ถึงวันนี้ทุกคนคงทราบกันแล้วว่ากฏหมายห้ามไม่ให้ใช้มือหรือใช้คอไปถือมือถือ ขณะที่กำลังขับรถ ใครยังจำเป็นต้องโทรอยู่แต่ไม่อยากโดนจับก็อย่าลืมหาอุปกรณ์ดังกล่าวมาพกติดตัวไว้ ฉลาดซื้อเล่มนี้ขอถือโอกาสนำเสนอผลทดสอบมาให้ได้ใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อ ตามงบประมานที่สะดวกใจ สบายกระเป๋า (อันนี้ก็แล้วแต่ขนาดกระเป๋าของแต่ละคน)ผลทดสอบครั้งนี้เราได้จากการทดสอบที่องค์กรเพื่อผู้บริโภคของประเทศในยุโรปและอเมริกาได้ทำไว้ ในช่วงปลายปี 2550 (ชาวฉลาดซื้อคงจำกันได้ว่าเราเป็นสมาชิกขององค์กรทดสอบระหว่างประเทศหรือ ICRT ที่มีการทดสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อยู่อย่างสม่ำเสมอ) อุปกรณ์บลูทูธทุกรุ่นที่นำมาทดสอบมีฟังก์ชั่นโทรออกได้ด้วยเสียง และมีปุ่มปรับความดังของเสียงที่ตัวอุปกรณ์ (ยกเว้น Sony-Ericsson HBH-IV835 และ Nokia BH-100) และสามารถเรียกซ้ำหมายเลขล่าสุดที่โทรออกได้ (ยกเว้น Sony-Ericsson HBH-PV 705 และ Logitech Mobile Freedom)ทุกตัวมีระยะรับสัญญาณบลูทูธ 10 เมตร ยกเว้น Sony-Ericsson HBH-IV835 และ Sony-Ericsson HBH-PV702 ที่รับสัญญานได้ 5 เมตร อุปกรณ์ที่นำทำมาทดสอบส่วนใหญ่ผลิตในประเทศจีน ยกเว้น Plantronics ที่ผลิตในประเทศเม็กซิโก และ LG และ SUMSUMG ที่ผลิตในเกาหลี **หมายเหตุ: ก่อนตัดสินใจซื้ออย่าลืมตรวจสอบราคาอีกครั้ง พร้อมกับหาโอกาสทดลองใส่ดูว่ารู้สึกสบายหรือไม่ พร้อมทั้งตรวจสอบให้ดีว่าอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถใช้ร่วมกับมือถือที่คุณมีอยู่หรือไม่ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ทำไมต้องฟันสีน้ำเงิน??อุปกรณ์บลูทูธนั้นหลายคนรู้จักกันอยู่แล้วเป็นเทคโนโลยีในการเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์สองชนิด ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์กับมือถือ หรือหูฟังกับมือถือเป็นต้น แต่มันเกี่ยวอะไรกับบลูทูธ หรือ ฟันสีน้ำเงินด้วย เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อปี 1994 บริษัทสัญชาติสวีดิช ที่มีนามว่าอิริคสัน โมบาย คอมมูนิเคชั่น เขาได้ริเริ่มศึกษาความเป็นไปได้ในการนำเอาคลื่นวิทยุกำลังต่ำมาสร้างการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ และต่อมาในปี 1998 ก็มีบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีก 4 แห่ง (ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็แบรนด์ใกล้ๆตัวคุณอย่าง โนเกีย ไอบีเอ็ม โตชิบา และอินเทล) เข้ามาร่วมด้วย จนถึงทุกวันนี้เทคโนโลยีดังกล่าวถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์สื่อสารแบรนด์ต่างๆมากมาย เมื่อสามารถสร้างมาตรฐานในการสื่อสารแบบไร้สายขึ้นมาได้ บริษัทอิริคสัน ก็ตั้งชื่อเจ้าสิ่งนี้ว่าบลูทูธ เพื่อเป็นเกียรติแก่กษัตริย์ไวกิ้งนาม Harald Bluetooth กษัตริย์พระองค์นี้เป็นที่รู้กันดีในหมู่ชาวสแกนดิเนเวียว่าเป็นผู้ผนวกดินแดนระหว่างเดนมาร์กกับนอร์เวย์ และนำคริสศาสนามาเผยแพร่ให้ผู้คนในดินแดนสแกนดิเนเวียนทั้งหมดคำว่า Bluetooth นั้นบางตำนานก็ว่าเป็นเพราะพระองค์โปรดปรานบลูเบอรี่เป็นพิเศษ เสวยบ่อยมากจนฟันดูเป็นสีนำเงินตลอดเวลา แต่บ้างก็ว่าคำนี้เพี้ยนมาจาก Blatand ในภาษาแดนิช ที่แปลว่า ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีผิวสีคล้ำ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หูฟังแบบโมโน
สำหรับสมาชิก >ถึงวันนี้ผู้อ่านฉลาดซื้อส่วนใหญ่คงมีโทรศัพท์มือถือกันหมดแล้ว แต่เนื่องจากเรามีผลทดสอบโทรศัพท์มือถือครั้งล่าสุดจากองค์กรทดสอบระหว่างประเทศ (ICRT) อยู่ จึงคิดว่าน่าจะนำมาบอกต่อกัน เพราะหลายคนอาจสงสัยว่าโทรศัพท์ที่ทุกวันนี้เป็นอุปกรณ์สารพัดนึกที่ทำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่โทรออก รับสายเข้า ถ่ายรูป และฟังเพลง มันทำทุกอย่างได้ดีมากน้อยต่างกันอย่างไร เผื่อจะนำมาเปรียบเทียบกับราคาขาย เอาไว้เป็นทางเลือกสำหรับการซื้อโทรศัพท์เครื่องต่อไป รุ่นที่นำมาทดสอบทั้งหมดส่งเข้าทำการทดสอบโดยองค์กรผู้บริโภคจากประเทศในยุโรปตั้งแต่ต้นปี 2551 ทุกรุ่นมีจอสี มีเสียงเรียกเข้าแบบโพลีโฟนิค สามารถเป็นเครื่องเล่น MP3 และมีระบบการเชื่อมโยงข้อมูลแบบไร้สาย (บลูทูธ) ส่วนท่านที่สนใจสมาร์ทโฟนก็อดใจรออีกนิด ICRT ส่งผลทดสอบให้เมื่อไร รับรองว่าฉลาดซื้อจะรีบนำมาบอกต่อทันที ผลการทดสอบในภาพรวมปรากฏว่าโทรศัพท์ส่วนใหญ่ไม่แตกต่างกันมากนักในเรื่องของฟังก์ชั่นการใช้เพื่อโทรศัพท์ แต่จะไปแตกต่างกันที่ฟังก์ชั่นการถ่ายภาพ ฟังเพลง หรือ ส่งข้อความ และโดยส่วนใหญ่จะได้คะแนนในระดับพอใช้ขึ้นไปในทุกๆด้าน จะมีต่ำกว่าขั้น “พอใช้” อยู่บ้างไม่กี่รุ่น เช่น อัลคาเทล OT_C701 ที่ใช้ถ่ายภาพได้ไม่ดีนัก หรือ ลีวายส์ The Original, โนเกีย 5610 Xpress Music, โนเกีย 8600 Luna ที่ยังได้คะแนนจากฟังก์ชั่นการใช้ฟังเพลงที่น้อยกว่ารุ่นอื่นๆ และโมโตโรล่า Motorazr Z8 และ Motorazr (ยกกำลังสอง) V8 ที่ไม่เข้าตากรรมการเรื่องการออกแบบให้เหมาะกับมือซักเท่าไร แต่ถ้าพูดเรื่องความทนทาน ที่หลายๆคนให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆนั้นก็ต้องยกให้กับห้ารุ่นต่อไปนี้ ที่สามารถผ่านการทดสอบทั้งน้ำฝน ความสั่นสะเทือน การขีดข่วน ด้วยคะแนนเต็ม ได้แก่ อัลคาเทล OT_C701, โนเกีย 8600 Luna, โมโตโรล่า Motorazr (ยกกำลังสอง) V8, โซนี่ อิริคสัน T650i และ ซัมซุง SGH-E210
สำหรับสมาชิก >คาดว่าสมาชิกของเราหลายๆ คนคงจะมีอุปกรณ์เครื่องเสียงพกพาไอพอดหรือไอโฟนและอยากจะแบ่งปันให้เพื่อนฝูงได้รับความสุนทรียะไปด้วย คราวนี้ฉลาดซื้อเลยนำผลทดสอบ ลำโพงสำหรับเครื่องเล่นดังกล่าวที่องค์กรทดสอบระหว่างประเทศ (ICRT) ได้ทำไว้มาฝากกัน โดย 10 รุ่นที่เลือกมานำเสนอนั้นอยู่ในสนนราคาระหว่าง 8,490 – 29,990 บาท ต้องบอกกันไว้ตรงนี้ว่ายังไม่มีรุ่นไหนเข้าหูกรรมการถึงขนาดได้คะแนน 5 ดาว ลำโพงที่ดีที่สุดในการทดสอบครั้งนี้ได้คะแนนรวมไป 4 ดาวเท่านั้น The Fantastic Four Harman Kardon Go + Playราคา 14,500 บาทน้ำหนัก 4 กิโลกรัมคุณภาพเสียง 4ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน 4ความสะดวกในการใช้งาน 4 Bowers & Wilkins Zepplin ราคา 29,990 บาทน้ำหนัก 7.8 กิโลกรัมคุณภาพเสียง 4ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน 1ความสะดวกในการใช้งาน 5 Logitech Pure Fi Eliteราคา 14,900 บาทน้ำหนัก 3.7 กิโลกรัมคุณภาพเสียง 4ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน 1ความสะดวกในการใช้งาน 4 Sony SRS-GU10iPราคา 16,400 บาท* คำนวณจากราคาที่แสดงเป็นหน่วยดอลล่าร์สหรัฐน้ำหนัก 2.1 กิโลกรัมคุณภาพเสียง 3ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน 5ความสะดวกในการใช้งาน 4------ Creative PlayDock i500ราคา 8,490 บาทน้ำหนัก 2.4 กิโลกรัมคุณภาพเสียง 3ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน 5ความสะดวกในการใช้งาน 4 Bose Sound dock series IIราคา 17,900 บาทน้ำหนัก 2.1 กิโลกรัมคุณภาพเสียง 3ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน 4ความสะดวกในการใช้งาน 5 Philips DC570ราคา 7,990 บาทน้ำหนัก 9.5 กิโลกรัมคุณภาพเสียง 3ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน 4ความสะดวกในการใช้งาน 4 JBL On Stage 400Pราคา 9,990 บาทน้ำหนัก 1.8 กิโลกรัมคุณภาพเสียง 3ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน 4ความสะดวกในการใช้งาน 4 Bose SoundDock Portable ราคา 26,750 บาทน้ำหนัก 2.1 กิโลกรัมคุณภาพเสียง 3ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน 4ความสะดวกในการใช้งาน 4 Philips DLA78405ราคา 4,000 บาท* ราคาที่คำนวณจากเงินปอนด์อังกฤษน้ำหนัก 2 กิโลกรัมคุณภาพเสียง 3ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน 4ความสะดวกในการใช้งาน 4 *ราคาที่แจ้งไว้เป็นราคาโดยประมาณ กรุณาตรวจสอบอีกครั้งก่อนตัดสินใจ
สำหรับสมาชิก >กลับมาตามสัญญาด้วยผล การทดสอบกล้องดิจิตัลรุ่นมืออาชีพและกึ่งมืออาชีพโดยองค์กรทดสอบระหว่างประเทศหรือ International Consumer Research & Testing เพื่อเอาใจผู้ที่พิถีพิถันกับการ ถ่ายภาพ คราวนี้เรานำมา เสนอทั้งหมด 24 รุ่นเป็นรุ่นไฮเอนด์ 15 รุ่น และรุ่นแอดวานซ์อีก 9 รุ่น ราคาก็ค่อนข้างจะหนักหนาสาหัส พอสมควรโดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้องไฮเอนด์ที่สามารถแพงได้ ถึงเกือบ 50,000 บาท แต่ที่ราคาถูกกว่านั้นและประสิทธิภาพไม่น่า เกลียดก็พอมีให้ได้ซื้อกันที่ราคาไม่เกิน 15,000 บาท ถ้าเป็นรุ่นแอดวานซ์ก็ ถูกลงมาหน่อย โดยราคาแพงที่สุดนั้นอยู่ที่ประมาณ 20,000 ต้นๆ ส่วนรุ่นที่ถูกที่สุด นั้นราคาอยู่ที่ประมาณ 9,500 บาท ใครชอบรุ่นไหนลองพลิกดูตาราง คะแนนและข้อมูลจำเพาะในหน้าต่อไปได้เลยจำเพาะในหน้าต่อไปได้เลย The Top Five กล้องดิจิตัลรุ่นไฮเอนด์ Canon EOS 500D + EF-S 18-55mm ISราคา 27,900 บาท ภาพนิ่ง 3.5ภาพเคลื่อนไหว 3จอภาพ 4แฟลช 4 ความ สะดวก 5ความหลากหลายของฟังก์ชั่น 5 Canon Powershot SX10 ISราคา 16,900 บาท ภาพนิ่ง 3.5ภาพเคลื่อนไหว 3จอภาพ 3แฟลช 4ความ สะดวก 5ความหลากหลายของฟังก์ชั่น 4 Canon PowerShot G10ราคา 17,500 บาท ภาพนิ่ง 3.5ภาพเคลื่อนไหว 4จอภาพ 3แฟลช 4 ความ สะดวก 5ความหลากหลายของฟังก์ชั่น 4 Panasonic Lumix G1 + 14-45mmราคา 32,900 บาท ภาพนิ่ง 3.5ภาพเคลื่อนไหว -จอภาพ 4แฟลช 4 ความ สะดวก 4ความหลากหลายของฟังก์ชั่น 4 Canon EOS 50D + 17-85mm IS USMราคา 34,200 บาท ภาพนิ่ง 3.5ภาพเคลื่อนไหว -จอภาพ 4แฟลช 4 ความ สะดวก 4ความหลากหลายของฟังก์ชั่น 5 The Top Five กล้องดิจิตัลรุ่นแอดวานซ์ Sony Cyber-shot DSC-HX1ราคา 17,500 บาท ภาพนิ่ง 3.5ภาพเคลื่อนไหว 3จอภาพ 3แฟลช 4 ความ สะดวก 4ความหลากหลายของฟังก์ชั่น 4 Canon Powershot SX120 ISราคา 9,500 บาท ภาพนิ่ง 3.5ภาพเคลื่อนไหว 3จอภาพ 3แฟลช 4 ความ สะดวก 4ความหลากหลายของฟังก์ชั่น 4 Samsung WB1000ราคา 11,990 บาท ภาพนิ่ง 3.5ภาพเคลื่อนไหว 3จอภาพ 3แฟลช 4 ความ สะดวก 3ความหลากหลายของฟังก์ชั่น 4 Canon Powershot SX200 ISราคา 14,900 บาท ภาพนิ่ง 3ภาพเคลื่อนไหว 4จอภาพ 3แฟลช 3 ความ สะดวก 4ความหลากหลายของฟังก์ชั่น 4 Olympus SP-590UZราคา 16,200 บาท ภาพนิ่ง 3ภาพเคลื่อนไหว 3จอภาพ 3แฟลช 4 ความ สะดวก 5ความหลากหลายของฟังก์ชั่น 4 กล้องดิจิตัล ยี่ห้อ/รุ่น ราคา* ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว จอภาพ แฟลช ความหลากหลาย ของฟังชั่น ความสะดวก ในการใช้งาน คะแนน (ร้อยละ) รุ่นไฮเอนด์ 1. Canon EOS 500D + EF-S 18-55mm IS 27,900 3.5 3 4 4 5 5 71 2. Canon Powershot SX10 IS 16,900 3.5 3 3 4 5 4 70 3. Canon PowerShot G10 17,500 3.5 4 3 4 5 4 69 4. Panasonic Lumix G1 + 14-45mm 32,900 3.5 - 4 4 4 4 69 5. Canon EOS 50D + 17-85mm IS USM 34,200 3.5 - 4 4 4 5 69 6. Canon PowerShot G11 19,200 3.5 3 3 4 5 4 68 7. Olympus E-30 Kit + 14-54 mm II 62,990 3.5 - 4 3 5 5 66 8. Canon Powershot SX20 IS 14,300 3 4 3 4 5 4 65 9. Pentax K-m Kit + 18-55mm DA L 19,990 3 - 3 4 4 4 64 10. Sony alpha 380 Kit + 18-55mm DT 30,990 3 - 4 4 5 5 64 11. Pentax K-7 Kit + 18-55mm AL WR 49,990 3 3 4 4 5 4 64 12. Nikon D3000 Kit + AF-S G 18-55 VR 23,990 3 - 4 4 4 4 61 13. Fujifilm FinePix S200EXR 14,990 3 2 3 4 4 4 60 14. Olympus E-450 Kit + 14-42 mm ED + 40-150 ED 23,990 3 - 4 3 5 4 60 15. Nikon D5000 Kit + AF-S DX 18-55 II 32,500 3 2 4 4 5 5 59 รุ่นแอดวานซ์ 16. Sony Cyber-shot DSC-HX1 17,500 3.5 3 3 4 4 4 69 17. Canon Powershot SX120 IS 9,500 3.5 3 3 4 4 4 64 18. Samsung WB1000 11,990 3.5 3 3 4 3 4 64 19. Canon Powershot SX200 IS 14,900 3 4 3 3 4 4 63 20. Olympus SP-590UZ 16,200 3 3 3 4 5 4 62 21. Nikon Coolpix P90 14,100 3 2 3 4 4 3 62 22. Casio Exilim EX-FH20 21,900 3 4 3 4 4 4 61 23. Samsung WB500 11,990 3 3 3 4 3 3 59 24. Panasonic Lumix DMC-FZ38 13,200 3.5 3 4 4 4 2 59 ทั้งหมดได้คะแนนแบตเตอรี่ 5 ดาว ยกเว้น Casio Exilim EX-FH20 ที่ได้ 4 ดาว ยกเว้น Casio Exilim EX-FH20 ที่ได้ 4 ดาว หมายเหตุ: อย่าลืมตรวจสอบราคาอีกครั้งกับผู้ขาย ราคากล้องจะสูงกว่าถ้าเป็นการประกันกับศูนย์ หมายเลขรูป 0803 0110 0109 0112 0102 1264 0401 1151 0202 1006 1003
สำหรับสมาชิก >ต้อนรับปีใหม่กันด้วยผลทดสอบกล้องดิจิตัลกันอีกครั้ง คราวนี้เลือกมาเฉพาะรุ่นที่เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการอะไรยุ่งยาก ต้องการเก็บภาพอย่างเดียว ไม่ต้องปรับต้องตั้งอะไรกันมากมาย ถ้าคุณกำลังมองหากล้องดิจิตัลแบบเบสิกที่กดปุ๊บได้ภาพดังใจปั๊บ ลองเลือกดูจากกล้อง 24 รุ่นที่เรานำเสนอได้เลย แต่ถ้าต้องการรุ่นที่ท้าทายความสามารถกว่านี้ ก็ต้องอดใจรอฉบับหน้า รุ่นที่เราเลือกมานำเสนอคราวนี้ เป็นกล้องที่ยังมีจำหน่ายในเมืองไทย (สนนราคาประมาณ 6,000 ถึง 17,000 บาท) ซึ่งได้คะแนนเป็นอันดับต้นๆในการทดสอบจากองค์กรทดสอบระหว่างประเทศ หรือ International Consumer Research & Testing ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา The Top Ten Sony Cyber-shot DSC-H20 ราคา 10,900 บาท ความสะดวก 4 ภาพนิ่ง 3.5 แฟลช 4 ภาพเคลื่อนไหว 3 จอภาพ 3 Ricoh CX1 ราคา 12,990 บาท ความสะดวก 4 ภาพนิ่ง 3.5 แฟลช 4 ภาพเคลื่อนไหว 2 จอภาพ 3 Canon Digital Ixus 990 IS ราคา 12,500 บาท ความสะดวก 4 ภาพนิ่ง 3 แฟลช 3 ภาพเคลื่อนไหว 3 จอภาพ 4 Canon PowerShot D10 ราคา 13,900 บาท ความสะดวก 4 ภาพนิ่ง 3.5 แฟลช 3 ภาพเคลื่อนไหว 2 จอภาพ 3 Canon PowerShot A2100 IS ราคา 8,990 บาท ความสะดวก 4 ภาพนิ่ง 3.5 แฟลช 3 ภาพเคลื่อนไหว 3 จอภาพ 3 Panasonic Lumix DMC-TZ7 ราคา 11,400 บาท ความสะดวก 3 ภาพนิ่ง 3.5 แฟลช 3 ภาพเคลื่อนไหว 4 จอภาพ 3 Canon PowerShot A1100 IS ราคา 5,990 บาท ความสะดวก 4 ภาพนิ่ง 3 แฟลช 3 ภาพเคลื่อนไหว 3 จอภาพ 2 Panasonic Lumix DMC-FS6 ราคา 6,990 บาท ความสะดวก 3 ภาพนิ่ง 3.5 แฟลช 4 ภาพเคลื่อนไหว 3 จอภาพ 3 Canon Digital Ixus 95 IS ราคา 8,990 บาท ความสะดวก 4 ภาพนิ่ง 3.5 แฟลช 3 ภาพเคลื่อนไหว 3 จอภาพ 2 Sony Cyber-shot DSC-W290 ราคา 9,500 บาท ความสะดวก 4 ภาพนิ่ง 3.5 แฟลช 3 ภาพเคลื่อนไหว 3 จอภาพ 3 ดาวน์โหลดรายละเอียดการเปรียบเทียบ
สำหรับสมาชิก >“เลือกเล่มที่ใช่ เพื่องานที่คุณชอบ”ฉลาดซื้อ เคยได้นำเสนองานทดสอบที่น่าสนใจเกี่ยวกับหนังสือคู่มือการใช้งานโปรแกรมซอร์ฟแวร์คอมพิวเตอร์ต่างๆ ซึ่งมีวางขายอยู่ในร้านหนังสือทั่วไป แต่ทั้งนี้ด้วยความหลากหลายของโปรแกรมซอร์ฟแวร์ที่ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีมากมายจนผู้ใช้เองก็แทบจะติดตามกระแสของเทคโนโลยีที่กำลังจะวิ่งแซงความรู้ความสามารถของผู้ใช้ พอจะหาซื้อหนังสือมาอ่านให้ก้าวทันเทคโนโลยีทั้งทีก็ยังต้องมาเจอปัญหาที่ว่าคู่มือสอนการใช้งานโปรแกรม Software เหล่านี้ก็มีมากมายจนประหวั่นพาลไม่มั่นใจว่าจะเลือกเล่มไหนจึงจะดีที่สุด “ฉลาดซื้อ” เล็งเห็นปัญหาของผู้อ่าน เราจึงภูมิใจนำเสนองานทดสอบหนังสือคู่มือโปรแกรมคอมพิวเตอร์อีกครั้ง โดยครั้งนี้เราได้คัดและเลือกสรรหนังสือสอนการใช้งานโปรแกรมซอร์ฟแวร์หนึ่งซึ่งมีความฮอตฮิตที่สุดในการใช้งานด้านการตกแต่งภาพ และใช้งานด้านการออกแบบตกแต่งงานกราฟฟิกดีไซน์มาเป็นงานทดสอบแรกในบรรดาหนังสือคู่มือการใช้งานโปรแกรมซอร์ฟแวร์ต่างๆ ซึ่งโปรแกรมที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ก็คือ Adobe Photoshop นั่นเอง ในวงการของผู้ใช้งานโปรแกรมนี้ ย่อมรู้ดีว่า Adobe Photoshop นั้นเป็นโปรแกรมสำหรับงานตกแต่งภาพที่มีการพัฒนาให้มีความสะดวกสบายและง่ายต่อการใช้งานมาอย่างต่อเนื่อง เวอร์ชั่นล่าสุดของ Adobe Photoshop นั้นจึงดำเนินมาถึง Adobe Photoshop CS 4 ซึ่งข้อดีของมันเห็นจะเป็นการทำให้เครื่องมือ (Tool) ง่ายและสะดวกสบายในการใช้งานในคำสั่งต่างๆ มากขึ้น แน่นอนว่าเมื่อมีการพัฒนาโปรแกรมเป็นเวอร์ชั่นใหม่ หนังสือคู่มือย่อมมีการพัฒนาเพิ่มเติมตามไปด้วย จากการสอบถามข้อมูลโดยการจัดทำสนทนากลุ่ม (Focus Group) จากผู้มีความรู้เกี่ยวกับโปรแกรม Adobe Photoshop และผู้ที่เริ่มต้นศึกษาและใช้งานโปรแกรม Adobe Photoshop ในระดับเบื้องต้นผ่านทางการอ่านหนังสือคู่มือ ทำให้เราได้ข้อมูลที่น่าสนใจอันเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านที่จะนำเอาเกร็ดข้อคิดไปใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อหนังสือคู่มือโปรแกรม Adobe Photoshop เวอร์ชั่นต่างๆ เพื่อให้สามารถเลือกซื้อหนังสือคู่มือ โปรแกรม Adobe Photoshop ได้อย่างชาญฉลาด--------------------------ฉลาดซื้อ ได้ทำสำรวจความคิดเห็นในลักษณะ โฟกัสกรุ๊ป (Focus Group) โดยเลือกกลุ่มตัวอย่างจากกลุ่มผู้ที่เคยเลือกซื้อหนังสือคู่มือการใช้โปรแกรม Adobe Photoshop ซึ่งมีทั้งผู้ที่มีความรู้เรื่องการใช้โปรแกรมอยู่บ้าง ผู้ต้องการใช้โปรแกรมเพื่อปรับแต่งภาพถ่าย และผู้ที่ใช้โปรแกรมเพื่องานกราฟฟิก ทั้งผู้ที่ศึกษาอยู่ในเรื่องนี้โดยตรง และคนทั่วไปที่ต้องการศึกษาการใช้โปรแกรม Adobe Photoshop ด้วยตัวเอง ข้อแนะนำก่อนเลือกซื้อหนังสือคู่มือคู่มือโปรแกรม Adobe Photoshop1.ให้เวลาอ่านเนื้อหา (ในเล่ม) สักนิดนักอ่านมือสมัครเล่นผู้ที่เคยหาซื้อหนังสือคู่มือ โปรแกรม Adobe Photoshop มาใช้แล้วนั้น กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ในกรณีของมือสมัครเล่นมักจะเกิดปัญหาจากการซื้อคู่มือบางเล่มที่แม้ลักษณะภายนอกสวยงาม และเลือกเล่มที่เหมาะกับระดับความรู้เบื้องต้นของผู้อ่านแล้ว แต่เนื้อหาภายในก็ยังไม่ได้บอกขั้นตอนที่ชัดเจน บางเล่มยังมีคำศัพท์เฉพาะหรือมีการอธิบายเชิงเทคนิคมากเกินไป ผู้อ่านทั่วไปจึงไม่เข้าใจเท่าที่ควร ผู้อ่านหลายต่อหลายท่านคงมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของตนเองในการเลือกซื้อหนังสืออยู่แล้วเป็นทุนเดิม และสิ่งที่ทำคล้ายๆ กันคือการเปิดดูคร่าว ๆ ถึงเนื้อหาภายในอ่านบ้างไม่อ่านบ้าง ซึ่งวิธีนี้สำหรับหนังสือทั่ว ๆ ไป อาจจะเป็นวิธีที่เหมาะสม แต่สำหรับหนังสือคู่มือ Adobe Photoshop นอกเหนือจากการเปิดอ่านหนังสือคู่มือคร่าว ๆ แล้ว สิ่งที่น่าสนใจและสามารถนำไปใช้ประกอบการพิจารณาเลือกซื้อ คือเนื้อหาในเล่มที่ควรจะต้องบอกขั้นตอนของการทำงานในเครื่องมือต่างๆ ของโปรแกรมได้อย่างเป็นระบบ และเข้าใจง่าย มีภาพประกอบ มีการอธิบายไม่วกวนหรือใช้ศัพท์ทางเทคนิคมากเกินไป เพราะถ้าหากผู้อ่านซื้อไปแล้วกลับอ่านไม่เข้าใจ ก็เหมือนว่าเราไม่ได้อะไรจากหนังสือเล่มนั้นเลย 2.ถามตัวเองให้แน่ใจว่าต้องการศึกษาในเรื่องไหนหลายคนที่เริ่มหัดใช้โปรแกรม Adobe Photoshop มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการใช้โปรแกรมเหล่านี้ ในงานตกแต่งภาพหรืองานดีไซน์ต่างๆ และมีไม่น้อยที่เลือกที่จะซื้อหนังสือคู่มือมาชิมลางทดลองด้วยตัวเองก่อน แต่อย่างไรก็ตามในการเลือกซื้อหนังสือผู้ซื้อควรจะให้ความสำคัญในการเลือกซื้อตั้งแต่ครั้งแรกเพื่อจะให้ได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ต้องไปหาซื้อเล่มที่สอง เล่มที่สาม ติดต่อตามกันมาเรื่อยๆ เป็นการสิ้นเปลืองเงินไปไม่ใช่เล่น ๆ เริ่มจากการพิจารณาตัวเองก่อน การพิจารณาตัวเองในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการเข้าทางธรรมะแต่อย่างใด แต่หมายถึงผู้ซื้อต้องตรวจสอบก่อนว่าตัวเองนั้นใช้ โปรแกรม Adobe Photoshop เพื่อวัตถุประสงค์อย่างไร และตนเองมีพื้นความรู้บ้างหรือไม่ หากเป็นเพียงคนใช้งานโปรแกรม Adobe Photoshop เพื่อการตกแต่งภาพของตนเองหรือเพื่อนเล็กๆ น้อยๆ หรือศึกษาเอาไว้เพื่อประดับความรู้ ก็อาจจะเลือกซื้อคู่มือสอนการใช้งานโปรแกรม Adobe Photoshop ที่ไม่ต้องเป็นเล่มสำหรับระดับมืออาชีพ เพราะจะมีราคาไม่สูงมากนัก แต่ถ้าใครจะหันไปเอาดีทางด้านนี้ จะหาซื้อเล่มสำหรับการพัฒนาฝีมือก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพทางด้านการตกแต่งภาพกันไปเลยอันนี้ก็ไม่ว่ากันสำหรับผู้ที่ต้องการใช้โปรแกรม Adobe Photoshop เพื่อใช้งานตกแต่งภาพทั่วๆ ไป ในท้องตลาดหากสังเกตดีๆ จะเห็นว่ามีคู่มือเกี่ยวกับการตกแต่งภาพแยกออกมาจากหนังสือคู่มือการใช้งานโปรแกรม Adobe Photoshop ซึ่งหนังสือเกี่ยวกับการแต่งภาพเหล่านี้ แตกต่างจากหนังสือคู่มือการใช้งานโปรแกรม Adobe Photoshop โดยทั่วไป ตรงที่หนังสือเหล่านี้ตอบสนองความต้องการด้านการตกแต่งภาพในลักษณะที่จำเพาะไปตามลักษณะของการแต่งภาพ เช่น แต่งภาพถ่ายให้เป็นสไตล์ต่างๆ ลบริ้วรอยของคนในภาพ ปรับแสงให้ภาพถ่ายสวยงาม เหล่านี้เป็นต้น คู่มือลักษณะนี้จึงเหมาะกับผู้ใช้งานโปรแกรม Adobe Photoshop ที่ต้องการทำงานเกี่ยวกับภาพถ่ายโดยเฉพาะ 3.อย่าตัดสินจากปกสวยๆ แม้ลักษณะภายนอกของรูปเล่มหนังสือคู่มือจะมีความสวยงาม มีภาพประกอบที่ดึงดูดใจ แต่ไม่น้อยเล่มเช่นกันที่เนื้อหาภายในไม่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ซื้อ ภาพประกอบปกที่ดูน่าเชื่อถือก็อาจจะเป็นเพียงสิ่งห่อหุ้มที่สวยงามขัดกับเนื้อหาภายใน จากการสนทนากับผู้ที่เคยเลือกซื้อหนังสือคู่มือโปรแกรม Adobe Photoshop พบว่าที่ผ่านมา มีไม่น้อยที่เลือกซื้อโดยการพิจารณาจากลักษณะภายนอกเท่านั้น เช่น ภาพประกอบปก ความหนาบางของเล่ม และสีสันของเล่ม เนื่องจากตัวเล่มในลักษณะนี้ให้ความรู้สึกของการเป็นหนังสือเกี่ยวกับการใช้โปรแกรมตกแต่งภาพและงานดีไซน์ หากมีภาพปกที่สื่อถึงความมีสไตล์หรือการออกแบบดีไซน์ สีสันที่สดใส ยิ่งสร้างความน่าเชื่อถือให้เข้าใจว่าคู่มือเล่มนั้นๆ มีความเป็นมืออาชีพ ความหนาบางของเล่มก็มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้ออีกเช่นกัน หลายคนอาจจะชอบเล่มบางเบาพกพาสะดวก บางคนชื่นชอบเล่มที่มีความหนาหน่อย แสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่คับแน่นเต็มเล่ม 4.ราคาก็เป็นเรื่องสำคัญการเลือกซื้อหนังสือคู่มือการใช้โปรแกรม Adobe Photoshop อย่างชาญฉลาด นอกจากการนำข้อควรคิดที่นำเสนอไปแล้วดังข้างต้นมาประกอบการตัดสินใจซื้อแล้ว อีกเรื่องสำคัญซึ่งท่านผู้อ่านต้องไม่ลืม คือ ควรตรวจสอบราคาของหนังสือแต่ละเล่มของแต่ละสำนักพิมพ์ก่อนตัดสินใจซื้อด้วย เนื่องจากตอนนี้หนังสือคู่มือการใช้งานโปรแกรม Adobe Photoshop ทยอยออกสู่ตลาดกันอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้เกิดการแข่งขันกันในเรื่องราคาของแต่ละสำนักพิมพ์ตามไปด้วยการเลือกซื้อหนังสือคู่มือที่เหมาะสมกับพื้นฐานความรู้ของผู้อ่านเอง อีกทั้งยังถูกใจทั้งหน้าตาภายนอก เนื้อหาภายใน อ่านทำความเข้าใจได้ง่าย ราคาสบายกระเป๋า ย่อมเป็นสิ่งที่พึงปรารถนา อาจจะเสียเวลาสักเล็กน้อยแต่รับรองว่าได้หนังสือคู่มือคุณภาพคุ้มกับราคา อีกทั้งยังได้ความรู้นำไปแต่งภาพให้สวยงามตามใจอยากได้อย่างแน่นอน ***เราสามารถแบ่งประเภทของหนังสือคู่มือการใช้โปรแกรม Photoshop ได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1.คู่มือที่สอนเกี่ยวกับเทคนิคการปรับแต่งรูปภาพหรือภาพถ่าย และ 2.คู่มือที่สอนเรื่องการทำงานสร้างสรรค์ด้านกราฟฟิก ซึ่งเนื้อหาในหนังสือก็จะมีแบ่งระดับของผู้ที่ต้องการใช้ออกไปอีก คือมีตั้งแต่ระดับพื้นฐานหรือกลุ่มที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับโปรแกรมมาก่อนเลย ไล่ไปจนถึงกลุ่มผู้ใช้ที่มีความรู้เรื่องโปรแกรมดังกล่าวเป็นอย่างดี ใช้งานอยู่เป็นประจำแต่ต้องการศึกษาเทคนิคใหม่ๆ เพื่อใช้ในการทำงาน ซึ่งผู้ที่ต้องการจะซื้อหนังสือคู่มือการใช้โปรแกรม Photoshop ควรถามตัวเองก่อนว่าต้องศึกษาในเรื่องใด ถึงขั้นไหน และต้องลองสำรวจดูว่าตัวเรามีความรู้ความเข้าใจอยู่ในขั้นไหน เพื่อช่วยให้การเลือกซื้อหนังสือได้เหมาะสมและคุ้มค่า ตรงตามความต้องการในการใช้งานของเรามากที่สุด
สำหรับสมาชิก >“ปัจจุบันมีคนกว่า 100 ล้านคนทั่วโลกฟังเพลงผ่านเครื่องเล่นพกพาเป็นประจำทุกวัน”กลับมาอีกครั้งกับผลทดสอบเครื่องเล่นเอ็มพี 3 และ 4 ที่องค์กรทดสอบสินค้าระหว่างประเทศ หรือ ICRT ได้ทำการทดสอบไว้ โดยตัวอย่างที่ส่งเข้าทดสอบนั้นเป็นรุ่นที่เก็บตัวอย่างจากประเทศสมาชิกในยุโรป คราวนี้เอาใจผู้รักเสียงเพลงกันอีกครั้งด้วย เครื่องเสียงพกพาทั้งหมด 24 รุ่น ที่ราคาระหว่าง 1,600 - 14,800 บาท โดยมีประเด็นที่ทดสอบหลักๆ ดังนี้ คุณภาพเสียง ความสะดวกในการใช้งาน ความสะดวกในการพกพา ความทนทาน แบตเตอรี่ การโหลดเพลงจากคอมพิวเตอร์ จากการทดสอบ เราพบว่า เราสามารถมีเครื่องเล่นเพลงแบบพกพาที่เสียงดี ใช้สะดวก ทนทาน แถมฟังเพลงได้นาน ด้วยงบประมาณไม่เกิน 6,000 บาท ถ้าสิ่งที่คุณคิดว่าสำคัญที่สุดคือคุณภาพเสียง ในกลุ่มที่เราทดสอบก็มีเครื่องเล่นที่มีคุณภาพเสียงในระดับดี (4 ดาว) อยู่ถึง 7 รุ่นให้ได้เลือกกัน ตั้งแต่ราคา 2,800 – 14,800 บาท ในงบประมาณไม่เกิน 3,000 บาท มีเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น (Apple iPod Shuffle) เท่านั้น ที่มีคุณภาพเสียง 4 ดาว ส่วนแต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นจุดด้อยในด้านต่างๆ อย่างไร ดูรายละเอียดได้จากตารางในหน้าถัดไป ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากที่ผู้ขายได้แจ้งไว้ในอินเตอร์เน็ต กรุณาตรวจสอบราคาที่ร้านอีกครั้ง ดาวโหลดตางรางผลการทดสอบ MP4 ++ เสียงเพลงสีเขียวนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัย Edinburgh ได้คิดค้นและผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอร์รี่ในเครื่องเล่น MP3 และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเจ้าวงจรอิเล็กทรอนิกส์สุดสร้างสรรค์และมากคุณประโยชน์ที่ชื่อว่า “EnCore” ชิ้นนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้เร็วขึ้น โดยใช้พลังงานน้อยลง ซึ่งการที่มันช่วยยืดอายุให้กับแบตเตอร์รี่ของเรา เท่ากับเป็นการช่วยลดการเปลี่ยนแบตเตอร์รี่บ่อยๆ ช่วยลดการใช้พลังงาน ซึ่งดีกับสิ่งแวดล้อม ตอนนี้เจ้า “EnCore” ยังอยู่ในขั้นพัฒนา ฉลาดซื้อขอเอาใจช่วยเหล่านักวิทยาศาสตร์ให้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแบบนี้เสร็จสมบูรณ์ออกมาให้เราได้ใช้กันไวๆ ดังไป ... ไม่อนุญาตคณะกรรมาธิการยุโรป ได้เสนอให้มีการกำหนดความดังของเครื่องเล่นเพลงแบบพกพา สืบเนื่องจากข้อมูลการสำรวจที่พบว่า 1 ใน 10 ของคนที่ฟังเพลงจากเครื่องเล่นพกพาผ่านหูฟัง อาจมีปัญหาทางการได้ยิน นักวิทยาศาสตร์พบว่าการฟังเพลงผ่านหูฟังด้วยเสียงดังๆ เป็นเวลา 1 ชั่วโมงต่อวัน ติดต่อกันเป็นเวลามากกว่า 5 ปี มีโอกาสเสี่ยงอย่างมากที่จะทำให้หูได้รับอันตราย ข้อเสนอนี้กำหนดให้มีการควบคุมความดังของเสียงจากจุดกำเนิดเสียง ซึ่งก็คือตัวปรับเพิ่ม-ลดเสียงของเครื่องเล่นเพลงแบบพกพา ทั้งเครื่องเล่น MP3 และโทรศัพท์มือถือที่มีฟังก์ชั่นการฟังเพลง โดยคณะกรรมาธิการฯ เสนอว่าไม่ควรเกิน 80 เดซิเบล และไม่ควรฟังเกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักชอบปรับเสียงวอลลุ่มให้ดังเข้าไว้ โดยเฉพาะเวลาที่เดินอยู่บนถนนหรือนั่งรถเมล์ อาการเจ็บป่วยที่เกิดจากการฟังเพลงเสียงดังๆ ผ่านหูฟัง อาจจะต้องใช้เวลาเป็นปีๆ กว่าจะแสดงออก ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้นก็อาจสายเกินเยียวยาแล้วปัจจุบันมีคนกว่า 100 ล้านคนทั่วโลกฟังเพลงผ่านเครื่องเล่นพกพาเป็นประจำทุกวัน
สำหรับสมาชิก >ฉลาดซื้อฉบับนี้นำผลทดสอบกล้องวิดีโอดิจิตัล ที่ทำไว้โดยองค์กรทดสอบสากล (International Consumer Research and Testing: ICRT) มาฝากสมาชิกกัน คราวนี้เป็นการทดสอบกล้องวิดีโอ 43 รุ่น จาก 8 ยี่ห้อ (Canon JVC Panasonic Samsung Sanyo Sony Kodak และ Medion) แต่เราขอนำผลมาแสดงเฉพาะรุ่นที่ได้คะแนนรวมจาก ICRT เกินร้อยละ 50 ซึ่งมีทั้งหมด 20 รุ่น แต่ละรุ่นได้คะแนนแตกต่างกันไปในเรื่องของคุณภาพของภาพเคลื่อนไหว คุณภาพเสียง ความสะดวกในการใช้งาน ระยะเวลาในการบันทึกภาพ ความหลากหลายของฟังก์ชั่น หรือแม้แต่คุณภาพของภาพนิ่ง ซึ่งเดี๋ยวนี้ดูเหมือนจะเป็นออพชั่นที่ขาดไม่ได้สำหรับกล้องวิดีโอยุคนี้ไปแล้ว ใครชอบแบบไหน เน้นการใช้งานด้านใดก็ลองดูผลที่เรานำมาได้เลย สื่อบันทึกข้อมูลเนื่องจากปัจจุบัน มีสื่อบันทึกข้อมูลที่ใช้กับกล้องวิดีโอออกมาให้เลือกใช้เป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ต้องปวดหัวในการเลือกใช้ ไม่ต่างกับเลือกระบบการบันทึกของกล้องเช่นกัน สื่อบันทึกข้อมูลที่ว่านั้นได้แก่ เทปมินิดีวี DVD HDD และ SDHC (High-Capacity) /SD Memory Card สื่อบันทึกข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นอย่าง DVD ,HDD และ SDHC (High-Capacity) /SD Memory Card นั้นพัฒนามาจากสื่อสำหรับบันทึกข้อมูลชนิดแรกๆ แต่ยังมีจำหน่ายจนถึงทุกวันนี้ คือ เทปมินิดีวี ซึ่งเทปม้วนเล็กๆ นี้มีข้อดีตรงที่ไฟล์ที่บันทึกได้จะเป็นไฟล์ดิจิตอลความละเอียดสูง ไม่ผ่านการบีบอัดของข้อมูลเลย การโอนย้ายข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ก็ทำได้ง่าย ๆ โดยใช้สายเชื่อมต่อ firewire ,IEEE 1394 หรือ i-link ได้โดยไม่ compress ไฟล์ก่อน (ม้วนเทปมินิดีวี 60 นาที 1 ม้วน จะกินเนื้อที่ฮาร์ดดิสก์มาก ถึง 13 GB) ฉะนั้นกล้องแบบที่ใช้เทปมินิดีวี จึงมีมีข้อเสียตรงที่เราจะได้ไฟล์ขนาดใหญ่มาก แต่ก็เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ภาพที่คมชัดและมีความละเอียดสูง เพราะสามารถเลือกแปลงไฟล์ได้หลากหลายกว่าสื่อบันทึกภาพชนิดอื่น ๆ เมื่อมีการพัฒนาเรื่องสื่อในการบันทึก จึงมีหน่วยความจำที่มาแรงแซงโค้งอย่าง HDD และSDHC/SD Memory Card ออกมาท้าชนกับ เทปมินิดีวี อย่างจัง เพราะหน่วยบันทึกความจำ 2 รูปแบบนี้มีดีตรงที่บันทึกบนฮารดดิสก์ได้เลย ไม่ต้องหาซื้อเทปมินิ ส่วนไฟล์ที่ได้ก็มีความคมชัดแตกต่างกันไป อย่าง HDDและ SD นั้น ไฟล์ที่ได้รับจะมีนามสกุลเป็นไฟล์ MPEG-2 ที่เป็นไฟล์ที่นำมาเขียนเป็นแผ่น DVD ได้เลย ซึ่งกล้องที่ใช้หน่วยความจำแบบ HDD, SDHC/SD Memory Card บันทึกนั้น สะดวกตรงที่โอนข้อมูลภาพเคลื่อนไหวไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์ PC โดยตรง โดยไม่ต้อง capture ผ่านสาย firewire เหมือนกับระบบเทป แต่มีข้อเสียคือไฟล์ภาพจะมีขนาดเล็กกว่า และเสี่ยงต่อการสูญเสียไฟล์มากกว่าไฟล์ที่บันทึกลงเทปมินิดีวี สุดท้ายคือกล้องที่ตอบสนองความความสะดวกสบายมากที่สุดคือกล้องที่ใช้สื่อบันทึกแบบ DVD ใช้ถ่ายงานประเภทโฮมวิดีโอที่มีลักษณะการใช้งานที่ง่าย เพราะเมื่อเราถ่ายภาพเสร็จ ตัวกล้องจะบันทึก แปลงไฟล์ และเขียนลงเป็นแผ่นดีวีดี เพื่อให้เรานำมาเปิดดูกับเครื่องเล่นดีวีดีได้เลย แต่ภาพที่ได้จะมีคุณภาพต่ำ Doawload ตารางเปรียบเทียบรายละเอียดของกล้องหมายเหตุ กล้องทั้งหมดที่ทำการทดสอบ 43 รุ่น 1. Canon Legria FS2002. Canon Legria FS223. Canon Legria HF S1004. Canon Legria HF2005. Canon Legria HF206. Canon Legria HV40 7. JVC GZ-HD3208. JVC GZ-MG630 9. JVC GZ-MG645 10. JVC GZ-MG680 11. JVC GZ-MG84012. JVC GZ-MS120 13. JVC GZ-X900 14. Panasonic HDC-HS2015. Panasonic HDC-HS30016. Panasonic HDC-SD20017. Panasonic HDC-SD2018. Panasonic HDC-TM30019. Panasonic SDR-H9020. Panasonic SDR-S1521. Panasonic SDR-S2622. Panasonic SDR-SW21 23. Samsung HMX-H1000P24. Samsung SMX-F34BP25. Samsung VP-D39126. Samsung VP-DX200 27. Sanyo Xacti VPC-CA9EX28. Sanyo Xacti VPC-CG10EX29. Sanyo Xacti VPC-FH1EX30. Sanyo Xacti VPC-HD2000EX31. Sanyo Xacti VPC-WH1EX 32. Sony DCR-DVD150E33. Sony DCR-DVD450E34. Sony DCR-SR37E 35. Sony DCR-SR57E 36. Sony DCR-SR77E 37. Sony DCR-SX50E 38. Sony HDR-CX105E39. Sony HDR-XR105E40. Sony HDR-XR200VE41. Sony HDR-XR520VE42. Kodak Zi643. Medion LIFE P47005
สำหรับสมาชิก >ได้เวลาอัพเดทผู้อ่านฉลาดซื้อเรื่องของโทรศัพท์มือถือกันอีกครั้ง นาทีนี้อาจจะมีบางท่านต้องการหาซื้อมือถือไว้เพื่อการรับทราบข่าวสารที่มากกว่าแค่รับข้อความ (SMS) ซึ่งอาจรวมถึงการรับ/ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การแลกเปลี่ยนหรือแบ่งปันรูปภาพ ไฟล์เพลง รวมถึงการท่องเว็บต่างๆในอินเตอร์เน็ตด้วย ฉบับนี้เราภูมิใจนำเสนอผลการทดสอบเปรียบเทียบโทรศัพท์มือถือที่จัดทำโดยองค์กรทดสอบระหว่างประเทศ (หรือ International Consumer Research and Testing ที่มีสมาชิกเป็นองค์กรผู้บริโภคที่ไม่แสวงหากำไรเช่นเดียวกับเราอีก 44 องค์กร ใน 38 ประเทศ) ซึ่งประกอบด้วยมือถือที่ใช้อินเตอร์เน็ตได้ทั้งหมด 20 รุ่น และมือถือที่ที่มีฟังก์ชั่นถ่ายภาพและฟังเพลง (แต่ยังใช้ท่องเน็ตไม่ได้) อีก 14 รุ่น* ภาพรวม โทรศัพท์เหล่านี้ไม่แตกต่างกันในเรื่องของฟังก์ชั่นการใช้เพื่อโทรออก รับสาย (ทุกรุ่นได้ 4 ดาวเท่ากัน) โทรศัพท์ที่ยังครองความเป็นหนึ่งในด้านการใช้งานอินเตอร์เน็ตยังคงเป็น แอปเปิ้ล iPnone ทั้ง4 รุ่นที่ทดสอบ ที่เหลือก็อยู่ในระดับพอใช้ (3 ดาว) ถึงดี (4 ดาว) ยกเว้น โนเกีย N86 8MP โซนี่ อิริคสัน W995 แอลจี KM900 Arena และ แอลจี GC900 Viewty smart ที่ได้ไปเพียง 2 ดาว จากการทดสอบครั้งนี้ ความสะดวกในการรับ/ส่งข้อความของโทรศัพท์เหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในระดับพอใช้ขึ้นไป แต่ถ้าใครชื่นชอบการส่ง SMS เป็นชีวิตจิตใจก็อาจจะอยากลงทุนกับ โนเกีย N 97 ที่ได้คะแนนด้านนี้ถึง 5 ดาว มีเพียงสี่รุ่นที่ได้คะแนนในการถ่ายภาพในระดับ 4 ดาว ได้แก่ โนเกียN 97 โนเกียN86 8MP ซัมซุง GT-S8000 Jet และซัมซุง SGH-i900 Omnia สำหรับฟังก์ชั่นการฟังเพลงนั้นมี โนเกีย N 97 ที่ได้ไป 5 ดาว แต่ที่เหลือส่วนก็อยู่ในระดับพอใช้ถึงดี ยกเว้น ZTE/TMN Bluebelt ZTE/T-Mobile Vairy Touch และ “3” INQ1 โทรศัพท์ส่วนใหญ่ในกลุ่มที่นำมาทดสอบนี้ได้คะแนนเรื่องความทนทานในระดับดีถึงดีมาก ยกเว้น แอปเปิ้ล iPnone 3G 8 GB/ OS 3.0 และ แอปเปิ้ล iPnone 3G 16 GB/ OS 3.0 ที่อยู่ในเกณฑ์พอใช้ ในขณะที่โนเกีย E 75 ได้ไปเพียง 2 ดาว แบตเตอรี่ก็เช่นกัน โทรศัพท์ส่วนใหญ่ได้คะแนนเรื่องประสิทธิภาพการใช้พลังงานในระดับดีถึงดีมาก ยกเว้น แอลจี KM900 Arena ที่ผ่านด้วยคะแนนพอใช้เท่านั้น *หมายเหตุ มือถือที่ส่งเข้าทดสอบในครั้งนี้เก็บจากตลาดในยุโรป (แม้ว่าส่วนใหญ่จะผลิตมาจากโซนเอเชียบ้านเรา)** ทุกรุ่นสามารถชาร์จผ่านสาย USB ได้ ยกเว้น Nokia 6303 Classic ดาวโหลด ผลการทดสอบที่นี่ค่ะ
สำหรับสมาชิก >ฉลาดซื้อฉบับนี้เอาใจผู้รักความสงบแต่ชื่นชมในเสียงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดนตรี กีฬา หรือภาพยนตร์ เราขอนำเสนอผลการทดสอบหูฟังทั้งแบบมีสายและไร้สายที่ทำการทดสอบไว้โดยองค์กรทดสอบระหว่างประเทศ International Consumer Research and Testing ที่เราเป็นสมาชิก โดยมีหูฟังทั้งหมด 37 รุ่น (บางรุ่นมีขายที่เมืองไทยด้วย) ที่ราคาตั้งแต่ 790 – 9,000 บาท จากผลทดสอบนี้ทำให้ (คนในกอง บก.) เกิดความหวังว่าถึงเราจะมีงบประมาณไม่เกินหนึ่งพันบาทก็ยังพอมีลุ้นได้หูฟังที่คุณภาพดีพอใช้ แต่คุณผู้อ่านฉลาดซื้อที่มีงบมากกว่านั้นจะลองซื้อหาหูฟังที่ให้คุณภาพเสียงระดับเทพต้องอิจฉามาใช้ก็ไม่ว่ากัน ข้อสังเกตจากเครือข่ายนักวิชาการเพื่อผู้บริโภค หูฟังแบบไร้สายมีข้อเสียคือ กินไฟมาก และระยะในการรับสัญญาณไม่ไกล เมื่อเทียบกับหูฟังที่มีสาย จากผลการทดสอบเห็นได้ว่าหูฟังแบบไร้สายมีอัตราการกินไฟสูงมาก ในเรื่องของการกินไฟ ไม่ว่าจะใช้งานอยูใน Mode Standby ขณะชาร์จแบตเตอรี่ หรือ Mode การใช้งานจริง อัตราการกินไฟแทบจะไม่แตกต่างกันเลย เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการประหยัดไฟช่วยชาติและประหยัดเงินค่าไฟ เมื่อเลิกใช้งานควรดึงปลั๊กไฟของหูฟังออก ไม่ควรเสียบปลั๊กค้างไว้ตลอดเวลา ในยุคเศรษฐกิจอย่างนี้ เราอาจจะลองหันมาใช้หูฟังแบบมีสายบ้าง เพราะนอกจากจะได้เสียงที่มีคุณภาพดีแล้ว ยังสามารถประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกด้วย ถ้าดูตามผลการทดสอบนี้จะเห็นว่า คุณภาพเสียงของหูฟัง ยี่ห้อ beyerdynamic DTX 800 คุณภาพเสียงดีเลิศเหมือนกับ หูฟังของ Philips Cineos SHP 9000 และ หูฟังของ Sennheiser HD 555 แต่มีราคาถูกกว่าถึงเท่าตัว นอกจากเรื่องของคุณภาพของเสียงที่ต้องคำนึงเป็นอันดับต้นๆ แล้ว ก่อนซื้อหูฟังเราควรทดสอบดูว่า เมื่อใส่หูฟังดังกล่าวแล้วสบายหูหรือไม่ หูฟังที่ดีไม่ควรกดทับใบหูจนเกินไป นอกจากนี้ สิ่งที่ควรระมัดระวัง คือ ไม่ควรใส่หูฟังเป็นเวลานานๆ เพราะการกดทับบริเวณใบหูนานๆ อาจทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก และใบหูเป็นอวัยวะที่ระบายความร้อนของร่างกาย อาจทำให้ความร้อนที่ใบหูระบายได้ไม่ดี ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ
สำหรับสมาชิก >