ฉบับที่ 137 ขิงซ่า เผ็ด แต่ดี

พี่น้องตระกูลขิงมีมากมาย จนบางครั้งเราไม่ทันรู้ว่าเขาคือเครือญาติเหล่าก่อเดียวกัน ขิง ข่า ขมิ้นชัน ขมิ้นขาว กระชาย ไพล ฯลฯ แม้แต่ดาหลาที่นิยมเป็นไม้ประดับก็ร่วมตระกูลขิง พืชวงศ์นี้จึงมีความสำคัญในด้านอาหาร เครื่องเทศ ยาสมุนไพร ไม้ประดับ ซึ่งถือว่าเป็นพืชเพื่อสุขภาพและเศรษฐกิจในปัจจุบันเลยทีเดียว ขอเริ่มที่ ขิง ชื่อพืชที่เป็นตัวแทนของวงศ์ตระกูลนี้ พบว่าไม่ใช่แค่คนไทย จีน แขก และชาวตะวันออกที่นิยมชมชอบใช้ขิงเท่านั้น แต่มีการศึกษาเรื่องขิงกันทั่วโลก ทั้งฝรั่งและชาวเกาะต่างๆ ก็ใช้ขิงกันเรื่อยมา ที่สำคัญยกย่องให้ขิงเป็นสมุนไพรหรือเครื่องเทศมหัศจรรย์เสียด้วย เพราะขิงใช้ประโยชน์ได้มากมายสารพัด แต่เรามาคุยกันเฉพาะที่เกี่ยวกับอาการไม่สบายที่มักมากับฝนในฤดูนี้ คือ อาการไอ ระคายคอ มีเสมหะ รวมถึงเป็นหวัด ซึ่งขิงสำแดงฤทธิ์ได้เพราะมีการศึกษาพบว่าในขิงจะมีกลุ่มสารที่เรียกว่า GINGEROL และ SHOGAOL ช่วยออกฤทธิ์พิชิตโรคนั่นเอง   ทุกคนที่เคยดื่มน้ำขิงย่อมรู้ซึ้งถึงรสเผ็ดร้อน ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่เป็นน้ำมันหอมระเหยที่มีสรรพคุณดีๆ มากมาย แต่ถ้ามองมุมหลักวิชาตำราไทยบอกว่า ขิงช่วยบำรุง“ธาตุอากาศ” ถอดความให้เด็กคนรุ่นใหม่ได้ว่า ฤทธิ์เผ็ดร้อนของขิง จะช่วยขยายช่องทางเดินของเลือดลมทั่วร่างกายนั่นเอง คนแต่โบราณจึงดื่มน้ำขิงเพิ่มความอบอุ่นภายในร่างกาย หรือช่วยขับเหงื่อให้ร้อนขับไล่ไข้หวัดได้อย่างดี วิธีกินที่ดีที่สุดต้องใช้ขิงสด ขิงผงสำเร็จรูปเป็นเพียงเครื่องดื่มยามว่าง ถ้าต้องการฤทธิ์ยาสมุนไพรควรปรุงจากเหง้าขิงสด ใช้ขิงแก่สด 1-2  เหง้าทุบพอแตก ต้มกับน้ำ เทใส่ถ้วยผสมน้ำตาลทรายแดงเล็กน้อย หรือนำขิงสดฝานเป็นแว่นๆ ถ้าใช้สดก็ 2-3 แว่น ชงกับน้ำร้อนปิดฝาทิ้งไว้พออุ่นๆ จึงนำมาดื่ม หรือนำขิงที่ฝานแล้วนำไปตากแดดให้แห้ง เก็บใส่ภาชนะไว้ เมื่อใช้นำขิงแห้ง 1 หยิบมือ มาชงกับน้ำร้อนๆ ปิดฝาทิ้งไว้ 10-15 นาที เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ และรอให้ยาอุ่น อาจผสมน้ำตาลทรายแดงแต่งรสได้เช่นกัน บางครั้งจะใช้วิธีต้มน้ำขิงโดยใส่น้ำตาลแดงหรือน้ำตาลอ้อยลงไปต้มพร้อมกันได้ เวลากินให้แบ่งมาดื่มกินตลอดวัน เป็นเครื่องดื่มร้อนๆ แทนน้ำชากาแฟ ในวันที่ไม่สบายจะช่วยให้หายไว แต่ถ้าใครที่ชอบรสจัดเผ็ดซ่าถึงใจ แนะให้ปอกเปลือกขิงสดออก ใช้ 1-2 เหง้านำไปปั่นคั้นเอาแต่น้ำ เวลาปั่นให้เติมน้ำสะอาดลงไปสัก ๑ แก้ว จะได้ปั่นง่ายและได้น้ำยาขิงออกมาง่าย น้ำคั้นขิงสด รสชาติเผ็ดและเข้มข้นมาก กินเปล่าๆ ไม่ได้ ให้เติมน้ำเปล่า น้ำส้ม น้ำมะนาว และน้ำผึ้งหรือน้ำตาล แต่งรสตามใจชอบและช่วยลดความเผ็ดร้อนของขิงสดลง ยานี้ใช้จิบกินตลอดวัน แก้ไข้หวัด และแก้ไอ เจ็บคอ ลดเสมหะได้ชะงัดนัก แม้ว่าไม่มีไข้ ไม่มีอาการไอใดๆ น้ำขิงที่แนะนำก็ควรทำดื่มในฤดูฝนเช่นนี้เป็นประจำ เพราะช่วยปรับสมดุลร่างกายรับมือกับอากาศเปลี่ยนและลมชื้นๆ จากฝนได้ นอกจากนี้ ขิงยังช่วยแก้อาการคลื่นเหียนอาเจียน และมีความปลอดภัยใช้กับหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการอาเจียนจากการแพ้ท้องได้ ขิงยังช่วยลดอาการปวดข้อ หรือข้ออักเสบ ซึ่งขณะนี้เป็นกันมากในผู้สูงอายุ ช่วยการหมุนเวียนโลหิต ลดความดัน ลดโคเลสเตอรอลได้ แม้ขิงจะมีดีมากมาย แต่ในยามวิกฤติและรับมือภัยพิบัติที่ต้องเตรียมพร้อมเสมอ สรรพคุณเบสิกพื้นฐาน คือ ขิงกินแล้วช่วยย่อยอาหาร แก้อาการท้องอืดเฟ้อ เตรียมตากแห้งขิงเก็บไว้ ภัยไม่มาก็มีไว้ชงดื่มกินเล่นสบายใจได้ทั้งปี

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 137 ยาหลอก ขายลวง

นายมี(นามสมมุติ) ป่วยเป็นโรคสะเก็ดเงินมานานหลายปี ชะรอยไม่รู้ว่า ฟ้าโกรธหรือสวรรค์แกล้งกันแน่ วันหนึ่งจึงมีญาติมาแนะนำให้รู้จักพ่อค้ายาเร่คนหนึ่ง ซึ่งอวดอ้างตนเองว่าเป็นหมอ มียารักษาโรคได้ทุกชนิด (ฟังดูแล้วประหนึ่งดั่งหมอเทวดา) พอพ่อหมอเทวดารายนี้ทราบว่านายมีเป็นโรคสะเก็ดเงินก็บอกว่า “สบายมาก เอาอยู่ หายแน่นอน” นายมีได้ฟังก็ถึงกับเคลิบเคลิ้มเพราะตนก็ป่วยมาหลายปี แม้จะรับประทานยาแผนปัจจุบันมาแล้ว แต่มันก็แค่ควบคุมอาการได้เท่านั้น เมื่อมีคนมาบอกว่ารับรองหายขาดมีหรือจะไม่เคลิ้มอยากเอาอยู่ให้ได้ พ่อค้ายาเร่รายนี้ จึงขอให้นายมีจ่ายเงินสดมาก่อน 5,000 บาท เพื่อเป็นค่ายกครู แล้วได้มอบยาให้กับนายมีจำนวนหนึ่งชุดซึ่งในหนึ่งชุดประกอบไปด้วย ยา 4 ถุง (ถุงที่ 1 เป็นส่วนต่างๆ ของต้นไม้ ให้นายมีนำไปต้มกินเอง ถุงที่ 2 เป็นยาผงสีส้ม ถุงที่ 3 เป็นยาลูกกลอนสีดำ และยาเม็ดสีเหลือง ส่วนถุงที่ 4 เป็นยาลูกกลอนสีดำ ยาเม็ดสีแดง และยาเม็ดสีเขียว ฉลากมีข้อความระบุว่า “สถานที่ผลิตยาและจำหน่ายยาแผนไทย (ร้านทองอินทร์เภสัช) ระบุสถานที่อยู่ที่จังหวัดมหาสารคาม พร้อมทั้งมีเบอร์ให้ติดต่อกลับ) ก่อนจากไป พ่อค้ายาเร่คนนี้บอกว่าจะกลับมาอีกครั้ง หากนายมีอาการดีขึ้น และจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม 5,000บาท เพื่อเป็นค่ายาชุดต่อไป   คล้อยหลังไปเพียง 2-3 วัน พ่อค้ายาเร่(ที่ทำท่าจะกลายเป็นพ่อค้ายาเล่ห์) ก็ได้กลับมาอีกครั้ง พร้อมขอให้นายมีจ่ายเงินให้อีก 5,000บาท นายมี(ที่เริ่มจะเป็นนายไม่มี เพราะไม่มีเงินหลงเหลือแล้ว) จึงบอกว่ายาที่กินเข้าไปยังไม่ทันรู้ผล จะมาเร่งเอาเงินอะไรอีก และไม่ยอมให้เงินไป แต่กลับเอายามาให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขตรวจสอบ ซึ่งผลจากการตรวจสอบยาเหล่านี้ด้วยชุดทดสอบเบื้องต้น พบว่ายาเม็ดสีดำในซองที่ 3 (ซองขวามือในรูป) และยาเม็ดสีแดง และเม็ดสีเขียวในซองที่ 4 (ซองซ้ายมือในรูป) ล้วนพบสารสเตียรอยด์ทั้งหมด ขณะนี้ไม่ทราบว่าพ่อค้ายาเล่ห์รายนี้ ได้เร่ไปขายยาแถวไหนบ้าง แต่ที่แน่ๆ เขาได้หายไปจากหน้านายมีเรียบร้อยแล้ว จึงขอฝากเตือนไปยังผู้บริโภคทั้งหลาย ให้ตั้งสติ แผ่เมตตาให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจาก ยาหลอกที่ขายลวงกันด้วยนะครับ และถ้าอยากได้บุญมากยิ่งขึ้น หากเจอก็ขอให้แจ้งตำรวจไปตรวจสอบได้เลย..สาธุ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 136 ปอกกล้วยเข้าปาก

อารมณ์ค้างกันบ้างหรือเปล่า ? ค้างจากความรู้สึกว่าของแพง?  ค้างจากน้ำมันแพง? ค้างจากค่าแรงไม่ได้ขึ้นครบทุกจังหวัด? บางคนค้างเพราะท่าน สส.ผู้ทรงเกียรติไม่ยอมนำกฎหมายองค์การอิสระเพื่อผู้บริโภคเข้าสภาเพื่อพิจารณาวาระสุดท้ายซะที? และค้างๆ กับอะไรอีกมากมาย ต่อไปนี้ถ้าอารมณ์ไม่ดี อย่าไปหวังอะไรกับใคร ให้หวังพึ่งตนเองหรือหวังเพื่อนๆ ช่วยไปซื้อกล้วยมากินดีกว่า (อิอิ) มีการสำรวจตรวจพบว่าในกลุ่มคนที่มีอาการซึมเศร้าเหงาหงอย หลายรายเมื่อหม่ำกล้วยเข้าไปแล้วรู้สึกเบิกบานใจขึ้นมาได้ ไม่ใช่เพราะกล้วยมีนางตานีที่ไหนมาเสกเป่าให้เราหายเซ็ง แต่ในกล้วยเนื้อนุ่มๆ นั้น มีสารที่เป็นส่วนประกอบที่เรียกว่า Tryptophan (ทริปโทแฟน) ที่เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ร่างกายของเราย่อยแล้วจะเปลี่ยนเป็นสาร Serotanin (เซโรทานิน) ซึ่งเป็นสารที่เรียกกันว่า สารแห่งความสุข คือ จะช่วยทำให้ร่างกายผ่อนคลาย จึงช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นและก็มีความสุขขึ้น   ต่อไปไม่ว่าจะสถานการณ์ฉุกเฉินหรือในวันปกติ ถ้าคนไทยเปลี่ยนนิสัยซื้อขนมของฝากมาเป็นสารพัดกล้วยก็น่าจะดี ยกเว้นกล้วยแขกที่เขาแข่งกันขายตามสี่แยกรอรถติด พี่กล้วยแขกแบบนี้นานๆ กินที่จะดีกว่า อาหารทอดๆ นั้นอร่อยแต่ก็ได้ไขมันเพิ่ม กล้วยที่น่าเป็นของฝากตั้งแต่ กล้วยปิ้งทับแบนๆ แยกน้ำเชื่อมหวานๆ ให้คนที่ไม่ชอบหวาน กล้วยตาก แบบตากลูกกลมๆ ลูกแบนๆ ก็อร่อยใช้ได้ หรือจะเป็นผู้นำกระแสหิ้วกล้วยน้ำว้าสดไปฝากเป็นหวี ดี เท่ ช่วยเกษตรกรโดยตรงด้วย นอกจากช่วยให้อารมณ์ได้ทั้งวันแล้ว ใครที่เครียดจัดมานานจนโรคกระเพาะอาหารอาศัยในตัวแล้ว ขอบอกว่ากล้วยก็ยังทำหน้าที่ปัดเป่าอาการโรคกระเพาะได้อย่างดี จนกระทรวงสาธารณสุขยกระดับยาจากกล้วยผงใส่แคปซูล ให้เป็นยาในบัญชียาหลักของชาติด้วย ใครสะดวกหาซื้อยากล้วยก็เชิญ แต่ถ้าไม่ต้องซื้อก็ทำกินเองได้ ให้ผลการรักษาไม่แพ้กัน ขอให้กินสม่ำเสมอเท่านั้น มี 2 วิธี แบบทำเป็นยาเก็บไว้ใช้ได้ พกพาสะดวก ให้หากล้วยน้ำว้าดิบ ดิบหมายความว่าดิบๆ ไม่ใช้ที่เรียกว่าห่ามๆ กึ่งสุกกึ่งดิบนะ นำกล้วยน้ำว้าดิบมาปอกเปลือก จากนั้นก็ทำการฝานเนื้อกล้วยให้เป็นแผ่นบางๆ นำไปแตกแดดสัก 2 วัน พอแห้งลองหักดูก็รู้ว่ากรอบ แล้วนำไปบดเป็นผงให้ละเอียด เสร็จแล้วใส่ขวดหรือภาชนะที่มีฝาปิดให้สนิท เวลากินใช้ครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ โดยนำมาละลายน้ำหวาน น้ำผึ้ง เครื่องดื่มโกโก้ น้ำเต้าหู้หรือนมก็ได้ แต่ที่คนโบราณเขาใช้คือให้ละลายกับน้ำข้าว ข้อสำคัญควรกินยากล้วยก่อนอาหาร ประมาณครึ่งชั่วโมง กินทุกมื้อ และควรกินก่อนนอนด้วย วิธีที่ 2 ง่ายกว่านี้ แต่ไม่สะดวกในการพกพา ถ้าเปรียบกับโทรศัพท์มือถือก็ต้องแบกเครื่องโตๆ เหมือนเมื่อราว 25 ปีก่อน คือ ต้องพกกล้วยน้ำว้าสดๆ ไปตลอดวัน แต่ถ้าใครวางแผนได้ มีกล้วย 1 หวีที่บ้าน อีกหวีที่ทำงาน เลือดซื้อที่ยังไม่สุกนัก กินไปครบสัปดาห์กล้วยยังไม่งอม ให้กินกล้วยครั้งละ 1-2 ลูก ก่อนอาหารสัก 1 ชั่วโมง ที่ให้ทำแบบนี้เพราะถ้ากินใกล้มื้ออาหารจะกินข้าวไม่ลง เวลากินให้ค่อยๆ เคี้ยวกล้วยให้ละเอียดไม่ต้องรีบเร่งกิน เพราะในกล้วยมีโปรตีนจำนวนมากจะได้ช่วยย่อยในปากก่อนตกถึงกระเพาะด้วย การกินกล้วยสดๆ ได้ผลการรักษาโรคกระเพาะดีไม่แพ้กัน และยังได้สารแห่งความสุขด้วยเช่นกัน โรคกระเพาะหายอารมณ์ก็ดีขึ้น สถานการณ์ภัยอะไรมาก็รับมือได้เสมอ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 136 ผลิตภัณฑ์กินๆ พ่นๆ จนตัวขาว

ไม่รู้ว่าค่านิยมผิวขาวมันเริ่มทะลุทะลวงความรู้สึกของคนไทยมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าเดี๋ยวนี้หันไปทางไหน ก็มีผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวขาวเต็มไปหมด มีชนิดกิน ชนิดทา ชนิดฉีด ทั้งๆ ที่กระทรวงสาธารณสุข ก็ออกมาเตือนกันปาวๆ ว่ามันไม่ได้ผลและยังเสี่ยงอันตรายด้วยซ้ำ แต่ก็พบว่ายังมีผู้บริโภคหลงเป็นเหยื่อเสียเงินซื้ออยู่เรื่อยๆ ทางราชการก็ได้แต่ตามจับ ตามยึดกันแทบไม่ทัน เพราะส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะลักลอบจำหน่ายหรือไม่ก็แอบขายตรงกันเป็นทอดๆ ล่าสุดมีผู้บริโภคแจ้งข่าวว่ามีผลิตภัณฑ์ทำให้ผิวขาวแบบพิสดารทันใจ อีก 2 ชนิด โฆษณาในอินเตอร์เน็ตแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย   ผลิตภัณฑ์ชนิดแรกเป็น “ผลิตภัณฑ์กินกันแดดชนิดรับประทาน” มีลักษณะเป็นแคปซูลบรรจุอยู่ในขวด ขวดละ 60 แคปซูล ราคา 1,450 บาท(ตกประมาณแคปซูลละ 24 บาท แพงไม่ใช่เล่น) อ้างว่าสกัดมาจากเฟิร์นสายพันธุ์พิเศษจากประเทศสเปน สามารถปกป้องรังสียูวี UVA/UVB จากแสงแดด ซึ่งเป็นสาเหตุของความหมองคล้ำ ฝ้า กระ และริ้วรอยก่อนวัย ได้ โดยสามารถปกป้องได้ทั่วทั้งร่างกาย ไปจนถึงเส้นผม หรือแม้กระทั่งเรติน่าที่ม่านตา(อะไรจะสุดยอดขนาดนั้น) วิธีใช้ก็สุดแสนจะพิสดาร เพราะให้รับประทานก่อนออกกลางแจ้ง 2 เม็ด และทานซ้ำ 1 เม็ดหลังจากทาน 2 เม็ดผ่านไปแล้ว 4 ชั่วโมง (ตำราไหนหว่า?) ยังไม่พอนะครับ ยังมีอีก “สเปรย์ผิวขาวทันใจใน 1 นาที” ราคาขวดละ 480 บาท อ้าง (อีกแล้ว) ว่ามีสารสกัดจากไข่มุกธรรมชาติ ที่ช่วยฟื้นฟูให้ผิวขาวกระจ่างใสได้เร็วขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และยังยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว ทำให้ผิวขาวสวยเนียนแบบธรรมชาติ ฯลฯ โดยให้ใช้สเปรย์ที่ผิวกายก่อนสวมเสื้อผ้าประมาณ 2-3 นาที เพื่อเพิ่มประกายวิ้งๆ ดูสวยเก๋แบบรวดเร็ว ในเว็ปไซต์ยังแนะนำว่าฉีดได้ทั้ง ขา ตัว แขน รักแร้ เพื่อปิดรอยไม่พึงประสงค์ หากมีแผลเป็นให้พ่นเน้นบริเวณแผลเป็นนะคะ จะช่วยปกปิดได้อีก ขอเรียนให้ผู้บริโภคทราบเลยครับว่า ผลิตภัณฑ์ทั้งสองชนิด ไม่มีการขึ้นทะเบียนหรือได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแต่อย่างใด ดังนั้นจึงถือได้ว่ายังไม่ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา คุณสาวๆ ที่อยากขาวจึงไม่น่าจะเอาทั้งผิวและชีวิตตนเองไปเสี่ยงนะครับ ยังไงก็ช่วยกันสอดส่องดูแลและตักเตือน แนะนำเพื่อนฝูงอย่าหลงเป็นเหยื่อ “ผลิตภัณฑ์กินๆ พ่นๆ จนตัวขาว” เหล่านี้นะครับ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่่ 135 ฟัก ผักที่ใครๆ ก็รัก

ฟัก หรือบางคนก็เรียก ฟักเขียว ฟักแฟง เป็นพืชตระกูลแตงครับ(Family cucurbits) เครือญาติวงศ์สกุลนี้  ได้แก่ แตงกวา แตงร้าน แตงไท แตงโม แคนตาลูป มะระ บวบ พืชตระกูลนี้คุณสมบัติสำคัญคือ มีน้ำอยู่ในเนื้อตัวมากกว่า 90 % กินแล้วเย็น ดับอาการร้อนได้ดี ไม่ค่อยจะเคยเห็นใครปฏิเสธกินฟัก จะต้มจืดซี่โครงไก่(เมนูสุดประหยัดของอดีตนายกรัฐมตรีไทยท่านหนึ่ง) แกงเผ็ด ตุ๋นกับมะนาวดอง หรืออ่อมแบบอีสาน ก็อร่อยลิ้นกลืนคล่องคอทั้งนั้น แม้แต่เด็กๆ ก็ชอบเพราะ ฟักไม่ขม การเริ่มต้นให้เด็กรักชอบกินผัก ควรเริ่มด้วยฟักนี่แหละ หยิบฟักมาเขียนครั้งนี้ ก็เพราะเห็นถึงคุณสมบัติที่โดดเด่นอีกอย่างของฟัก คืออายุงานครับ ฟักสามารถเก็บไว้ได้นานมาก ซื้อมาผลหนึ่งใหญ่ๆ นี่เก็บไปได้เป็นเดือนเวลาจะทำกับข้าวก็ฝานเฉือนออกมา ที่เหลือก็เก็บๆ ไว้ทำกินวันหลังได้ ไม่ต้องใช้ตู้เย็นด้วยซ้ำ เพราะฟักนั้นมีเปลือกหนาจึงช่วยให้เก็บรักษาความสดไว้ได้นาน พอนึกถึงตอนน้ำท่วมที่เราอาจต้องแกร่วอยู่ในบ้านนานๆ มีฟักเขียวสักใบสองใบเป็นเสบียงสำรองไว้ สามารถช่วยให้หายเบื่อจากอาหารกระป๋องได้เป็นอย่างดี แค่ต้มน้ำร้อนๆ กับกุ้งแห้ง ก็จัดเป็นเมนูชั้นเลิศได้ทันที ณ เวลานั้น (อันนี้ลองมาแล้ว)   ฟักทำขนมได้ด้วย เป็นผักที่แปลกดี เคยกินน้ำเต้าหู้ไหม ชิ้นฟักที่เชื่อมจนเป็นเกล็ดน้ำตาลเข้ากันได้ดีกับน้ำเต้าหู้มากๆ แต่ระยะหลังหลายเจ้าไม่ค่อยเอามาใส่แล้ว คงต้องการประหยัดต้นทุน เหลือแค่เม็ดแมงลักกับลูกเดือย ต้องไปหากินฟักเชื่อมกับพวกขนมจันอับแทน ผลฟักเป็นยาเย็น กินดับพิษร้อนได้ดี ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยระบาย ในตำรายาอายุรเวทของประเทศอินเดียใช้เมล็ดฟักเขียวแก้ไอ แก้ไข้ กระหายน้ำ และขับพยาธิ น้ำมันจากเมล็ดใช้ขับพยาธิด้วย สำคัญรู้แล้วอย่าเอ็ดไป ผลมีฤทธิ์เพิ่มพลังเพศด้วยนะครับ ส่วนประเทศจีนใช้ฟักเขียวในการรักษาผู้ป่วยความดันเลือดสูงและรักษาอาการอักเสบ ปัจจุบันงานวิจัยใหม่ๆ เกี่ยวกับฟักเขียวยังระบุว่าสามารถต้านและป้องกันมะเร็ง ป้องกันโรคหลอดเลือด และลดขนาดเซลล์ไขมันด้วย สำหรับคนไทยคุณสมบัติเย็นของฟักทำให้เข้าไปอยู่ในพิธีการหลายอย่าง เช่น งานแต่งที่ในเรือนหอจะมีฟักวางไว้ นัยว่าให้มีความชื่นเย็นในการครองคู่ หรือบางทีเวลาทำขวัญเด็กเกิดใหม่ หรือขวัญเดือน หากเป็นเด็กชายก็มีฟักวางคู่กับสมุดดินสอมีนัยว่าให้โตขึ้นเป็นคนใจเย็นรู้คิดรู้ไตร่ตรองอย่างมีปัญญา จะมีก็แต่คนเล่นของ(ไสยศาสตร์) เท่านั้นที่ไม่ชอบฟัก ไม่กินฟัก เพราะถือว่าแสลงทำให้ของในตัวเสื่อม ผิดจากพวกเล่นของแล้ว ฟัก เป็นอะไรที่ใครๆ ก็รัก เว้นแต่เวลาจะพูดคุยกับฝรั่งอย่าไปพูด ฟัก ฟัก มันไม่ดี...เพราะไปพ้องเสียงเป็นคำหยาบของฝรั่งมังค่าเขา พาลจะโกรธเคืองกันไปได้

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 135 ยาโรคไต ใจห่วงผัว!

ผู้บริโภคหญิงรายนี้บุกมาถึงแผนกของผม พร้อมกับยาน้ำขวดหนึ่ง เธอมาขอให้ตรวจสอบว่ามีสารอันตรายหรือไม่ พร้อมบอกว่าเป็นห่วงผัว! เรื่องราวตำนานความรักของเธอพรั่งพรูออกมาอย่างน่าสนใจ เธอบอกว่าสามีเธอป่วยเป็นโรคไต วันหนึ่งมีคนรู้จักแนะนำให้ซื้อยาน้ำสมุนไพรชนิดนี้มารับประทาน แนะนำเธอว่าสรรพคุณดีรักษาโรคไตได้  สามีใครใครก็รัก เธอคิดได้ดังนี้ จึงตัดสินใจซื้อมา 1 ขวดในราคา 600 บาท  แต่พอซื้อมาแล้ว เธออาศัยปฏิภาณไหวพริบของความเป็นผู้บริโภคดีเด่น อ่านฉลากก่อนจะให้สามีรับประทาน ปรากฏว่าพบพิรุธหลายอย่าง ยานี้ไม่มีเลขทะเบียนยา บอกแต่ส่วนประกอบเป็นชื่อสมุนไพร เช่น โต๋ต๋ง ตังเซียม จิ้งจ่าย หญ้าซันกาด หญ้าหนวดแมว ชุมเห็ดเทศ มะขามแขกและอื่นๆ ทีแรกเธอก็คิดว่าไม่น่าจะไม่มีอะไร แต่พออ่านต่อไปเรื่อยๆ กลับพบว่ามีการระบุสรรพคุณมากมาย เช่น แก้โรคไต ล้างฟอกไต ล้างโลหิต ลดน้ำตาลในเลือด ต่อมลูกหมากโต ปัสสาวะติดขัด กะปริบกะปรอย กรวยไตอักเสบ ไขมันในเลือดสูงละลายก้อนไขมัน ก้อนซีส ลดไตรกลีเซอร์ไรด์ ละลายนิ่วในถุงน้ำดี หินปูนเกาะกระดูก แก้ปวดเมื่อย ปวดหลัง ปวดเอว ลดกระยูริค เกาต์ รูมาตอยด์ เธอชักเอะใจ เพราะขนาดที่ให้รับประทานก็แปร่งๆ ชอบกล เช่น น้ำหนักร่างกาย 20 กิโลกรัมต่อยา 1 ช้อนส้อม ตามกำลัง ธาตุหนัก ธาตุเบา ให้ถ่ายท้องทุกวันๆ ละ 1-2 ครั้ง จะได้ผลดีที่สุด ยาสมุนไพรขวดนี้สามารถใช้ควบคู่กับการแพทย์ตะวันตกและการแพทย์อื่นได้ไม่ขัดแย้ง ไม่หักล้าง ไม่ตีกัน (เธอชักงงว่าทำไมวิธีรับประทานมันไม่เหมือนยาแผนโบราณที่เคยรับรู้มา) เธอพยายามมองหาชื่อ ที่อยู่ผู้ผลิต กลับไม่มีบนฉลาก มีแต่บอกว่า ปรุงตาม พ.ร.บ.การประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 โดยเภสัชกรแผนไทยและเวชกรแผนไทย (เธอยิ่งงงอีกเพราะรู้จักแต่เวชกรรมแผนไทย ไม่ใช่เวชกรแผนไทย)   บวกลบคูณหารแล้ว เธอมีสติคิดได้ว่า เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร นี่เงิน 600 บาท ชั้นจะไม่ยอมให้สามีสุดที่รักเสี่ยงเด็ดขาด คิดดังนั้นแล้วเลยมาขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบดีกว่า พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ยานี้คนขายมาจากพัทลุง ขับรถนำมาขายพร้อมกับยาโอท็อปทั้งหลาย แม้ผลการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบสารสเตียรอยด์ แต่ผมได้แนะนำไปว่าการไม่พบสารสเตียรอยด์มิได้หมายความว่ายานี้จะปลอดภัย เพราะเราไม่รู้ว่าเขาใส่อะไรไปอีกหรือเปล่า ที่อยู่ก็ไม่มีให้ตรวจสอบ  อันที่จริงยาพื้นบ้าน สมุนไพรไทยหลายตำรับมีคุณค่า แต่หากผู้ผลิต ผลิตและขายในแบบไม่ถูกต้อง ไม่มีการขึ้นทะเบียน สุดท้ายจะทำให้เสียชื่อกันไปหมด เพราะอาจมีผู้ผลิตที่บางรายใส่สารอันตรายปลอมปนลงไปได้ หากผลิตภัณฑ์ดีจริงขอเชิญชวนให้มาขออนุญาตให้ถูกต้อง จะได้คัดพวกไม่ถูกต้องออกจากวงการซะที

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 134 กะเพรา มีดีมากกว่า เมนูสิ้นคิด !

กองบอ.กอ. ฉลาดซื้อเปรยว่า ไม่เอากล้วยต่อจากฉบับที่แล้วได้ไหม ? คนหัวอ่อนเชื่อง่ายใครว่าอะไรชอบทำตาม จึงขออนุญาตผู้อ่านที่เคยรับปากว่าจะต่อเรื่องกล้วย ให้เว้นวรรคไปฉบับหน้า ก.กล้วยไม่เอา ขอเป็น ก.กะเพรา พืชสวนครัวแทนนะขอรับ กะเพรา มีชื่อเรียกทั่วไปในภาษาอังกฤษว่า Holy basil หรือ Sacred Basil แปลแบบไทยๆ ก็ “พืชศักดิ์สิทธิ์” เลยทีเดียว ใครตั้งชื่อไม่รู้แต่ที่ประเทศอินเดียเขาถือว่า กะเพราคือพืชที่ใช้ในการบูชาเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ใครเคยไปจะแปลกใจอย่างยิ่งที่ตลาดสดและทางเข้าวัดฮินดูจะมีกะเพราะมัดเป็นช่อให้คนนำไปบูชา พี่แขกเขาเชื่อว่าเทพเจ้าแปลงกายมาเป็นกะเพรา จึงเป็นพืชที่ใช้ปัดเป่าความชั่วและเคราะห์ร้ายต่างๆ บ้างบ้านถึงกับปลูกกะเพราไว้ในบริเวณบ้านหรือปลูกในกระถางนำมาบูชา และนำมาใช้เป็นยาบำบัดโรคและอาการต่างๆ มากมาย แต่ควรจำไว้ให้ดีถ้าไปเยือนแดนภาระตะ ห้ามไปผัดกะเพรากินเด็ดขาด พี่แขกเขาบูชาและไม่มีวัฒนธรรมหม่ำผัดกะเพรา(นะนาย) เคยมีคนไทยไปอยู่แล้วคิดถึงรสชาติอาหารไทยมาก เห็นปลูกกะเพราะเต็มบ้านเลยเด็ดมาผัดกะเพราะไข่ดาว งานเข้า..... พี่แขกเคืองว่าไม้ศักดิ์สิทธิ์ของไอทำไมยูฟาดซะเรียบ !   กะเพราดีอย่างไร ? กล่าวตามหลักทฤษฎีรสยา กะเพรามีรส เผ็ด ฉุน และขม (ลองเคี้ยวใบกะเพราสดๆพิสูจน์ดูได้) รสยาแบบนี้หมอแผนไทยท่านใช้แก้โรคและอาการได้หลายอย่าง คือ ช่วยย่อยอาหาร แก้ไข้ได้โดยเฉพาะไข้หนาวๆ เพราะกินกะเพราแล้วช่วยทำให้ร่างกายร้อนขึ้น แก้อาการหอบหืด หลอดลมอักเสบ ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องกับเตรียมความพร้อมรับภัย ตรงที่ปลูกผักสวนครัวไว้ในกระถาง หากหนีน้ำก็เอากะเพราขึ้นไปชั้นสองด้วย ยามที่ปวดท้อง มีลมในท้อง ระบบธาตุ(กระเพาะลำไส้)ไม่ปกติ ให้กินกะเพราช่วยบรรเทาอาการได้ดี วิธีง่ายที่สุดกินสด เด็ดใบ 8-10 ใบ ล้างน้ำเคี้ยวให้ละเอียดแล้วกลืนกินไปเลย ดื่มน้ำตาม ถ้าทนรสเผ็ดไม่ไหวตำคั้นเอาน้ำกิน ใบสด 1 กำมือ ตำคั้นเอาแต่น้ำ ได้น้ำยาประมาณ ๒ ช้อนแกง ดื่มรวดเดียวซี๊ดปากกับรสชาติ ถ้าเลือกแบบมีระดับไม่เผ็ดมาก ให้ชงน้ำกิน เป็นการเก็บตัวยาไว้ใช้ในยามจำเป็น เอาใบไปตากแห้ง แล้วบดเป็นผง เก็บใส่โหลดปิดสนิท ยามที่ต้องใช้ ผงยา 1-2 ช้อนชา ชงน้ำร้อนแก้ว ปิดฝาทิ้งไว้ 15 นาที จิบกินทั้งน้ำยาและผงยาให้หมด หรือชอบสดใช้ใบสด 10-15 ใบ ใส่แก้วชงน้ำร้อน ปิดฝาทิ้งไว้ 15 นาที แล้วนำมาจิบกินได้ฤทธิ์ยาเช่นกัน ถ้าบังเอิญเด็กเล็กปวดท้อง ท้องอืดเฟ้อ ลองเอาใบสดหลายๆ ใบมาขยี้ในฝ่ามือทั้งสองข้าง จะได้น้ำยาสีดำๆ เอายานี้ไปทาที่ท้องเด็กยกเว้นสะดือ และทาที่ฝ่ามือฝ่าเท้าน้อยๆ บางครั้งเอาน้ำยากะเพราะผสมน้ำผึ้งให้เด็กกินก็ได้ แต่ขอบอกว่าวิธีทาท้องนี้ ใช้กับพี่ๆ ผู้ใหญ่ไม่เวิร์คนะ เพราะบรรดาพุงไขมันและผิวหนังของพี่ๆ หนาเกินกว่าตัวยาจะแทรกซึมไปได้ และการศึกษาวิจัยใหม่ๆ พบว่ากะเพรามีน้ำมันหอมระเหย ที่ทำให้เราได้กลิ่นฉุนๆ นั้น มีคุณสมบัติทางยาหลายประการ เช่น พบว่าแก้หืด แก้อักเสบ มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ช่วยลดโคเลสเตอรอล ลดน้ำตาลในเลือด และมีสารที่กินแล้วต้านความเครียดหรือช่วยให้คลายเครียดได้ ใครกำลังเครียด เมนูมื้อต่อไปขออย่าได้ดูแคลนพืชศักดิ์สิทธิ์นี้ ขอให้ลองสั่งผัดกะเพราใส่เนื้อสัตว์น้อยๆ และขอเพิ่มกะเพราะเยอะๆ ราดข้าวกิน อร่อย ได้ยาดี ไม่ใช่เมนูสิ้นคิดแน่นอน.   แมงลัก Hairy basil โหราพา Sweet basil

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 134 ยาลดเอว…วัตถุทานที่อานิสงส์สูงยิ่ง?

ผมได้รับเอกสารสองชิ้นจากผู้บริโภครายหนึ่ง เล่าว่าได้รับเอกสารนี้จากสถานพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี ข้อความในเอกสารจั่วหัวว่า “เหตุใดยาลดเอว จึงมีคนสั่งซื้อมากที่สุด” ต่อจากนั้นก็เป็นการตอบคำถามดังกล่าว 10 ข้อ ดังนี้ (1) กำจัดสิวหนองได้อย่างราบคาบ (2) กำจัดเซลล์ดำๆ ที่ทำให้หน้าหมองคล้ำหายไป หน้าใสคืนมา (3) ผู้ที่เดินขาลากเพราะขาไม่มีกำลังให้กินยาลดเอวหายเป็นปลิดทิ้ง เดินวิ่ง ทำนาทำไร่ได้เหมือนเดิม (4) ผู้ที่ขึ้นบันไดไม่ไหว ทานยาลดเอวแล้วเดินขึ้นบันไดตัวปลิว (5) อยากไปวัดแต่นั่งพับเพียบไม่ได้ กินยาลดเอวแล้วนั่งพับเพียบได้อย่างเก่า (6) หายใจไม่เต็มอิ่ม แน่นอก ตกขาว รอบพุง-โคนขาใหญ่ๆ ต้นแขนย้วยๆ ยาลดเอวแก้ไขได้หมด (7) คนผอมก็มาอุดหนุนเพราะเขาเป็นช่างทำผม-รีดผ้า-ตัดผ้า-ยืนขายของทั้งวัน-เดินทั้งวัน ขาไม่มีแรง กินยาลดเอว+ยาแก้เส้นแผลหายหมด (8) คนที่ตามตัวเป็นแผลเป็นตุ่มคล้ายเอดส์ กินยาลดเอว+ยาแก้เส้นแผลหายหมด (9) ผู้คนเขารู้ทั่วกันว่ายาที่ผลิตมาจากสถานพยาบาลไม่ต้องจด อย. ให้ผลิตรักษาคนไข้ได้เลย เพราะสถานพยาบาลเขารับผิดชอบตรงๆ ต่อสุขภาพของเขาอยู่แล้ว ปรีชาโอสถเป็นสถานพยาบาล ไม่ใช่ร้าน ไม่ใช่โรงงาน ทุกคนจึงกินลดเอวได้อย่างสนิทใจ (10) พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “ผู้ใดปรารถนาอุปัฏฐากจากเรา ตถาคต จงอุปัฏฐากภิกษุไข้เถิด เหมือนได้ปฏิบัติกับเรา” ภิกษุเดินไม่ไหวมากมาย ผู้คนถวายยาลดเอว ฉันแล้วต่างพากันเดินได้ รับบาตรได้ ยาลดเอวกลายเป็นวัตถุทานที่อานิสงส์สูงยิ่ง เหตุ 10 ประการนี้+สรรพคุณอื่นในหน้าหลัง ทำให้ยาลดเอวขายดีที่สุด คนปกติธรรมดาก็ทานได้ (ใหม่ๆ ทานแล้วเพลีย ต้องกินน้ำตาล น้ำหวานช่วย อย่าลืม!)   เท่าที่อ่านมา มันยามหัศจรรย์เลยนะครับ มีการอ้างถึงสรรพโรคและสรรพสงฆ์อีกด้วย ส่วนเอกสารชิ้นที่สองมีการระบุสรรพคุณของยาต่างๆ ที่สถานพยาบาลแห่งนี้มีจำหน่าย โดยระบุชัดเจนว่ายาลดเอวมีสรรพคุณ ขับไขมันทั่วร่างกาย ทำให้ผอมลง ลดไขมันในเส้นเลือด แก้ปวดเข่า เดินไม่ไหว ขาไม่มีแรง ตกขาว หน้าหมอง แก้สิว (300 บ.) ท้ายเอกสารยังระบุด้วยว่า “ยาทุกขนานคนปกติธรรมดากินได้หมดสิ้น ไม่ตีกับยาโรงพยาบาลด้วย ก็เหมือนกินแกงนั่นแล ไกลแค่ไหนสั่งซื้อยามาได้โดยโอนเงินเข้าบัญชี....” (ระบุทั้งชื่อและหมายเลขบัญชี ธนาคารกรุงเทพ สาขาแคลาย) แถมระบุรายการยาที่ให้กินร่วมด้วย เช่น กลิ่นตัวแรงมากๆ (หายเด็ดขาดด้วย ยาลดเอว+ละลายไขมัน) ภูมิแพ้ตัวเอง (ยาแก้เส้น+ยาลดเอว+ไต) ปวดข้อ เก๊าท์ (หายเร็วด้วยยาเบอร์1+ยาลดเอว) ลมบ้าหมู/พาร์คินสัน/โรคสั่น (ยาตับสู้+ยาลดเอว+ยาไต) สมองเสื่อม/อัลไซเมอร์ (ยาไต+ยาลดเอว+ยาคลายกล้ามเนื้อ) กรนเสียงดัง (ยาละลายไขมัน) สิว (ยาลดเอว) ผมอ่านแล้วก็งงว่า ผู้ทำเอกสารเผยแพร่ชิ้นนี้ เข้าใจผิดเปล่า เพราะที่บอกว่าสถานพยาบาลให้ผลิตยารักษาคนไข้นั้น ที่ถูกต้องคือต้องเฉพาะคนไข้เฉพาะรายและต้องรักษาที่สถานพยาบาลเท่านั้น การที่มาเร่ส่งขายทางไปรษณีย์แบบที่ระบุในเอกสาร นอกจากจะผิดกฎหมายสถานพยาบาลแล้ว ยังผิดกฎหมายยา ข้อหาผลิตยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน รวมทั้งขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกด้วย ...ใครเห็นเอกสารชิ้นนี้แจ้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้เลยครับ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 133 บานาน่า กล้วยๆ

  ก่อนที่จะใช้ประโยชน์กล้วย อยากชวนผู้อ่านยิ้มรับความภูมิใจให้กับกล้วยที่ขึ้นในแดนสยามสักนิด เพราะ “กล้วยปลูก” ที่กินกันอยู่ในปัจจุบันนี้มีที่มาจากสายพันธุ์ “กล้วยป่า” และ “กล้วยตานี” หรือที่วิวาห์กัน ของ “กล้วยป่า” กับ “กล้วยตานี” (ลูกผสม) ซึ่งทั้งกล้วยป่าและกล้วยตานีนั้น มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประเทศไทยตั้งอยู่ กล้วยปลูกกินทุกวันนี้จึงมีบรรพบุรุษมาจากกล้วยป่าในเมืองไทย นี่เอง เมื่อสำรวจสายพันธุ์หรือความหลากหลายทางชีวภาพ นักวิชาการก็ยอมรับว่า (น้อง)กล้วยของไทยเรามีความหลากหลายสูงมาก เช่น กล้วยน้ำไท (ไม่ใช่ชื่อโรงพยาบาลหรือชื่อย่านคนอยู่อาศัยใกล้ถนนพระรามสี่) แต่คือ พันธุ์กล้วยป่าชนิดหนึ่ง ที่มีการกลายพันธุ์มาแล้ว แต่ยังมีลักษณะพันธุ์แท้ (กล้วยป่าพันธุ์แท้) อยู่มาก กล้วยน้ำไท มีผลคล้ายกล้วยหอมจันทร์ แต่ผลโค้งงอน้อยกว่า เนื้อในเป็นสีเหลืองส้ม มีกลิ่นหอมแรงคล้ายกลิ่นดอกไม้ ใครได้ลองกินแล้วจะรู้ รสหวานชื่นใจ คิดขยายพันธุ์ก็แยกหน่อไปปลูกได้ ในตำรายาโบราณ ใช้กล้วยน้ำไท ซึ่งมีรสฝาดสมาน ช่วยแก้ท้องเสีย ใช้ยางกล้วยน้ำไทเช็ดลิ้นเด็กแก้ละอองซางกินผลสุกเป็นยาเจริญธาตุหรือบำรุงธาตุ (ช่วยระบบกระเพาะลำไส้ให้ปกติ) ที่สำคัญกล้วยน้ำไทใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่น ไหว้ครู ทำขวัญข้าว แต่ทุกวันนี้หายากขึ้นจึงใช้กล้วยน้ำว้าแทน คนไทยวันนี้จึงได้กินเฉพาะกล้วยปลูก เช่น กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ กล้วยหอม กินเป็นอาหาร ทำเป็นขนม กินได้เกือบทุกส่วนของต้นกล้วย และยังทำเป็นของสด ของแห้ง จนความรู้สึกของเราเห็นกล้วยเป็นของพื้นๆ มองข้ามความสำคัญและคุณค่าของกล้วย สายตาของนักโภชนาการยอมรับว่า กล้วยหนึ่งลูกเป็นอาหารแก้หิวได้สบายๆ ช่วยยังชีวิตของเราได้ นักวิชาการฝรั่งที่คนไทยชอบฟังนั้น ก็ยังแนะนำว่า อาหารเช้าถ้าหาอะไรกินไม่ได้ให้กินกล้วยสัก 1-2 ลูกก็ยังดี เพราะกล้วยมีคุณค่าอาหารและให้พลังงานเพื่อให้ชีวิตยามเช้าไปถึงเที่ยงมีพลังมากพอในการทำงาน ถ้าเปรียบกับบะหมี่สำเร็จรูป กล้วยอาจไม่อร่อยเท่าบะหมี่ซองผสมผงชูรส แต่กล้วยอิ่มท้องและมีคุณค่าโภชนาการน่ากินกว่า ที่น่าตื่นเต้น แต่คนไทยทั่วไปรวมถึงนักวิชาการไม่ตื่นเต้นไปด้วย ตรงที่เมื่อเกิดวิกฤตภัยพิบัติ คนก็ไปคาดหวังอาหารถุง ข้าวสุกแบบฉีกซองกินได้ไม่ต้องพึ่งน้ำไฟในพื้นที่ประสบภัย แต่ทำไมไม่นึกถึง”กล้วยตาก”อาหารที่ไม่ต้องฉีกห่อก็กินได้ น้ำไฟก็ไม่ต้องพึ่ง เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินดี กินไม่หมดผูกหนังยางเก็บได้อีกหลายวัน เมื่อต้องล่องเรือ ขึ้นรถ(ทหาร) หนีน้ำหรือเดินทางไปทำธุระก็ยังพกกล้วยตากใส่เป้ติดไปกินได้ทั้งวัน กล้วยน้ำว้าตากแห้ง  ลูกขนาดกลางๆ โภชนาการอาจลดลงบ้าง แต่ก็ยังมีอยู่และมีพอเพิ่มพลังงานให้กับชีวิตเราในยามวิกฤตได้ กล้วยสุก กล้วยตาก หาได้ทั่วประเทศไทย วิกฤตมาเราก็รับมือได้ และยังมีกล้วยฉาบแบบเค็มหวาน เป็นของกินเล่นแก้เซ็งในยามเจอภัยได้อีกด้วย ในยามปกติอยากแนะนำให้กินกล้วยสดเป็นประจำ เป็นผลไม้ประจำมื้ออาหาร กินแล้วท่านจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์จากเซ็งๆ เครียดๆ จะทุเลาลง เพราะข้อมูลทางวิชาการสมัยใหม่พบว่า ในกล้วยมีสารที่เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง กินแล้วร่างกายของเราจะเปลี่ยนเป็นสาร เซโรโทนิน ( serotonin) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ช่วยให้ภาวะอารมณ์รู้สึกมีความสุขขึ้นด้วย ถ้าไม่เบื่อยังมีเรื่องกล้วยๆ เป็นยาสมุนไพร จะขอชวนกินกล้วยแก้เซ็งรอฉบับหน้านะ.  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 133 น้ำผลไม้ระเบิดไขมัน

  “น้ำผลไม้ระเบิดไขมัน นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีอย. รับรอง 30 ประเทศทั่วโลก จดทะเบียน อย.ในหมวดอาหาร ไม่ใช่ยา สามารถรับประทานได้ไม่จำกัดปริมาณ ยิ่งทานในปริมาณมากยิ่งเห็นผลเร็วขึ้น” ไม่กี่วันมานี้ เพื่อนฝูงผมหลายคนต่างได้รับอีเมล์ จ่อหัวเรื่องซะน่าสนใจว่า น้ำผลไม้ระเบิดไขมัน โดยในเนื้อหาของอีเมล์นี้บอกว่าน้ำผลไม้ที่ว่านี้คือ น้ำผลไม้มากี้เบอร์รี่ Maqui Berry ซึ่งมีส่วนผสมของผลไม้ที่สำคัญและแร่ธาตุในน้ำว่านหางจระเข้ที่มีประสิทธิภาพ ผลไม้นี้ถูกค้นพบในป่าของทวีปอเมริกาใต้ เต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งแตกต่างจากผลไม้อื่นๆ ในโลก เพราะมากี้คือการผสมผสานของทุกอย่างไว้อย่างลงตัว ผมสงสัยว่าคำอธิบายเหล่านี้ คนขายคงกลัวว่า จะไม่น่าเชื่อถือ ในอีเมล์จึงมีการอธิบายคุณสมบัติมหาศาลเพิ่มเติมเข้าไปอีก จนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะมียาใดมาเทียมทานได้ในสามโลก เช่น มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงสุดในโลก จึงส่งผลในการป้องกันความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็งและโรคความเสื่อมของเซลล์และอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย  ช่วยในการลดน้ำหนัก 1 ขวด ช่วยลดน้ำหนักได้ 1-2 กก. ทั้งยังช่วยควบคุมน้ำหนักไม่ให้กลับมาเพิ่มขึ้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีสารพิษ หรืออนุมูลอิสระในร่างกายมากๆ เช่น ผู้ที่อยู่ในโปรแกรมการกำจัดไขมันหรือลดน้ำหนักหรือในผู้ที่ภาวะความเครียดจากการทำงาน ... ยังไม่หมดนะครับ ยังมีบอกต่อไปอีกว่า ช่วยทำให้มีสุขภาพผิวพรรณที่ดี ปรับผิวให้กระจ่างใสและปกป้องจากการถูกทำลายของแสงอาทิตย์ ช่วยให้ระบบการขับถ่ายเป็นปกติ กระตุ้นการล้างพิษในร่างกาย ปกป้องระบบหัวใจและหลอดเลือด ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง อัลไซเมอร์และพาร์คินสัน ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง เพิ่มระดับพลังงาน สนับสนุนให้มีอายุยืนยาว  มีส่วนประกอบของวิตามินซี แคลเซียม ธาตุเหล็กและโพแทสเซียม ทำให้กระดูกและข้อต่อแข็งแรง ช่วยลดการอักเสบและความเจ็บปวดจากข้อต่อโรคข้ออักเสบและกล้ามเนื้อ ป้องกัน LDL จากออกซิเดชัน มีส่วนผสมของ Resveratrol (เรสเวอราทรอล) ใน 1 ขวดเทียบกับ ไวน์แดง 7 ขวด  ประกอบด้วยวิตามิน เกลือแร่ กรดอะมิโนและธาตุอื่นๆ ที่มีส่วนช่วยในการรักษาความสมดุล    ช่วยควบคุมความเป็นกรดกระเพาะอาหาร   มีวิตามินบีสูง เพื่อสุขภาพระบบประสาทไหลเวียนของหัวใจและหลอดเลือดทางเดินอาหารและภูมิคุ้มกันแร่ซีไอออนิก จำเป็นต่อการทำงานของตับและไตและการขับพิษในร่างกาย และยังระบุ หมายเลข อย. 10-3-07754-1-0005 อีกด้วย   อันที่จริงมีหลักง่ายๆ ฝากท่านผู้อ่าน สำหรับการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ว่าเป็นจริงหรือไม่ คือ ก่อนอื่นพิจารณาดูว่าผลิตภัณฑ์ชนิดนี้เป็นอาหารหรือยา ถ้าเป็นยาต้องมีเลขทะเบียนยา ถ้าเป็นอาหารก็จะต้องมีเลขสารบบ ซึ่งจะอยู่ในเครื่องหมาย อย. และที่สำคัญคือ ถ้าเป็นอาหารจะไม่มีสรรพคุณทางการรักษาโรคแต่อย่างใด ถ้ามีถือว่า ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ผู้อ่านก็ลองตรวจสอบได้ด้วยตัวเองเลยครับว่า ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ให้ข้อมูลเท็จหรือไม่ แล้วเราจะได้คำตอบเลยว่า ยิ่งกินมากยิ่งเห็นผล ไอ้ผลที่ว่านั้นคือผลในการรักษาหรือผลที่คนขายจะรวยกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ผมส่งอีเมล์นี้ก็ไปถึง อย.เรียบร้อยแล้วครับ

อ่านเพิ่มเติม >