักต่างๆ เช่น ตะกั่ว พลวง ซีลีเนียม โครเมียม สารหนู สีสังเคราะห์ นอกจากนี้พบว่าผู้ให้บริการบางรายใช้กาวช้างหรือกาวทั่วไปในการยึดติดซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ผู้ให้บริการจัดฟันแฟชั่นเหล่านี้จะไม่มีความรู้ด้านทันตกรรม การจัดฟันจึงมักใช้กรดกัดฟันหรือกรอเคลือบฟันที่ดีๆ ออกไป จนทำให้ซี่ฟันเคลื่อนไปจากเดิมจนฟันตาย หากการใส่ลวดดัดฟันยึดไม่แน่นพอจะทำให้ลวดมีโอกาสหลุดลงคอ และอาจบาดช่องปากจนเกิดแผลติดเชื้อในเลือดจนเสียชีวิตได้  นอกจากนี้หากเครื่องมือเครื่องใช้ในการจัดฟันมีคุณภาพต่ำก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดสนิม และหากฆ่าเชื้อโรคเครื่องมือไม่หมดจะทำให้ติดเชื้ออันตราย เช่น ไข้หวัดใหญ่ วัณโรค คอตีบ ไวรัสตับอักเสบชนิดบี ฯลฯ จนอาจเสียชีวิตได้ในที่สุด ตามที่เป็นข่าว แม้หน่วยงานสาธารณสุขจะพยายามติดตามดูแล ไม่ให้มีผู้ลักลอบจัดฟันด้วยลวดดัดฟันแฟชั่นที่อันตราย แต่ผู้ประกอบการก็หาทางออกหลบหลีกไปเรื่อยๆ ล่าสุด มีพลเมืองดีแจ้งเตือนภัยให้ทราบว่ามีการจำหน่ายชุดเซ็ตจัดฟันเองที่บ้านและชุดอุปกรณ์จัดฟันทุกชนิด มีการหลอกลวงอ้างว่า ใช้อุปกรณ์จัดฟันเกรดดี ปลอดภัย เทียบเท่ากับคลินิกทันตกรรม มีให้เลือกทั้งแบบติดแน่น และแบบถอดได้หรือรีเทนเนอร์ (ซึ่งมีทั้งแบบ ลวดเส้นเดียว ลวดสี แบบติดเม็ด) นอกจากนี้ยังอ้างว่าไม่มีผลกระทบกับฟัน  แถมมีวิธีติดพร้อมภาพประกอบอย่างละเอียด พร้อมส่งจำหน่ายให้กับเด็กวัยรุ่นที่หลงเชื่อ ขอแจ้งเตือนผู้ปกครองตลอดจนอาจารย์โรงเรียนทุกแห่ง ให้ช่วยกันสอดส่องดูแลเด็กนักเรียนด้วย หากพบว่าเด็กวัยรุ่นไปจัดฟันแฟชั่นที่อันตราย ขอให้รีบพาไปโรงพยาบาลเพื่อถอดเหล็กดัดฟันได้โดยด่วน และหากพบเบาะแสการจัดฟันแฟชั่น หรือมีการเชิญชวนไปรับบริการดังกล่าว ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดทราบ เพื่อช่วยเด็กๆ วัยรุ่นให้ปลอดภัยจากอันตรายนะครับ  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 154 เสน่ห์สาว.. " ฟิต เฟิร์ม ใหญ่ "

เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก...และยิ่งลำบากมากขึ้นไปอีกหลายร้อยเท่าถ้าดันต้องมาเกิดในยุคนี้ จะไม่ให้ลำบากอย่างไรเล่าครับ หันไปทางไหนก็มักจะเจอโฆษณาลวงโลกเต็มไปหมด อาศัยความไม่รู้และความอยากทั้งหลาย หลอกให้หญิงเสียเงินและเสี่ยงสุขภาพไปอีก สำนวน “อกฟู รูฟิต” ที่กุลสตรียุคคุณพ่อคุณแม่ยังไม่กล้าเอ่ย กลับกลายเป็นสำนวนคู่บ้านคู่เมือง ที่ผลิตภัณฑ์หลอกลวงเจาะลงกลุ่มเป้าหมายสตรีนำมาใช้เรื่อยๆ ล่าสุดผมได้ข้อมูลจากผู้บริโภคท่านหนึ่ง แจ้งมาว่าไม่ใช่แค่ อกฟูรูฟิตแล้วล่ะครับ หากจะไม่ตกกระแสต้อง “อกฟู รูฟิต ไร้กลิ่น ผิวขาวผ่อง ไม่ทำให้อ้วน” ผู้บริโภครายนี้ยังส่งภาพถ่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาให้ดู ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ตั้งชื่อให้เย้ายวนสตรีทั้งหลายในทำนองว่า “สมุนไพรเสน่ห์ของน้องนาง” นอกจากชื่อแล้ว ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ได้แสดงฉลากระบุว่าเป็นยาแผนโบราณ มีเลขทะเบียนเสร็จสรรพ ระบุส่วนประกอบได้แก่ ว่านชักมดลูก ว่านมหาเมฆ ว่านสากเหล็ก ฝานเสน ตังกุยและสมุนไพรอื่นๆ อีก 19 ชนิด ดูไปแล้วก็เป็นยาสมุนไพรสำหรับสุภาพสตรีแบบที่เราคุ้นเคย แต่พอเห็นข้อความที่โฆษณาข้างกล่อง ผมถึงกับตะลึงไปกับความคิดสร้างสรรค์(ที่ดันมาหลอกลวง) เพราะพี่แกเล่นตอกย้ำอีกว่า “สำหรับผู้หญิง ที่อยากให้อวัยวะของตัวเองนั้นฟิตขึ้น เต่งตึงขึ้น   ด้วยธรรมชาติ 100% ใช้แล้ว  รู้สึกได้ภายใน 3-5 วัน”   นิยามของ " ฟิต เฟิร์ม ใหญ่ " แถมระบุสรรพคุณอีกว่า “ เหมาะสำหรับผู้หญิงที่ต้องการบำรุงเต้านมให้เต่งตึง ผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง ช่วยทำให้ช่องคลอดกระชับขึ้นไม่เสื่อมก่อนวัยอันควร วัยทองที่มีอาการเครียดก่อนหลังมีประจำเดือน บำรุงความงามที่มีประสิทธิภาพ ทำให้การไหลเวียนโลหิตบริเวณผิวหนังและบนใบหน้าดีขึ้น ปรับสมดุลประจำเดือน ลดอาการปวดก่อนมีประจำเดือนอย่างรุนแรง บำรุงเลือด ขับเสมหะ แก้ปอดพิการ แก้โลหิตออกทางทวารหนัก ขับระดูขาว แก้อาการมดลูกต่ำ มดลูกโตหรือ ปวดหน่วงมดลูกเป็นประจำ นอกจากนี้ยังกลัวว่าจะไม่ใช่ยาเทวดา เลยแถมไปอีกว่า ป้องกันมะเร็ง ได้อีกด้วย ขออนุญาตเตือนกันตรงๆ เลยว่า ข้อความโฆษณาสรรพคุณแบบนี้ไม่ได้รับอนุญาตแน่นอน การดูผลิตภัณฑ์ยา อย่าดูแค่ว่ามีเลขทะเบียนอย่างเดียวนะครับ หากพบว่าผลิตภัณฑ์ที่เราสงสัย อ้างสรรพคุณร้อยแปดพันเก้าจนกลายเป็นยาเทวดา ฟันธงได้เลยว่าหลอกลวง บางทีขออนุญาตระบุข้อความสรรพคุณแบบหนึ่ง เวลาทำขายก็ไปทำอีกแบบหนึ่ง เจอที่ไหนแจ้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ให้ไปจัดการผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้สิ้นจากแผ่นดินเสียที   //

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 153 อยากจะดีท๊อกซ์ระวังจะถูกหลอกให้เสียตังค์

คนที่สนใจการแพทย์ทางเลือกคงเคยได้ยินคำว่าดีท๊อกซ์ เช่น การสวนทวารเพื่อดีท๊อกซ์ล้างพิษในลำไส้ ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างขึ้นกับความเชื่อของแต่ละบุคคล  ล่าสุดผมได้รับเอกสารจากผู้บริโภคให้ช่วยตรวจสอบด้วยว่าผลิตภัณฑ์ ดีท๊อกซ์เลือดนั้น มันดีท๊อกซ์เลือดได้จริงหรือเปล่า เพราะเขาโฆษณาในหน้าเฟซบุ๊คว่า ผลิตภัณฑ์ของเขาสามารถ ล้างสารพิษในตับ ไต ช่วยฟอกเลือดให้สะอาดและกำจัดเซลล์มะเร็ง แถมยังตั้งชื่อด้วยภาษาอังกฤษเป็นกลุ่มเลือด พร้อมยังแสดงรูปเม็ดเลือดบนฉลากอีกด้วย (เดาไม่ยาก กลุ่มเลือดมีไม่กี่ตัวเองครับ) ผมตรวจสอบฉลากจากรูปถ่ายในเอกสารที่ผู้บริโภคส่งข้อมูลมา พบว่าผลิตภัณฑ์นี้ มีส่วนประกอบที่เป็นสมุนไพรไม่กี่อย่าง แต่ในเอกสารโฆษณากลับพบว่ามีการบรรยายสรรพคุณของผลิตภัณฑ์มากมาย เช่น ช่วยลดสารพิษในตับ ไต และฟอกเลือดให้สะอาด  ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส  ช่วยต่อต้านการเจริญเติบโตของเนื้องอกและมะเร็ง ช่วยลดอาการปวดเมื่อย ตามเนื้อตามตัว ปวดหลัง ปวดเอว ฯลฯ   นอกจากนี้ยังมีการแสดงข้อมูลในลักษณะเชื่อมโยงกับการขับสารพิษออกจากเลือด ทำให้เลือดสะอาด โดยอ้างว่าเลือด เป็นส่วนหนึ่งที่นำเอาสารอาหารต่างๆ และออกซิเจนไปสู่อวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย  จึงนับว่ามีความสำคัญอย่างมากในการหล่อเลี้ยงร่างกาย  การไม่กระจายตัวของเลือด  การไหลเวียนที่ไม่ดี  การสะสมสารพิษในกระแสเลือด  รวมทั้งสารอาหารส่วนเกินที่ตกค้างในหลอเลือด  เช่น ไขมัน  หรือโปรตีนที่ ดูดซึมไม่หมด  รวมทั้งโลหะหนักต่างๆ จากอาหารทะเล  หรือสารเคมีต่างๆ  ก่อให้เกิดโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับหลอดเลือด  เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หลอดเลือดตีบ หลอดเลือดโป่งพอง โรคหัวใจ เป็นต้น ดังนั้นการช่วยขับสารพิษออกจากเลือด  จะทำให้หลอดเลือดสะอาด  การไหลเวียนเลือดดีขึ้น  และสามารถนำออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ ไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น  ส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงไม่ป่วยง่ายอีกต่อไป โฆษณาสรรพคุณซะมากมายขนาดนี้ แต่ไหงเมื่อผมดูฉลากข้างขวด กลับระบุเพียงว่า ยานี้ได้รับอนุญาตขึ้นทะเบียนยาแผนโบราณ สรรพคุณที่ได้รับอนุญาตที่ปรากฏบนฉลากคือ บำรุงโลหิตเท่านั้น แถมราคาก็ไม่เบานะครับ  ในหนึ่งขวดมี 60 แคปซูลราคา 1,500 บาทตกเม็ดละ 25 บาทนั่นเอง ไม่อยากจะพูดว่าอย่าหลงเชื่อเพราะสรรพคุณที่โฆษณาอย่างมากมายมันไม่น่าเชื่อเอาเสียเลย ยังไงขอให้มีสติกันนะครับ อยากจะดีท๊อกซ์ แต่สุดท้ายจะถูกหลอกให้เสียตังค์เปล่าๆ ยิ่งสมัยนี้พวกผลิตภัณฑ์หลอกลวงมักชอบขออนุญาตอย่างหนึ่งแล้วโฆษณาอีกอย่างหนึ่ง จับมาดีท๊อกซ์จริยธรรมคุณธรรมของการค้าบ้างคงดี

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 152 ผิวขาวของคน ทำไมต้องซุกซนมาถึงหมีและหอย?

“เกิดเป็นคนโชคดี” ข้อความสั้นๆ ในโฆษณาที่ลงในหน้าหนังสือพิมพ์ เรียกร้องความสนใจจากผม เพราะโฆษณาชิ้นนี้ไม่ได้มีแค่ข้อความข้างต้นเท่านั้น  แต่มันยังมีภาพสาวผิวขาวหันหลังให้หมีขนคล้ำ พร้อมกับภาพผลิตภัณฑ์สุขภาพชนิดหนึ่ง สัญชาติญาณที่รับผิดชอบงานคุ้มครองผู้บริโภค ทำให้ผมพยายามค้นหาสิ่งที่ผิดปกติในโฆษณาชิ้นนี้ คนมาเกี่ยวอะไรกับหมีหรือหมีมาเกี่ยวอะไรกับคน  ผมตามไปสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสินค้านี้ในอินเตอร์เน็ต ปรากฏว่ามีคลิปโฆษณาใน Youtube เป็นอนิเมชั่น เรื่องราวของหมีขนคล้ำนั่งคุยกับสาวผิวขาว ทำนองว่าหมีอิจฉาหญิงสาวที่ผิวขาว แต่ตัวเองมีขนคล้ำ ก่อนจบลงด้วยสาวผิวขาวกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผมลองตามรอยเข้าไปหาข้อมูลต่อไปอีกว่าผลิตภัณฑ์นี้มันคืออะไร ก็พบข้อความบรรยายว่าผลิตภัณฑ์ชนิดนี้เป็นสารสกัดจากธรรมชาติเพื่อบำรุงผิวให้สวยใส มีสารต้านอนุมูลอิสระ และยังมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ผิวทำให้ผิวขาวอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็บรรยายว่ามีส่วนประกอบสามัญประจำบ้านที่เราแทบจะพบในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนานาชนิด และตามเคยนอกจากจะบรรยายว่าผิวขาวแล้ว ยังตามมาด้วยการอ้างสรรพคุณมากมายทั้งผอม ลดน้ำหนัก ป้องกันกระดูกพรุน ป้องกันมะเร็งลำไส้ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด ป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่ผิดกฎหมายเพราะเป็นผลิตภัณฑ์อาหารแต่โฆษณาโอ้อวดสรรพคุณจนเข้าข่ายผลิตภัณฑ์ยา ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อผมลองสืบค้นไปเรื่อยๆ พบว่าข้อมูลเหล่านี้มีการแพร่กระจายไปตามเว็บอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับการขายสินค้าอีกมากมาย กระทั่งเว็บเกี่ยวกับการศึกษาของเด็กๆ  ผมเข้าไปเจอกระทู้ที่เด็กมัธยมปลายเข้าไปถามในเว็บว่า มีใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์นี้แล้วได้ผลอย่างไรบ้าง ตามด้วยข้อความที่มีคนมาตอบกระทู้มากมายหลากหลาย ทั้งเชียร์ให้ใช้และห้ามไม่ให้ใช้  จนผมต้องไล่ตามไปอธิบายข้อเท็จจริงในที่ต่างๆ   ไม่กี่วันผมเห็นโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอีกยี่ห้อ โฆษณาในทำนองเดียวกัน เน้นผิวขาวดุจประกายมุก แถมใช้ภาพประกอบเป็นหอยมุกสดๆ แหกฝาให้เห็นเม็ดมุกอยู่ข้างใน  ถึงผมไม่ใช่ผู้ชำนาญเรื่องหอย แต่ก็อดตะลึงไปกับความคิดสร้างสรรค์ของคนทำโฆษณาไม่ได้ ไม่รู้บอกอย่างไรดี โฆษณาทั้งสองชิ้นที่เล่ามา ดูผ่านๆ อาจไม่ผิดกฎหมาย เพราะมันแล้วแต่ใครจะตีความ แต่จากการตามรอยผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโฆษณา มันมีอิทธิพลให้เด็กๆ หรือคนบางกลุ่มโน้มเอียงที่จะหลงเชื่อ แถมผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีวางขายเกลื่อนตามร้านสะดวกซื้ออีกด้วย ผู้ใหญ่ท่านใดเห็นโฆษณาชิ้นนี้คอยเหลือบดูแลบุตรหลาน คนใกล้ตัวด้วยนะครับ เพราะโฆษณาปัจจุบันนี้มันเนียนมาก มันไม่ใช้ดารามาแนะนำอย่างเดียวแล้วครับ มันมีหลายวิธีที่จะใช้ชักจูง ไม่เว้นแม้กระทั่งหมีและหอย...แถมคนก็ดันหลงเชื่อเสียด้วย...กรรมจริงๆ  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 151 ระวังสเต็มจะมาเซลล์จนหมดตัว

อมใต้ลิ้น ละลายทันที ซึมเข้าระบบ เข้าไปฟื้นฟูเซลล์ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้ร่างกายดีขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ข้อความนี้ไม่ใช่โฆษณายาอมแก้ไอมะแว้ง หรือยาโรคหัวใจแบบอมใต้ลิ้นที่หลายคนรู้จัก แต่มันคือข้อความโฆษณาผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่ง ใช้วิธีส่งมาทางอีเมล์ของหลายต่อหลายคน ผู้โฆษณาบอกว่าเขาเป็นเจ้าแรกที่นำ ผลิตภัณฑ์สเต็มเซลล์ ชนิดรับประทานเข้ามาจำหน่าย โดยบรรยายสรรพคุณว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รางวัลชนะเลิศจากต่างประเทศ บรรดาคนดังของโลก ตลอดจนดาราภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ดต่างก็รับประทาน เพราะเมื่อรับประทานไปแล้ว จะทำให้หน้าอ่อนลง 10 ปี หน้าใส รูปหน้ากระชับ เนียนเรียบตื้นทันใจภายใน 1 เดือน แถมยังคุยโวเกทับผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่นๆ ที่ผสมสารกลูต้าไธโอนหรือคอลลาเจนอีกว่า ผลิตภัณฑ์ของตนเห็นผลเร็วกว่า หลังจากนั้นก็พรั่งพรูด้วยสรรพคุณอวดอ้างสามัญประจำบ้านอีกมากมาย อาทิเช่น  เบาหวานหาย ความดันหาย ปวดเข่าหาย ผมร่วงหาย ปวดหัวหาย หลังจากอ่านสรรพคุณที่โอ้อวดจนเพลิน ผมก็สะดุดกับข้อความที่บอกว่า ผลิตภัณฑ์ของเขาคือ สเต็มเซลล์ของต้นแอปเปิ้ล และต้นองุ่น  อ้าวไปกันใหญ่แล้ว จู่ๆ เซลล์ต้นกำเนิด หรือ สเต็มเซลล์ ของเนื้อเยื่อชนิดต่างๆ ในร่างกายไหงกลายเป็นสเต็มเซลล์ของพืชไปแล้ว มั่วได้ใจจริงๆ ยิ่งมาอวดอ้างว่ารับประทานโดยอมใต้ลิ้น ขอบอกให้โลกรู้เลยนะครับว่า เท่าที่ทราบมา ผลิตภัณฑ์สเต็มเซลล์ มันไม่มีแบบรับประทาน แล้วไอ้ที่อ้างว่าได้ผลต่างๆ น่ะ แค่ กลืนลงท้อง น้ำย่อยในกระเพาะอาหารก็ฟัดซะย่อยยับแล้ว กำลังคิดว่าจะนำข้อมูลไปเตือนผู้บริโภคอย่างไร สายตาดันเหลือบไปเห็นข้อความในย่อหน้าต่อมาอีกว่า   บริษัทของเราเพิ่งนำเข้ามาเมื่อปลายปี 2555 และแนะนำข้อมูลของบริษัทและเลขทะเบียน สคบ.อีกด้วย ตามมาด้วยข้อความว่าการันตีคุณภาพว่า “ประกันภัยสูงถึง 30 ล้านบาท ถ้ากินแล้วอันตรายถึงแก่ชีวิต” ตรงนี้แหละที่เล่นเอาผมสะดุ้ง เพราะหากผู้บริโภคที่รู้ไม่เท่าทัน อ่านผ่านๆ อาจเข้าใจไปผิด ผมขออธิบายง่ายๆ แบบนี้ครับ ที่อ้างเลขทะเบียน สคบ.น่ะ ไม่ได้หมายถึงเลขทะเบียนผลิตภัณฑ์นะครับ มันหมายถึงบริษัทนี้ไปจดทะเบียนทำธุรกิจขายตรงกับ สคบ. ตามที่ สคบ.เขากำหนดว่า ใครจะทำธุรกิจขายตรงต้องไปยื่นจดทะเบียนตามกฎหมายของเขา ส่วนประกันภัย 30 ล้านบาทน่ะ ดูให้ดีนะครับ มันประกันภัยบริษัทหรือประกันว่าหากรับประทานแล้วตายโหงกันแน่ กำลังคิดว่าจะอธิบายต่ออย่างไร ดันเหลือบไปเห็นย่อหน้าท้ายๆ โปรยข้อความชวนเชื่ออีกว่า ขนาดยังไม่เปิดเป็นทางการ ผู้สมัครกับบริษัทเรา ยังสามารถทำรายได้ 2.5 ล้าน 1 ท่าน ยังไม่พอครับ มีอีก 1 ท่านทำรายได้ 2.1 ล้าน และมีถึง 4 ท่านทำรายได้ 1 ล้านกว่าๆ แถมยังยกตัวอย่างตนเองด้วยว่า แค่ปลายปีตนได้รายได้จากการจำหน่ายถึง 150,000 บาท แม่เจ้าไม่กล้าโว๊ย! ถ้ามันกำไรขนาดนี้ ผมคงต้องไปกระซิบรัฐบาลให้เลิกโครงการต่างๆแล้วให้พลเมืองไทยทุกคนทำธุรกิจนี้ มิดีกว่าหรือ ยังไงช่วยกันเตือนสติคนรอบข้างอย่าได้หลงเชื่อนะครับ โฆษณาสรรพคุณอวดอ้างเกินจริงจนเคลิ้มยังไม่พอ ยังเอารายได้มหาศาลมาโน้มน้าวให้ผู้คนระทวยอีก ใครไม่มีสติพออาจโดนสเต็มเซลล์ มาเซลล์จนหมดตัวได้นะครับ  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 150 ยาฤาษีทั้งทีก็ต้องมีอภินิหารสิ

น้องเภสัชกรจากโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่งในจังหวัดน่าน ลงไปทำงานตรวจแนะนำร้านชำในหมู่บ้าน พบว่า ร้านชำบางร้านมียาแผนโบราณชนิดหนึ่งวางจำหน่าย ฉลากของยาดังกล่าวแสดงข้อความว่า ยาธาตุตราฤาษี น้องเภสัชกรท่านนี้เห็นจุดที่แปลกพิสดาร ไม่แน่ใจว่าตั้งใจจะให้แปลกหรือเป็นอภินิหารของยาฤาษี เลยแจ้งเรื่องมาให้ผมทราบเพื่อป่าวประกาศให้ผู้อ่านได้รู้เพื่อจับตาเฝ้าระวัง ยานี้ มีเอกสารประกอบยา แสดงข้อความว่า ยาธาตุตราฤาษี แม้จะระบุสรรพคุณไปในแนวด้านแผนโบราณ แต่ก็ระบุสรรพคุณหลายอย่างชอบกล ทั้งโรคกษัย บำรุงสมอง บำรุงตับ บำรุงหัวใจ ไล่ไปถึง แก้ปวด บวมพอง โรคเหน็บชา แก้ท้องร่วง ท้องเดิน บิด รวมทั้ง แก้ไอ ไอหืด ไอหอบ ไอปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ เอ้อ....สรรพคุณอย่างหลังๆ นี่มันทะแม่งๆหรือเปล่าครับ เพราะดูส่วนประกอบที่แสดงบนฉลากก็ไม่ได้มีอะไรมากนัก นอกจากสมุนไพร 5 อย่าง ทำไมรักษาได้หลายโรคอย่างนี้ หรือมันคืออภินิหารของท่านฤาษี นอกจากนี้ ในเอกสารกำกับยา ยังมีคำอธิบายว่า “เนื่องจากมีผู้ทำเทียมและทำยาปลอมเป็นจำนวนมาก จึงถ่ายรูปตราฤาษีติดรูปเจ้าของ เป็นเครื่องหมายการค้าให้จำได้แม่นยำ” บอกกันตรงๆ เลยว่าขายดีจนมีคนทำเทียมและเลียนแบบ? ยาชนิดนี้ หากดูเผินๆ ก็น่าจะเป็นยาแผนโบราณทั่วๆ ไป แต่จุดที่น่าสงสัยคือ ยาจะขายเป็นห่อ ในหนึ่งห่อมีประมาณ 30 เม็ด มีฉลากที่ห่อระบุว่าผลิตจากจังหวัดแพร่ แต่ในเอกสารประกอบการขายกลับเขียนคลุมเครือ ให้สับสนเพราะมีสถานที่ให้ติดต่อที่จังหวัดน่าน ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่คนที่จำหน่ายทำข้อความเพิ่มเติม แต่ที่ผิดกฎหมายแน่ๆ คือ ยาแผนโบราณก็ต้องขายในร้านขายยาแผนโบราณ ไม่ใช่มาเร่ขายตามร้านชำ ดังที่ เจ้าของร้านชำบอกว่า “ร้านค้าในเมืองจะเป็นผู้นำยามาส่ง ใช้แล้วกินดี เจริญอาหาร ราคาที่รับมาไม่มีใครจำได้แต่ขายเม็ดละ 10 บาท ห่อหนึ่งมีประมาณ 30 เม็ด” จุดที่ไม่ถูกต้องอีกประการหนึ่งคือ ฉลากยามีข้อมูลไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งเลขทะเบียนตำรับยา ส่วนประกอบ สรรพคุณ วันผลิต วันหมดอายุ ส่วนในเอกสารประกอบยา แม้จะมีข้อความว่าได้จดทะเบียนแล้ว พร้อมแสดงหมายเลขต่างๆ แต่ข้อความก็ไม่สอดคล้องกับที่กฎหมายกำหนดให้ใช้ เพราะกฎหมายจะระบุว่าต้องใช้คำว่า ทะเบียนตำรับยา ซึ่งเป็นจุดที่มีพิรุธให้สงสัยอีกว่าเข้าใจผิด หรือได้รับการจดทะเบียนจริงหรือไม่ เพื่อเป็นการทดสอบอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ น้องเภสัชกรท่านนั้นจึงดำเนินการส่งเรื่องให้ทั้งจังหวัดแพร่ และจังหวัดน่านติดตามตรวจสอบแล้ว หากท่านผู้อ่านเจอยาที่มีอภินิหารทำนองนี้ รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อช่วยกันตรวจสอบด้วยนะครับ จะได้ไม่ต้องเสียงภัยจากอภินิหารที่ไม่คาดฝัน  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 149 กระชายดำบำรุงกำลัง

สมุนไพรไทยมีดีไม่แพ้ชาติใดในโลก ถึงตอนนี้ใครๆ กำลังให้ความสนใจ “ถั่งเช่า” ที่ถูกกล่าวขานว่ามีสรรพคุณสุดยอดบำรุงกำลังและ ...ก็ตาม แต่ของแท้มันแสนจะหายาก และราคาแพงเว่อร์ มาลองสมุนไพรไทยที่ฮิตกันมาช่วงหนึ่งแต่เพิ่งจะซากระแสไป “กระชายดำ” นั่นเอง โดยทั่วไปเราก็กินกระชายเป็นอาหารกันมานานแล้ว แต่เป็นกระชายเหลือง ส่วนกระชายดำจะมีลักษณะหัว กลิ่นและรสชาติ ไม่เหมือนกับกระชายเหลือง คือกระชายดำจะมีกลิ่นฉุนและแรงกว่า จึงเหมาะจะใช้ทำเป็นยาสมุนไพรมากกว่าทำอาหาร กระชายดำ จะเรียกว่า โสมไทย ก็ได้ เชื่อกันว่าเป็นยาสมุนไพรอายุวัฒนะชั้นหนึ่งมาแต่โบราณ  เป็นสมุนไพรลับของชาวเผ่าม้ง ซึ่งมักพกติดตัวไว้ในย่ามแทบทุกคน เพื่อใช้กินแก้ปวดเมื่อย เหนื่อยหอบ หืดหอบ ที่สำคัญเชื่อว่าเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้เป็นอย่างดี และถือว่าเป็นความลับประจำเผ่ามาหลายร้อยปี แต่ความลับไม่มีในโลก กระชายดำได้กลายเป็นพืชสมุนไพรเศรษฐกิจไปเรียบร้อยโรงเรียนไทย โดยเฉพาะแหล่งเพาะปลูกสำคัญอย่างจังหวัดเลย สรรพคุณของกระชายดำมีมาก ตั้งแต่รากเหง้า เป็นยาขับปัสสาวะ  ขับลม แก้บิด แก้ท้องอืดเฟ้อ แก้โรคกระเพาะอาหาร โดยใช้รากเหง้าดองกับสุราขาว หรือนำไปตากแห้งแล้วบดเป็นผงใช้ผสมน้ำสุกรับประทาน หรือผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอนขนาดประมาณเม็ดพุทรารับประทานทุกวันเป็นยาอายุวัฒนะ กระตุ้นประสาททำให้กระชุ่มกระชวย และเป็นยาบำรุงกำลัง ปัจจุบันนอกจากใช้กระชายดำเพื่อประกอบเป็นตัวยาโดยตรงแล้ว ยังนำไปบดเป็นผง บรรจุซองชงน้ำร้อนดื่มบำรุงสุขภาพ ใช้ดองดื่มเพื่อให้เกิด ความกระชุ่มกระชวย ทำลูกอมและที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน คือ ทำไวน์กระชายดำสินค้าโอท็อปชั้นดี แม้ยังไม่มีรายงานการศึกษาเรื่องสรรพคุณด้านชูรักชูรส แต่ด้วยราคาไม่แพงมีเงินเป็นร้อยก็หาซื้อได้ ทำให้ตลาดกระชายดำมาแรง อย่างไรก็ตามถ้าไปถามนักวิชาการ ยังไม่กล้ายืนยันเรื่องสรรพคุณทางเพศเพียงแต่ บอกเป็นนัย ๆ ว่าเป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้กระชุ่มกระชวย แต่พึงต้องระวังเรื่อง สรรพคุณร้อน ของกระชายดำ ดังนั้นผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงต้องระวัง

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 149 ผลิตภัณฑ์จตุรเทพ

ยุคนี้เขาฮิตอะไรเป็นชุดๆ ขนาดละครโทรทัศน์ยังมีคุณชายจุฑาเทพให้สาวๆ คลั่งไคล้ วงการผลิตภัณฑ์สำหรับดูดเงินผู้บริโภคจะช้าอยู่ใย ขอมีผลิตภัณฑ์จตุรเทพโฆษณาว่าทำให้สุขภาพดี ใน 4 ขั้นตอนกับเขาบ้าง ขั้นตอนที่ 1 (คุณชายใหญ่) ฟื้นฟูระบบดูดซึมโดยใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มน้ำผลไม้ที่ผสมจากผลไม้นานาชนิด อ้างว่าจะช่วยกำจัดและขัดล้างสารพิษที่สะสมอยู่ในลำไส้ด้วยวิธีธรรมชาติ โถ..คุณชายใหญ่ครับ ผมนึกว่าอะไร ที่แท้มันก็คือส่วนผสมของน้ำผลไม้ต่างๆ เช่น น้ำองุ่น น้ำฝรั่ง น้ำสตรอเบอร์รี่ดิบ น้ำแอปเปิ้ลเขียว  น้ำมะม่วงแก้วดิบ  น้ำผึ้ง  น้ำมะละกอดิบ น้ำมะขามป้อมดิบ น้ำลำไย น้ำสับปะรดดิบ แต่พอเอามารวมๆ กัน ดันมาโฆษณาว่ามีสรรพคุณมากมาย เช่น ลดไขมันในเส้นเลือด ลดภาวะสมองเสื่อม ป้องกันโรคกระดูกผุ  แต่คุณชายคงกล้าๆกลัวๆ จะผิดกฎหมาย เลยแอบมีข้อความว่า “ไม่ใช่ยารักษาโรค ช่วยบรรเทาและป้องกันเบื้องต้น” โธ่คุณชายใหญ่ครับ ที่โฆษณามาตั้งเยอะน่ะ มันบอกว่าเป็นยารักษาโรคอยู่โทนโท่แล้วขอรับ ขั้นตอนที่ 2 (คุณชายรอง) ปรับสมดุลระบบหมุนเวียนโลหิต ด้วยน้ำมันสกัดเมล็ดองุ่น คุณชายรองท่านบอกว่า มีสารอาหารสำคัญที่จะฟื้นฟูระบบโลหิต  กำจัดอนุมูลอิสระในเส้นเลือด ทำให้นำส่งสารอาหารที่มีประโยชน์ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังมาย้ำให้ระกำใจเล่นๆ อีกว่า “ระบบเลือดไม่ดี กินของดีแทบตายก็ไม่เห็นผล” ผู้บริโภคอย่างผมอ่านดูแล้วมันทะแม่งๆ เพราะ คุณชายรองดันเอาข้อความที่อ้างว่าผู้ใช้บอกว่า รับประทานเพียงไม่นานเส้นเลือดขอดที่ขาก็เริ่มจางลงและหายไปใน 2 เดือน หรือคนที่เป็นไมเกรนทานเพียงสองสัปดาห์ อาการไมเกรนก็หายไปอย่างน่าตกใจ อย่าว่าแต่คุณชายรองจะตกใจเลยครับ ผมก็ตกใจเหมือนกันว่ามันเป็นไปได้อย่างไรขอรับ ขั้นตอนที่ 3 (คุณชายกลาง) สลายไขมันด้วยสารสกัดจากสาหร่าย คุณชายหมอแกมาช้าแต่ออกตัวแรง เพราะโฆษณาว่าสาหร่ายของแกจะเข้าไปดึงไขมันส่วนเกินมาเผาผลาญใหม่ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกร้อนวูบวาบเหมือนออกกำลังกาย ต้องดื่มน้ำเปล่าวันละ 2-3 ลิตร เพื่อช่วยขับไขมันจากร่างกาย โอ้..คุณชายหมอครับ ตำราแพทย์ที่ไหนเขาสอนแบบนี้น่ะ ทั้งดึงไขมัน ทั้งร้อนวูบวาบ ทั้งดื่มน้ำเป็นลิตรๆ เดี๋ยวยึดใบประกอบวิชาชีพคืนนะขอรับ ขั้นตอนที่ 4 (คุณชายเล็ก) ต้องกระชับสัดส่วนและดูแลสุขภาพด้วยกาแฟที่ผสมอะไรต่ออะไรมากมาย เช่น คอลลาเจน สารสกัดจากเมล็ดองุ่น สารสกัดจากถั่วขาว สารสกัดจากต้นตะบองเพชร เห็ดหลินจือ ผงใบมะรุม ฯลฯแถมยังโฆษณาอีกว่าที่ใส่ๆ น่ะมีประโยชน์มากมาย เช่น ขับพิษ บำรุงหัวใจ ลดโคเลสเตอรอล ต่อต้านมะเร็ง เฮ้อ..ผมอ่านมาตั้งนาน ถึงบางอ้อว่ามาอีหรอบเดิมอีกแล้ว ไปๆ มาๆ ผลิตภัณฑ์จตุรเทพ มันก็คือผลิตภัณฑ์พหุเทพไปแล้ว เพราะมีการอวดอ้างสรรพคุณมากมาย ผู้บริโภคอย่างเราต้องมีวิจารณญาณนะครับ ลุ่มหลงคุณชายจากวังจุฑาเทพน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าลุ่มหลงและหลงเชื่อผลิตภัณฑ์จตุรเทพ อาจเสียทั้งเงินและเสียสุขภาพด้วยนะขอรับ  

อ่านเพิ่มเติม >