ฉบับที่ 245 เป้เดินป่า

        การเดินทางข้ามจังหวัดหรือข้ามประเทศไม่สะดวกเหมือนเคยมาพักใหญ่ ผู้คนเริ่มโหยหาการเดินทาง การผจญภัย เพื่อสัมผัสกับธรรมชาติ เมื่อการระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลงบ้างในยุโรปซึ่งกำลังอยู่ในช่วงหน้าร้อน ผู้คนจึงเริ่มซื้อหาสินค้าประเภทอุปกรณ์เดินป่าจนบางอย่างขาดแคลนแล้วฉลาดซื้อฉบับนี้ขอนำผลทดสอบเป้เดินป่าที่องค์กรทดสอบระหว่างประเทศทำไว้มาฝากสมาชิก มีให้เลือกกัน 20 รุ่น ให้คุณได้จินตนาการเวลาออกไป “เที่ยวทิพย์” เพื่อลดความเครียดกันไปพลางๆ การทดสอบซึ่งทำขึ้นในสาธารณรัฐเชคครั้งนี้แบ่งออกเป็นสองด้าน        1. การทดสอบประสิทธิภาพ/คุณสมบัติ ทำในห้องแล็ป (ร้อยละ 60)แบ่งออกเป็น พื้นที่ใช้สอยสำหรับการใส่สิ่งของจำเป็นในการเดินป่า / ความสามารถในการกันน้ำ ทดสอบด้วยการตากฝนเทียมเป็นเวลา 30 นาที / ความแข็งแรงทนทาน ด้วยการทดลองใส่น้ำหนัก 9 กิโลกรัม แล้วแขวนด้วยหูจับ สายสะพายไหล่ รวมถึงการทดลอง “ทำตก” ที่ระยะ 40 มิลลิเมตร ทั้งหมด 20,000 ครั้ง และรูดซิปปิดเปิด 2,000 รอบ เป็นต้น / คุณภาพงานประกอบ รวมถึงการดูแลรักษา และอุปกรณ์ช่วยสะท้อนแสง         2. การทดลองใช้จริงโดยอาสาสมัคร 5 คน (ชาย 3 หญิง 2) ที่เปิด ปิด ปรับสาย และแบกน้ำหนักที่ 3 กิโลกรัมและ 9 กิโลกรัม แล้วให้ความเห็น

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 244 โปรแกรมเพื่อความปลอดภัยออนไลน์

        เมื่อธุรกรรมหลายๆ อย่างพากันย้ายขึ้นไปบนแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ต หลายคนจึงต้องการมั่นใจว่า “ทีมรักษาความปลอดภัย” ที่ใช้อยู่หรือวางแผนจะใช้นั้นมีประสิทธิภาพแค่ไหน ฉลาดซื้อฉบับนี้ชวนคุณมาดูผลทดสอบโปรแกรมเพื่อความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต ที่องค์กรทดสอบระหว่างประเทศได้ทำไว้ในช่วงต้นปี 2021 มีทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน และทั้งที่ใช้กับระบบปฏิบัติการ Mac และ Window คะแนนรวม 100 ได้จากคะแนน 3 ด้านดังนี้         -       ร้อยละ 65              ประสิทธิภาพในการคุ้มครองความปลอดภัย (เช่น การตรวจจับและจัดการไวรัสทั้งออนไลน์และออฟไลน์ หรือประสิทธิภาพของฟังก์ชัน anti-phishing เป็นต้น) โปรแกรมที่ใช้คือ WINDOW 10 และ MacOS ในเวอร์ชันที่อัปเดตล่าสุด และในคอมพิวเตอร์ที่ใช้จะต้องมีโปรแกรมอย่าง Adobe Reader, Edge, Internet Explorer 11, Firefox, Chrome, Thunderbird, VLC, และ 7zip ติดตั้งอยู่ด้วย        -       ร้อยละ 25              ความสะดวกการใช้งาน (เริ่มตั้งแต่ความยากง่ายในการติดตั้ง เวลาที่ใช้ โปรแกรมเสริม รวมถึงอัปเดตและการแจ้งเตือนต่างๆ) เป็นคะแนนจากผู้เชี่ยวชาญ 3 คนที่ใช้โปรแกรมทุกตัว แล้วตอบแบบสอบถาม ให้ความเห็นเกี่ยวกับโปรแกรมต่างๆ        -       ร้อยละ 10             การไม่สิ้นเปลือง “พื้นที่” ในการติดตั้ง รวมถึงการไม่ทำให้เครื่องทำงานช้า         หมายเหตุ โปรแกรมที่เราทดสอบมีทั้งแบบโหลดฟรีและแบบที่ต้องจ่ายเงิน โดยอย่างหลังนั้นราคาจะแตกต่างกันไปตามจำนวนอุปกรณ์และจำนวนปีที่ผู้ใช้เลือก มีตั้งแต่ปีละ 299 บาท (สำหรับอุปกรณ์เดียว) ไปจนถึง 3,750 (ใช้ได้ถึง 7 อุปกรณ์) นอกจากนี้ยังอาจมีโปรโมชันอื่นๆ ที่ทำให้ราคาถูกลงด้วย โปรดตรวจสอบราคาโปรแกรมตามความต้องการอีกครั้งก่อนตัดสินใจ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 243 ผลทดสอบผลิตภัณฑ์กันยูวี

        แสงแดดบ้านเราร้อนแรงขึ้นทุกปี ผลิตภัณฑ์กันแดดจึงกลายเป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ทุกบ้านต้องมีไว้ ฉลาดซื้อ ฉบับนี้ขอนำผลทดสอบเปรียบเทียบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์กันแดดที่สมาชิกองค์กรทดสอบระหว่างประเทศ (International Consumer Research & Testing) ได้ทำไว้ในช่วงต้นปี 2564 มาฝากสมาชิกกันอีกครั้ง คราวนี้เป็นครีม/สเปรย์กันยูวี ที่มีค่า SPF ระหว่าง 15 - 50 ด้วยเนื้อที่อันจำกัดเราจึงขอนำเสนอเพียง 20 ผลิตภัณฑ์เท่านั้น*         คราวนี้นอกจากจะให้ความสำคัญกับความสามารถในการป้องกันรังสี UVA/UVB (ร้อยละ 65)  ความพึงพอใจของผู้ใช้ เช่น การซึมลงผิว และ ความรู้สึกไม่เหนียวเหนอะหนะ (ร้อยละ 20) แล้ว ทีมทดสอบยังให้ความสำคัญกับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (ร้อยละ 10) และฉลากที่ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภคด้วย (ร้อยละ 5)         แม้จะไม่ได้ให้สัดส่วนคะแนนสำหรับการงดใช้สารเคมีที่ส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนในร่างกายมนุษย์ (Endocrine Disrupting Chemicals หรือ EDCs) เนื่องจากผู้ผลิตส่วนใหญ่ให้การตอบรับและยกเลิกการใช้ไปแล้ว แต่ทีมทดสอบก็พบว่ามีอย่างน้อยสองผลิตภัณฑ์ที่ยังใช้สารเคมีกลุ่มดังกล่าวอยู่ (Hawaiian Tropic Satin Protection SPF 30 และ Lancaster Sun Beauty Sublime Tan)*หมายเหตุ ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ส่งเข้าทดสอบ เป็นผลิตภัณฑ์ที่จัดซื้อโดยองค์กรผู้บริโภคในสเปน อิตาลี โปรตุเกส  ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ และราคาที่แสดงเป็นราคาที่แปลงจากหน่วยเงินยูโรในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 โปรดตรวจสอบราคาอีกครั้งก่อนตัดสินใจข้อมูลจาก National Ocean Service ภายใต้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกาhttps://oceanservice.noaa.gov/news/sunscreen-corals.html

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 242 สมาร์ตวอทช์ นาฬิกาอัจฉริยะ

        ภาคต่อจากฉบับที่แล้ว คราวนี้เรามาดูผลทดสอบเปรียบเทียบสมาร์ตวอทช์ที่องค์กรผู้บริโภคของอังกฤษได้ทำไว้ มีให้เลือกกันจุใจถึง 28 รุ่น ที่สนนราคาตั้งแต่ประมาณ 1,400 ถึง 21,500 บาท                การทดสอบครั้งนี้แบ่งคะแนนออกเป็น 7 ด้าน        - ร้อยละ 25 ประสิทธิภาพ/ความแม่นยำในการนับก้าวขณะเดิน วิ่ง และทำงานบ้านทั่วไป รวมถึงความแม่นยำในการวัดระยะทางและอัตราการเต้นของหัวใจ        - ร้อยละ 25 ฟังก์ชันสมาร์ต        - ร้อยละ 20 ความสะดวกในการใช้งาน          - ร้อยละ 15 ความอึดของแบตเตอรี           - ร้อยละ 5 การทำงานของแอปฯ        - ร้อยละ 5 รูปลักษณ์ วัสดุที่ใช้ทำตัวเรือน สายรัด ความทนทานของหน้าจอต่อรอยขูดขีด        - ร้อยละ 5 ฟีเจอร์ การปรับแต่งได้ตามต้องการ และความเข้ากันได้กับแอปฯ อื่นๆ         เช่นเดียวกับฟิตเนสแบนด์ ราคาที่แพงกว่าของนาฬิกาอัจฉริยะไม่ได้รับรองประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเสมอไป เราพบว่าหลายรุ่นที่ราคาปานกลางได้คะแนนสูงกว่ารุ่นที่ราคาแพง แต่เรื่องรูปลักษณ์นั้นก็แล้วแต่ความพึงพอใจของผู้สวมใส่ เชิญพลิกหน้าถัดไปเพื่อเลือกสมาร์ตวอทช์ที่ตรงใจคุณได้เลย          หมายเหตุ:        · ค่าใช้จ่ายในการทดสอบอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 1,800 ยูโร (ประมาณ 66,000 บาท) ต่อหนึ่งตัวอย่าง        · ก่อนหน้านี้ฉลาดซื้อเคยเสนอผลทดสอบสมาร์ตวอทช์ไว้ในฉบับที่ 215 และ 177 ท่านสามารถอ่านผลทดสอบย้อนหลังได้ทางออนไลน์        · ราคาที่แสดงเป็นราคาในช่วงต้นเดือนเมษายน 2564 โปรดตรวจสอบอีกครั้งก่อนตัดสินใจ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 241 สายรัดวัดความฟิต

                กลับมาอีกครั้งกับผลการทดสอบเปรียบเทียบสายรัดข้อมือที่ Which? องค์กรผู้บริโภคของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กรทดสอบระหว่างประเทศ (International Consumer Research and Testing) ได้ทำไว้ในช่วงปลายปี 2020 คราวนี้เรามีให้คุณได้เลือก 18 รุ่น ที่สนนราคาระหว่าง 699ถึง 7,290  บาท        การทดสอบครั้งนี้แบ่งคะแนนออกเป็น 7 ด้าน        - ร้อยละ 45 ประสิทธิภาพ/ความแม่นยำในการนับก้าวขณะเดิน วิ่ง และทำงานบ้านทั่วไป รวมถึงความแม่นยำในการวัดระยะทางและอัตราการเต้นของหัวใจ        -  ร้อยละ 20 ความสะดวกในการใช้งาน เช่นตั้งค่า เข้าถึงข้อมูล มองหน้าจอได้ชัดในสภาพแสงต่างๆ        -  ร้อยละ 10 ความอึดของแบตเตอรี โดยวัดจากชั่วโมงการใช้งานหลังชาร์จแบตฯ จนเต็ม        -  ร้อยละ 10 การทำงานของแอปฯ        -  ร้อยละ 5 การแจ้งเตือนจากโซเชียลมีเดีย การรับส่งข้อความ รับโทรศัพท์        -  ร้อยละ 5 รูปลักษณ์ วัสดุที่ใช้ทำตัวเรือน สายรัด รวมถึงความทนทานของหน้าจอต่อรอยขูดขีด        -  ร้อยละ 5 ฟีเจอร์ การปรับแต่งได้ตามต้องการ และความเข้ากันได้กับแอปฯ อื่นๆ         จากผลทดสอบครั้งนี้พอจะสรุปได้ว่า ราคาไม่ได้บ่งบอกประสิทธิภาพเสมอไป หลายรุ่นที่ราคาปานกลางได้คะแนนดีกว่ารุ่นที่ราคาแพงด้วยซ้ำ ในขณะที่รุ่นที่ราคาต่ำมากๆ ก็มีประสิทธิภาพน้อยตามราคา         ·  ค่าใช้จ่ายในการทดสอบครั้งนี้อยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 1,800 ยูโร (ประมาณ 66,000 บาท) ต่อหนึ่งตัวอย่าง        · ก่อนหน้านี้ฉลาดซื้อเคยเสนอผลทดสอบ fitness trackers ไว้ในฉบับที่ 168 และ 184 หากสนใจติดตามอ่านย้อนหลังได้ในเล่มออนไลน์        ตลาดอุปกรณ์ fitness trackers ทั่วโลกในปี 2019 มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 30,410 ล้านเหรียญ และมีการคาดการณ์ว่าจะสูงกว่า 90,000 ล้านเหรียญในปี 2027  อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.fortunebusinessinsights.com/fitness-tracker-market-103358

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 240 ผลทดสอบกระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิ

        สายยืดอกพกแก้วมาทางนี้ ฉลาดซื้อมีผลทดสอบเปรียบเทียบกระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิมาฝาก เราเลือกมา 23 รุ่น จากที่สมาชิกในยุโรปขององค์กรทดสอบระหว่างประเทศ (International Consumer Research and Testing) ได้ทำไว้ในช่วงปลายปี 2020กระบอกน้ำเหล่านี้มีความจุระหว่าง 280 มล.ถึง 473 มล. สนนราคาตั้งแต่ 5 – 20 ยูโร จัดซื้อโดยองค์กรผู้บริโภคในออสเตรีย (Verein Fur Konsumenteninformation) สาธารณรัฐเชก (DTest) และเดนมาร์ก (Forbrugerraadet Taenk)         คะแนนในการทดสอบแบ่งออกเป็น 5 ด้านได้แก่        1.  ประสิทธิภาพ (ร้อยละ 60) คิดจากความสามารถในการรักษาอุณหภูมิน้ำร้อน/น้ำเย็น เมื่อเวลาผ่านไป 6, 12, และ 24 ชั่วโมง เมื่อวางกระบอกน้ำที่เติมน้ำร้อน/เย็น ปิดฝา แล้ววางไว้ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส โดยทดสอบทั้งการเติมน้ำครึ่งกระบอก และเติมถึงขีดสูงสุดที่ระบุรวมถึงการป้องกันการรั่วซึมเมื่อเติมน้ำร้อยละ 75 แล้วปิดฝา คว่ำไว้ 10 นาที และทดสอบการรั่วซึมอีกครั้งหลังเปิด/ปิด 600 ครั้ง        2.  ความสะดวกในการใช้งาน (ร้อยละ 25) เช่น การเปิด/ปิดฝา เติม/เทน้ำ การทรงตัวของกระบอกเมื่อวางบนพื้นไม่เรียบ และความง่ายในการล้างทำความสะอาด        3.  รูปลักษณ์และการประกอบ (ร้อยละ 5) ดูจากการรอยเชื่อมต่อ สภาพภายนอกที่ดูสวยงาม มั่นคงแข็งแรง รับแรงเปิด/ปิดได้ดี        4.  ความทนทาน (ร้อยละ 5) ทดสอบด้วยการทิ้งกระบอกจากความสูง 80 ซม. ลงบนพื้นคอนกรีต 3 ครั้ง (ทิ้งแนวตรง 1 ครั้ง/ทิ้งด้านข้าง 2 ครั้ง) แล้วตรวจสอบความเสียหาย        5.  ความปลอดภัย (ร้อยละ 5) เป็นการตรวจหาการปนเปื้อนของสารประกอบกลุ่มโพลีไซคลิก อะโรเมติก ไฮโดรคาร์บอน (PAH)         เป็นอีกครั้งที่เราพบว่าของแพงไม่จำเป็นต้องดีและของดีก็ไม่จำเป็นต้องแพง รุ่นที่ได้คะแนนรวมสูงที่สุด (85 คะแนน) ในการทดสอบเปรียบเทียบครั้งนี้คือ Undersöka ของ Ikea ที่ราคาถูกที่สุดด้วย (ราคาในเมืองไทย 299 บาท ราคาที่ซื้อในยุโรป 5 ยูโร) ส่วน Contigo Autoseal West Loop ที่ราคาแพงที่สุดได้ไปเพียง 64 คะแนน         ·    ฉลาดซื้อมีสิทธิ์เผยแพร่ผลการทดสอบที่เราไม่ได้ลงทุนทำเองได้ เพราะเราเป็นสมาชิก ICRT ที่ร่วมลงขันปีละ 6,000 ยูโร หรือประมาณ 217,000 บาท หากมีงบประมาณพอ เราก็สามารถส่งตัวอย่างจากเมืองไทยไปให้เขาทดสอบ โดยรับผิดชอบจ่ายค่าทดสอบ เช่น กระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิ ค่าทดสอบอยู่ที่ตัวอย่างละ 390 ยูโร (ประมาณ 14,000 บาท)          ·    เราเคยเสนอผลการทดสอบเปรียบเทียบขวดน้ำสุญญากาศ ขนาด 350-500 มล. จำนวน 12 ยี่ห้อที่เครือข่ายนักวิชาการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคได้ทำไว้ ในฉบับที่ 208 (ธันวาคม 2560) 

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 240 สำรวจฉลากผลิตภัณฑ์สบู่เหลวและแชมพูสำหรับเด็ก

        สบู่เหลวและแชมพูสำหรับเด็ก เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีโอกาสสัมผัสผิวหนัง เส้นผม และดวงตาของเด็กอยู่เป็นประจำ คุณพ่อคุณแม่ควรพิถีพิถันในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยจากสารเคมีและส่วนผสมต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองต่อเด็ก โดยเฉพาะเด็กทารกและเด็กเล็ก         เพื่อเป็นการเฝ้าระวังเรื่องความปลอดภัย นิตยสารฉลาดซื้อและโครงการสนับสนุนระบบเฝ้าระวังสินค้าและบริการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ ได้สุ่มเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์สบู่เหลวและแชมพูสำหรับเด็ก จำนวน 16 ตัวอย่าง จากห้างค้าปลีกและร้านค้าทั่วไปในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ในช่วงเดือนกันยายน 2563 - มกราคม 2564 เพื่อสำรวจฉลากผลิตภัณฑ์สบู่เหลวและแชมพูสำหรับเด็กว่า มีสารเคมีหรือส่วนผสมที่ควรระวังหรือไม่ ได้แก่         โซเดียมลอริธซัลเฟต (Sodium Laureth sulfate : SLES ) : สารลดแรงตึงของน้ำ ทำให้เกิดฟอง ถ้าล้างออกช้าหรือล้างออกไม่หมด อาจทำให้ผิวแห้ง ผมร่วง และแสบตาได้         เมทิลไอโซไทอะโซลิโนน (Methylisothiazolinone : MIT) : สารกันเสียที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วต้องล้างออกเท่านั้น อาจทำให้ผิวระคายเคือง หากเกิดอาการแพ้จะทำให้ผิวอักเสบและมีผื่นแดงขึ้น         พาราเบน (Paraben) : สารกันเสียที่มีรายงานว่าอาจเสี่ยงต่อสุขภาพส่งผลให้เป็นมะเร็ง         ไตรโคลซาน (Triclosan): สารกันเสียที่อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันมีปัญหา หากใช้ระยะเวลานานจะมีความเสี่ยงต่อเชื้อแบคทีเรียดื้อยาด้วย         (หมายเหตุ : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ยืนยันว่าสาร ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั้ง 4 ชนิดนี้มีความปลอดภัย เมื่อใช้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด)         แอลกอฮอล์ : อาจระคายเคืองผิว ทำให้ผิวของเด็กแห้งเกินไปจนเกิดเป็นผื่นได้         น้ำหอม : น้ำหอมสังเคราะห์อาจทำให้เกิดผื่นแพ้ตามผิวหนังและหนังศีรษะ แม้แต่น้ำมันหอมระเหยจากพืชธรรมชาติก็ยังมีโอกาสทำให้เกิดอาการระคายเคืองในเด็กที่ผิวแพ้ง่ายได้ ผลการสำรวจฉลากผลิตภัณฑ์สบู่เหลวและแชมพูสำหรับเด็ก         พบว่า ยี่ห้อ ละมุน ออร์แกนิค และ อะราอุ เบบี้ ไม่มีสารเคมีหรือส่วนผสมที่ควรระวังในการแสดงฉลาก มี  9 ตัวอย่าง ระบุว่ามีโซเดียมลอริธซัลเฟต 5 ตัวอย่าง ระบุว่ามีเมทิลไอโซไทอะโซลิโนน  2 ตัวอย่างระบุว่า มีแอลกอฮอล์  14 ตัวอย่างระบุว่า มีน้ำหอม และ ไม่มีการระบุใช้พาราเบนและไตรโคลซาน ในทุกตัวอย่าง         ข้อสังเกต        -เบบี้มายด์ อัลตร้ามายด์ ไบโอแกนิก แม้บนฉลากระบุว่า Alcohol free แต่ในส่วนประกอบมี Benzyl alcohol         -น้ำหอมพบมากที่สุด(14 ตัวอย่าง) มีเพียง MooNoi ออร์แกนิคที่ระบุว่าเป็น baby perfume         - ในฉลากของ เพียวรี เบบี้ ระบุว่า ‘0% SLS’ ก็คือไม่มีโซเดียมลอริลซัลเฟต (Sodium Lauryl Sulfate : SLS) ที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับ SLES แต่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้มากกว่า ซึ่งผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กส่วนใหญ่จะใช้ SLES ที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองน้อยกว่า ดังนั้นแม้จะระบุว่า‘0% SLS’ หรือ ‘No SLS’ ก็ต้องดูว่ามี SLES ไหม ถ้ามีก็แสดงว่ายังมีโอกาสที่จะเกิดอาการแพ้ระคายเคืองจากสารที่ทำให้เกิดฟองตัวนี้ได้         - จอห์นสัน ท็อปทูโท เบบี้ บาธ และ อาวีโน่ เบบี้ มีข้อความในฉลากว่า Hypoallergenic แสดงว่าผู้ผลิตได้เลี่ยงการใช้หรือลดอัตราส่วนของสารประกอบที่จะทำให้แพ้ระคายเคืองต่างๆ ที่เชื่อว่าผู้ใช้จะมีโอกาสแพ้ระคายเคืองน้อยลงได้ โดยไม่ได้ระบุว่าผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังแล้วหรือไม่         -จากทั้งหมด 16 ตัวอย่าง มีผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทั้งสระผมและอาบน้ำในขวดเดียว 12 ตัวอย่าง และใช้เฉพาะอาบน้ำ 4 ตัวอย่าง หากไม่สังเกตแล้วเผลอหยิบผลิตภัณฑ์ที่ใช้เฉพาะอาบน้ำมาสระผม อาจมีสารประกอบที่ไม่เหมาะกับหนังศีรษะและเส้นผมจนทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้           ข้อแนะนำจากฉลาดซื้อ         นอกจากสารเคมีหรือส่วนผสมที่ควรระวัง คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจการแสดงข้อมูลอื่นบนฉลาก ได้แก่         สัญลักษณ์/ข้อความว่าผ่านการทดสอบการแพ้ : ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กควรผ่านการทดสอบ Hypoallergenic หรือการทดสอบอาการแพ้ ภายใต้การควบคุมของแพทย์ผิวหนัง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยให้ผู้บริโภค         pH Balance : ค่าความเป็นกรดด่าง (pH) ควรใกล้เคียงกับผิวเด็ก คือ 5.5 เพื่อช่วยรักษาสมดุลผิวของเด็ก ปกป้องไม่ให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ง่าย            สูตรอ่อนโยนต่อดวงตา : เด็กใช้แล้วไม่แสบตา ไม่เคืองตา ให้สังเกตคำว่า no more tear หรือ tear free         สารสกัดจากธรรมชาติปลอดสารพิษ (organic) : ทำให้มั่นใจในเบื้องต้นว่าผลิตภัณฑ์นั้นอ่อนโยนและปลอดภัยต่อผิวเด็ก ช่วยลดความเสี่ยงของการแพ้และระคายเคืองที่เกิดจากสารเคมีได้          คำเตือนผู้บริโภค : แสดงถึงความใส่ใจของผู้ผลิตที่เตือนให้ผู้บริโภคระมัดระวังและแนะนำวิธีการใช้ที่ปลอดภัยด้วย          วันที่ผลิตและวันหมดอายุ : ต้องระบุให้ชัดเจน ควรมีอายุไม่เกิน 3 ปีนับจากวันที่ผลิต 

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 239 เครื่องปั่นอเนกประสงค์

        ฉลาดซื้อฉบับนี้มีภาคต่อของผลทดสอบเครื่องปั่นผสมอาหารและเครื่องดื่มมาฝากคุณอีกแล้ว คาวนี้มีให้เลือก 15 รุ่น (กำลังไฟตั้งแต่ 300 ถึง 1800 วัตต์) ที่สมาชิกขององค์กรทดสอบระหว่างประเทศได้แก่ Consumentenbond จากเนเธอร์แลนด์ และ OCU-Ediciones จากสเปน ได้ร่วมกันทำไว้ในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมา               เกณฑ์การให้คะแนนยังเป็นเช่นเดิมคือ คะแนนรวม 100 คะแนน ประกอบด้วยคะแนนประสิทธิภาพในการทำสมูตตี้ผักและผลไม้ บดน้ำแข็ง และเตรียมอาหารเหลว (50 คะแนน) ความสะดวกในการใช้งาน (30 คะแนน) การทำงานโดยไม่ส่งเสียงดังเกินไป (10 คะแนน) และความแข็งแรงทนทาน (10 คะแนน)         ทีมทดสอบพบว่าไม่มีรุ่นไหนได้คะแนนรวมถึง 70 คะแนน เครื่องปั่น KitchenAid ( ราคา 799-12,900 บาท ) ที่ได้คะแนนดีที่สุดในกลุ่ม ก็ได้ไปเพียง 68 คะแนน เท่านั้น นอกจากนี้ยังพบว่ามีหลายรุ่นที่ “สอบตก” เพราะได้ต่ำกว่า 50 คะแนน         พลิกไปดูกันเลยว่าควรซื้อหารุ่นไหนมาไว้ใช้งานในวันที่อยู่บ้านฝึกฝนการเป็นเชฟมือใหม่กันได้เลย          ทั้งนี้ทีมได้ทดสอบเปรียบเทียบการประหยัดพลังงาน แต่ไม่ได้นำมาประมวลผลในการให้คะแนนรวม ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้นทุกได้คะแนนในระดับ 5 ดาว จึงไม่ได้นำมาประมวลผลเช่นกัน         หมายเหตุ        -          การทดสอบดังกล่าวมีค่าใช้จ่าย 400 – 500 ยูโร (ประมาณ13,500 ถึง 17,000 บาท) ต่อหนึ่งตัวอย่าง         -          ราคาที่แจ้งเป็นราคาที่พบออนไลน์ และอาจเป็นการแปลงจากหน่วยเงินต่างประเทศ โปรดตรวจสอบอีกครั้งก่อนตัดสินใจ         -          สามารถติดตามผลการทดสอบเครื่องปั่นครั้งก่อนหน้าได้ที่ ฉลาดซื้อ ฉบับ 227

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

กระเป๋าเดินทาง

        สมาชิกฉลาดซื้อหลายท่านอาจกำลังเตรียมตัวออกเดินทางเพื่อกระจายรายได้ให้กับผู้ประกอบการที่พักหรือร้านค้าต่างๆ ในพื้นที่ท่องเที่ยว ฉลาดซื้อฉบับนี้จึงขอนำเสนอผลการทดสอบเปรียบเทียบกระเป๋าเดินทางแบบล้อลาก ชนิดขับเคลื่อน 4 ล้อ มีทั้งแบบกล่องแข็งและแบบผ้าหนา ในขนาด “เคบินไซส์” หรือขนาดที่หิ้วขึ้นเครื่องบินได้ ผลที่องค์กรผู้บริโภคของออสเตรเลีย CHOICE ได้ทำไว้ทั้งหมด 12 รุ่น ราคาระหว่าง 1,100 ถึง 8,500 บาท        คะแนนรวม 100 คะแนน แบ่งออกเป็น        ร้อยละ 60      ความแข็งแรงทนทาน (การทดสอบในห้องแล็บฯ เปรียบเทียบความแข็งแรงทนทานของตัวกระเป๋า ล้อ และคันชัก รวมถึงการกันน้ำ)         ร้อยละ 40      การใช้งานได้สะดวก (ความพึงพอใจของอาสาสมัคร 3 คนที่ทดลองใช้)          ในภาพรวม กระเป๋าทุกรุ่นผ่านการทดสอบการตกจากที่สูงไปด้วยคะแนน 100 เต็ม (ใส่น้ำหนัก 4 กิโลกรัม ทดสอบการตก 300 ครั้ง) ยกเว้นรุ่น Voyager Boston Collection ที่ได้ไป 80 คะแนน)  กระเป๋าเหล่านี้ได้คะแนนแตกต่างกันในเรื่องความทนทานต่อการถูกเจาะเมื่อมีของแหลมมีน้ำหนักหล่นใส่ หรือประสิทธิภาพการกันน้ำ (ทดสอบด้วยการตากฝนเทียมเป็นเวลา 10 นาที) ส่วนเรื่องการใช้งานสะดวกเวลาเข็นออกจากลิฟต์ หิ้วลงบันได ลากบนพื้นพรม ยางมะตอย และซีเมนต์ ก็อยู่ในขั้นดีถึงดีมากแทบทุกรุ่นรุ่นที่ได้คะแนนรวมสูงที่สุดคือรุ่นที่ราคาประมาณ 2,350 บาท ส่วนรุ่นที่ราคาถูกที่สุด (ประมาณ 1,100 บาท)* ก็ไม่ได้ขี้เหร่เลย เรียกว่าทุกรุ่นที่เรานำมาเสนอนั้นได้คะแนนดีเลยทีเดียว คงต้องแล้วแต่ความพึงพอใจในรูปลักษณ์ภายนอกและงบประมาณที่อยากลงทุนของแต่ละคน ไปดูกันเลยว่าคุณชอบแบบไหน         หมายเหตุ ราคาที่แสดงเป็นราคาที่แปลงจากหน่วยเงินของออสเตรเลียในช่วงต้นเดือนธันวาคม โปรดตรวจสอบราคาที่เป็นปัจจุบัน ณ จุดขาย อีกครั้ง

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 237 แท็บเล็ต 2020

        ฉลาดซื้อฉบับนี้ขอนำเสนอผลทดสอบแท็บเล็ตอีกครั้ง คราวนี้เราเลือกมาเฉพาะขนาดเกินแปดนิ้ว ทั้งหมด15 รุ่น ที่องค์กรทดสอบระหว่างประเทศทำไว้ในปี 2563 สนนราคาในเมืองไทยของอุปกรณ์ดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 5,000 ถึง 53,000 บาท* ในการทดสอบครั้งนี้ ทีมทดสอบได้แบ่งคะแนนเต็ม 100 ออกเป็น 7 ด้าน ดังนี้        ความสะดวกในการใช้งาน (22.5)          ประสิทธิภาพการทำงาน (22.5)          จอแสดงผล (15)          แบตเตอรี่ (15)          รูปลักษณ์ของตัวเครื่อง (10)          การใช้งานทั่วไป (7.5)          และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ (7.5)         ในภาพรวมยังคงพบว่าเราต้องลงทุนมากขึ้นหากต้องการอุปกรณ์ที่สเปคสูงขึ้น และสเปคก็มีผลโดยตรงต่อคะแนนประสิทธิภาพและความสะดวกในการใช้งานของเครื่อง หลายรุ่นได้คะแนนรวมดี ราคาไม่แพง แต่มีหน่วยความจำน้อย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานของแต่ละคน ... ใครสนใจแบรนด์ไหน สเปคเท่าไร ในงบประมาณแค่ไหน ลองพลิกดูหน้าถัดไปได้เลย         *ราคาดังกล่าวเป็นราคาในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 โปรดตรวจสอบอีกครั้งก่อนตัดสินใจ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point