ฉบับที่ 126 ปลาตะเพียนกรอบราดเต้าเจี้ยว

  ช่วงจะเข้าพรรษา มีฝนตกหนักใหญ่ๆ หลายครั้งกระจายอย่างทั่วถึงทั้งในบริเวณตลาดผักไห่ และหมู่บ้านรายรอบ  ชาวนาบ้านหนองน้ำใหญ่ในพื้นที่ศึกษาระยะสั้นเกี่ยวกับการปรับตัวของชาวนาข้าวฟางลอยของฉัน เปลี่ยนจากการสู้รบกับเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลเมื่อฤดูปลูกข้าวนาปรังครั้งแรกมาเป็นการตั้งเครื่องสูบน้ำพญานาคเพื่อวิดน้ำออกจากนาปรังครั้งที่ 2 ของพวกเขาแทน ฝน ไม่ได้พาแต่ความเย็นชุ่มฉ่ำให้กับชาวนา เมื่อระบบการทำนาเปลี่ยนไปพึ่งน้ำคลองที่ควบคุมโดยชลประทาน หากแต่ฝนยังนำความกังวลใจมาตั้งแต่เริ่มหว่านข้าวลงนาว่าเมล็ดข้าวที่หว่านลงไปจะเน่าเสียหายเพราะน้ำฝนและฟ้าครึ้มไหม  ครั้นข้าวงอกโตขึ้นมาได้เป็นต้นกล้า ก็ต้องวิดน้ำออกไปให้ได้ระดับไปจนถึงช่วงข้าวตั้งท้องถึงออกรวง  หากฝนตกมากและถี่ ทั้งในบริเวณที่นาของตัวเองและและบริเวณจังหวัดที่อยู่ทางตอนเหนือของหมู่บ้านขึ้นไปมากๆ ชาวนาก็ต้องคอยลุ้นกันว่าน้ำจะถูกปล่อยลงคลองมาท่วมนาก่อนหรือหลังข้าวจะได้เกี่ยวหรือไม่  ถ้าทันเกี่ยวก็ดีไปและไปเปลี่ยนเรื่องลุ้นใหม่หลังได้ผลผลิตแทนเช่นราคาข้าว  หากแต่ไม่ทันและต้องเกี่ยวข้าวกลางน้ำทั้งที่รวงยังเขียว ก็คงหน้าซีดปากเหี่ยวและกัดฟันสู้กันใหม่ในการทำนารอบหน้า  รอบที่ต้องรออีกสัก 4 เดือนให้น้ำในนาลดลงไปอยู่ในคลองเสียก่อน  ฉันถามชาวนาหนองน้ำใหญ่หลายคนว่าช่วงหลังนาพวกเขาทำอะไร  ฉันเองก็คิดตามประสาว่าผืนนากว่า 2,000 ไร่ ที่น้ำท่วมตั้งแต่เดือนกันยายนไปจนถึงสิ้นปีแบบนี้ชาวนาน่าจะมีรายได้จากการจับปลา  แต่เปล่าเลย มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จับปลาหากินเป็นรายได้ มีเพียงบางรายที่หาปลาเองเพราะความชอบ แต่ส่วนใหญ่กับใช้วิธีการซื้อจากคนหาปลาในหมู่บ้าน หรือซื้อจากตลาดเสียมากกว่า  “หาปลาลำบาก ต้องอดทนมาก เราไม่มีความชำนาญ หาได้ก็ไม่คุ้มเวลา ซื้อเขาสะดวกกว่า” พี่จุก ชาวนาวัย 46 ปีบอก และเล่าให้ฟังว่าหลังนาปรังรอบ 2 ช่วงน้ำท่วม 4 เดือนนั้นเขาจะกลายเป็นพ่อค้าเร่ขายของเล่นเด็กตามตลาดนัด แม้จะต้องมีการลงทุนซื้อของและเร่ออกขาย ซึ่งมีรายได้ดีบ้างไม่ดีบ้าง เขาก็ว่ายังดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆ ส่วนในช่วงฤดูนาปรังทั้ง 2 ครั้ง หรือ 8 เดือนใน 1 ปี พี่จุกใช้วิธีเช่านาเพื่อนบ้านทำ และรับจ้างฉีดยาหว่านปุ๋ย และช่วยน้องสาวทำหูกระเป๋าให้กับโรงงานที่จ้างเหมาแบบราคาถูก ที่ตลาดนัดเช้าวันจันทร์  ฉันกวาดตามองหาชายคนจับปลาคนที่ฉันเคยซื้อปลาช่อนของเขาหลังจากพูดคุยสั้นๆ และขอถ่ายรูปไปเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน   แต่ 2 สัปดาห์แล้วสินะที่ฉันตามหานักจับปลามืออาชีพคนนั้นไม่เจอ เดินวนหารอบตลาดก็ไม่พบหรือว่าแม่ค้าปลาคนใดคนหนึ่งเป็นคนที่มาขายแทนแก วูบหนึ่งฉันนึกถึงเรื่องที่ตำรวจที่อยู่ในแฟลตตำรวจหน้าบ้านคุยกัน เรื่องการเพิ่งจับปรับคนจับปลาที่เอาลอบไปวางในคลองในช่วงฤดูหวงห้ามเพราะเป็นช่วงปลาตั้งท้องวางไข่ แล้วต้องสลัดความอยากรู้แบบฟุ้งซ่านทิ้งไปอย่างรวดเร็ว  อีกหลายวันถัดมา ฉันมานั่งอยู่ที่เถียงนาของพี่สุภาพ ชาวนาสุพรรณ วัย 49 ปี ที่ย้ายข้ามเขตมาเช่าที่นาแถว ต.หน้าโคก ทำนา  คุยกันหลายเรื่องตั้งแต่เพลี้ยกระโดดรุมทำลายนาเสียหาย  กับปริมาณผลผลิตที่จะเกี่ยวลดลงไปเพราะต้นข้าวล้มระเนนระนาด เนื่องจากลมฝนหอบใหญ่เมื่อวันก่อน  ไปยันเรื่องที่นาที่ลูกพี่ลูกน้องของแก ที่เคยเช่าทำถูกคนดูแลที่ดินไล่ที่ไม่ให้ทำนา โดยไม่จ่ายค่าชดเชยให้ทั้งๆ ที่มีสัญญาเช่าทำถึง 6 ปี และยังทำนาได้ไม่ครบปีตามสัญญา   สาเหตุเพราะเจ้าของนาที่เปลี่ยนมือไป ซื้อที่นาไว้เพื่อจะมาทำนาเอง  จนกระทั่งมาถึงคำถามที่ทำให้ฉันต้องอึ้งกับคำตอบของเธอที่พูดไปเรื่อยๆ ราวกับเหตุการณ์เหล่านี้เป็นเรื่องปกติเต็มประดา “บ่อปลานี่นะเหรอ ก็ต้องจ่ายค่าเช่าบ่อด้วย จ่ายไม่น้อยเชียวนา  ไม่รวมกับค่าที่เช่านา วันก่อนจะจับปลาก็ต้องใช้หม้อไฟฟ้าช็อต เพราะมันลึกและเราลงไปจับไม่ได้  จ้างเขาก็ต้องจ่ายเยอะ แต่ไม่รู้มีใครไปแจ้งตำรวจ มันมาจับก็เลยเสียค่าปรับไป 3,000 กว่าบาท ...” เธอว่าพร้อมส่ายหัว ฉันได้แต่ยิ้มเนือยๆ ราวกับคำพูดคำถามที่เตรียมมามันกระโดดหายไปเสียแล้ว   เย็นแล้ว...กลับถึงบ้าน  แม่กำลังเตรียมผัดหมูสามชั้นกับเต้าเจี้ยวใส่ขิง 3 รส ราดปลาตะเพียนทอดกรอบ ฉันนั่งมองปลาแม่น้ำของชอบของฉันที่ราคาไม่แพงตัวนั้นถูกแม่หั่นเป็นบั้งถี่ๆ และทอดเสียจนกรอบจากน้ำมันปาล์ม ที่ตอนนี้ฉันเลิกสนใจไปแล้วว่าราคามันขวดละเท่าไหร่  หลังเสียง ฉ่า ฉ่า ของกระเทียมถูกทุบที่ผัดไวๆ ในกระทะน้ำมันร้อนจัด ก็มีกลิ่นหอมฟุ้งชวนหิวขึ้นมาแทนความคำนึงทั้งหมดที่แบกมาระหว่างขับรถกลับจากนามาสู่บ้าน กระเทียมเจียวเหลืองกรอบ กลิ่นมันหอมโดดเด่น สักพักก็มีเสียงฟู่แบบใหม่มาจากในกระทะ  ที่แม่หย่อนหมูสามชั้นหั่นชิ้นเล็กๆ ลงไปกลิ้งคลุกเคล้า พร้อมกับน้ำเต้าเจี้ยว น้ำมะขามเปียก และน้ำตาลปี๊บ   จากนั้นเสียง ฉ่า ฉ่า เปลี่ยนเป็นเสียงน้ำข้นๆ เดือดปุดๆ เพียงครู่เดียวแม่ก็ใส่ใบขึ้นฉ่ายหั่นท่อน  พริกสดหั่นแฉลบ และขิงซอยลงไปผัดพอสลด แล้วดับเตาไฟ ตักเครื่องราด 3 รส เปรี้ยว เค็ม หวานกลมกล่อมลิ้น ราดลงปลาตะเพียนตัวกรอบ   ถึงตอนนี้แล้ว ของโปรดของอร่อยมาวางอยู่ต่อหน้า เรื่องอื่นๆ ของคนอื่นๆ ก็คงต้องวางไว้ก่อนแล้วแหละนะ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 125 ต้มเป็ดมะนาวดอง : ต้อง 3 แก่เท่านั้นที่แม่คอนเฟิร์ม

  ปีนี้ฝนมาไวกว่าปกติ ผิดกับปีก่อนที่ฝนล่าและแล้งร้อนร้ายกาจ   ตั้งแต่พฤษภาคมเป็นต้นมาฝนตกบ่อยๆ ฝนตกสลับกับแดดออกแบบจัดจ้าอย่างนี้มาหลายวันแล้ว   สภาพอากาศแบบนี้ก็ชวนให้ครั่นเนื้อครั่นตัวง่ายๆ ได้เหมือนกัน ฉันเพิ่งรู้และเพิ่งกลับจากการสังเกตการประชุมเตรียมการของกลุ่มชาวบ้านเพื่อรับมือกับโครงการที่ราชการจะปรับแปลงสภาพพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้เป็นแอ่งรับน้ำนองเพื่อแก้ปัญหาภัยน้ำท่วมกรุงเทพ     โดยที่ก่อนหน้านี้ในเขตอำเภอผักไห่นั้นมีการประชุมไปแล้ว 2 ครั้ง  การประชุมวันนี้เป็นช่วงการเริ่มต้นจับกลุ่มกันทำงานของชาวบ้านเพื่อระดมความคิดจัดทำแผนรับมือกับปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากที่เจอกันเป็นประจำทุกปี ฟังจากที่ประชุมเขาว่า  ก่อนหน้านี้ที่อำเภอเสนาและบางบาลมีการประชุมเตรียมการรับมือกันอย่างคึกคัก  ก็อย่างว่าแหละ ปัญหามาจ่อคอหอยกันขนาดนั้น มันก็ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรให้กับตัวเองกันหน่อย  ฟังเสียงดูว่า อย่างน้อย พวกเขาก็ควรให้มีแผนการปรับตัวของคนในพื้นที่โดยพวกเขาเอง   เดินเข้าบ้านไปถึงครัว เห็นหม้ออะลูมิเนียมใบใหญ่สุดในบ้านมีเป็ดต้มอยู่ไอกรุ่นๆ  แรกทีเดียวฉันนึกว่าแม่คงทำเป็ดพะโล้ให้กิน  แต่ดูๆ ไปชักสงสัย ไหงมีแต่น้ำเปล่าๆ ต้มกับเป็ด? ถามแม่  แม่ว่าจะต้มเป็ดมะนาวดอง  ฉันพยายามนึกถึงมัน  นานทีเดียวที่ไม่ได้กินกับข้าวเมนูนี้ ตอนที่ต้นมะนาวแป้นที่ขึ้นอยู่ข้างกอกล้วยหลังบ้านยังมีชีวิตอยู่ มันให้ลูกกินอยู่บ่อยๆ บางช่วงที่น้ำดีก็จะมีลูกดกมาก  ซึ่งช่วงนั้นเองแม่จะเก็บมะนาวแก่จัดๆ ที่ร่วงเกลื่อนใต้ต้นมาล้างและดองในขวดกาแฟปากกว้าง  บางครั้งฉันหอบหิ้วโหลมะนาวดองของแม่ไปที่สำนักงานแถวงามวงศ์วานด้วยเพื่อให้แม่บ้านสำนักงานช่วยต้มฟักไก่มะนาวดองให้กิน ระหว่างนั่งซดน้ำซุปโฮกๆ   ที่รสชาติทิ้งห่างเมื่อใช้ไก่    สลับกับเคี้ยวเนื้อเป็ดนุ่ม หนุบหนับๆ ความรู้เกี่ยวกับการดองมะนาวของแม่ก็ส่งทอดมาสู่ฉันอย่างไม่เป็นระบบระเบียบ จากการถามคำตอบคำระหว่างฉันกับแม่ รวมความแล้ว แม่ว่ามะนาวที่ใช้ดอง ต้องเป็นมะนาวแก่เท่านั้น  เมื่อเอามาดองแล้วผ่าดูจะเห็นได้ชัดว่าถ้าเป็นมะนาวแก่จัดจะมีลักษณะเป็นมันเยิ้มข้างใน และรสชาติเปรี้ยวเค็มกำลังดี  ส่วนมะนาวดองวันนี้ที่แม่ซื้อจากตลาดมามันอ่อน ไม่ได้รสชาติ เพราะจะมีแต่รสเค็มเกลือ และทำให้แทนที่จะใส่มะนาวดองเพียงลูกเดียวก็ต้องใส่ดับเบิ้ลเป็น 2 เท่า  เลือกมะนาวได้แล้ว ล้างแล้วเอาไปคลึงกับเกลือเม็ดให้น้ำเขียวๆ ที่ผิวซึ่งมีรสขมออกให้หมด  แล้วล้างซ้ำ จากนั้นนำไปตากแดดให้แห้ง 2 วัน ครบกำหนดก็เอานึ่งในน้ำเดือดจัดๆ ประมาณ 5 นาที แล้วเอามาผึ่งลมให้แห้ง  จากนั้นก็เตรียมต้มน้ำเกลือสำหรับดอง  แม่บอกว่าไม่ได้ตวงเกลือตวงน้ำ แต่ใช้วิธีชิมเอา เค็มได้ที่ของแม่นี่แค่ไหนหนอ ... ฉันนึกระหว่างที่แม่บอกว่าต้องรอให้น้ำเกลือเย็นก่อนค่อยเอามะนาวดองได้  มะนาวดอง  ดองนานราว 1 เดือน โดยเอาโหลมะนาวออกผึ่งแดดทุกวัน  ถ้าน้ำดองมะนาวเริ่มมีฟองก็ค่อยเทออกมาต้มเติมเกลือลงไป แล้วรอให้เย็นจึงดองต่อจนครบกำหนด   สูตรต้มเป็ดมะนาวดองของแม่ แม่ว่าต้องใช้เป็ดไข่แก่ที่ปลดระวางแล้วจึงจะอร่อยกว่าเป็ดรุ่น เป็ดสาว แถมราคาก็ถูกกว่าด้วย  ให้ร้านสับเป็ดเป็นชิ้นโตๆ  ส่วนก้นที่เกรงว่าจะสาบให้เฉือนเอาตรงที่เป็นต่อมไขมันชวนเสียวนั้นทิ้งไป   แล้วเอาชิ้นเป็ดมาล้างให้สะอาด  ส่วนฟักที่จะใช้ใส่คู่กันก็ต้องแก่จัด  หากเป็นฟักลูกอ่อนจะทำให้เละ และน้ำขุ่น  วิธีการต้ม ตั้งน้ำใส่เกลือนิดหน่อยให้เดือดพล่านแล้วใส่ชิ้นเป็ดสับลงไปต้ม หรี่ไฟลงให้เป็นไฟกลาง คอยช้อนฟองออก  ต้มราว 20 นาที แล้วจึงปอกเปลือกฟักใส่ลงไป  พร้อมๆ กับเห็ดหอมที่แช่จนนิ่ม  ต้มต่อจนสุก ก่อนยกลงจึงปรุงรสด้วยน้ำมะนาวดอง และลูกมะนาวดอง  อ้อ!... ต้องผ่ามะนาวดองเอาเม็ดออกก่อนนะเพื่อกันขม   แค่นี้ก็ได้น้ำซุปรสกลมกล่อม จากเครื่องปรุงสำคัญ 3 อย่าง เป็ด ฟัก และมะนาวดอง ที่ต้องแก่ๆ ทั้งนั้น แม่จึงจะประกันคุณภาพความอร่อย

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 124 กินมะรุมแนวใหม่ ไม่ต้องปอกเปลือก

  ต้นมะรุมหลังบ้าน พักหลังถูกแม่เก็บมากินบ่อยมากขึ้น ทั้งดอก ยอด และฝักอ่อนๆ  แต่กระนั้นก็ยังคงมีบางฝักที่หลุดเหลือจนจนกลายเป็นฝักแก่ และแตกปริปล่อยให้เมล็ดกลมๆ สีน้ำตาลที่มีปีก ปลิวว่อนและหล่นเกลื่อนกลาดรายรอบพ้นดิน เมล็ดไหนที่ได้ทำเลดี ไม่มีปรกใบของเตยหอม พุ่มพริกขี้หนู และยอดผักบุ้งนาขึ้นคลุม ก็ค่อยโผล่ยอดออกมาให้ฉันได้ทึ้งถอนมันทิ้งไป แม้ใจจะอยากเก็บไว้ให้มันได้โตและอาศัยเก็บกินต่อไป แต่พื้นที่ที่มีอยู่ก็ไม่เอื้อให้ทำได้อย่างใจหวัง  มะรุมต้นนี้อายุเกือบ 2 ปีแล้วกระมัง  หลังจากที่ไปเห็นแม่ค้าขนเข็นเอามันใส่ถุงดินวางขายอยู่ท้ายตลาดสดบางบัวทอง  ช่วงนั้นทั้งต้น และผลิตภัณฑ์จากมะรุมมีอยู่เกลื่อนออกมารับกระแสรักสุขภาพ ทั้งในรูปแคปซูล และชา โดยมีรูปแบบและราคาที่แตกต่างกันไป  แม่ฉันก็ได้ของฝากของกำนัลจากหลานชายที่ห่วงใยใส่ใจสุขภาพคนแก่ และหนึ่งในกระเช้าผลิตภัณฑ์เพื่อความกตัญญูก็มีห่อชามะรุมสำเร็จรูปมาพร้อมกับแคปซูลเม็ดมะรุมที่มีสนนราคาที่จัดได้ว่าแพงแบบกลืนน้ำลายเหนียวกันทีเดียว  ลูก(ที่อยากจะ)กตัญญูแต่ทรัพย์น้อยอย่างฉันก็เลยต้องหันมาพึ่งอะไรที่ถูกกว่า  ดีเสียว่ายังพอมีที่ให้เอาต้นมะรุมสูงแค่พ้นเข่าไปลงหลังบ้านได้  ฉับหอบหิ้วมันมาที่บ้าน จัดการขุดหลุมฉุบฉับ ปลูกและรดน้ำชุ่มอยู่ 2 – 3 วัน แล้วฝากแม่ให้ดูแลต่อ  แล้วหายหัวไปกับหน้าที่การงานอยู่จนครบเดือนจึงกลับบ้าน อย่างนี้ทุกเดือน จน 2 – 3 เดือนผ่านไป มะรุมต้นน้อยโตให้สูงพ้นหัว เริ่มแตกยอด ออกดอก จนมีฝักและเก็บมาสอยกินได้ในช่วงเวลาไม่ถึงปี  ฉันบอกแม่ว่าใบมะรุมขนาดกลางไม่อ่อนไม่แก่ เอาไปทำใบชากินได้สรรพคุณอาจจะดีเทียบเท่าชาสำเร็จ แต่แม่ก็ยังเฉยๆ  แรกๆ แม่ก็เก็บกินแค่ฝัก  รอฝักให้มันใหญ่แต่ไม่ทันปล่อยให้แก่  ฉันชวนแม่ทำต้มจืดฝักมะรุมที่ต้มแบบเดียวกับต้มจืดใบตำลึง แต่ก็ยังเฉยๆ  แต่ทั้งแม่และฉันชอบกินฝักมะรุมแกงส้ม  ถึงกระนั้นแม่ก็ไม่ค่อยชอบแกงมะรุมให้กินแม้ที่ต้นจะมีฝักแกว่งเท้งเต้งต่องแต่งเหมือนไม้ตีกลอง Drumstick Tree สมชื่อของมัน  แม่ว่า “ขี้เกียจปอก เปลือกมันแข็ง”   จนวันหนึ่ง  ญาติผู้ใหญ่จากกรุงเทพฯ อีกคนแวะมาหาแม่ช่วงเทศกาล ช่วงนั้นฉันกลับมานั่งทำงานหน้าจอคอมพ์อยู่ที่บ้านแล้วแหละ  ผู้ใหญ่คุยกันนั่นนี่โน่น และสุดท้ายก็วกเข้ามาคุยกันเรื่องสุขภาพ คุยมาคุยไปก็ไปจดจ่อกันที่เรื่องอาหาร ลุงแกอยู่กรุงเทพฯ เสียนานแต่ชีวิตวกกลับมากินอาหารแบบบ้านๆ เพราะด้วยวัยบวกรสนิยมที่ติดลิ้นแกมา แกว่าแกชอบกินมะรุมแกงส้ม  ฉันเลยได้ทีคุยกับแก  แต่กะกระทบชิ่งไปที่แม่ แม่ที่มีรสนิยมการกินที่แสนจะอนุรักษ์นิยม ทั้งรูปแบบการปรุงและรสลิ้นมาตรฐาน  ชี้ชวนกับลุงว่ามะรุมเราเห็นอยู่นี่หนาใช่ว่าจะกินได้แต่ฝักอ่อนแบบเคยๆ แกก็เออออห่อหมกใบยอไปกับฉันอย่างถูกคอ ก็มะรุม สุดยอดสรรพคุณเรื่องแหล่งวิตามินเอที่บำรุงสายตา ที่มีมากกว่าแครอทถึง 3 เท่า มีโพแทสเซียมที่บำรุงสมองและระบบประสาทมากกว่ากล้วย และมีวิตามินซีสูง  แค่ลวกให้สุกในวิธีแบบไหนเพื่อให้เอาเข้าปากได้อย่างอร่อยก็ได้ประโยชน์แต็มๆ แล้ว ทั้งต่อตา กระดูก และระบบประสาท    แต่ที่เขาฮิตเป็นกระแสเพราะว่ามะรุมมันมีสารต้านอนุมูลอิสระมากมายหลายชนิด และคาดว่าจะช่วยให้เกิดฤทธิ์ชะลอความแก่ แต่ในทางวิชาการก็ยังไม่พบรายงานการวิจัยเกี่ยวกับมะรุมในด้านนี้ ซึ่งในด้านการตลาดแบบไทย-ไทย จริงไม่จริงแค่ไหน ต่างก็โหนกระแสสารต้านอนุมูลอิสระทำกำไร คุณสมบัติพื้นฐานง่ายๆ ที่มีในมะรุมเลยถูกทำให้กลายเป็นหวือหวา  จนลืมไปว่าอะไรที่ใกล้ๆ ตัว ทำง่าย กินง่าย ยังมีอยู่ที่ก้นครัว  ลุงกลับกรุงเทพฯ ไปแล้ว  หลังจากนั้น  บางวันฉันเห็นยอดอ่อนและดอกมะรุม ลอยน้ำกอดคออยู่กับใบตำลึงและดอกขจรในชามต้มจืดหมูสับใส่กุ้งแห้ง  บางวันแกงส้มผักรวมของแม่จะมีดอก ยอดและฝักอ่อนๆ ของมะรุมรวมอยู่ในนั้น   ผัดผักบางวันก็มีฝักอ่อนมะรุมปนจนบางครั้งฉันนึกสับสนว่ามันเป็นถั่วฝักยาวหรือว่าฝักมะรุม   แต่ที่บ่อยที่สุด อาจจะเพราะเอามากินง่ายสุดด้วยก็คือ ผักลวกจิ้มน้ำพริกกะปิ น้ำพริกเผาป่า และน้ำปลาร้าหลน ฝักมะรุมอ่อน  อ่อนชนิดที่จะเอาไปลวกกินไม่ต้องปอกเปลือก  นี่แม่คิดเอง  คิดแบบคนแก่ที่มีพื้นฐานการทำอาหารให้ลูกกินมาตลอดชีวิตของแม่  คนแก่ที่ยังไม่ถึงขนาดยักแย่ยักยัน ที่ยังสร้างสรรค์จากสุขภาพที่ทำให้แม่ไม่ค่อยอยากจะขยันจะปอกเปลือกแข็งๆ ของมันมาทำกินนั่นแหละ  ฉันยังนึกอยู่ว่า  ถ้าไม่มีต้นมะรุมปลูกอยู่ที่บ้าน และแม่ยังคงขยันและไม่แก่  ก็ไม่แน่ว่าจะได้กินมะรุมอ่อนๆ แบบของแม่นี่หรือเปล่า?

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 123 คะน้าปลาช่อนแดดเดียว : เมนูจานด่วนจากขาประจำ

  เมื่อย้ายกลับมาอยู่กับแม่ที่ผักไห่ กิจกรรมประจำวันในตอนเช้าคือเปิดร้านจัดแผงวางหนังสือพิมพ์และนิตยสาร วารสารต่างๆ เพื่อเตรียมรับลูกค้า จัดชุดหนังสือพิมพ์รายวันเตรียมให้กับบรรดาขาประจำที่จะมารับ  ส่วนแม่ ตั้งแต่เช้าก็ขลุกอยู่ในครัว ต้มน้ำ ชงชา ชงกาแฟ และชงผงข้าวกล้องงอก ไว้รองท้องพร้อมขนม เป็นมื้อเช้าแบบเบาๆ  และอุ่นข้าวและกับให้ฉันไปกินตอนสายราว 9 โมง   ช่วงที่ความตื่นตระหนกต่อภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ที่ญี่ปุ่น  สภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ขนาดเรียกได้ว่ามี 3 ฤดู ใน 1 วัน    อากาศหนาวเย็นจนอยากได้อาหารอุ่นๆ มาช่วย   แต่แม่และฉันเกิดเบื่ออาหารขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ    เรา 2 คน แม่ลูก มองหน้า จ้องตา ก็ส่ายหัวว่าไม่รู้จะกินไรดี  “กินอะไรล่ะวันนี้” เสียงคุ้นๆ แจ่มใสของอาหวาด นายดาบตำรวจวัน 50 ต้น ขาประจำร้านหนังสือพิมพ์ของแม่ ถามขณะควักเงินจ่ายค่าหนังสือพิมพ์ทักฉัน  เป็นคำถามเชิงทายทักที่ได้ฟังจนชินจากปากแกเมื่อปะหน้ากัน  แก หรือไม่ก็เมียของแก น้าติ๋ว ต้องสลับหมุนเวียนมาซื้อหนังสือพิมพ์ไปอ่านประจำวัน  สองสามี-ภรรยาคู่นี้ฉันเห็นและรู้จักตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็กวิ่งซนตัวกะเปี๊ยกอยู่ในตลาด “ยังคิดกับแม่อยู่นี่ล่ะว่าจะกินอะ ไรดี” ฉันตอบหลังเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์  ถามกลับกับแก “กินอะไรดี?”  อาหวาดเป็นคนชอบเดินตลาด ซื้อกับข้าว ชอบกิน และชอบทำกับข้าว  แกถามกลับฉัน  “ชอบคะน้าไหม?” ฉันพยักหน้า แม้จะรู้ว่าคะน้าส่วนใหญ่จะปลูกแบบไหน และพยายามสับเปลี่ยนหมุนเวียนการกินผักตลาดไปเป็นชนิดอื่นๆ เพราะแถวบ้านยังหาคนปลูกผักอินทรีย์มาขายไม่ได้  ขณะที่ผักพื้นบ้านที่ค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ถูกกระแสความนิยมของคนกินมาเปลี่ยนแปลงวิธีการปลูกให้เปลี่ยนไปก็ชักจะมีอยู่น้อยลงๆ   อาหวาดยิ้มอย่างใจเย็น บอก “นี่นะ คะน้า ต้นสวยๆ เอามาล้างสะอาด ปอกเปลือกแข็งๆ  ทุบแล้วหั่นเป็นท่อนๆ ผัดกับปลาช่อนแดดเดียว  นี่ละสุดยอด บ้านอาชอบกินกันทั้งบ้าน” พลางแนะวิธีว่า “ปลาช่อนแดดเดียวนี่อร่อยกว่าปลาเค็มอินทรีย์อีก  เพราะไม่เค็ม  อาเอามาล้างนะ เลาะกระดูกออก  แล้วทอดกรอบๆ  แล้วเอามาผัดกับคะน้า แบบผักบุ้งไฟแดง”  ลำพังแค่นึกภาพตามที่แกว่า ก็ทำให้อาการที่เบื่ออาหารอยู่เมื่อครู่ก็พอทุเลาไปได้โขแล้ว  แต่ด้วยน้ำเสียง ลีลา และสีหน้าแก เป็นราวกับพร็อบประกอบนิทรรศการชวนหิวหนักเข้าไปใหญ่   มื้อสายฉันตักข้าวราดแกงส้มที่แม่อุ่นไว้ให้ พลางนึกไปถึงเมนูที่อาหวาดแนะ ตกเย็นแล้วนั่นแหละที่ฉันเดินเข้าไปในครัวแล้วเห็นเมนูที่อาหวาดฟุ้งไว้เมื่อเช้า ที่แท้แม่ก็ฟังลูกค้าขาประจำคุยกับฉัน แล้วแอบไปสุ่มเงียบจ่ายตลาดตอนที่ฉันสาละวนกับการปั่นรายงานแล้วกำลังนึกอยู่ว่าจะเอาเรื่องไหนเขียนเป็นต้นฉบับส่ง บก.ฉลาดซื้อดี  งานนี้อาหวาด ขาประจำตัวใหญ่เสียงดัง ทำช่วยฉันให้ผ่านเส้นตายไปได้อย่างฉิวเฉียดทีเดียวเชียว   คะน้าปลาช่อนแดดเดียวเครื่องปรุง : คะน้าต้นใหญ่  3 – 4 ต้น ปอกแล้วหั่นท่อน ,  ปลาช่อนแดดเดียว ครึ่งตัว เลาะกระดูกแล้วหั่นเป็นชิ้น,  น้ำปลา ,  พริกขี้หนูบุบ ตามชอบ , กระเทียม  5 – 8 กลีบ บุบ , น้ำตาลทราย ครึ่งช้อน ,  น้ำมัน 1/3 ถ้วย   วิธีทำ 1.ตั้งกระทะไฟกลาง ทอดปลาช่อนที่หั่นชิ้นจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักไว้ 2.เร่งเตาไฟให้แรง จนกระทะน้ำมันร้อนจัด ใส่พริกกับกระเทียมบุบลงไป ตามด้วยคะน้า ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย ผัดเร็วๆ จนคะน้าสลดไฟแล้วจึงเอาปลาช่อนแดดเดียวทอดเทใส่ลงไปแล้วผัดให้เข้ากันอีกทีจึงตักเสิร์ฟส่วนคนที่ชอบรับประทานน้ำมันหอยและซีอิ๊ว เลือกปรุงเติมตอนผัดได้ตามอัธยาศัยค่ะ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 122 เมนูฤดูอาหารแพง

  ว่ากันว่า ราคาอาหารแพงมักจะมาเป็นช่วงๆ (ไม่เกี่ยวกับหลินฮุ่ย)   เทศกาล ตรุษ – สารท หมู เนื้อ ไก่ เป็ด และผลไม้ไหว้เจ้า น้ำท่วม ฝนแล้ง ผักผลไม้แพงก็ว่ากันไป  ปีที่ผ่านมามะพร้าวที่โดนแมลงโจมตีมีผลกระทบต่อราคามะพร้าวและกะทิทั้งแบบสดและแบบกล่อง จนแม่ค้าข้าวแกงและขนมหวานหลายร้านต้องขอปรับราคาแกงกะทิและขนมหวานใหม่  หลังข่าวมะพร้าวมาเจอน้ำมันปาล์ม   ราคาน้ำมันปาล์มขวดค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นถึง 70 บาทเมื่อช่วงกลางเดือนแห่งความรักปีนี้ จากราคาขวดละ 38 บาทเมื่อราวปลายตุลาคม 53  ช่างดูเหมือนว่าระยะเวลาเพียง 3 – 4 เดือนนี้ เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมากๆ สำหรับบรรดาแม่บ้านและแม่ค้าที่จำเป็นต้องขวนขวายหาน้ำมันปาล์มมาเพื่อประกอบอาหาร   แม้ไม่ถึงกับขนาดที่จะอาจเรียกได้ว่าเลือดตาแทบกระเด็น แต่ความจำเป็นที่สะท้อนให้เห็นยามที่เหล่าเธอทั้งผองต้องขึ้นเข้าคิวรอซื้อน้ำมันในห้างค้าปลีกทันสมัยที่เพิ่งมาเปิดใหม่ในหมู่บ้านได้ราวปีกว่า แล้วพบว่า การรอคอยที่ยาวนานนั้นไม่ได้น้ำมันราคาขวดละ 47 บาทกลับไป  และต้องจำเป็นไปเลือกใช้อีกบริการหนึ่งจากแม่ค้ารถเร่สินค้าจิปาถะเจ้าใหญ่ในตลาดนัด ซึ่งแน่นอนว่า พลาดช้าอาจหมดแม้ราคาขายต่อขวดที่กำหนดไว้จะ 70 บาทก็ตาม  เหล่าแม่ครัวและแม่ค้าก็จำต้องซื้อ จะเรียกได้ว่าซื้อไป บ่น (ด่า) ไป   ส่วนคนที่กลายเป็นเป้าให้ ถูก บ่น(ด่า) ก็คงพอจะเดากันได้ไม่ยาก   เอาล่ะ  ฉันขอเสนอเมนูเลี่ยงน้ำมัน ปลาตะเพียนส้ม ที่อยากกินคงจะต้องใช้วิธีทอดใบตองแทนทอดน้ำมันซะแล้ว    แต่ขออธิบายเสียก่อนนิดหนึ่ง เพราะใช่ว่าจะเอาใบตองมารองของทอดแทนน้ำมันได้ซะทุกอย่างไป  อย่างใบตองรองปลาส้มนี่พอได้ เพราะเป็นอาหารที่เมื่อทอดในน้ำมันก็ต้องใช้ไฟอ่อนๆ อยู่แล้วเพราะถ้าไฟแรงจะกระเด็น คนทอดต้องใจเย็นมากๆ ทีเดียว ก็ขนาดใจเย็นให้รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศจนราคาน้ำมันแพงได้ จะใจเย็นรอปลาส้มทอดอีกสักหน่อยจะเป็นไร   วิธีการ – ใช้กระทะเหล็ก กระทะอะลูมิเนียม หรือกระทะเคลือบก็ได้ อย่างใดอย่างหนึ่ง  หาใบตองมาวางเรียงในกระทะ แล้ววางตัวปลาส้มลง เปิดไฟอ่อนๆ รอจนเหลืองแล้วค่อยกลับทอดอีกข้างให้สุก  ไม่กรอบอร่อยเหมือนทอดน้ำมันก็ทนๆ กันไป   อยากจะปรับตัวปรับใจปรับรสนิยมปากให้หันไปสนใจอาหารต้มๆ นึ่งๆ บ้างอย่างที่ท่านอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เสนอ เลยริจะทำพะโล้ เมนูต้มตุ๋นที่คุ้นและชื่นชอบกันมานานก็คงต้องไปตลาด จะซื้อน้ำตาลทรายซะด้วย   แม่เพิ่งได้มะตูมสุกมาลูกหนึ่ง กะว่าจะต้มกรองเอาน้ำดื่มบำรุงธาตุให้ชื่นใจ ดับกระหายคลายโกรธ  แม่เองก็ชอบกินเนื้อมะตูมสุกที่ต้มแล้ว  แต่ต้มมะตูมนี่ต้องใส่รสหวานให้ปะแล่มนิดหนึ่งจึงจะชื่น เพื่อหน้าตูมๆ จะยิ้มแย้มเบิกบานขึ้นมาบ้าง   ความน้ำมัน(สวา)ปาล์มยังไม่ทันหายความน้ำตาลทรายจะขึ้นราคาก็มาแทรกแซงกันอีก ชาวบ้านร้านตลาดพากันบ่นว่าขณะที่ฉันเดินวนหาซื้อข้าวของในตลาด   เครื่องต้มพะโล้ เครื่องปรุง ขาหมู 0.5   กก. ,  ไข่เป็ดต้ม   5  ฟอง  ,  น้ำตาลปี๊บ 1 ขีด , กระเทียม 1 – 2 หัว ,  รากผักชี 2 – 3 ราก ,  ข่าว 2 – 3 แว่น ,  ผงพะโล้ – อบเชย – โป้ยกั๊ก – ดอกจันทร์ 1 ซอง , ซีอิ๊วขาว , เต้าทู้ขาว 1 ชิ้นหั่น 6 ชิ้น  (ไม่ต้องทอด)   วิธีทำ 1.ใส่น้ำลงกระทะครึ่งถ้วย  ละลายน้ำตาลปี๊บแล้วตั้งไฟบุบกระเทียม ตำรากผักชี และหั่นข่า ใส่ลงไป   เคี่ยวน้ำตาลให้เหนียว ระหว่างนี้ปรุงรสด้วยน้ำซีอิ้วขาวให้มีรสเข้มข้นตามที่ชอบ 2.เมื่อน้ำตาลที่เคี่ยวเหนียวดีแล้ว นำขาหมูที่หั่นเป็นชิ้น  เต้าหู้ทอด และไข่ต้มมาผัดในกระทะ ตอนนี้ต้องหรี่ไฟ ค่อยๆ ผัดจนแห้ง แต่ไม่ไหม้ จึงเติมน้ำใส่ลงไปเพื่อเคี่ยวพอท่วมแล้วเคี่ยวไฟอ่อนๆ ต่อสักอีก 1 ชั่วโมง เคล็ดลับการทำหมูพะโล้ ไข่พะโล้นี่อยู่ที่ความสามารถในการตุ๋นไฟอ่อนนี่เอง  โปรดอดใจรอ  นานหน่อย แต่อร่อยแน่ๆ ค่ะ คุณๆ ขา   หม่ำข้าว ปลาส้มทอด กับพะโล้มื้อนี้แถมมีน้ำมะตูมตบท้าย อิ่มอร่อยสบายท้องไปเรียบร้อยแล้ว มองเนื้อมะตูมเนื้อเหลืองชวนกินแล้วต้องเบนหน้าหนีแบบอดใจอิ่มใจ  ข่าวประโคมเรื่องข้าวยากหมากแพงใดๆ ที่เจอะเจอช่วงนี้ ขอให้มันแค่เป็นตื่นตูมไปชั่วครั้งชั่วครู่ เทอญ   ขอให้เป็นแค่ชั่วฤดูนี้ ก็คงจะดี... เจ้าประคู้ณ  

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 121 รักนะ(หอย)จุ๊บ จุ๊บ

  วันแรกของเดือนที่สองของปี ที่ตลาดนัดแถวบ้านผู้คนหนาแน่นกว่าปกติ  แผงขายของของเหล่าพ่อค้าแม่ค้าต่างนำสินค้าที่ใช้ประกอบพิธีกรรมปีใหม่จีนมาจัดวางกันอย่างคึกคักเพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อและจับจ่าย  ทั้งขนมเข่ง ขนมเทียน หมู ไก่ ผลไม้ ซึ่งราคาแพงโด่งไปกว่าปกติยังสังเกตเห็นได้ชัดเจน  หลายๆ คนยังไม่วายบ่นปนกังวลกับราคาเนื้อสัตว์ ผลไม้ และน้ำมันพืช  แม้ว่าผักเศรษฐกิจหัวใหญ่ๆ งามๆ อย่างกะหล่ำดอก กะหล่ำดอก ผักกาดขาว และกวางตุ้งจะลดต่ำลงมาถูกอย่างไม่น่าเชื่อก็ตาม  ฉันค่อยๆ เดินเลาะวนไปตามทางเล็กๆ ที่ผู้คนแออัดนั่น  จากปากทางเข้าตลาดไม่กี่เมตร สายตาก็กวาดไปเห็น “new arrival” สินค้าแปลกใหม่ในรอบสัปดาห์นี้วางอยู่ในกระจาดที่พาดบนกะละมังสังกะสี ตรงหน้าตักแม่ค้าขายปลาที่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่บนทางเดินเท้าแคบๆ  สองขาของฉันพาตัวฉันผ่าน new arrival นั้นมาแล้วอย่างช้าๆ จนเดินไปยังร้านขายสินค้าที่แม่สั่งซื้อไว้  แล้วยังเดินวกอ้อมเส้นทางที่เป็นรูปเกือบม้าไปยังด้านหน้าตลาดอีกฟากด้วย จนสุดท้ายแล้วนั่นแหละ จึงวนกลับทางเก่า   เป็นดั่งที่คาดไว้ เจ้า new arrival แม้จะมีจำนวนถุงที่บรรจุพร่องไปบ้างแล้ว แต่ยังเหลืออยู่อีก 6 – 7 ถุง ให้ฉันได้เลือกซื้อ   ฉันเขย่าถุงแกงป่องๆ ที่ใส่หอยจุ๊บสภาพพร้อมปรุง   กึ่งถามกึ่งขอร้องกับแม่เมื่อมาถึงบ้านทันทีว่าแกงหอยจุ๊บนะ   แม่ทำหน้ากลุ้มใจนิดหนึ่ง แม่ว่าแม่ไม่เคยแกงหอยจุ๊บเลย  แต่เดี๋ยวแม่จะเดินไปถามแม่ค้าในตลาดดูว่าทำไง   พอแม่คล้อยหลัง  ฉันรีบเดินเข้าครัว ตั้งกาน้ำต้มน้ำให้เดือดเพียงชั่วอึดใจ แล้วใช้น้ำร้อนๆ นั่นลวกหอยที่ล้างอีกครั้งตามแม่บอก  แล้ววิ่งออกมาเก็บพริกขี้หนูสวนเอาไปตำกับกระเทียม ใส่น้ำตาลปี๊บนิดหน่อย ปรุงรสด้วยน้ำปลากับมะนาว  นั่งกินอย่างเอร็ดอร่อยไปได้หนึ่งยก  นี่หากฉันเจอหอยจุ๊บในสภาพธรรมชาติ คือยังเป็นๆ สดๆ และไม่ถูกทุบก้นนี่คงต้องใช้เวลาในการตัดสินใจมากกว่านี้อีกหลายเท่าแน่  ไม่ใช่แค่กลัวบาปกรรมเท่านั้นแต่มันหมายถึงต้องเอามาแช่น้ำ ล้าง ซาว และกะเทาะก้น นานและหลายขั้นตอนทีเดียว  ไม่อยากคิดว่าฉันเข้าสู่วัยที่สนใจจะประหยัดเวลากับการกินหอยจุ๊บสุดโปรดแล้วจริงๆ  ย้อนกลับไปสมัยอยู่ชั้นประถม  ช่วงเวลาก่อนหน้านี้สัก 1 - 2 เดือน  ซึ่งเป็นหน้าน้ำ ฉันกับเพื่อนๆ จะลงแรงกวาดตาหาหอยจุ๊บที่มักเกาะตามเสา และต้นไม้ในหนองน้ำเพื่อเอามานึ่งใส่ใบโหระพากับต้นตะไคร้ทุบ โรยเกลือ แล้ว แล้วทำน้ำจิ้มแซ่บๆ ระหว่างรอให้หอยสุก  แม่กลับมาพร้อมมะพร้าวขูด 1 ขีด  พริกแกงเผ็ด 1 ขีด และชะอม 1 กำ  ใครว่าชะอมหน้านี้ไม่ควรกินเพราะแพง แต่ก็เพราะแกงหอยจุ๊บนี่แหละถ้าขาดชะอมไปความอร่อยคงลดลงไปเยอะโขทีเดียว  แม่เดินวนไปหลังครัว เก็บใบมะกรูดและใบชะพลูมาสมทบ   แม่เริ่มล้างและรูดชะอมก่อน  รูดจากส่วนปลายลงข้างล่าง ถึงชะอมมีหนามก็ไม่ตำมือ เสร็จแล้วก็หั่นใบชะพลูและใบมะกรูดให้เป็นฝอย  ไม่น่าเชื่อว่าผัก 3 อย่าง 3 กลิ่น ที่แตกต่างกันพอจับเอาเข้าเครื่องกับพริกแกง กะทิและหอยจุ๊บจะอร่อยได้ขนาดนั้น  เตรียมผักเสร็จแล้วแม่คั้นกะทิ จากนั้นก็เริ่มเอาพริกแกง 1 ช้อนโต๊ะผัดกับน้ำมันในกระทะไฟร้อนปานกลางจนหอม จากนั้นใส่น้ำกะทิลงไปผัด ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลนิดหน่อย พอน้ำแกงเดือดดีก็ใส่หอยจุ๊บลงไป  ปล่อยให้เดือดอีกทีใส่ผัก 3 อย่างที่เตรียมไว้ลงและปิดเตา  แม่ว่า... แกงหอยจุ๊บอร่อยๆ มันง่ายแค่นี้เอง   สงสัยว่าตลาดนัดอาทิตย์หน้า ต้องมองหาและคว้ามาทำกินอีกรอบแหงๆ  

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 120 ขื่นกะเพรา เฉาโหรพา

เอ่ยถึง “กะเพรา” วาบแรกที่เห็นคือ “ผัดกะเพราราดข้าว” อาหารจานด่วนยอดฮิตติดอับดับ  ส่วนองค์ประกอบของผัดกะเพราที่โป๊ะมาบนจานข้าวอาจจะมีแตกต่างกันไป  ทั้งผักและเนื้อสัตว์ รวมทั้งเครื่องปรุงรสที่ใส่ลงไปตามแต่สไตล์ของคนผัดและคนกินจะเลือกสรร  แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้นั้นคือกะเพรา  ข้าวผัดกะเพราที่เราคุ้นๆ กัน  กับข่าว “กะเพรา” ที่เห็นข้างหน้า ทำให้เราเห็นอะไรที่ไปไกลกว่า กะเพรา และพืชร่วมตระกูลอย่าง โหรพา แมงลัก ยี่หร่า   และพืชต่างตระกูลอย่าง ผักชี พริกขี้หนู พริกหยวก พริกชี้ฟ้า มะระจีน มะระขี้นก รวมไปถึง มะเขือเปราะ มะเขือยาว มะเขือขาว มะเขือม่วง มะเขือเหลือง และมะเขือขื่น ราว 16 ชนิด  กลายเป็นผักที่คนในยุโรป 27 ประเทศ นิยมกินและสั่งนำเข้าจากไทย ทำรายได้มูลค่าไม่ต่ำกว่าปีละ 700 ล้านบาท  ฝ่ายเจ้ากระทรวงพาณิชย์ออกมายืนยันว่า ความนิยมในรสชาติอาหารไทย-ร้านอาหารไทยที่มีอยู่ในอียูหลายพันแห่งยังครองกระแสและมีแนวโน้มที่ดีในอนาคต จนทำให้ใน 11 เดือนแรกของปี 53 ไทยส่งออกสินค้าประเภท เครื่องเทศและสมุนไพรไปอียูจนมีรายได้สูงถึง 356.1 ล้านเหรียญสหรัฐ   แต่กลับกลายว่าผู้ส่งออกไทยจะกำลังเผชิญปัญหา เพราะว่าสหภาพยุโรป(อียู) ได้งัดมาตรการปกป้องผู้บริโภคด้วยมาตรฐานสุขอนามัยแบบคุมเข้มขึ้นมา ซึ่งจากการตรวจสอบพืชผักที่ผ่านเข้าตามรายการที่ว่ามาพบว่ามีการตกค้างทั้งสารเคมี และเชื้อจุลินทรีย์  และได้ส่งเรื่องแจ้งให้ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างกรมวิชาการเกษตรทราบถึงปัญหามากกว่า 700 เรื่อง ในตลอดช่วงปีที่ผ่านมา จนทางกรมวิชาการฯ คิดว่าจะระงับจากส่งพืช 16 ชนิดนี้ไปอียูชั่วคราวในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้  เพื่อตรวจสอบ และคุมเข้มให้ได้สินค้าดีตามมาตรฐานที่อียูกำหนดปัญหาที่ว่าได้แก่ สารตกค้าง 60 %  การลักลอบ 20 % และอื่นๆ เช่นการติดฉลาก  กรมวิชาการฯ ได้แจงต่อไปอีกว่าได้เตรียมแผนสำรองเพื่อหาตลาดใหม่ทดแทนอย่างญี่ปุ่น รวมทั้งขยายตลาดภายในประเทศ โดยมีเป้าหมายสร้างความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อนำสินค้าผ่านเกณฑ์ไปจำหน่าย ตามโรงพยาบาล  ท้ายข่าวยังมีความเห็นของผู้ส่งออกไว้ให้อ่านด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากผู้ส่งออก 2 ราย (ไหน?) แต่มาตรการแก้ไขที่กรมวิชาการเสนอทำให้ผู้ส่งออกทั้งหมดร่วม 20 รายต้องเสียหาย  ฝ่ายเกษตรกรผู้ผลิตซึ่งมีแหล่งปลูกรวมแล้วราว 1,800 ไร่ ที่นครปฐม ปลูกกะเพรา โหรพา และสะระแหน่ ขายได้ปีหนึ่งราว 12.4 ล้านบาท  , 15.9 ล้านบาท และ 3.3 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา เริ่มหาทางลดความเสี่ยงทางการตลาดของตัวเองลงโดยการหันมาปลูกผักบุ้งจีนสลับลงในแปลง  อ่านข่าวแล้วได้แต่รำพึง   ในฐานะที่เป็นคนอยู่ในประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าและวัฒนธรรมอาหารไทย  ได้แต่ทอดถอน และหาทางออกเพื่อแก้ปัญหาคุณภาพอาหารของตัวเองไปตามอัตภาพกันเถอะเรา   ใครพอมีที่มีทาง มีแสงสว่างส่องถึง ก็เตรียมจัดหากระถาง ขนาดย่อมเอาไว้ให้พอเหมาะพอดี ปลูกผักประเภท ผักชีฝรั่ง กะเพรา โหระพา พริก เอาไว้ติดบ้าน ดีหน่อยที่บ้านแม่พอมีที่ทางปลูกต้นมะเขือเปราะ มะเขือม่วงได้บ้าง  แต่ระหว่างรอผลที่มันจะงอกเงยมาจากต้นที่ปลูกข้างบ้าน  ก็คงต้องทำใจเลือกซื้อเลือกหาจากตลาดมากิน  ใครมีแหล่งผู้ผลิตดีๆ เอาไว้ก็โชคดีหน่อย   ถ้ามาดูในอาหารจานโปรดของแม่และฉันก็ล้วนแต่มีส่วนประกอบหลักจาก 16 พืชส่งออกเจ้าปัญหานี้เป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะผัดพริกแกงเผ็ด ผัดฉ่า แกงป่า  แกงกะทิ แกงเขียวหวาน ต้มยำ  ฯลฯ   มากน้อยต่างไป แต่ยังไงก็ต้องมีสักอย่าง 2 อย่างอยู่ดี   ปลาหมึกผัดเผ็ด เครื่องปรุง ปลาหมึกสด   2 – 3 ตัว หั่นเป็นชิ้นพอคำ  ,  พริกแกง  1 ช้อนโต๊ะ  (พริกบางช้างแห้ง , กะปิ , ข่า , ตะไคร้ , ผิวมะกรูด หอมแดง) มะเขือเปราะ  5 – 6 ลูก  ผ่า 4 ,  ใบมะกรูด 3 – 4 ใบ ฉีก ,  พริกสด 3 – 4 เม็ด  หั่นเฉียง, กระชาย  5 – 6 ราก  หั่นเป็นเส้นฝอยตามแนวยาว  , พริกไทยสด  3 – 4 ช่อ  ,  ใบโหรพา  1 ขยุ้มมือ  , น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ , น้ำปลา , น้ำตาลทราย  วิธีทำ ตั้งกระทะไฟปานกลาง  ใส่น้ำมันให้ร้อนแล้วนำพริกแกงลงไปผัดให้สุกหอม  ใส่น้ำปลา น้ำตาล ตามชอบ   จากนั้นใส่เนื้อปลาหมึกหั่นลงไปผัดเร็วๆ  ตามด้วยมะเขือเปราะ  เติมน้ำได้นิดหน่อย  มะเขือเปราะสุกแล้วใส่กระชาย พริกไทยสด ใบมะกรูด ใบโหรพา และพริกสด   ผัดฉ่าปลาหมึก เครื่องปรุงและวิธีทำ คล้ายกับปลาหมึกผัดเผ็ด  แต่... เปลี่ยนจากพริกแกง เป็น กระเทียมไทยสับกับพริกขี้หนู  และใบโหระพา เป็นกะเพรา  และมะเขือเปราะเป็นยอดมะพร้าวหั่นเส้นแทน  

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 119 เมนูกุ้งฝอย

  ที่ผักไห่ บ้านแม่ ซึ่งอยู่ในเขตลุ่มน้ำท่วมทุกปี ร่วม 4 เดือน นับแต่ราวปลายเดือนกันยายน – มกราคม เป็นช่วงที่คนครัวต่างรอต้อนรับการกลับมาของตลาดปลาตอนเช้าๆ กันอย่างจดจ่อ แต่หลังหน้าแล้งปีนี้(2553) หรือราวเดือนเมษายนจนเข้าช่วงต้นฝนที่มาล่าในเดือนสิงหาคมนั้นปลาในตลาดที่ถูกจับมาวางขายมีน้อยลงมากกว่าทุกปี  จนน้ำท่วมหลากตอนดีเปรสชั่นเข้าราวกลางเดือนกันยายนที่ฝนตกหนักต่อเนื่องกันนานนับสัปดาห์และน้ำเหนือหลากมาแล้วนั่นแหละ ปลาในน้ำ หนอง และนา เริ่มหาได้ง่ายและมากกว่าช่วงแล้งอย่างเห็นได้ชัด ทั้งปลาเค้า ตะเพียน ตะโกก ปลากด ปลาสร้อย ปลาซิว และอีกสารพันปลา สายๆ ของทุกวัน แม่จะหิ้วถุงปลาตะเพียนมั่ง ปลาหมอมั่ง กลับมาจากตลาด กลับถึงบ้านก็ผ่าท้องควักไส้ออกแล้วล้างสะอาด บั้งเป็นตาถี่ๆ ตลอดแนวลำตัวทั้ง 2 ข้าง โดยไม่ขอดเกล็ด แล้วทอดกรอบๆ หรือบางทีก็แค่ผ่าท้องแล้วย่างปลาด้วยเตาไฟฟ้าไฟไม่แรงนัก ปลาสุกหอมๆ มันๆ กินพร้อมสะเดาที่เข้ากันได้ทั้งน้ำปลาหวาน และน้ำพริกเผาสับมะม่วงเปรี้ยวเป็นเส้นใส่ ขยำกินกับข้าว เป็นเมนูหลักวนเวียนไปในช่วงฤดูแห่งปลามัน จนเดือนมกราคมต้นกุมภาพันธ์ปี 54 เลยทีเดียว   ที่ตลาดนี้ยังมีห่อหมกเจ้าประจำที่ทำขาย ซึ่งโดยปกติแม่ค้าจะใช้เนื้อปลาบดที่ซื้อสำเร็จจากตลาดมาทำขาย แต่หากเป็นต้นหนาวหน้าน้ำหลาก น้ำทรง และน้ำลดลงในช่วงปลาหนาว เราแม่ลูกที่ชอบกินห่อหมกจะเลือกกระทงห่อหมกที่มีหัวปลาช่อนแทนเนื้อบด เพราะเป็นหัวปลาสดๆ ที่แม่ค้าห่อหมกหาซื้อมาได้ กินอร่อยถูกใจกว่าเนื้อปลาบดมาก  นอกจากปลา ยังมีกุ้งฝอย สัตว์น้ำจืดอีกอย่าง ที่ฉันกับแม่เฝ้ารอคอย แม้จะปลายพฤศจิกายนเข้าต้นธันวาคมแล้ว กุ้งฝอยที่เคยมีมาขายยังหายหน้า แม่วนไปตลาดเช้ามาหลายวัน จนวันหนึ่งแม่หิ้วถุงใส่กุ้งฝอยมา แม่บอกว่าแพงกว่ากุ้งเลี้ยงตัวใหญ่ขีดละตั้งหนึ่งบาทแหนะ (ฮา) ได้กุ้งฝอยสดๆ มาแม่จับใส่ตะกร้าล้างน้ำหลายเที่ยวจนสะอาด แล้วเอามาตัด กรี – ส่วนที่เป็นหนามแข็งด้านหัวกุ้งออก แล้วตั้งกระทะ ใส่น้ำกะปริมาณให้พอผัดกับกุ้งฝอยแบบขลุกขลิก เมื่อน้ำร้อนจัดใส่กุ้งลงไปลวก ใช้ตะหลิวพลิกกุ้ง 4 – 5 ครั้ง ก็ดับเตาไฟ ตักกุ้งขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ เท่านี้ก็ได้กุ้งฝอยพร้อมปรุงใส่กล่องแช่เย็นไว้ได้อีกหลายเมนูทีเดียว คราวนี้แหละเราแม่ลูกก็มีเมนูกุ้งฝอยมาให้พอประทังความคิดถึงกันได้แบบชั่วคราว... ระยะหนึ่ง   ยำน้ำพริกเผากุ้งฝอย เครื่องปรุง ; กุ้งฝอยลวกสุก ตะไคร้ซอย หอมแดงซอย ผักชีใบยาวซอย ใบสะระแหน่ ปรุงรสด้วย น้ำพริกเผาแบบเผ็ด (พริกบางช้างแห้งเผา กระเทียมเผา หอมเผา กะปิ เกลือ มะขามเปียก น้ำตาลปี๊บนิดเดียว) น้ำปลา และมะนาว  วิธีทำ ; นำน้ำพริกเผาใส่ในชามอ่าง ใส่น้ำปลาและน้ำมะนาว ละลายน้ำพริกเผาให้เข้ากันดี ชิมรสตามชอบให้จัดจ้านนิดหน่อย แล้วใส่กุ้งฝอย กับผักที่เตรียมไว้ยำ คลุกเคล้าให้เข้ากัน   กุ้งฝอยผัดพริกแกงถั่วพูเครื่องปรุง ; ถั่วพูหั่นท่อน กุ้งฝอยลวกสุก หมูหั่นชิ้น น้ำมันพืช พริกแกงเผ็ด (พริกบางช้างแห้ง หอมแดง ผิวมะกรูด พริกไทย เกลือ กะปิ) น้ำปลา น้ำตาล น้ำ ใบมะกรูดฉีก วิธีทำ ; ตั้งกระทะบนเตาไฟกลางๆ ใส่น้ำมันจนร้อนแล้วนำพริกแกงลงไปผัดให้หอม ใส่เนื้อหมู และกุ้งฝอยลงไปผัดให้สุก เติมน้ำปลา น้ำตาล และน้ำ ชิมรสให้ถูกใจ แล้วใส่ถั่วพู และใบมะกรูด ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันดีแล้วตักเสิร์ฟ  เคล็ดไม่ลับ ; ถั่วพู แม่ใช้วิธีลวกทั้งฝักในน้ำเดือดจัดแล้วตักขึ้นมาใส่ในชามน้ำเย็นทันที แล้วจึงหั่นเป็นท่อนๆ วิธีนี้ทำให้ได้ถั่วพูสีสวยไม่คล้ำเข้มเหมือนการนำถั่วพูสดลงไปผัด           สายบัวผัดกุ้งฝอย เมนูสุดท้ายเป็นสายบัวผัดกุ้งฝอย แม่ว่าเคล็ดผัดสายบัวให้สีสวยใสต้องลวกสายบัวก่อน   ส่วนวิธีผัดเหมือนผัดผักไฟแดงทั่วไป ตั้งกระทะบนเตาไฟแรง ใส่น้ำมันร้อนตีกระเทียมใส่ ตามด้วยหมูและกุ้งฝอยลวก และสายบัว ปรุงรสด้วยน้ำปลาและตัดเค็มด้วยน้ำตาลนิดหน่อย อร่อยแบบไม่ต้องพึ่งซอสปรุงรสและผงชูรสค่ะ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 118 หวานมะยม

มะยมติดลูกและเริ่มเก็บกินได้ช่วงต้นๆ เดือนตุลาคม ช่วงที่ฝนฉ่ำฟ้าแทบทุกวัน ช่วงใหม่ๆ หลังจากชม้ายตามองแบบหมายปองจะกินมันตั้งแต่ออกลูก กระทั่งลูกมะยมยังเขียวระเรื่อไม่ทันเหลืองใส ก็เดินไปคว้ามันมากินเสียก่อน หลังฝนตกปลิดมะยมออกจากต้นแล้วเคี้ยวสดๆ ไม่พึ่งพิงเครื่องจิ้มแม้จะง่ายที่สุดอย่างเกลือสมใจอยาก แต่ก็กินมันได้ไม่นานไม่มาก เพราะแม้มะยมต้นที่บ้านจะจัดว่าไม่เปรี้ยวจัดแต่ไม่ถึงขั้นจืดไร้เปรี้ยว แต่ก็ชวนเข็ดเขี้ยวยามใช้ฟันบดเคี้ยวอยู่ไม่น้อย   ลูกมะยมข้างต้นที่อยู่ข้างหน้าต่างด้านขวาโต๊ะทำงานย้ายมาอยู่บนจานข้างจอคอมและคีย์บอร์ด พร้อมถ้วยกะปิหวาน ที่ปรุงง่ายๆ จากน้ำปลาหวานที่เหลือกินกับมะม่วงโดยเติมกะปิเพิ่มลงไป สำหรับฉันแล้ว เปรี้ยวแบบมะยมจะกินให้กลมกล่อมกับน้ำปลาหวานที่เหลือจะต้องเค็มและมีกลิ่นรสของกะปิเพื่อเพิ่มความนัวจึงเข้ากันกับความเปรี้ยว แบบมะยม   ฉับพลันที่ความเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดผสมผสานความหวานเค็มเผ็ดของเครื่องจิ้มผสานผสมอยู่ในปากและรับรู้รสด้วยลิ้น อาการง่วงซึมเซื่องจากการนั่งหน้าจอพิมพ์ก็อกแก็กก่อนหน้าก็หายไปทันที ด้วยระยะเวลาไม่เกิน 10 นาทีของการจัดเก็บ เตรียมเครื่องจิ้ม และกินอย่างอร่อยเอร็ดนั้นทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยกระฉับกระเฉงขึ้นมาให้ตั้งหน้าปั่นงานต่อจากบ่ายไปถึงเย็น จนเสร็จ  ระหว่างปั่นงานต่อ ความคิดแว้บๆ ของมะยมเข้ามาโลดแล่นเป็นระยะ แต่นั่นแหละ ยังไงก็จัดการกินลูกมันไปแล้วนี่ อิ อิ   จนค่ำแล้ว ฉันนั่งกินข้าวกับแม่ มะยมแว้บๆ ที่เข้ามาแทรกแซงความคิดระหว่างงานก็เผยออกในสำรับข้าว กินข้าวกันสองคนแท้ๆ ฉันบอกแม่ว่าคิดถึงพี่สาว ลูกของป้าที่แม่เลี้ยงเหมือนลูกอีกคน เมื่อ 2 เดือนก่อนพี่สาวกลับบ้านมาหาและพาแม่ไปเที่ยวที่ตลาดน้ำอโยธยา ครั้นพอเห็นมะยมเชื่อมเสียบไม้ใส่ถุงไว้ พี่สาวฉันก็ทำท่าพยักพะเยิดอย่างเป็นอันรู้กันว่าจะกิน   เม็ดมะยมเชื่อมรสอมเปรี้ยวอมหวานปะแล่มเค็มนิดๆ อยู่ในปากพี่สาว พี่ ฉัน และแม่ก็พลอยคุยกันถึงยายจวงอย่างออกรส   ยายจวงที่ว่า เป็นผู้หญิงวัยสัก 50 แก่กว่าพี่สาวฉันไม่กี่ปี แต่ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ในตลาดต่างเรียกหญิงคนนี้ว่ายายจวงทั้งนั้น เธอทำขนมเชื่อม ประเภทมะยมเชื่อม มันเชื่อม เสียบไม้ขาย วางใส่ถาดอะลูมิเนียมสี่เหลี่ยมราดน้ำเชื่อมเหนียวหวานสีสวย วางเคียงกับพุทรากวน พุทราแผ่นราดน้ำเชื่อม กล้วยหักมุกเชื่อมสีแดง กล้วยไข่เชื่อมสีเหลืองปลั่ง หม้อใบใหญ่ที่ใส่เส้นราดหน้าเส้นหมี่ เส้นใหญ่ผัดเตรียมไว้กับอีกหม้อที่มีน้ำราดหน้าผัดใส่หมูสามชั้นปนลูกชิ้นสีแดงๆ ผ่าซีก   ส่วนอีกฟากของแผงมีเครื่องหวานเย็นใส่โหลใสเล็กๆ ให้เลือกกิน และมีขาตั้งสำหรับไสน้ำแข็งที่วางซ่อนในกองแกลบด้านหลังของแผง ซึ่งเมื่อจะกินต้องไปเอาน้ำแข็งมาล้างในกะละมังน้ำสะอาดข้างๆ กองแกลบแล้วใส่กระติกพลาสติกที่วางข้างตัวคนขาย แผงร้านยายจวงขายในโรงเรียนประถมในช่วงกลางวัน และย้ายมาขายที่แผงเล็กๆ ข้างศาลาแดง ท่าศาลาน้ำหน้าอำเภอ เป็นที่พึ่งของเด็กๆ ที่กระโจนเล่นน้ำที่หัวกะไดของท่าน้ำ และของชาวตลาดที่พักผ่อนหย่อนใจกันในวันอดีต   มะยมเชื่อม เชื่อมเราเลยไปถึงเรื่องเล่าของตาชู เจ้าของสวนแสนหวง มีอาวุธประจำตัวเป็นหนังสติ๊กที่ไม่เคยยิงเด็กๆ หัวขโมยรักสนุกในตลาด แม้ว่าบ้านเราตอนนั้นจะไม่มีที่ปลูกและมีเงินพอจะซื้อกินเพราะมันก็ไม่ได้แพงมากมาย แต่ใช่ว่ามะยมซื้อจะอร่อยอย่างที่ลักตาชูมากินได้เสียเมื่อไหร่ ทั้งพี่สาวและฉันต่างถูกปู่ตีกำหลาบเพราะแกมาฟ้องปู่แม้จะแบบต่างกรรมต่างวาระ ไม่แน่ใจว่ารสมะยมเชื่อมกับรสรำลึกในวัยอดีตนั้นรสใดนำหน้ากันแน่ วันรุ่งขึ้น แม่เก็บมะยมมาล้าง เอาเขียงคลึงให้มะยมพอช้ำ แล้วเอามะยมที่คลึงแล้วใส่คืนกะละมัง โรยเกลือป่นสัก 1 ช้อนโต๊ะ แล้วคั้น แม่ว่าขยำให้เปรี้ยวมันออกไปบ้าง แม่ขยำจนหนำใจแล้วก็เอาน้ำสะอาดล้างให้หมดจด   จากนั้นแม่ละลายน้ำปูนแดงกับน้ำ แล้วเอามะยมที่ถูกบีบคั้นจนช้ำนั้นแช่ลงไป น้ำปูนใสค่อยๆเปลี่ยนสีผิวของลูกมะยมตรงที่ช้ำๆให้กลายเป็นสีคล้ำออกน้ำตาลเป็นหย่อมๆ แม่ปล่อยมะยมไว้อย่างนั้นแล้วหันไปยุ่งกับหมาๆ ในบ้าน ราวชั่วโมงได้กระมัง จึงเทน้ำปูนใสออกแล้วล้างให้สะอาดอีกที   เย็นแล้ว ถึงเวลาตั้งสำรับ ฉันเตรียมจานข้าวตักกินกับกับที่แม่เตรียมไว้ ก่อนกินข้าว แม่เตรียมเชื่อมมะยม ที่บ้านไม่มีกระทะทองเหลืองอย่างของยายจวง แม่ใช้หม้ออะลูมิเนียมตั้งเตา ใส่มะยม ใส่น้ำแค่พอท่วมมะยมเล็กน้อยแล้วโกยน้ำตาลใส่ 3 – 4 – 5 – 6 ช้อนโต๊ะ แล้วตั้งเตาไฟกลางๆ แล้วกลับมานั่งลงกินข้าวกัน   เท่าที่ดูที่แม่เชื่อมมะยมหลายครั้ง ครั้งไหนที่ใช้น้ำตาลมากจัดและเคี่ยวนาน น้ำงวดจนแห้งและเหนียว สีมะยมเปลี่ยนเป็นแดงสวยได้เองโดยไม่ต้องใส่สีแดงๆ แต่หญิงหวานอยู่แล้วอย่างแม่ที่ต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดก็ไม่เคยจำหรือบอกฉันได้สักทีว่ามะยมเท่านั้นเท่านี้จะใช้น้ำตาลกี่ช้อน!   มาตรากะของแม่ใช้ลิ้นตวงกับความซ้ำซากจำเจในการทำบ่อยๆ เป็นเครื่องวัดข้าวเข้าปากแต่ฉันก็ยังพูดถึงพี่สาวได้เจื้อยๆ ใจนึกอยู่พี่สาวคงไม่น่ากลับมาทันมะยมเชื่อมของแม่งวดนี้แน่ แม่เองก็คงรู้อย่างเดียวกันกับฉันเช่นกันตื่นรุ่งเช้าอีกวัน ฉันตักมะยมเชื่อมใส่กระปุกเล็กๆ 3 อัน หอบเอามาจากบ้านต่างจังหวัดเผื่อเพื่อนที่ไม่ได้เจอะเจอกันเสียนาน กะว่ามะยมเชื่อมในถุงผ้าเที่ยวนี้จะเชื่อมความรำลึก ความทรงจำ และเรื่องราวของเพื่อนขึ้นมาปะติดปะต่อเป็นเรื่องเล่าใหม่ๆ     คุณล่ะ มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับมะยมเชื่อมที่อยากเล่าให้เราฟังกันบ้าง?

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 117 กุ้งอบวุ้นเส้น

  เมนูนี้จัดให้ตามใจกองบรรณาธิการฉลาดซื้อ เป็นเมนูที่ทำง่าย ได้กินไวทันใจ เพียงแต่เตรียมเครื่องปรุงเอาไว้ให้พร้อมสรรพ กับอุปกรณ์ง่ายๆ จะเป็นกระทะไฟฟ้าสำหรับคนอยู่หอ หรือสัญจรไปต่างถิ่น หรือจะทำกินในครัวที่บ้านก็ง่ายมากๆ   สูตรที่จะชวนทำนี้สำหรับจานเล็กๆ 3 จาน โดยไม่เน้นกุ้ง หากแต่ผู้อ่านที่สนใจนำไปปรับใช้ก็สามารถเพิ่มปริมาณเครื่องปรุงต่างๆ ได้ตามถนัดนะคะ   เครื่องปรุงที่ใช้ 1. กุ้ง 5 ตัว จะเป็นกุ้งชีแฮ้ กุ้งขาว กุ้งกุลาดำ หรือกุ้งแม่น้ำก็ได้ ตามแต่อัธยาศัย ล้างกุ้งให้สะอาด โดยแกะออกเฉพาะส่วนหัว เอาขี้ดำๆ ที่หัวออก แล้วนำไปล้างให้สะอาด 2. หมูสามชั้น หั่นหนาขนาด ½ เซนติเมตร 3 ชิ้น ไว้รองก้นกระทะ3. วุ้นเส้น ห่อขนาดกลาง 1 ห่อ แช่น้ำให้เส้นนิ่ม แล้วสงขึ้นมา นำมาตัดเป็นท่อนสั้นๆ ราว 3 – 4 นิ้ว4. ขึ้นฉ่าย 1 กำ ล้างสะอาดแล้วหั่นเป็นท่อน ขนาด 1 – 1½ นิ้ว5. ขิง เลือกแบบไม่แก่ไม่อ่อน ล้างและปอกเปลือกให้สะอาด ฝานเป็นแผ่นบางๆ สัก 15 – 20 ชิ้น6. กระเทียม 3 หัว 2 หัวสำหรับปอกเปลือก ล้าง และทุบให้แหลกนำไปเจียวกับน้ำมันหมูหรือน้ำมันพืช 2 โต๊ะ7. น้ำปลาดี 8. ซีอิ๊วขาว 1ช้อนโต๊ะ9. น้ำมันหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ10. น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา11. พริกไทยเม็ด 15 – 20 เม็ด บดหยาบเครื่องปรุงน้ำจิ้ม12. กระเทียมไทย 1 หัวปอกเปลือกล้างสะอาด 13. พริกขี้หนู 10 – 15 เม็ด14. มะนาว 1 ซีก15. น้ำตาลปี๊บ นิดหน่อย   วิธีทำ1. เจียวกระเทียมสับให้เหลืองหอม2. วางหมูสามชั้นลงบนกระทะเคลือบ3. วางกุ้งที่ล้างเตรียมไว้บนหมู 3 ชั้น4. ปรุงวุ้นเส้น โดยหาชามปากกว้างใส่ซีอิ๊วขาว , น้ำมันหอย , น้ำตาลทราย และพริกไทยบด คนให้เข้ากันดีแล้วจึงนำวุ้นเส้นที่เตรียมไวลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันจนทั่วดีแล้ว ตักแยกเฉพาะน้ำมันที่เจียวกระเทียมมาคลุกเคล้ากับวุ้นเส้นแล้วจึงนำไปวางบนกุ้งในกระทะ5. โรยด้วยขิงซอย แล้วตามด้วยผักขึ้นฉ่าย6. ปิดฝากระทะแล้วตั้งไฟกลางๆ สัก 5 นาที พอได้กลิ่นหอมของกุ้งเป็นอันใช้ได้7. ก่อนเสิร์ฟราดหน้าด้วยกระเทียมเจียวสับอีกที เมื่อจะเริ่มกินก็คลุกเคล้าให้เข้ากัน   วิธีปรุงน้ำจิ้มเหมือนการทำน้ำจิ้มทะเลทั่วไป คือตำพริกกับกระเทียมให้แหลกเข้ากัน ตักใส่ถ้วยปรุงรสด้วยน้ำปลาดี น้ำตาลปี๊บและมะนาว ว่าด้วยกรรมวิธีปรุงก็เป็นอันหมดหน้ากระดาษแล้ว ไว้คราวหน้าจะเขียนเล่าเรื่องราวน่าสนใจเช่นเดิมค่ะ  

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point