ฉบับที่ 132 ก.เอ๋ย ก.กระเทียม

  มิตรผู้ติดตามนิตยสารไร้สปอนเซอร์โฆษณาหนึ่งเดียวของสยามประเทศ ย่อมเคยพบกับคอลัมน์ “ทำเองใช้เอง” มาบ้างแล้ว คราวนี้กลับมาใหม่เพราะแพ้ใจให้กับ บก.สาว “ฉลาดซื้อ” ที่ปรารถนาให้ผู้อ่านได้ตระเตรียมตัวและสิ่งรอบตัวให้พร้อมเสมอเมื่อเจอภัย โดยเฉพาะภัยน้ำที่ยังหลอกหลอนจิตใจคนหลายล้านคนในปีกลายที่ผ่านมา เพราะพอมีความรู้เรื่องสมุนไพรและการดูแลสุขภาพแนวพึ่งตนเองอยู่บ้าง บก.สาว(ตัวใหญ่)จึงอยากให้มาเล่าเรื่องทำนองนี้แบบสบายๆ แต่ขอให้ทำได้จริงคล้ายของเดิม “ทำเองใช้เอง” ที่ผ่านมา จึงตั้งใจไล่เรียงกันแบบท่องอักษรไทย ๔๔ ตัว ไม่รู้ว่าทั้งผู้อ่านและ บก.สาวจะเบื่อกันไปหรือเปล่า ดังนั้นเสียงสะท้อนจากผู้อ่านจึงมีความสำคัญมาก ขอขอบคุณข้อแนะนำจากท่านไว้ที่นี้ มาดูกันว่า ทำไมจึงแนะนำให้รู้จัก กระเทียม เหตุผลแรกบ้านเรือนไทยส่วนใหญ่ แม้อยู่คอนโด(น้ำท่วมไม่ถึง) แต่บ้านใดนิยมทำอาหารกินเองจะต้องมีกระเทียมประจำครัว เหตุที่สองกระเทียมที่ยังอยู่เป็นพวง หรือแม่ค้าแกะเป็นกลีบแล้วสามารถเก็บได้นาน ภัยมาเมื่อใดหยิบใช้ได้ทันกาล กระเทียมนับเป็นยอดสมุนไพรในครัวเรือน ประโยชน์อย่างแรกใช้แก้โรคผิวหนัง นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ได้วิจัยยอมรับตามภูมิปัญญาโบราณแล้วว่า มีฤทธิ์พิชิตเชื้อราได้ โดยเฉพาะเชื้อราที่มากวนใจและกวนกายของเราตามผิวหนัง เช่น กลาก แกลื้อน และเชื้อราตามนิ้วมือนิ้วเท้า เชื้อรามาจู่โจมเมื่อใดให้เอากระเทียมมาโขลกคั้นเอาน้ำทาเท่านั้น ให้ทาอย่างน้อยวันละ ๒-๓ ครั้ง บางคนไม่รอครกตำ แค่แกะเปลือกออกเอากระเทียมสดทาๆ ที่เป็น น้ำมันในกระเทียมคือโอสถกำจัดเชื้อราได้อย่างดี นอกจากราที่ผิวหนังแล้ว เด็กๆ ที่ไปตัดผมกับร้านที่ไม่ค่อยดูแลเรื่องความสะอาด ก็มักเป็น “ขี้กลาก”บนหนังศีรษะ หรือที่อับชื้นในร่มผ้าจนเป็น “สังคัง” ดังที่เคยเป็นข่าวว่าเหล่าทหารมายืนแช่น้ำหรืออยู่ในชุดเปียกชื้นทั้งวันเป็นสัปดาห์ อาจเกิดเชื้อราในขาหนีบหรืออัณฑะ บอกกันดังๆ ว่า ยาดีไม่ใช่อื่นไกล ก.กระเทียม คือทหารสมุนไพรเผด็จศึกราได้ มีข้อความรู้นิดเดียวว่า บางคนไม่ชอบกลิ่นกระเทียม และบางคนทาแล้วรู้สึกแสบๆ (ในช่วงแรกเท่านั้น ทิ้งไว้สักพักจะหาแสบเอง) กระเทียมยังเป็นยาอายุวัฒนะที่คนโบราณใช้มาจนถึงปัจจุบัน เพื่อบำรุงสุขภาพหรือบำรุงกำลัง ปัจจุบันมีการศึกษาพบว่า กระเทียมมีสรรพคุณในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ จึงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และยังมีผู้ใช้เป็นอาหารลดความดันโลหิตสูงที่คนไทยเป็นกันมากด้วย โดยเฉพาะยามอยู่ในภาวะวิกฤติไม่ว่าจะภัยธรรมชติหรือเครียดจากงาน ความดันมักจะขึ้นสูง มีสูตรกินข้าวกับกระเทียมสดๆ เป็นทั้งยาอายุวัฒนะและช่วยลดความดันฯ  ให้สอยกระเทียมสดให้ละเอียด กินครั้งละประมาณครึ่งช้อนชา แต่จำไว้ต้องกินพร้อมอาหาร  ไม่เช่นนั้นจะทำให้แสบท้อง กินวิธีนี้ยังช่วยแก้ไข้หวัด และถ้ากินประจำช่วยป้องกันไข้หวัดด้วย ไปตลาดอย่าลืมอุดหนุนเกษตรกรไทย ซื้อกระเทียมสดของไทย(ไม่ใช่ของจีน) มาเก็บไว้เป็นอาหารและยาสมุนไพรประจำบ้านแต่บัดนี้.

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 132 ผลิตภัณฑ์เพศพาณิชย์

  กระแสผลิตภัณฑ์สำหรับสตรี ให้สรีระฟูๆ ฟิตๆ กำลังดังระเบิด หน่วยงานควบคุม.ได้แต่กุมขมับเพราะหลังจากดำเนินคดีแล้ว กลับปรากฏว่ามีการขยายสาขาที่เปิดจำหน่ายมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงไม่กี่วันหลังจากที่ประเด็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยี่ห้อหนึ่ง ที่โด่งดังอย่างกะทันหันในตลาดการขายตรง โดยยกเอากระแสปลุกความเป็นเพศหญิงให้ผงาดขึ้นมาอย่างโจ่งครึ่มไม่แคร์กฎหมาย แม้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้เคยบุกไปจับดำเนินคดีมาแล้ว แต่คล้อยหลังไม่นานเครือข่ายพี่ๆ น้องๆ ในแวดวงการคุ้มครองผู้บริโภคกลับแจ้งว่า ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้กลับมาบุกตลาดได้อีก หลายจังหวัดมีการเปิดห้องแถวเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำ ไม่เพียงแต่ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้เท่านั้น ผมยังได้รับข่าวว่ามีตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีทะเบียนยาแต่แสดงฉลากว่า ยากระชับแหม่ม เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยท่านหนึ่งนำมาให้ที่แผนกช่วยตรวจสอบว่ามันคืออะไร ผมเองก็งงว่าแหม่มคือใคร? ทำไมต้องกระชับ?  แต่ก็ถึงบางอ้อ เมื่อเหลือบไปเห็นสรรพคุณที่ระบุบนฉลากว่า สรรพคุณกระชับช่องคลอด ตามด้วยการพรรณนาสรรพคุณเกี่ยวกับน้องแหม่มอีกมากมาย ต่อมาผมก็ได้รับข้อมูลจากน้องอีกท่านหนึ่งทางภาคเหนือ แจ้งว่าพบผลิตภัณฑ์แสดงฉลากว่า สมุนไพรเสน่ห์สาว ไม่มีทะเบียนยา ใช้สำหรับอวัยวะสำคัญของสตรี(ที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อเรียกเป็นแหม่ม) มีการระบุสรรพคุณในการรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับมดลูก แถมบอกว่าถ้าใช้บ่อยๆ จะไม่มีลูก ถ้าต้องการมีลูกให้เลิกใช้ ตบท้ายด้วยสรรพคุณเพิ่มความฟิตอีก คล้อยไปอีกไม่กี่วันผมก็ได้รับแจ้งข้อมูลอีก คราวนี้เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชาย แสดงฉลากว่า Kamagra Oral Jelly น้องที่ส่งข่าวแจ้งว่า มีขายมากมายทางอินเตอร์เน็ต อ่านข้อความโฆษณาพบว่ามันคือตัวยาที่หลายคนรู้จักเพราะมักจะโฆษณาว่ารักษาอาการนกเขาไม่แข็ง แต่ไหงเป็นเจลลี่ใช้ทางปาก? แต่เมื่ออ่านข้อมูลก็หายงง เพราะเขาแนะนำให้ใช้โดยบีบเจลใส่ปากและอมไว้ใต้ลิ้นสักครู่ก่อนกลืน  แล้วยังอธิบายว่าจะทำให้ยาถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วตั้งแต่ที่อยู่ในปาก  จึงมีผลทำให้ยาชนิดนี้ออกฤทธิ์ได้เร็วกว่ายาแบบเม็ด ..ไม่มีทะเบียนยาตามเคยและดูเหมือนดวงผมจะสมพงษ์กับเรื่องนี้ เพราะต่อมาอีกไม่กี่วัน ผมก็ไปเจอผลิตภัณฑ์ที่เคยได้ยินชื่อมานาน แต่ไม่เคยได้สัมผัส ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้แสดงฉลากว่าเป็นผลิตภัณฑ์ทาผิวมาราธอน ทีแรกก็งงว่ามันจะทาผิวอย่างไรเพราะในกล่องมีเพียงแคปซูลสีแดงฟ้า ถามคนขายถึงได้รู้ว่าเป็นครีมอยู่ในแคปซูล ส่วนทาผิวตรงไหนก็ต้องอ่านที่ฉลากเพราะอธิบายซะกระจ่างเลยว่าทาบริเวณไหนของอวัยวะคุณผู้ชาย แต่ที่น่าทึ่งคือบอกว่าเมื่อต้องการให้หมดฤทธิ์หมดเดชให้ดื่มน้ำ 1 แก้วใหญ่ เล่นเอางงว่ามีด้วยหรือการออกฤทธิ์แบบนี้ ..ไม่มีทะเบียนยาเช่นกัน ที่ผมนำมาถ่ายทอดให้ทราบนี้ ไม่ได้มีเจตนาส่งเสริมให้ผู้อ่านวิ่งไปซื้อมาใช้นะครับ เพราะดูจากข้อมูลที่เล่ามานี้ นักคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเราน่าจะรู้ได้ว่ามันมีความเสี่ยงต่ออันตรายมากเพียงใด ก็หวังให้พวกเรามาช่วยกันเฝ้าระวังและเตือนเพื่อนฝูงที่รู้จักให้มีสติกันด้วยนะครับ ส่วนพวกผมก็คงต้องตามตรวจสอบเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไปเช่นกัน

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 131 สมุนไพรหมื่นแปดหายทุกโรค!

  หากมีคนมาขายยาสมุนไพร ชุดละ 18,000 บาทต่อเดือน โดยโฆษณาว่ารักษาหายได้ทุกโรค ท่านคิดว่าผู้ป่วย จะซื้อหรือไม่ ? น้องเภสัชกรท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดลำปางแจ้งข้อมูลให้ผมทราบว่า มีบุคคลอ้างว่าตนเป็นหมอสมุนไพร จบจากเมืองนอก มาจัดการโฆษณาขายยาสมุนไพรที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง โดยในการจัดกิจกรรมนั้นได้เชิญชวนให้ประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรม ซื้อยาสมุนไพรที่อ้างว่ารับประทานแล้วหายได้ทุกโรคนำไปใช้รับประทาน สมุนไพรที่ว่านี้ราคาสูงถึงชุดละ 18,000 บาท (มีทั้งแบบซองสำหรับชงและแบบแท่งสำหรับต้มดื่ม) ผู้บริโภครายหนึ่งที่ได้เข้าไปฟังการโฆษณาจึงหลงเชื่อ ซื้อกลับมา 1 ชุดเพื่อให้ญาติของตนที่ป่วยเป็นมะเร็งท่อน้ำดีในตับ ลองใช้รักษาอาการป่วย หลังจากนั้นไม่นาน ทางโรงพยาบาลก็ได้รับตัวผู้ป่วยชาย อายุ 58 ปี ซึ่งป่วยเป็นเนื้องอกร้ายของมะเร็งท่อน้ำดีในตับ กลับมารักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แต่คราวนี้ ผู้ป่วยกลับมาด้วยอาการปวดขาข้างขวามาก เมื่อแพทย์ตรวจแล้วจึงพบว่าเกิดจากลิ่มเลือดอุดตันที่ขา เภสัชกรที่โรงพยาบาลได้ไปซักประวัติผู้ป่วยเพิ่มเติม ได้ข้อมูลว่า ผู้ป่วยรายนี้ไม่ได้มีพฤติกรรมการบริโภคอะไรที่ผิดแปลกไปจากเดิมเลย นอกจากกินยาสมุนไพร 18,000 บาทที่โฆษณาว่าหายทุกโรคนี่แหละ เมื่อขอยาสมุนไพรที่ผู้ป่วยรับประทานทั้ง 2 แบบมาดู ก็พบว่า ยาสมุนไพรทั้ง 2 แบบนี้ มีการโฆษณาที่ผิดกฎหมายหลายอย่าง เช่น ยาดองเหล้าสมุนไพรแอนนี่ ไม่ได้ขึ้นทะเบียนยาแต่กลับโฆษณาสรรพคุณมากมาย ส่วนยาสมุนไพรแอนนี่ แม้ไม่ได้ระบุสรรพคุณยาบนฉลาก แต่ก็เป็นยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเช่นกัน หากแสดงเลขที่ใบอนุญาตตั้งคลินิกที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งตามกฎหมายแล้วจะไม่สามารถมาเร่ขายยาตามโรงแรมได้ เพราะเขาอนุญาตให้จ่ายเฉพาะผู้ป่วยที่รับบริการจากคลินิกเท่านั้น ล่าสุดทราบว่า เภสัชกรได้แจ้งข้อมูลไปให้ ทั้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปางและจังหวัดอุบลราชธานีทราบ เพื่อช่วยกันติดตามดำเนินการตามกฎหมายต่อไปแล้ว หากใครเจอการเร่จัดมหกรรมโฆษณาขายยาที่ไม่ถูกต้องแบบนี้ อย่าหลงเชื่อนะครับ อาจจะเสียทั้งเงินและได้รับอันตรายได้ ช่วยๆ กันเตือนเพื่อนฝูงและแจ้งข้อมูลให้หน่วยราชการทราบด้วยนะครับ จะได้ช่วยกันจัดการให้ยาหายทุกโรคแบบนี้ หายไปจากการหลอกลวงซะที

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 130 โฆษณาเจ้าปัญหา..ใครควรจะถลามาจัดการ?

  ประมาณต้นเดือน มิถุนายน 2554 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์ ตรวจพบ เอกสารเผยแพร่โฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารของบริษัทเพรสซิเด็นท์ แกรน พรอดักซ์  จำนวน 3 รายการ ที่โฆษณาในลักษณะอวดอ้างสรรพคุณเป็นยา ได้แก่ VC-1 , ธัญพืชสกัด PG&P และ Nature Plants ชีวจิตไฮเทคพร้อมดื่ม จึงได้แจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาติดตามตรวจสอบ (คงคาดหวังให้ตรวจสอบที่แหล่งต้นตอไปเลย) จนกระทั่งวันที่ 31 สิงหาคม 2554 เจ้าหน้าที่สำนักอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จึงได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ความว่า บริษัทยอมรับว่าเคยจัดทำเอกสารดังกล่าวจริง เมื่อปี 2550 โดยไม่ได้ขออนุญาตแต่อย่างใด และได้กระจายเอกสารนี้ไปยังสมาชิกอิสระ ดังนั้นการที่จังหวัดอุตรดิตถ์ตรวจพบนั้น สมาชิกอิสระอาจนำเอกสารโฆษณาดังกล่าวมาเผยแพร่เอง  นอกจากนี้บริษัทยังได้เคยแจ้งข้อกฎหมายเกี่ยวกับการโฆษณาอาหารให้สมาชิกทราบ ในอดีตเมื่อ ปี 2552 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้เคยพิจารณาการกระทำดังกล่าวของบริษัทว่า มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร 2522 ใน 2 ประเด็น คือ ฐานโฆษณาอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนมาตรา 41 โทษตามมาตรา 71 (โทษปรับอายุความ 1 ปี) และฐานโฆษณาอาหารโดยหลอกลวงให้หลงเชื่อโดยไม่สมควร ฝ่าฝืนมาตรา 40 โทษตามมาตรา 72 (โทษจำ) และได้พิจารณา แจ้งระงับโฆษณาดังกล่าวไปแล้ว (ผิดขนาดนี้ ...ใจดีเกินไปหรือเปล่า?) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แจ้งว่าไม่พบข้อมูลการเผยแพร่แผ่นพับโฆษณาดังกล่าวแล้ว จึงได้แจ้งให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์ ตรวจสอบเพื่อดำเนินงานตามกฎหมายต่อไป ในขณะที่ยังไม่รู้ว่าจะมีข้อสรุปของผลการดำเนินงานอย่างไร ผู้บริโภคอย่างเราๆ ท่านๆ คงต้องช่วยตัวเองก่อน  ถ้าเจอการกระทำผิดชัดเจนว่ามีใครโฆษณาแบบนี้ ขอให้รีบแจ้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดดำเนินการไปเลย อาจจะได้ผลรวดเร็วทันใจ “เอาอยู่” กว่า

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 129 ปรารถนาดีหรือจะมีค้าแฝง

  “บางครั้งมันก็ยากที่จะบอกว่ามันคือการปรารถนาดีหรือมีการค้าแฝง” วันหนึ่ง กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคของผม ได้รับการติดต่อจากบุคคลรายหนึ่ง แจ้งความประสงค์ว่าต้องการนำยามาเผยแพร่ให้กับผู้ป่วยฟรี  โดยบุคคลรายนี้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เคยมีผู้ป่วยรับประทานยาเหล่านี้  แล้วอาการเจ็บป่วยหาย  จึงมีความปรารถนาดีที่จะเผยแพร่ยาเหล่านี้กับผู้ป่วยอื่นๆ ในจังหวัด โดยการเปิดบริการผู้ป่วยโดยไม่คิดมูลค่า เมื่อพิจารณาจากฉลากยาทั้ง 2 ชนิดนี้ พบว่าทั้ง 2 ชนิดเป็นยาแผนโบราณ มีเลขทะเบียนยาแผนโบราณแสดงบนฉลากชัดเจน  มีเอกสารแผ่นพับระบุสถานที่ผลิต และข้อความ “แด่ผู้ป่วยที่ต้องทนทุกข์ทรมาน ...กลุ่มผู้ป่วยมะเร็ง ภูมิต้านทานร่างกายผิดปกติ โรคเกิดจากความเสื่อม ฯลฯ” แต่เมื่อได้อ่านรายละเอียดวิธีใช้ข้างกล่อง ผมก็ต้องสะดุดตากับข้อความแปลกๆ “วิธีใช้ รับประทานก่อนอาหาร ก่อนยาจากโรงพยาบาล 1 ชั่วโมง” (ซึ่งผมมั่นใจว่าทาง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา คงไม่อนุญาตให้ใช้ข้อความแปลกๆ ทำนองนี้) จากการติดตามตรวจสอบทะเบียนยาจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาปรากฏว่า ยาทั้ง 2 ชนิดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องแล้ว แต่ไม่ได้อนุญาตให้ระบุข้อความแบบนี้ อย่างที่สงสัย แต่สิ่งที่ผมอยากชี้แจงเพิ่มเติมแก่ผู้อ่านคือ แม้ยาทั้ง 2 ชนิดนี้จะได้รับอนุญาตแล้ว แต่การที่ใครจะมาเผยแพร่หรือรักษาผู้ป่วยโดยใช้ยาเหล่านี้แจกฟรีๆ นั้น ตามกฎหมายไม่ได้อนุญาตนะครับ และที่กฎหมายไม่อนุญาตนั้น ไม่ใช่จะไปกีดกันอะไรหรอก  เจตนาก็เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ป่วยเองครับ ยาเป็นสินค้าที่แม้จะมีคุณประโยชน์ในการรักษาโรค แต่ถ้าใช้อย่างไม่เหมาะสมไม่ระมัดระวัง อาจจะทำให้ผู้ที่รับประทานเกิดอันตรายได้ ดังนั้นการจะใช้ยาชนิดใดก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขจึงต้องมีกฎเกณฑ์กติกา เช่น ต้องจำหน่ายในร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น (ยกเว้นยาสามัญประจำบ้านที่อนุญาตให้ขายในร้านค้าอื่นๆ ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต) ห้ามเร่ขายยาตามสถานที่ต่างๆ  นอกจากนี้ การที่ใครจะมาเปิดรักษาโรค แม้จะบริการฟรีไม่คิดค่าใช้จ่าย ก็ต้องแจ้งขออนุญาตให้ถูกต้อง เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้เข้ามาช่วยดูแลความปลอดภัยร่วมกัน ทราบอย่างนี้ก็ช่วยกันแนะนำต่อๆ กันด้วยนะครับ เพราะบางทีเราก็อธิบายได้ยาก ว่าเรื่องแบบนี้เกิดจากเจตนาดีหรือมีการค้าแอบแฝงกันนะครับ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 128 สอดสะท้านโลกา

  “ไม่รู้ว่ามันคือยาหรืออะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ วิธีใช้ มันให้สอดครับ ไม่ใช่สอดใต้หมอน หรือสอดใต้ผ้าห่มนะครับ มันให้สอดที่ตรงนั้นของผู้หญิงต่างหาก” ผู้ขายอ้างว่า วัตถุสีดำก้อนเล็กๆ นี้เป็นยาสมุนไพรไทยที่ทำขึ้นมา เพื่อช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงในระยะเบื้องต้น เช่น ตกขาวมีกลิ่นและผิดปกติ เชื้อราในช่องคลอด มดลูกอักเสบ อาการคันต่างๆ และยังช่วยลดกลิ่นอับบริเวณจุดซ่อนเร้น ฆ่าเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด แก้อาการตกขาวผิดปกติ ตกขาวเยอะคัน มีสีเขียวเหลือง และที่สำคัญทำให้มดลูกกระชับแน่น  ไม่ต้องเสียเงินไปทำรีแพร์ เห็นผลได้หลังจากที่ใช้รู้สึกได้ถึงความแตกต่าง เพิ่มความฟิตกระชับช่องคลอด แก้ตกขาว ไม่เหม็น ไม่อับ มั่นใจดุจวัยสาวแรกแย้ม (ยาเทวดาหรือไงนี่ ?)  นอกจากนี้ยังโฆษณาอวดอ้างอีกว่า ยานี้ใช้ป้องกันการติดเชื้อจากคุณผู้ชายด้วย ใช้ได้ทั้งสุภาพสตรีและสาวประเภทสอง ที่สำคัญความรู้สึกของสามีจะดีขึ้น 100% เหมือนได้กลับมารักกันใหม่ๆ อีกครั้ง และที่มันถึงกับทำให้สะท้านโลกาก็เพราะ มันเล่นบรรยาย เกี่ยวกับสรรพคุณระหว่างคุณผู้หญิงขณะมีความสุขกับคุณสามีแบบสยิวกิ้วไม่บันยะบันยัง แบบถ้าคนที่หลงเชื่อคงระทวย และวิ่งไปคว้ามาสอดทันที  เจ้าวัตถุสีดำนี้ขายเป็นตลับ ตลับละ10 เม็ด (ราคา 150 บาทพร้อมส่ง) ตลับต่อไป100 บาท พิเศษสำหรับลูกค้าที่เคยสั่งซื้อแล้ว ตลับแรก 125 บาทพร้อมส่งตลับต่อไป 100 บาท นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีก เช่น เจลสลายไขมัน, สบู่สลายไขมัน , แป้งJT , แป้งสมุนไพรทารักแท้ ระงับกลิ่นและเหงื่อใต้รักแร้ การสั่งซื้อไม่ยากเลย เพียงแค่สั่งทาง SMS แล้วโอนเงินผ่านธนาคารได้ทันที ผมดูส่วนประกอบที่อ้างว่าเป็นส่วนสำคัญในตัวยา ว่ามีว่านชักมดลูก เปลือกทับทิม ต้นธูปดำ ขมิ้นอ้อย ดูแล้วเจ้าสมุนไพร 4 ชนิดนี้คงไม่สามารถทำให้เกิดสรรพคุณสะท้านโลกาแน่นอน แต่ที่แน่ๆ ราคามันสะท้านกระเป๋าแน่นอน ยังไงก็ขอเตือนมายังผู้อ่านทั้งหลาย อย่าหลงเชื่อนะครับ ร่างกายของเรา มีเราเป็นเจ้าของ อย่าให้วัตถุสะท้านโลกาที่ไม่มีการขึ้นทะเบียนใดๆ มาอวดอ้างสรรพคุณและฉวยเข้ามารุกล้ำอธิปไตยของเราเลยครับ เดี๋ยวจะบาดเจ็บทั้งกายและใจเปล่าๆ ส่วนผมขอไปนำสืบเพื่อดำเนินคดีให้สะท้านโลกาดีกว่า

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 127 พริตตี้สามัญประจำบ้าน

  “เนื่องจากทำงานในแวดวงบันเทิง ...จึงมักได้ยินคนที่อยู่ในวงการบันเทิงหลายต่อหลายคน พูดถึง L-Carnitine Tartrate กันมาก จึงทำให้ตัดสินใจลองทานไปได้ 1 เดือนครึ่ง ความรู้สึกที่สัมผัสได้คือ ช่วงเอวเล็กลงอย่างสัมผัสได้ แล้วน้ำหนักก็ลดลงถึง 3 กิโลค่ะ ตอนนี้ดิฉันรู้สึกประทับใจผลิตภัณฑ์...มากเลยค่ะ”   “ด้วยหน้าที่การงานที่เป็นพยาบาลมันก็หนักอยู่แล้ว แถมตอนนี้ยังต้องเรียนต่อ ป.โท อีก ทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อน จนได้มารู้จักกับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพท่านหนึ่ง ท่านแนะนำ Rice Bean Oil  ให้ดิฉันลองทานเพียงไม่กี่อาทิตย์ ดิฉันก็ไม่รู้สึกอ่อนเพลียเหมือนแต่ก่อน ...”   “ดิฉันคลุกคลีอยู่ในวงการอาหารเสริมมากว่า 20 ปีแล้วค่ะ แต่พอได้มารู้จักกับผลิตภัณฑ์... และได้ทาน Marine Collagen 1,000 mg. ภายใน 2 เดือน ริ้วรอยที่กังวลใจก็ดูตื้นขึ้นอย่างรู้สึกได้ ทำให้ดิฉันตัดสินใจเป็นตัวแทนจำหน่ายรายแรกๆ .. ซึ่งผลตอบรับดีมากๆ ค่ะ ร้อยทั้งร้อยกลับมาซื้อซ้ำ จนทำให้ดิฉันมีรายได้เกินหกหลักต่อเดือนแล้วค่ะ ...”   “...ด้วยหน้าที่การงานที่อยู่ในวงการยาและอาหารเสริม รู้มาว่าผลิตภัณฑ์(...) จะใช้แต่วัตถุดิบเกรดที่ดีที่สุดเท่านั้น และที่สำคัญต้องปลอดภัยต่อร่างกายด้วย ดิฉันจึงมั่นใจลองทาน L-Carnitine Tartrate 550 mg. ตัวแรก ผลออกมาไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ ...”   “โปรดระวัง แอล-คานิทีน ปลอม : ที่ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย. ซึ่งสามารถส่งผลอันตรายถึงชีวิต”   เชื่อว่าผู้บริโภคในยุคปัจจุบันหลายคนที่เอาใจใส่สุขภาพ เมื่อมาได้ฟังคำพูดจากพริตตี้สามัญประจำบ้านทั้ง 4 คนนี้ คงมีไม่น้อยที่อดเคลิบเคลิ้มไปทีเดียว ดูเทคนิคที่แฝงมาในคำพูดเหล่านี้ซิครับ  รายแรกจับเอาความรู้สึกที่อยากสวยงามแบบดารามาเป็นจุดโน้มน้าว  รายที่สองเริ่มใช้บุคลากรการแพทย์ ทั้งพยาบาลและแพทย์ (ซึ่งไม่รู้ว่าตัวจริงหรือเปล่า) มาโน้มน้าวเพิ่มขึ้นอีก เพื่อให้เห็นประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์นี้ ส่วนรายที่สามนอกจากจะโน้มน้าวให้ซื้อแล้ว ยังเอารายได้มาล่อใจให้เป็นตัวแทนขายอีกด้วย พระเจ้า! รายได้เกินหกหลักต่อเดือนใครไม่หวั่นไหวใจอ่อนก็ให้มันรู้ไป แต่ที่เด็ดสะระตี่คือรายสุดท้าย เล่นนำเสนอในนามของบุคลากรในวงการยา (ไม่รู้ว่าจริงหรือปลอม) มากระหน่ำตอกย้ำทั้งคุณภาพวัตถุดิบ ความปลอดภัย และผลในการรักษา แบบปิดฝาโลงการบริโภคกันเลยทีเดียว ส่วนคำเตือนท้ายสุด ก็เล่นกับลูกเล่นเดิมๆ คือ รับรองว่าผลิตภัณฑ์ตัวเองได้รับ อย.แล้ว ให้ระวังของปลอม ก็เล่นมาจนเฝือแต่ก็เชื่อว่าได้ผลกับหลายๆ คน  พวกผมตามตรวจสอบผลิตภัณฑ์เหล่านี้มานับสิบๆ ปี ก็ไม่พ้นเทคนิคเหล่านี้แหละครับ แต่ที่ผู้จำหน่ายไม่เคยบอกคือ ไอ้ที่โฆษณาแบบนี้ มันก็ผิดกฎหมายทั้งนั้น เพราะขึ้นทะเบียนยาแต่ดันมาอ้างสรรพคุณเป็นอาหาร และถึงแม้จะเป็นอาหารก็ไม่สามารถโฆษณาได้โอเวอร์ขนาดนี้ ยังไงผู้บริโภคทั้งหลายตั้งสติกันหน่อยนะครับ  อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้บริโภคอาจจะไม่ค่อยทราบคือ การประกอบวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพ ทั้ง แพทย์ เภสัชกร พยาบาล ทันตแพทย์ สภาวิชาชีพเขาไม่อนุญาตให้มาโฆษณาเพื่อการค้านะครับ แล้วยิ่งการันตีแบบผิดกฎหมายแบบนี้ ถ้าเป็นตัวจริง จะถือว่ามีความผิดด้านจรรยาบรรณด้วยนะครับ มีบทลงโทษด้วย ยังไงถ้าเจอแจ้งสภาวิชาชีพได้เลยครับ ส่วนผมขอตัวไปตรวจสอบวิชาชีพผมด้วย ว่าตัวจริงหรือปลอมกันแน่  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 126 สเตียรอยด์ในยาสมุนไพร “เยอะ”

  ในระหว่างปี 2548 – 2552 ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์สมุทรสงคราม ได้ตรวจวิเคราะห์ยาแผนโบราณ เพื่อเฝ้าระวังการปลอมปนสารสเตียรอยด์ พบว่ายาแผนโบราณจำนวน 626 ตัวอย่าง มีสเตียรอยด์ปลอมปนอยู่ถึง 136 ตัวอย่าง และเมื่อได้นำยาที่เหลือมากพอมาทดสอบหา “ปริมาณ” สารสเตียรอยด์ที่ปลอมปน ปรากฏว่าพบข้อมูลที่น่าตกใจ เพราะสารสเตียรอยด์ที่ปลอมปนอยู่นั้น มีปริมาณที่ค่อนข้างสูงมาก จนอาจเสี่ยงทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ และที่น่าทึ่งคือ บางชนิดแม้เป็นยี่ห้อเดียวกัน แต่กลับพบปริมาณสารสเตียรอยด์ปนอยู่ในปริมาณที่ไม่เท่ากันหรือพบการผสมสเตียรอยด์ต่างชนิดกัน  ดังข้อมูลในตัวอย่างต่อไปนี้   ยาผงสีน้ำตาลเหลือง ไม่ระบุชื่อ  จำนวน 3 ตัวอย่าง ตรวจพบว่ายานี้ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ มี Dexamethasone (สารสเตียรอยด์) ผสมอยู่ในปริมาณตั้งแต่ 1 เม็ดครึ่ง ถึง 5 เม็ด และบางตัวอย่างยังพบ สเตียรอยด์ผสมถึง 2 ชนิด  คือผสมทั้ง Dexamethasone และ Prednisolone  ดังนั้นหากคิดง่ายๆ ว่า รับประทานยานี้วันละ 1 ช้อนโต๊ะ หลังอาหาร 3 มื้อ เราจะมีโอกาสได้รับ Dexamethasone  ถึง 15 เม็ดต่อวัน   ยาผงสีน้ำตาล ฉลากระบุชื่อ “ยาสมุนไพรไทย” จำนวน 8 ตัวอย่าง ตรวจพบว่ายานี้ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ มี Dexamethasone  ผสมอยู่ในปริมาณตั้งแต่ ครึ่งเม็ด ถึง  3 เม็ด บางตัวอย่างยังพบว่ามี Prednisolone ผสมอยู่ด้วย โดยพบในปริมาณเทียบเท่ากับยาเม็ด  Prednisolone จำนวนครึ่งเม็ด  และบางตัวอย่างพบการผสมสเตียรอยด์ร่วมกันทั้ง  2 ชนิด   ยาเม็ดสีน้ำตาลแดง ฉลากระบุชื่อ “ยาสมุนไพรตามแนวทางโครงการพระราชดำริ” ซึ่งฉลากระบุ ให้รับประทาน 1 เม็ด หลังอาหาร ตรวจพบว่ายาชนิดนี้ 1 เม็ด มีปริมาณ Prednisolone ผสมอยู่ เทียบเท่ากับยาเม็ด Prednisolone 4 เม็ด   ดังนั้นหากเรารับประทานยานี้หลังอาหาร 3 มื้อ จะมีโอกาสได้รับ Prednisolone ถึง 12 เม็ดต่อวัน ยาจากสมุนไพร ฉลากระบุชื่อ “ยากษัยเส้นตราเทียนทองคู่” ระบุ รับประทานวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ ตรวจพบว่า ในยา 1 ช้อนโต๊ะ มีปริมาณ Dexamethasone  ผสมอยู่ เทียบเท่ายาเม็ด จำนวนครึ่งเม็ด ถึง 1 เม็ด และหากรับประทานวันละ 3 ครั้งตามที่ระบุบนฉลาก  เราจะได้รับ Dexamethasone ถึง 6 เม็ดต่อวัน (ยา Dexamethasone ชนิดเม็ดเท่ากับ 0.5 mg , ยา Prednisoloneชนิดเม็ดเท่ากับ 5 mg) จากการสอบถามผู้บริโภค ส่วนใหญ่ผู้ที่บริโภคยาเหล่านี้ มักจะรับประทานยาดังกล่าวเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน หมายความว่า ร่างกายจะได้รับสารสเตียรอยด์ติดต่อกันในปริมาณสูงจนอาจเป็นอันตรายได้  ขอแนะนำว่าหากเราเจอยาแผนโบราณ ที่ไม่มีทะเบียนยา ไม่มีรายละเอียดบนฉลาก หรือเป็นยาที่รับประทานแล้วอาการป่วยหายอย่างรวดเร็วจนผิดสังเกต ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตรวจสอบโดยด่วน เพื่อป้องกันอันตรายนะครับ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 125 ไปรษณีย์ไม่ต้องมีขายก็ได้นะ

  ผมได้รับแผ่นพับโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพอีกแล้ว เปิดดูก็ไม่ต่างจากที่เคยได้รับจากผู้บริโภคที่เคยมาแจ้งข่าว เพราะในแผ่นพับมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ส่วนใหญ่จะมีเลขสารบบอาหาร (เครื่องหมาย อย) ซึ่งแสดงว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้คืออาหาร แต่ลองดูข้อความสรรพคุณที่โฆษณาซิครับ ผิดกฎหมายชัดเจน เพราะแสดงสรรพคุณเป็นยา เพราะระบุว่า บำบัด บรรเทา รักษาโรคทั้งนั้น  สนนารายณ์ (นามสมมุติ) บรรเทาอาการปวดหลัง เอว ข้อเข่า เก๊า ชาตามมือ-เท้า เบาหวาน .. ขจัดไขมันที่อุดตันตามเส้นเลือด แถมยังระบุคุณสมบัติพิเศษให้ตะลึงอีกว่า “ท่านจะสังเกตได้ว่าอารมณ์ทางเพศของท่านมีความสมบูรณ์แข็งแรงมากขึ้น เพิ่มปริมาณน้ำเชื้อมากขึ้นหลังจากรับประทานติดต่อกัน 7-15 วัน...รู้สึกดีขึ้นด้วยตัวท่านเอง” (เฮ้อ! อ่านไปขนลุกไป) “ไม่มีส่วนผสมของกวาวเครือแดงและสารสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย”  เท็จนางพญา (นามสมมุติ) บรรเทาอาการปวดหลัง เอว ข้อเข่า เก๊า ชาตามมือ-เท้า เบาหวาน .. ขจัดไขมันที่อุดตันตามเส้นเลือด แถมยังระบุคุณสมบัติพิเศษให้ตะลึงอีกว่า “รับประทานติดต่อกัน 7-15 วันผ่านไป จะสังเกตว่าหน้าอกที่เคยหย่อนยาน จะรู้สึกว่าหน้าอกกระชับเต่งตึงและเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้น ช่องคลอดฟิตกระชับขึ้น ไม่ต้องทำรีแพร์ ...ท่านจะรู้สึกได้ด้วยตัวท่านเอง” (อะไรจะมหัศจรรย์ศัลยกรรมได้ขนาดนั้น) มีข้อความยืนยันคล้ายๆ ผลิตภัณฑ์แรก “ไม่มีส่วนผสมของกวาวเครือขาวและสารสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย”  นารีงามละหน (นามสมมุติ) สกัดไขมันส่วนเกินไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย ละลายไขมันส่วนเกินที่หน้าท้อง สะโพก ต้นขา ต้นแขน ให้กระชับและเต่งตึง ลดเส้นเลือดขอด ...ไม่เหี่ยวย่นหลังการลด ไม่ต้องอดอาหาร เห็นผลภายใน 2-4 สัปดาห์ แถมมีคำแนะนำเพิ่มเติม สำหรับสุภาพสตรีว่า สำหรับผู้ผ่านการมีบุตรแล้ว ขอแนะนำให้รับประทานคู่กับเท็จนางพญา จะช่วยให้หุ่นดี หน้าอกสวยกระชับเต่งตึง ....เห็นผลชัดเจนภายใน 30 วัน ส่วนคุณสุภาพบุรุษ ก็อย่าน้อยใจไปครับ เพราะเขามีคำแนะนำให้เช่นกัน “สำหรับผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ขอแนะนำให้รับประทานคู่กับ สนนารายณ์ (นามสมมุติ) เพื่อปรับความสมดุลและเพิ่มความกระฉับกระเฉง”   ที่น่าทึ่งคือ นอกจากในเอกสารจะแจ้งชื่อติดต่อแล้ว ยังระบุสถานที่จำหน่าย “ ณ ที่ทำการไปรษณีย์.........” เอาละซิครับ ไปรษณีย์ไทย ไหงเป็นแบบนี้ล่ะครับ ไหนๆ ก็จะทำ CSR ร่วมรับผิดชอบต่อสังคมแล้ว ช่วยตรวจสอบหน่อยนะครับว่าเป็นเหยื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ถูกกฎหมายมาแฝงจำหน่ายหรือเปล่า ถ้าไม่แน่ใจ เวลาพนักงานไปส่งจดหมายที่สำนักงานสาธารณสุข ให้แวะไปสอบถามข้อมูลได้นะครับ  ส่วนผู้อ่านถ้าพบเห็น เช่นเคยนะครับ แจ้ง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหรือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ทันที

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 124 ไม่หายจริงตามมายิงทิ้งได้ทันที

  “ขอส่งยามาตรวจได้มั้ย ? ยาอะไรไม่รู้มีรถวิ่งมาขายให้ผู้ป่วย ตอนนี้ผู้ป่วยอาเจียนเป็นเลือด หูตาลายแล้ว”  ผมได้รับข้อมูลคร่าวๆ ทางโทรศัพท์ จากน้องเภสัชกรโรงพยาบาลชุมชนในจังหวัด หลังจากนั้นไม่กี่วันตัวอย่างยาดังกล่าวก็ถูกส่งมาถึงที่แผนกของผมทันที ยาขวดแรกชื่อ “สมุนไพรแท้อุดมเกียรติ จิรโรจนศักดิ์” แค่อ่านสรรพคุณก็น่าทึ่ง เพราะระบุสรรพคุณ บรรเทาได้เพียง 90% ไม่โกหก ปวดสันหลัง ยอก (ใช้ได้ตามแต่นึกได้) บำรุงหัวใจ ผื่น บวม ปวดกล้ามเนื้อ ปวดฟัน หูอื้อ แพ้สาร แผลสดเปื่อย ทาท้อง ผสมน้ำกิน ผสมน้ำขัดหน้า ไร้สารเคมี (ระวังของปลอม) อย่าทาใกล้ตา เข้าตาลืมตาในน้ำ ไม่ต้องพบแพทย์  ไม่มีสารเคมี ส่วนผสม ไพรม่วง 3% พิมเสนแท้ 2% ชะเอมเถา 5% ไม้สักทอง 5% ระบุผู้ปรุง ชื่อแพทย์แผนไทย.... บภ.บว. และสถานที่อยู่ใน ต.ท่าคอย เพชรบุรี  แต่ที่เด็ดสะระตี่คือข้อความ “หมอพิกิตติ์รับรองหาย 100% ไม่หายจริงตามมายิงทิ้งได้ทันที” ริดสีดวงทวาร+จมูก+ไซนัส แบบถอนรากถอนโคน ไม่งอกอีก 499 บ. ตจว.รับทาง ปณ.ใกล้บ้าน ขวดเดียวส่งถึงที่  รวมทั้งแสดงเลขที่ในเครื่องหมาย อย. สธ.06-1-43846-2-2550 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขรับรองวิเคราะห์ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย เลขทดสอบ 4050012009 ลง 12 ก.ย. 50 ใบอนุญาตที่ บ.ภ.เลขทะเบียนยาแผนโบราณที่ G.15314  ผมดูแล้วทึ่งในนวัตกรรมการแสดงฉลากสุดๆ เลยครับ เพราะแสดงเลขในเครื่องหมาย อย.ให้คล้ายเลขสารบบอาหาร(เลข 13 หลัก) ทั้งๆ ที่ตัวเองพยายามจะเป็นยารักษาโรค   ขวดต่อมาคือ สมุนไพรแพทย์ธนากร บ.ว.บ.ว. มีใบอนุญาตควบคุมการประกอบโรคศิลปะ บ.ภ.บ.ว.  ทะเบียนยาแผนโบราณ เลขที่ G.15314/41 บ.ภ. วิธีใช้ หยดใส่ตาข้างละ 1-2 หยด เว้น 5 วัน อย่าหยดทุกวัน ตาจะแดง ใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่(ทานได้ ไร้สารเคมี) ใช้สำลีชุบ ระบุสรรพคุณ บรรเทาโรคตาต้อ ตาแดง อักเสบ ฝุ่นผงเข้าตา ส่วนประกอบ ใน 1 ขวด เถาตำลึง 20% ใบทองหลาง 20% หญ้างวงช้างทั้ง5 20% พิมเสนแท้ 10% น้ำฝนเดือน 5 30% และอื่นๆ 5% โดยวิธีพาสเจอร์ไรส์ทุกขั้นตอน ระบุผู้ผลิต แพทย์....... บ.ภ.บ.ว.และนักศึกษาแพทย์แผนไทย สถานที่อยู่ใน ต.ท่าคอย อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี 76130 (สถานที่เดียวกับชนิดแรก แต่ชื่อแพทย์คนละชื่อ) เรื่องนี้ผมได้แจ้งไปยัง จังหวัดเพชรบุรีและประชาสัมพันธ์ไปทั่วประเทศเพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้วครับ ยังไงถ้าใครเจอรถเร่วิ่งจำหน่ายยาเหล่านี้ ขอให้รีบแจ้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้เลย เพราะผมกลัวว่าหากผู้ป่วยไม่หาย จะยิ่งพากันไปตามยิงผู้ผลิตทิ้งน่ะครับ สงสารจริงๆ ติดคุก ถูกปรับ ยังดีว่าถูกยิงนะครับ  

อ่านเพิ่มเติม >