ฉบับที่ 186 ใช้คอลลาเจนพอกหน้าดีจริงหรือ

เมื่อเราต้องการผ่อนคลายผิวหน้าหรือเติมความชุ่มชื้นให้มากขึ้น สาวๆ หลายคนเลือกการมาสก์ (Mask) หรือพอกหน้ามาเป็นตัวช่วย อย่างไรก็ตามปัจจุบันผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มีหลายยี่ห้อ ทำให้ผู้ผลิตหลายรายแข่งขันกันด้วยการโฆษณาส่วนผสมที่อ้างว่าช่วยให้ผิวหน้าดีขึ้นได้มากกว่า ซึ่งแน่นอนว่าคอลลาเจนเป็นหนึ่งในสารสกัดสำคัญที่มักถูกนำมาประกอบการขาย แต่เราสามารถมั่นใจได้หรือว่าคอลลาเจนมีประโยชน์ในการพอกหน้าจริงๆมารู้จักการพอกหน้ากันสักนิดผลิตภัณฑ์สำหรับใช้มาสก์หรือพอกหน้าถือเป็นเครื่องสำอางประเภทหนึ่ง ซึ่งมีไว้เพื่อความสะอาดหรือความสวยงาม โดยสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น ครีม เจล หรือมาสก์หน้ากาก ทั้งนี้ภายหลังการพอกหน้าผู้ใช้ส่วนใหญ่จะพบว่าผิวหนังมีความชุ่มชื้นหรือเปล่งปลั่งขึ้น นั่นเพราะส่วนใหญ่ส่วนประกอบหลักในผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มักผสมสารให้ความชุ่มชื้นหรือช่วยดึงสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขม ซึ่งทำให้รูขุมขุมกระชับขึ้น อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะอยู่ชั่วคราวและไม่สามารถรักษาหรือแก้ไขริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เกิดขึ้นในชั้นผิวหนังแท้ได้ เนื่องจากการพอกหน้าสามารถส่งผลต่อเซลล์ผิวหนังชั้นนอกสุดเท่านั้น ใช้คอลลาเจนพอกหน้าดีกว่าจริงหรือคอลลาเจนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งในร่างกายของเรา ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมความยืดหยุ่น เชื่อมเซลล์ต่างๆ ไว้ด้วยกันและมีความสามารถในการอุ้มน้ำของผิวหนัง อย่างไรก็ตามจะเสื่อมสภาพไปตามอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ที่ผ่านมามีการนำคอลลาเจนมาผสมในผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยมักโฆษณาสรรพคุณว่า ช่วยให้ผิวเด้งเต่งตึงอ่อนเยาว์หรือขาวใสขึ้นได้ ซึ่งไม่เว้นแม้แต่ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับการพอกหน้า อย่างไรก็ตามด้วยคุณสมบัติของคอลลาเจน ที่เป็นเพียงโปรตีนชนิดหนึ่ง และคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับการพอกหน้า ที่มีไว้เพื่อให้ความสะอาดหรือความสวยงาม เช่น ผิวชุ่มชื้นเพียงครั้งคราวนั้น จึงไม่สามารถซึมผ่านผิวหนัง เพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงความเสื่อมของผิวหน้า เช่น ทำให้ริ้วรอยตื้นขึ้นได้ แต่หากเราพบว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวทำให้ผิวขาวใสขึ้นได้จริงก็ควรระวังไว้ก่อนว่า อาจผสมสารห้ามใช้อย่าง สารปรอท หรือไฮโดรควินิน เพราะที่ผ่านมากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เคยตรวจพบสารดังกล่าว ในครีมพอกหน้าที่จำหน่ายผ่านทางอินเทอร์เน็ตมาแล้วแนะนำวิธีเลือกซื้อมาสก์แม้ผลิตภัณฑ์สำหรับใช้มาสก์หรือพอกหน้าจะมีหลายยี่ห้อ แต่วิธีเบื้องต้นในการเลือกซื้อให้ปลอดภัยต่อผิวหน้ามีดังนี้1. ควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอนเชื่อถือได้2. ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากภาษาไทย โดยให้มีรายละเอียดดังนี้ - ประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอาง - ชื่อการค้าและชื่อเครื่องสำอาง (ต้องมีขนาดใหญ่กว่าข้อความอื่น) - ชื่อสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสม เรียงลำดับจากสารที่มีปริมาณมากไปสารที่มีปริมาณน้อย - วิธีใช้ / คำเตือน - ชื่อที่ตั้งของผู้ผลิต- ปริมาณสุทธิ - เลขที่แสดงครั้งที่ผลิตเครื่องสำอาง เดือน/ปีที่ผลิต หรือเดือน/ปีที่หมดอายุ 3. ต้องมีเลขที่ใบรับแจ้งเป็นตัวเลข 10 หลัก4. ควรหยุดใช้หากเกิดอาการแพ้ ผื่นคันและรีบไปพบแพทย์ 5. โดยทั่วไปสามารถเลือกใช้มาสก์แบบใดก็ได้ เพราะจุดประสงค์หลักคือการทำความสะอาด และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า แต่หากต้องการให้เหมาะสมกับสภาพผิวก็สามารถทำได้ เช่น หากมีผิวมันก็ควรเลือกใช้มาสก์ที่มีลักษณะเป็นวัสดุดูดซับ เช่น ดิน หรือโคลน เพราะสามารถช่วยดูดซับสิ่งสกปรกหรือขี้ไคลให้หลุดออกมาด้วย หรือสำหรับผู้ที่มีผิวปกติไปจนถึงผิวแห้ง ควรเลือกมาสก์ที่เป็นลักษณะเจล เพราะมาสก์เจลจะมีส่วนผสมของกาวยาง (gum tragacanth) เมื่อทาแล้ว เจลจะไม่แข็งตัว จะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นข้อมูลอ้างอิง: http://pr.moph.go.th/iprg/include/admin_hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=56712      

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 186 ดูแลผู้สูงวัย ใช้ยาปลอดภัย และเป็นสุข

ผมมีโอกาสไปร่วมฟังการนำเสนอผลงานวิชาการของ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลในจังหวัด น้องพยาบาลได้เล่าประสบการณ์ที่พบปัญหาของผู้สูงวัยเกี่ยวกับการใช้ยามากมาย เช่น เมื่อแพทย์จ่ายยาขับปัสสาวะเพื่อใช้ในการรักษาโรคความดันให้กับคุณยายท่านหนึ่ง คุณยายกลับไม่ยอมรับประทาน อ้างว่าตนเองก็ปัสสาวะได้เป็นปกติ ทำไมจะต้องทานยาขับปัสสาวะอีก  หรือแพทย์สั่งจ่ายยาให้คุณป้ารายหนึ่งรับประทานครั้งละครึ่งเม็ด เจ้าหน้าที่ก็เข้าใจว่าแกรับประทานยาตามที่ให้จนครบ เพราะยาหมดตามเวลา แต่มารู้ภายหลังว่าแกหักเม็ดยาไม่เป็น เลยใช้มีดสับ หลังๆ ขี้เกียจสับ เลยกินทีละเม็ดวันเว้นวัน เมื่อครบกำหนดยาก็หมดพอดีนี่เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น เพราะจากประสบการณ์ของน้องๆ เภสัชกรที่ได้ลงเยี่ยมบ้านผู้ป่วยร่วมกับทีมสุขภาพ ก็มักจะมาเล่าให้ฟังเสมอๆ ว่า ผู้ป่วยสูงวัยหลายราย ไม่ได้รับประทานแต่ยา แต่ยังรับประทานผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกด้วย จนได้รับผลข้างเคียงอันตรายหลายรายเช่นกัน  ดังนั้นในขณะที่สังคมเรากำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมของผู้สูงวัย การเตรียมเฝ้าระวังและป้องกันความเสี่ยงจากการใช้ยาและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของผู้สูงวัย จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่พวกเราต้องหันมาใส่ใจอย่างละเอียดมากขึ้น ทั้งเจ้าหน้าที่ ผู้สูงวัย และญาติพี่น้องหรือผู้ดูแลทีมเจ้าหน้าที่ ต้องใส่ใจในการพิจารณาสั่งจ่ายยาให้เหมาะสม ควรเลือกยาที่สะดวกในการใช้ของผู้สูงวัย เมื่อจะส่งมอบยาก็ต้องแนะนำข้อมูลต่างๆ ให้ละเอียด สื่อสารให้ผู้สูงวัยหรือผู้ที่มีหน้าที่ดูแลผู้สูงวัยเข้าใจอย่างดี ข้อความบนฉลากควรเป็นภาษาที่เข้าใจได้ง่าย เขียนด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่เท่าที่ผู้ป่วยหรือผู้ดูแล จะสามารถอ่านได้สะดวก ตัวผู้ป่วยเอง หากสงสัยหรือไม่มั่นใจ ก็ต้องถามให้หมดสิ้นความสงสัย หากเกรงว่าจะลืมหรือจำไม่ได้ ก็ควรจดบันทึกเพิ่มเติม หรือเขียนกำกับไว้ที่ซองยาหรือฉลากยา  ญาติหรือผู้ดูแลผู้ป่วย ต้องพยายามสังเกตให้ดีว่าผู้ป่วย รับประทานยาตรงตามที่ได้รับคำแนะนำมาหรือไม่ และหมั่นสังเกตอาการของผู้ป่วยด้วยว่ามีอาการผิดปกติหรือเปล่า หากมีอาการผิดปกติ ควรสอบถามผู้ป่วยให้ละเอียด เช่น เกิดอาการเมื่อไร  ผู้ป่วยได้รับประทานผลิตภัณฑ์อื่นๆ ร่วมด้วยหรือเปล่าและที่สำคัญทั้งผู้ป่วยและญาติหรือผู้ดูแลผู้ป่วย ไม่ควรซื้อผลิตภัณฑ์อื่นๆ ตามคำโฆษณา เพราะผู้ป่วยสูงวัยที่มีโรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรังต่างๆ  มักเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่จะถูกชักชวนให้ซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากผู้ขาย หรือถูกชวนไปตรวจสุขภาพฟรีๆ แล้วโน้มน้าวให้ซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดต่างๆ มาใช้  สุดท้ายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ บางทีกลับทำให้อาการป่วยเพิ่มมากขึ้นหรืออาจทำให้ได้รับอันตรายเพราะมีข้อมูลมากมายที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบว่า ผลิตภัณฑ์ที่โอ้อวดสรรพคุณเหล่านี้ มักมีสารปนเปื้อนอันตราย เช่น เครื่องดื่มสมุนไพรแก้ปวดเมื่อยที่ผสมสารสเตียรอยด์ ผลิตภัณฑ์บำรุงตับไตไส้พุง บำรุงตา บำรุงหัวใจ ดังนั้นหากไม่แน่ใจ ขอให้สอบถามเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านก่อนตัดสินใจนะครับ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 186 ซื้อขายที่ดินกันปลอมๆ เพื่อให้กู้เงินธนาคารได้ มีผลทางกฎหมายอย่างไร

สวัสดีครับ ท่านผู้อ่าน กลับมาพบกันอีกครั้งนะครับ ในเล่มนี้อยากจะพูดถึงเรื่องของคนที่มีทรัพย์สินเป็นที่ดินและบ้าน แต่อยู่ไปอยู่มากลายเป็นหนี้ กลายเป็นคนไม่มีเครดิต แล้วกำลังจะถูกเขายึดบ้านยึดที่ไปขาย เมื่อไม่อยากให้ที่ดินและบ้านของตนถูกบังคับใช้หนี้  จึงหาทางออกโดย ไปตกลงกับเพื่อนหรือญาติที่เครดิตดีกว่า ให้นำบ้านและที่ดินไปจำนองเพื่อกู้ยืมเงินธนาคารแทน ซึ่งก็มีเรื่องจริงเกิดขึ้นกับท่านหนึ่ง เขาก็ไปทำสัญญาซื้อขายกันบังหน้า เพื่อให้เพื่อนที่เครดิตดีกว่าไปกู้เงินธนาคารมาให้ โดยมีข้อตกลงกันว่าเจ้าของที่ดินและผู้กู้เงินธนาคารจะเป็นผู้ผ่อนชำระหนี้แก่ธนาคารคนละครึ่งผ่อนหมดจะแบ่งที่ดินคืนครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งตกเป็นของผู้กู้และทำสัญญาเช่าที่ดินกับผู้กู้เงินเป็นประกัน เพื่อให้ผ่อนหนี้เงินกู้ตามสัญญา ต่อมาเจ้าของที่ดินไม่ชำระหนี้ตรงตามกำหนด คนที่กู้เงินและมีชื่อในโฉนดที่ดินจึงนำสัญญาเช่ามาฟ้องขับไล่เจ้าของที่ดินเป็นคดี ซึ่งเรื่องนี้ ได้สู้คดีกันจนถึงศาลฎีกา และศาลได้ตัดสินไว้ว่า สัญญาซื้อขายบ้านและที่ดินและสัญญาเช่าดังกล่าว ทำกันโดยไม่มีเจตนาจะซื้อขายกันจริง หรือเช่ากันจริง จึงเป็นเจตนาลวง ไม่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย แต่เรื่องนี้ มีข้อสัญญาบางส่วน ซึ่งศาลมองว่าใช้บังคับกันได้ แยกออกจากสัญญาซื้อขาย หรือเช่าดังกล่าว โดยมองเจตนาแท้จริงว่า ต้องการแบ่งที่ดินกันคนละครึ่ง เมื่อเจ้าของที่ดินผ่อนชำระหนี้ตามที่ตกลง จึงมีฐานะเป็นเจ้าของร่วม ผู้กู้จึงไม่มีสิทธิไปฟ้องขับไล่เจ้าของที่ดิน  โดยมีรายละเอียดตาม คำพิพากษาศาลฎีกาที่  2952/2554 ดังนี้ สัญญาซื้อขายบ้านและที่ดินพิพาทเป็นสัญญาที่ทำขึ้นโดยไม่มีเจตนาแท้จริงให้ผูกพันกัน เป็นการแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้กันระหว่างโจทก์และจำเลย เพื่อให้โจทก์นำที่ดินและบ้านพิพาทไปจำนองเป็นประกันหนี้กู้ยืมต่อธนาคาร และให้จำเลยทำสัญญาเช่าเพื่อเป็นประกันการผ่อนชำระหนี้แก่ธนาคาร สัญญาซื้อขายและสัญญาเช่าดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 155 วรรคหนึ่ง เจตนาที่แท้จริงของโจทก์และจำเลยเกิดจาก ส. และจำเลยเดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัยเนื่องจากเจ้าหนี้จะยึดที่ดินและบ้านที่อยู่อาศัยชำระหนี้ แต่จำเลยและ ส. ไม่สามารถกู้ยืมเงินจากธนาคารมาชำระหนี้ได้ จึงต้องขอให้โจทก์เป็นผู้กู้ยืมเงินให้เพื่อนำเงินไปชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ของจำเลย เพื่อจะนำที่ดินมาเป็นที่อยู่อาศัยของจำเลยและ ส. โดยจำเลยและ ส. มีหน้าที่ร่วมกันผ่อนชำระหนี้ที่โจทก์กู้ยืมมาคนละครึ่ง หากจำเลยและ ส. ร่วมกันชำระหนี้จนครบ 10 ปี ตามสัญญาจำนอง หนี้จะหมด จำเลยมีสิทธิได้แบ่งที่ดินส่วนที่จำเลยปลูกบ้านแล้วจำนวนครึ่งหนึ่งของที่ดินทั้งหมดนอกจากส่วนที่กันเป็นถนน ส่วนที่ดินที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งจะตกเป็นของ ส. ซึ่งถือเป็นตัวการซึ่งเชิดโจทก์เป็นตัวแทนทำนิติกรรมแทน ส. สัญญาตามบันทึกข้อตกลงแนบท้ายสัญญาซื้อขายที่ดินแม้จะถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาท แต่เจตนาที่แท้จริงของโจทก์และจำเลยที่ต้องการให้ ส. และจำเลยมีที่ดินอยู่อาศัยคนละครึ่ง จึงให้จำเลยร่วมผ่อนชำระหนี้แก่ธนาคารครึ่งหนึ่ง เพื่อว่าเมื่อจำเลยร่วมผ่อนชำระหนี้ครบแล้วจะได้แบ่งที่ดินครึ่งหนึ่ง จึงพึงสันนิษฐานได้โดยพฤติการณ์แห่งกรณีว่า คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายมีเจตนาจะให้ตกลงในส่วนนี้แยกออกจากสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาท ข้อตกลงในส่วนนี้จึงไม่ตกเป็นโมฆะและมีผลผูกพันโจทก์ว่า เมื่อจำเลยร่วมผ่อนชำระหนี้จำนองแก่ธนาคารแม้เพียงบางส่วนจำเลยก็มีสิทธิในที่ดินพิพาทฐานะในเจ้าของร่วมด้วยเช่นกัน โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทอีกเรื่อง เป็นกรณีโจทก์ฟ้องว่า โจทก์เอาที่ดินตาม น.ส.3 ก. ของโจทก์ทำสัญญาขายฝากไว้แก่จำเลยเพื่อยืมเงินจากจำเลย 30,000 บาท แต่เนื่องจากจำเลยอ่านหนังสือไม่ออก จึงไม่ทราบว่าสัญญาที่ทำเป็นสัญญาซื้อขายมิใช่สัญญาขายฝาก ในวันเดียวกันที่ทำสัญญาดังกล่าว จำเลยได้ทำสัญญากับโจทก์ว่าการทำสัญญาซื้อขายข้างต้นนั้นเป็นการขายฝากที่ดินมีกำหนด 2 ปี สัญญาซื้อขายที่ดินจึงเป็นนิติกรรมอำพรางสัญญาขายฝาก ต่อมาโจทก์ขอไถ่ถอนที่ดินจากจำเลย จำเลยไม่ยอมให้ไถ่ถอน จึงมาฟ้องคดีเพื่อให้จำเลยรับเงินจากโจทก์และโอนที่พิพาทคืนโจทก์ ซึ่งศาลก็มองว่าเรื่องนี้ เป็นการทำ “นิติกรรมอำพราง” คือทำสัญญาซื้อขายกันลวงๆ โดยเจตนาแท้จริงที่อำพรางไว้ คือให้เป็นสัญญาขายฝากที่ดิน ซึ่งก็ต้องบังคับตามสัญญาขายฝาก แต่เรื่องนี้ การขายฝากไม่ได้จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย ศาลจึงถือว่าที่ดินดังกล่าว ที่จำเลยได้ไปเป็นลาภมิควรได้ จึงต้องคืนที่ดินให้โจทก์  โดยมีรายละเอียดตาม คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2527โจทก์ต้องการกู้เงินจำเลย จำเลยไม่มีเงิน จึงตกลงจดทะเบียนซื้อขายที่พิพาทมี น.ส.3ก. เพื่อจำเลยจะได้นำน.ส.3ก. ไปยืมเงินเพื่อนมาให้โจทก์กู้ หลังจากนั้นอีก4 วันโจทก์มารับเงินจากจำเลย แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญาขายฝากที่พิพาทกันเอง ดังนี้ ถือได้ว่าการทำสัญญาซื้อขายที่พิพาทเพื่ออำพรางสัญญาขายฝาก สัญญาซื้อขาย จึงเป็นการแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กันระหว่างคู่กรณี ที่จะไม่ผูกพันกันตามเจตนาที่แสดงออกมานั้น ย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 วรรคแรก( ปัจจุบันคือ มาตรา 155 )  ส่วนนิติกรรมขายฝากที่ถูกอำพรางไว้ เมื่อไม่ได้จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 115 กรณีต้องบังคับตามบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้โจทก์ต้องคืนเงินให้จำเลย และจำเลยต้องคืนที่ดินให้โจทก์จากตัวอย่างกรณีพิพาทที่ยกมาให้ศึกษากันนี้ ก็อยากเตือนผู้บริโภคว่า การทำสัญญาใดๆ ก็ตาม เราควรทำอย่างสุจริต ไม่ควรไปเสี่ยงทำสัญญากันหลอกๆ เพื่อให้มีผลผูกพันกันโดยไม่มีข้อสัญญาเป็นหนังสือรับรอง เพราะเมื่อภายหลังเกิดการผิดข้อตกลงกัน สัญญาเหล่านี้จะไม่มีผลใช้บังคับกันได้ และเกิดปัญหาต้องมาพิสูจน์ซึ่งอาจทำได้ยากลำบาก และหากคู่สัญญาของเราเกิดอยากเอาเปรียบเราก็จะทำให้เดือดร้อนได้  หลักที่ว่าสัญญาต้องเป็นสัญญาก็ไม่สามารถนำมาใช้กับกรณีเช่นนี้ได้นะครับ  ซึ่งหากโชคร้ายท่านก็อาจต้องสูญเสียทรัพย์โดยไม่ตั้งใจ ดังนั้นขอให้มีสติก่อนที่จะทำสัญญาใดก็ตาม และทำด้วยความระมัดระวังอ่านข้อสัญญาต่างๆ ให้ดี เพื่อคุ้มครองสิทธิของตนเองไม่ให้ถูกใครมาเอาเปรียบได้นะครับ สำหรับวันนี้ ก็ขอจบเพียงเท่านี้ ไว้พบกันใหม่ในฉบับหน้าครับ สวัสดีครับ

อ่านเพิ่มเติม >

นิตยสารออนไลน์ ฉบับที่ 186 จ่ายจริงมากกว่าราคาที่แสดงไว้

สินค้าตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ มักมีราคาติดไว้ เพื่อให้ผู้บริโภคทราบว่าหากต้องการซื้อสินค้าดังกล่าว ต้องจ่ายเงินเท่าไร อย่างไรก็ตามหากเรานำสินค้านั้นๆ ไปจ่ายเงินที่พนักงานคิดเงิน แล้วพบว่าราคาไม่ตรงตามป้าย สิ่งที่เราควรทำคือ ปกป้องสิทธิของตัวเอง ดังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ร้องรายนี้คุณจอห์นเป็นชาวต่างชาติที่มักซื้อสินค้าจากร้านค้าวิลล่า มาร์เก็ต (Villa market) เป็นประจำ เพราะร้านดังกล่าวจำหน่ายสินค้าต่างๆ มากมาย ทั้งของสด ของแห้ง เครื่องอุปโภคบริโภคในครัวเรือน รวมทั้งสินค้านำเข้าจากประเทศต่างๆ วันหนึ่ง ภายหลังจากการเลือกซื้อขนมคบเขี้ยวยี่ห้อหนึ่งเป็นจำนวนมาก ซึ่งป้ายแสดงราคาว่า 49 บาทต่อถุง แต่เมื่อนำไปชำระเงินกลับพบว่ากลายเป็น 59 บาทต่อถุง คุณจอห์นไม่แน่ใจว่าตัวเองดูราคาผิดไปหรือไม่ ดังนั้นเมื่อชำระเงินเสร็จเรียบร้อย เขาจึงกลับไปถ่ายรูปราคาสินค้าจากชั้นวางขายเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมสอบถามไปกับผู้จัดการสาขา ผู้จัดการสาขาได้ชี้แจงกลับมาว่าราคา 49 บาทเป็นโปรโมชั่นเก่า อย่างไรก็ตามเมื่อออกมาจากร้านเขาก็ตัดสินใจโทรศัพท์ไปสอบถามที่ร้านดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งพบว่าคำตอบกลับไม่เหมือนเดิม ครั้งนี้ผู้จัดการร้านคนเดิมกลับแจ้งว่า ราคา 49 บาทเป็นโปรโมชั่นล่าสุดสำหรับวันนี้ดังนั้นคุณจอห์นจึงตัดสินใจแวะไปร้านค้าดังกล่าว ในอีกสาขาหนึ่งและซื้อสินค้าชนิดเดียวกัน ซึ่งพบว่าบนชั้นวางขายก็ติดราคาไว้ที่ 49 บาท แต่เมื่อนำมาชำระเงินก็ถูกคิดราคา 59 บาทเช่นเดิม เขาจึงเชื่อว่าการกระทำของร้านค้าดังกล่าว ถือเป็นการหลอกลวงผู้บริโภค จึงส่งเรื่องร้องเรียนมายังศูนย์พิทักษ์สิทธิ์ แนวทางการแก้ไขปัญหาศูนย์ฯ ได้ส่งเอกสารการร้องเรียนไปยังกรมการค้าภายใน เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมของร้านค้า โดยขอให้ดำเนินการตามกฎหมายกับร้านค้า และขอให้แจ้งผลการดำเนินการกลับมายังศูนย์ฯ โดยสำหรับกรณีนี้ผู้ร้องมีหลักฐานยืนยันที่ชัดเจน คือ ใบเสร็จรับเงิน และรูปถ่ายราคาสินค้าจากชั้นวางขาย ทำให้ภายหลังได้รับเรื่อง กรมการค้าภายในจึงดำเนินการสั่งปรับ นิติบุคคลของร้านค้า วิลล่า มาร์เก็ต 3,000 บาท และผู้จัดการร้านทั้ง 2 สาขา คนละ 1,500 บาท นอกจากนี้ยังมีรางวัลนำจับให้ผู้ร้องอีก ร้อยละ 25 ของราคาปรับ คือ 1,500 บาท

อ่านเพิ่มเติม >

นิตยสารออนไลน์ ฉบับที่ 186 โดนเชิดเงินหนีหลังจองรถ

แม้คนส่วนใหญ่ต่างมั่นใจว่าการเช่าซื้อรถยนต์ที่ศูนย์บริการจะมีความปลอดภัย แต่หากเราประมาทเพียงเล็กน้อยก็สามารถโดนเชิดเงินจองรถ ที่จ่ายให้กับตัวแทนของบริษัทไปแล้วก็ได้ คุณสุชาติเช่าซื้อรถยนต์มือหนึ่ง รุ่น พรีเมล่า (Premera) จากศูนย์นิสสัน ราคาประมาณ 530,000 บาท โดยจ่ายค่าจองรถไว้ก่อนจำนวน 5,000 บาท ถัดมาอีก 2 วัน พนักงานของบริษัทได้ติดต่อมาว่า ตอนนี้มีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถ ซึ่งหากต้องการรับสิทธิดังกล่าวต้องโอนเงินมาเพิ่มอีก 5,000 บาท เมื่อผู้ร้องได้รับข้อมูลดังนั้นและเชื่อว่าเป็นโปรโมชั่นของบริษัทจริง จึงโอนเงินไปเพิ่ม แต่เหตุการณ์ไม่ได้จบเพียงเท่านี้ เพราะอีก 1 อาทิตย์ถัดมา พนักงานคนเดิมก็โทรศัพท์เข้ามาอีกครั้งเพื่อแจ้งว่า ทางบริษัทต้องการคำยืนยันที่ชัดเจนว่าผู้ร้องยังต้องการรถ ซึ่งทางบริษัทจะนำเข้าหรือสั่งมาให้ตามจำนวนที่ลูกค้าต้องการ โดยสามารถยืนยันสิทธิได้ด้วยการโอนเงินมาเพิ่มอีก 22,000 บาท หลังจากตัดสินใจสักพัก ผู้ร้องก็หลงเชื่อและโอนเงินไปอีกครั้ง ซึ่งหากรวมๆ แล้ว จำนวนเงินที่ผู้ร้องโอนให้พนักงานคนดังกล่าวเป็นจำนวนทั้งสิ้น 32,000 บาทเวลาต่อมาคุณสุชาติก็ได้นัดหมายกับไฟแนนซ์ และพนักงานของบริษัทรถที่เขาโอนเงินไปให้ เพื่อให้มาตกลงเรื่องการส่งค่างวดรถ อย่างไรก็ตามพนักงานคนดังกล่าวกลับบ่ายเบี่ยง และอ้างว่าไม่สะดวกทุกครั้งที่เขานัด ทำให้คุณสุชาติเริ่มไม่พอใจและติดต่อกลับไปยังบริษัทฯ เพื่อสอบถามปัญหา ภายหลังการพูดคุยและสอบถามถึงจำนวนเงินที่โอนไปก่อนหน้านี้ ทางบริษัทฯ กลับแจ้งว่า ไม่เคยได้รับเงินที่คุณสุชาติโอนเข้ามาก่อนหน้านี้เลย และเมื่อติดต่อไปยังพนักงานคนดังกล่าวก็พบว่า เขาได้ลาหยุดมาหลายวันแล้ว และไม่สามารถติดต่อได้ อย่างไรก็ตามเมื่อคุณสุชาติถามถึงการรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางบริษัทฯ ก็ตอบกลับว่า ไม่สามารถรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ คุณสุชาติต้องเป็นคนจัดการเอง ซึ่งเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ เขาจึงไปแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐาน และมาร้องเรียนที่มูลนิธิเพื่อขอความช่วยเหลือ แนวทางการแก้ไขปัญหาในกรณีนี้ผู้ร้องเข้ามาปรึกษาที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิ เพื่อต้องการทราบว่าการที่บริษัทฯ ปฏิเสธการรับผิดชอบเช่นนี้ สามารถทำได้จริงหรือไม่ ซึ่งทางศูนย์ฯ ได้ชี้แจงกฎหมายที่เกี่ยวข้องสำหรับเหตุการณ์เช่นนี้ คือ ตามหลักกฎหมายตัวการตัวแทน กำหนดไว้ว่า ตัวการย่อมมีความผูกพันกับบุคคลภายนอกในกิจการทั้งหลาย อันตัวแทนหรือตัวแทนช่วงได้กระทำไปในขอบเขตแห่งฐานตัวแทนนั้น หมายถึง การที่ตัวแทนได้ไปกระทำการในนามของบริษัท โดยได้กระทำในขอบเขตที่บริษัทให้ทำ ก็ต้องถือว่าทางบริษัทต้องรับผิดชอบกับตัวแทนนั้นด้วย ปกติบริษัทซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย จะต้องมีตัวแทนคนหนึ่งหรือหลายคนกระทำการแทนบริษัท ตามกฎหมายข้อบังคับหรือตราสารที่ได้กำหนดไว้ ดังนั้น1. พนักงานของบริษัท เมื่อได้มีการกระทำแทนบริษัทในกิจการภายในวัตถุประสงค์ของบริษัท พนักงานบริษัทจึงถือเสมือนเป็นตัวแทนของบริษัท2. หากทางพนักงานได้ทำการแทนบริษัท โดยได้รับเงินภายในกรอบวัตถุประสงค์ของบริษัท ทางบริษัทย่อมมีความผูกพัน ในจำนวนเงินที่พนักงานนั้นได้รับ แต่ถ้าหากพนักงานได้ทำการแทนนอกวัตถุประสงค์แล้ว ก็ไม่ถือว่าเป็นผลผูกพันต่อบริษัท3. ตามที่ผู้ร้องได้ทำการโอนเงินให้กับพนักงาน โดยผู้ร้องเข้าใจว่าพนักงานนั้นเป็นตัวแทนและเป็นผู้มีอำนาจเรียกเก็บเงินของบริษัท จึงถือว่าผู้ร้องได้โอนเงินนั้นไปโดยสุจริต โดยถือว่าบริษัทได้ทำการยอมรับให้พนักงานนั้น เป็นตัวแทนของตนในการรับหรือเก็บเงินของผู้ร้อง เพราะฉะนั้นทางบริษัทจึงต้องรับผิดชอบต่อผู้ร้อง ซึ่งถือเป็นบุคคลภายนอกโดยสุจริต จึงไม่ถือว่าเป็นความผิดของผู้ร้อง4. หากพนักงานบริษัทได้กระทำการใดที่อยู่ในขอบเขตอำนาจตรงตามวัตถุประสงค์ของบริษัท ถือว่าเป็นการกระทำแทนบริษัท บริษัทจึงต้องรับผิดชอบในการที่พนักงานนั้นได้กระทำแทนบริษัทไป เสมือนกับทางบริษัทได้กระทำการนั้นด้วยตนเอง จากหลักกฎหมายดังกล่าวจึงแสดงให้เห็นว่า บริษัทฯ ไม่สามารถปัดความรับผิดชอบจากการกระทำของพนักงานคนดังกล่าวได้ นอกจากนี้ยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ เอกสารการจองรถที่ผู้ร้องนำมาเป็นหลักฐานนั้น ไม่ใช่เอกสารการจองฉบับจริงของบริษัท แต่เป็นสำเนาการถ่ายเอกสาร ซึ่งผู้ร้องให้ข้อมูลว่า พนักงานนำใบจองรถที่ถ่ายสำเนามาให้เซ็นชื่อ ซึ่งเขาเชื่อโดยสนิทใจว่าเป็นเอกสารการจองรถของบริษัทจริงๆ โดยมารู้ภายหลังว่าพนักงานคนดังกล่าว ได้แอบนำใบจองฉบับจริงไปถ่ายเอกสาร ซึ่งหากเราไม่สังเกตก็อาจทำให้โดนหลอกได้ง่ายๆ  

อ่านเพิ่มเติม >

นิตยสารออนไลน์ ฉบับที่ 186 แก้ปัญหารถยนต์ใหม่มือหนึ่งชำรุดบกพร่อง

เมื่อเราซื้อรถยนต์ใหม่มือหนึ่ง ย่อมต้องคาดหวังในประสิทธิภาพที่คุ้มค่ากับราคา อย่างไรก็ตามใช่ว่ารถยนต์ใหม่มือหนึ่งทุกคันจะไม่มีปัญหากวนใจ ซึ่งเราควรแก้ไขปัญหาอย่างไรลองมาดูเหตุการณ์นี้กันคุณสุนีย์ต้องการซื้อรถยนต์ใหม่มือหนึ่งยี่ห้อ วอลโว่ รุ่น S60 T4F จากบริษัทแห่งหนึ่ง ในราคาเกือบ 2 ล้านบาท อย่างไรก็ตามภายหลังเธอสังเกตเห็นว่าในใบสั่งจองรถยนต์คันดังกล่าว ประทับตราข้อความว่า “รถทดลองขับ/รถผู้บริหารใช้แล้ว” เมื่อสอบถามไปยังผู้จัดการฝ่ายขายก็ได้รับคำตอบว่า ที่ต้องประทับตราข้อความเช่นนั้น เนื่องจากเป็นโปรโมชั่นพิเศษ เพื่อให้ผู้ร้องผ่อนได้ศูนย์เปอร์เซ็นต์ ทำให้เธอไม่ติดใจอะไรและตกลงซื้อรถยนต์คันดังกล่าวมาอย่างไรก็ตามเมื่อรับรถมาแล้วประมาณ 4 เดือน เธอพบว่ารถยนต์มีอาการสั่นรุนแรงและสตาร์ทไม่ติด ทำให้ต้องส่งเข้าศูนย์ซ่อม ซึ่งภายหลังศูนย์ได้เปลี่ยนแบตเตอรี่ให้ เพราะมีปัญหาเกิดจากแบตเตอรี่เสื่อม ทำให้เธอข้องใจว่า ทำไมรถยนต์ใหม่ถึงมีปัญหาเช่นนี้ เมื่อสอบถามข้อมูลจึงพบว่ารถคันดังกล่าวผลิตในปี 2014 ทำให้อาจมีปัญหาแบบนี้ได้ เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ คุณสุนีย์จึงมาร้องเรียนยังศูนย์พิทักษ์สิทธิ เพื่อขอคำปรึกษา เนื่องจากก่อนหน้าที่เธอจะตกลงซื้อรถยนต์คันดังกล่าว ได้แจ้งกับพนักงานแล้วว่าต้องการรถรุ่นใหม่ล่าสุด หรือรุ่นที่ผลิตในหรือ 2015 ไม่ใช่รุ่นเก่าเช่นนี้ แนวทางการแก้ไขปัญหาศูนย์ฯ แนะนำให้ผู้ร้องขอข้อมูลการซ่อมที่ผ่านมาทั้งหมดจากศูนย์บริการ เพื่อให้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับรุ่นและประวัติต่างๆ พร้อมส่งจดหมายถึง บริษัท วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย เพื่อให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลและดำเนินการแก้ไขปัญหา ซึ่งภายหลังก็ได้รับการยืนยันว่า รถคันดังกล่าวไม่ใช่รุ่นที่ผู้ร้องต้องการ ดังนั้นตามหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญาจองรถ พบว่าหากบริษัทมีการส่งรถไม่ตรงตามสัญญา เช่น ผิดรุ่นดังกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ผู้ร้องสามารถคืนรถคันดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตามเมื่อมีการเจรจากับทางบริษัทก็ได้รับการชี้แจงว่า รถยนต์รุ่นนี้ไม่มีการผลิตในปี 2015 ซึ่งรถคันนี้เป็นรถใหม่ แต่อาจจอดทิ้งไว้นานจนทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น แต่ยินยอมรับผิดชอบด้วยการคืนเงินที่ลูกค้าจ่ายไป พร้อมปิดไฟแนนซ์ให้ โดยขอหักค่าเสื่อมจำนวน 60,000 บาท ด้านผู้ร้องยินดีรับข้อเสนอดังกล่าวจึงยุติการร้องเรียน

อ่านเพิ่มเติม >

นิตยสารออนไลน์ ฉบับที่ 186 ศัลยกรรมแล้วไม่เป็นที่คิด

การศัลยกรรมในปัจจุบันมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้ทำศัลยกรรมดูดี หรือมีความมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตนเองมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามหากเราตัดสินใจแก้ไขส่วนใดส่วนหนึ่งไปแล้ว แต่ไม่พอใจกับผลลัพธ์ที่ได้เราควรทำอย่างไรคุณปราณีเข้ารับการศัลยกรรมเสริมจมูกและตัดปีกจมูกที่คลินิกแห่งหนึ่ง ในอัตราค่าบริการ 45,000 บาท ภายหลังการผ่าตัด 2 อาทิตย์พบว่า ปีกจมูกไม่เท่ากัน ด้านซ้ายมีการยุบตัวมากกว่าด้านขวา มีขาซิลิโคนนูนออกมาทางด้านขวาของจมูก และมีอาการปวดที่จมูกด้านขวา เธอจึงกลับไปที่คลินิกอีกครั้ง เพื่อให้แพทย์ท่านเดิมตรวจรักษา แต่แพทย์คนดังกล่าวกลับแจ้งว่าต้องรอประมาณ 1 เดือน จมูกจึงจะเข้าที่และหากมีอาการปวดให้รับประทานยาแก้ปวดไปก่อน อย่างไรก็ตามด้วยความไม่สบายใจเธอไปเข้ารับการรักษาที่คลินิกแห่งอื่น ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่าต้องเอาซิลิโคนออก เนื่องจากเกรงว่าขาซิลิโคนอาจทะลุ ทำให้เธอต้องผ่าตัดใหม่และเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังต้องทนทุกข์ทรมานจากการเจ็บปวดดังกล่าว เธอจึงมีความประสงค์ให้ทางคลินิกเดิมรับผิดชอบเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น และแจ้งมายังศูนย์พิทักษ์สิทธิ์ เพื่อขอความช่วยเหลือ แนวทางการแก้ไขปัญหาภายหลังการเจรจาผู้ร้องมีข้อเสนอต่อทางคลินิกคือ ขอให้ชดเชยเยียวยาที่จ่ายไปแล้วจริง และค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องในอนาคตเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท โดยผู้ร้องไม่ได้เรียกร้องค่าทำศัลยกรรมจมูกจำนวน 45,000 บาทคืน ซึ่งทางคลินิกแห่งนี้ได้ชี้แจงว่าสำหรับกรณีของผู้ร้องเป็นกรณีแก้ไข เพราะคนไข้เคยรับการรักษามาแล้วจากคลินิกอื่น ซึ่งคลินิกของตนได้ให้คำปรึกษาและทำการรักษาให้ตามที่คุยและตกลงกันไว้ อย่างไรก็ตามเมื่อคนไข้ทำการผ่าตัดไหมไป 7 วัน พบว่าคนไข้มีความกังวลเป็นอย่างมาก ว่าจมูกไม่เท่ากัน ทรงจมูกไม่สวยอย่างที่ต้องการ ทางคลินิกจึงแนะนำให้รอสักพัก เพราะศัลยกรรมต้องใช้เวลาเพื่อให้แผลหายดีและเข้าที่ภายใน 3-6 เดือน ซึ่งในขณะนั้นจมูกของคนไข้ยังมีอาการบวมอยู่ ต่อมา 2 อาทิตย์ คนไข้ได้เข้ามาให้แพทย์ดูอีกครั้งว่า มีตุ่มข้างในรูจมูกด้านขวา แพทย์ได้ทำการตรวจและนำแนะให้คนไข้ว่า อาจเป็นอาการบวมที่ยังไม่ยุบดี หรือเป็นแผลนูนจากการผ่าตัด ซึ่งเป็นไปได้ขึ้นอยู่กับชนิดของผิวคนไข้ หรืออาจจะเป็นปลายซิลิโคน ที่ยังไม่เข้าที่ แพทย์จึงแนะนำให้คนไข้ฉีดยา และทานยา เพื่อลดอาการอักเสบ และอาการบวม ซึ่งต้องรอเป็นเวลา 1 อาทิตย์ จึงจะยุบลง นอกจากนี้ได้อธิบายขั้นตอนการดูแลรักษา แต่คนไข้ไม่พอใจและเรียกร้องให้คลินิกรับผิดชอบ ซึ่งคลินิกเห็นว่าการทำศัลยกรรมต้องรอคอย เพราะแต่ละกรณีการหายของแผลไม่เหมือนกัน แต่คนไข้ปฏิเสธที่จะรักษาและเรียกร้องค่าเสียหาย ซึ่งทำให้ทางคลินิกเห็นว่าเกินกว่าเหตุ เพราะไม่ได้ทำให้คนไข้พิการหรือจมูกผิดรูป ดังนั้นจะยินยอมเยียวยาค่าเสียหายให้เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท เป็นค่าเอาซิลิโคนออกให้ ซึ่งถ้าทางผู้เสียหายไม่พอใจ สามารถดำเนินคดีทางกฎหมายได้     เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ และต้องดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่ต้องการทำศัลยกรรม จำเป็นต้องเก็บหลักฐานต่างๆ เอาไว้ให้ครบถ้วนเผื่อในกรณีที่เกิดปัญหาเช่นนี้ โดยควรถ่ายรูปเปรียบเทียบให้ชัดเจน สำหรับก่อนและหลังทำศัลยกรรม ใบเสร็จรับเงิน รวมถึงใบรับรองแพทย์ที่น่าเชื่อถือ เมื่อเราเข้ารับคำปรึกษาเพื่อแก้ไขในส่วนต่างๆ

อ่านเพิ่มเติม >

นิตยสารออนไลน์ ฉบับที่ 186 ซื้อทัวร์แล้ว แต่เดินทางไม่ได้

เมื่อต้นปีที่แล้วได้มีข่าวเกี่ยวกับสายการบิสซิเนส แอร์ ที่ถูกกรมการบินพลยกเลิกการบิน เนื่องจากยังไม่ชำระหนี้ที่ค้างไว้ ทำให้ทัวร์ชาวไทยตกค้างที่ประเทศเกาหลีและสนามบินดอนเมืองจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในคณะทัวร์ที่ได้รับความเสียหายครั้งนั้น ก็ส่งเรื่องมาร้องเรียนยังศูนย์พิทักษ์สิทธิเพื่อขอคำปรึกษาผู้ร้องซื้อโปรแกรมทัวร์ให้คณะนักศึกษากับบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเดินทางโดยสารการบินของบริษัท บิสซิเนสแอร์เซ็นเตอร์ จำกัด โดยมีกำหนดเดินทางวันที่ 20 – 23 ม.ค. 2558 อย่างไรก็ตามเมื่อถึงกำหนดการกลับผลว่าไม่สามารถเดินทางได้ ซึ่งในขณะนั้นทางบริษัททัวร์ได้มีการเจรจาและตกลงกับผู้ร้องว่า ให้ผู้ร้องออกเงินค่าตั๋วใหม่จำนวน 100,000 บาทไปก่อน แล้วทางบริษัททั้งสองจะร่วมกันจ่ายให้ภายหลัง ผู้ร้องจึงยินยอมและเดินทางด้วยสายการบินอื่นแทน อย่างไรก็ตามปัญหาใหม่ก็เกิดขึ้นเมื่อผู้ร้องได้ทำหนังสือขอคืนเงิน แต่ทางบริษัทก็ไม่มีการตอบรับใดๆ ทำให้เขาต้องมาร้องเรียนเพื่อขอความช่วยเหลือ แนวทางการแก้ไขปัญหาจากกรณีนี้ในเบื้องต้นพบว่า หากกรมการบินพลเรือนสามารถดูแลหรือแจ้งข่าวสาร สถานะความสามารถในการให้บริการของบริษัทการบินต่างๆ ให้ผู้โดยสาร รวมทั้งบริษัททัวร์รับทราบได้ ก็อาจไม่เกิดปัญหาจ่ายเงินไปแล้วแต่เดินทางไม่ได้เช่นนี้ ทั้งนี้ศูนย์ฯ ได้ช่วยเหลือผู้ร้องด้วยการแนะนำให้รวบรวมเอกสารต่างๆ มาให้เพิ่มเติม ได้แก่ จดหมายทวงถาม หนังสือขอคืนเงิน เอกสารการติดต่อกับสายการบิน จากนั้นจึงช่วยติดต่อกับทางสายการบินดังกล่าว ซึ่งตัวแทนของบริษัททัวร์แจ้งว่าจะมีการคืนเงินให้ผู้ร้องปลายปีนี้  โดยเหตุที่ล่าช้าและไม่สามารถดำเนินการบินได้ เนื่องจากสายการบินประสบปัญหาถูกสั่งห้ามบิน และมีการฟ้องร้องอยู่ในชั้นศาลปกครอง อย่างไรก็ตามจะรับผิดชอบแต่เพียงฝ่ายเดียว ด้วยการคืนค่าตั๋วเครื่องบินให้กับผู้ร้องตามจำนวนที่จ่ายไปเพิ่มเติม คือ 100,000 บาท แต่ขอแบ่งชำระเป็น 2 งวด งวดละ 50,000 บาท ซึ่งผู้ร้องยินดีกับข้อเสนอดังกล่าว แต่เหตุการณ์ไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้ เพราะเวลาต่อมาบริษัทฯ ก็แจ้งกลับมาอีกครั้งว่า ก่อนหน้านี้บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการยื่นขอฟื้นฟูกิจการ ซึ่งเจ้าหนี้บางรายคัดค้าน อาจทำให้กระบวนการชำระหนี้ล่าช้า แต่ขณะนี้การที่กรมการบินพลเรือนได้เพิกถอนใบอนุญาตของบริษัทฯ ทำให้ภายหลังบริษัทฯ ต้องถอนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ เพราะไม่สามารถประกอบกิจการได้ ผู้ร่วมทุนของบริษัทรายใหม่ก็ถอนหุ้นไปเกือบหมด บริษัทฯ จึงไม่มีเงินที่จะดำเนินกิจการ แต่บริษัทฯ จะยังคงหาผู้ร่วมทุนรายใหม่ เพื่อที่จะดำเนินการกิจการต่อไป และประสงค์ที่จะยื่นฟื้นฟูกิจการอีกครั้ง เนื่องจากคิดว่าหากมีการฟื้นฟูกิจการ บริษัทฯ ก็สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ และขอนำเรื่องผู้ร้องเข้าที่ประชุมของบริษัทฯ  เพื่อพิจารณาเรื่องจำนวนเงินที่จะผ่อนชำระให้ผู้ร้องอีกครั้ง ทั้งนี้ภายหลังทางบริษัทฯ ก็เสนอกลับมาว่า สามารถผ่อนจ่ายให้ผู้ร้องได้เดือนละ 2,000 บาท จนกว่าจะสามารถฟื้นฟูกิจการได้ ซึ่งเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ผู้ร้องก็ต้องยินยอมข้อเสนอดังกล่าวไป

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 186 กระแสต่างแดน

ผู้อาวุโสไม่โอเค    จำนวนประชากรผู้สูงอายุในปักกิ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รถเมล์ในตัวเมืองต่างก็แน่นขนัดไปด้วยประชากรสูงวัยทางการจีนระบุว่าร้อยละ 23 ของประชากรปักกิ่งมีอายุมากกว่า 60 ปี และร้อยละ 80 ของคนกลุ่มนี้อาศัยอยู่ในใจกลางเมือง รัฐจึงต้องเตรียมแผนรองรับเทรนด์นี้โดยด่วน เพราะนครหลวงแห่งนี้จะมีคนอายุ 60 ปีเพิ่มขึ้นวันละ 500 คน และมีคนอายุ 80 ปีเพิ่มขึ้นวันละ 120 คน ว่าแล้วก็เคาะออกมาเป็นแผนชักชวนคนกลุ่มนี้ให้ย้ายไปพำนักที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในเมืองเทียนจิน และเหอเป่ย ด้วยโปรโมชั่นทั้งลดทั้งแถม อีกทั้งการอำนวยความสะดวกสารพัด แต่แผนนี้ไม่เข้าตาผู้สูงอายุสักเท่าไร ใครจะอยากทิ้งปักกิ่งที่มีทั้งรถเมล์ฟรี สวนสาธารณะสำหรับออกกำลังกายและพบปะเพื่อนฝูง แถมด้วยโรงพยาบาลดีๆ ไปอยู่ที่อื่นกันล่ะ ไม่ประกันก็คุ้มครอง    ชายสิงคโปร์คนหนึ่งซื้อรถเล็กซัส ไฮบริด GS 450 มือสองมาในราคา 138,000 เหรียญ(ประมาณ 3.5 ล้านบาท) ซึ่งเป็นราคาที่ทางร้านลดให้จาก 139,800 เหรียญ เพราะเขาไม่ต้องการ “การขยายประกัน”สองเดือนต่อมาปัญหาเริ่มเกิด ผู้ซื้อติดต่อทางร้านเพื่อแจ้งความผิดปกติของแบตเตอรี่ไฮบริด จานดิสเบรกหน้าและยางทั้งสี่ล้อ แต่ทางร้านไม่รับผิดชอบโดยอ้างว่าเขาไม่ได้ซื้อประกัน เขาจึงนำรถไปซ่อมเองและเสียค่าใช้จ่ายไป 8,500 เหรียญ(2 แสนกว่าบาท) แต่ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคของสิงคโปร์ เขายังคงสามารถร้องเรียนได้แม้รถคันนี้จะเป็นสินค้ามือสองที่ไม่มีประกันเพิ่มศาลตัดสินให้ผู้ขายจ่ายค่าซ่อมแซมแบตเตอรี่ไฮบริดแก่ชายผู้นี้เป็นเงิน 4,500 เหรียญ เพราะผู้ขายไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าแบตเตอรี่ดังกล่าวไม่มีความบกพร่องก่อนจะถึงมือผู้ซื้อ ส่วนค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนยางและจานเบรกไม่เข้าข่ายได้รับการชดเชยเพราะเป็นวัสดุสึกหรอที่ต้องมีการเปลี่ยนเป็นระยะอยู่แล้ว ได้เวลาตุ๊ก มิเตอร์    สามล้อพ่วงมอเตอร์ไซค์บนท้องถนนพนมเปญต้องหลีกทางให้กับ “ตุ๊กๆ มิเตอร์” - ผู้เล่นหน้าใหม่สำหรับผู้โดยสารที่เพลียกับการต่อรองราคา รถตุ๊กๆ สีเหลืองภายใต้แบรนด์อีซี่โก จะเป็นทางเลือกใหม่ที่คิดค่าโดยสารตามระยะทาง(ไม่ใช่เวลา)  เริ่มต้นที่ 25 บาทสำหรับระยะทาง 1 กิโลเมตรแรก และค่อยๆ เพิ่มขึ้น 3 บาท สำหรับทุกๆ 300 เมตรต่อจากนั้น เจ้าของกิจการอีซี่โกบอกว่าราคานี้สู้กับผู้ประกอบการรถประเภทอื่นได้สบาย เพราะรถของเขาใช้ก๊าซ LPG ที่ราคาถูกกว่าเบนซินหรือดีเซล คนขับยังสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นพนักงานขับรถของบริษัทกินเงินเดือน 7,000 – 10,000 ตามความขยัน หรือจะเช่ารถไปขับด้วยค่าเช่า 250 บาท/วัน ก็ได้วิน-วินกันทุกฝ่าย ยกเว้นสมาคมผู้ประกอบการรถตุ๊กๆ พ่วงแบบเดิมที่มีสมาชิกอยู่ 6,000 คันนั่นหละ  ร้องเพราะมีเรื่อง    ปีนี้ผู้คนในรัฐนิวเซาท์เวลส์มีเรื่องร้องเรียนมากเป็นประวัติการณ์ ก็อย่างว่านะ ผู้บริโภคเขามีช่องทางที่สะดวกในการร้องเรียน แถมยังมีความเชื่อมั่นว่าร้องเรียนแล้วจะได้ผลด้วย ปีงบประมาณ 2558 -2559 มีกรณีร้องเรียนถึง 51,221 กรณีปัญหาผู้บริโภคอันดับหนึ่งคือเรื่องที่อยู่อาศัย (4,548 กรณี) ตามด้วยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (3,300 กรณี) รถมือสอง (2,773 กรณี) การรับเหมาสร้างบ้าน (2,536 กรณี) เฟอร์นิเจอร์ (2,339 กรณี) เป็นต้น อีก 5 เรื่องที่ติดอันดับท็อปเท็นคือ เสื้อผ้า/รองเท้า/เครื่องประดับ รถยนต์ บริการท่องเที่ยว อู่ซ่อมรถ และการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ยังไม่จบแค่นั้น ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนแห่งนี้แจ้งว่า ต่อไปนี้จะเปิดเผยข้อมูลให้ผู้บริโภคทราบว่าผู้ประกอบการเจ้าไหนถูกร้องเรียนเกิน 9 ครั้งในรอบหนึ่งเดือนด้วย  ความผอม “เสมือน”    แพทย์ประจำคลินิกลดน้ำหนักแห่งหนึ่งในออสเตรเลียอยู่ในระหว่างถูกสวบสวน และถูกสั่งห้ามจ่าย “ยาลดน้ำหนัก” ที่ไม่มีผลในการทำให้น้ำหนักลดแต่อย่างใดคนไข้รายหนึ่งบอกว่าเธอจ่ายไป 2,500 เหรียญ(ประมาณ 66,000 บาท) เพื่อบริการที่อ้างว่าสามารถช่วยให้เธอลงน้ำหนักได้ 15 กิโลกรัมภายใน 10 สัปดาห์ แต่ทั้งๆ ที่กินยาโดยสม่ำเสมอและควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัด น้ำหนักเธอกลับหายไปเพียงแค่ 2 กิโลกรัม การตรวจสอบพบว่า ยาที่คลินิกนี้จ่ายไม่ได้มีสรรพคุณโดยตรงในการลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนที่อ้างว่าสามารถกดความอยากอาหารหรือเพิ่มการเผาผลาญของร่างกาย ยารักษาเบาหวานเมทฟอร์มิน หรือแม้แต่สารสกัดจากกาแฟและส้มแขกและยาพวกนี้ส่งถึงบ้านเธอก่อนที่เธอจะส่งผลการตรวจร่างกายให้กับทางคลินิกด้วยซ้ำ สรุปว่าผู้บริหาร “สถาบันลดน้ำหนัก” นี้ คงต้องเลิกกิจการอีกครั้ง หลังจากที่ปิดกิจการคลินิกรักษาโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศไปเมื่อห้าปีก่อนเพราะมีเรื่องร้องเรียนถึง 200 กรณี    

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 186 กระแสในประเทศ

สรุปความเคลื่อนไหวเดือนสิงหาคม 2559แพทย์เฉพาะทางบาทเดียวปัจจุบันนี้มีการส่งต่อและแชร์ข้อมูลต่างๆ ผ่านทางโซเชียลมีเดียกันอย่างมากมาย โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ ซึ่งมีข้อมูลจำนวนไม่น้อยที่ไม่ถูกต้อง หรือให้รายละเอียดไม่ครบถ้วน นำมาซึ่งความเข้าใจผิด หากนำไปใช้ก็อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ จึงทำให้เกิดการรวมตัวกันของกลุ่มแพทย์เฉพาะทางด้านต่างๆ จากหลากหลายสถาบัน ในชื่อของ “แพทย์เฉพาะทางบาทเดียว” (SOS Specialist) โดยกลุ่มแพทย์จิตอาสากลุ่มนี้จะคอยให้บริการตอบคำถามสุขภาพผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ทั้งเว็บไซต์และเฟซบุ๊ค เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถส่งข้อความเข้ามาสอบถามความรู้ที่ถูกต้องเรื่องสุขภาพ ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลกับแพทย์ผู้มีความรู้เฉพาะด้านได้โดยตรง โดยในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา มีประชาชนสอบถามและขอคำแนะนำเป็นจำนวนมากถึง 50,519 คำถาม ส่วนใหญ่เป็นคำถามจากห้องอายุรกรรมเกี่ยวกับโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง รูมาตอยด์ อัมพาต รองลงมาคือ ห้องเด็ก ห้องสูติ เช่น เรื่องการคุมกำเนิด ประจำเดือน ฯลฯ และห้องจิตเวช ซึ่งผู้ที่ส่งคำถามมาขอคำปรึกษาส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีปัญหาสุขภาพต้องการทราบข้อมูลเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์ และกลุ่มที่ผ่านการตรวจรักษาแล้ว แต่ยังมีข้อสงสัย ใครที่สนใจอยากสอบถามปัญหาเรื่องสุขภาพและการรักษาพยาบาลกับแพทย์ตัวจริงเสียงจริง สามารถเข้าไปได้ที่เว็บไซต์ แพทย์เฉพาะทางบาทเดียว www.sosspecialist.com หรือที่เฟซบุ๊คแพทย์เฉพาะทางบาทเดียว เลิกสงสัย!!! “น้ำผักชี” ไม่ช่วยล้างไตมีการแชร์ข้อมูลที่อ้างว่า “น้ำผักชี” ช่วยล้างไตได้ ซึ่งสร้างความสงสัยว่าข้อมูลดังกล่าวจริงเท็จประการใด จนล่าสุด ภก.พินิต ชินสร้อย เภสัชกรปฏิบัติการงานแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลวังน้ำเย็น  และรักษาการประธานชมรมเภสัชกรสมุนไพร ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า น้ำผักชีไม่ได้มีผลในการช่วยล้างไต ข้อมูลที่มีการแชร์กันอยู่เป็นเพียงการกล่าวอ้างเท่านั้น ไม่มีผลการศึกษาวิจัยใดเป็นตัวยืนยัน ที่สำคัญคือในผักชีมีสารโพแทสเซียมสูงถึง 540 มิลลิกรัมต่อผักชี 100 กรัม ซึ่งสารดังกล่าวส่งผลให้ไตทำงานหนัก เพราะถ้าร่างกายได้รับโพแทสเซียมมากเกินไปจะเป็นภาระต่อไตที่ต้องทำหน้าที่ขับออกจากร่างกาย ซึ่งปกติใน 1 วันร่างกายของเราควรได้รับโพแทสเซียที่ปริมาณ 4.7 มิลลิกรัมเท่านั้นแต่ทั้งนี้คนที่บริโภคผักชีทั่วไปก็ไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะโดยปกติเรากินผักชีในปริมาณไม่มากถึงขนาดที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ซึ่งผักชีถือเป็นผักที่มีประโยชน์ ช่วยในการขับลม ทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดีขึ้น ซื้อสินค้าลดราคา ระวังเจอของหมดอายุ!!!ใครที่ชอบซื้อสินค้าลดราคาโดยเฉพาะพวกอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค อย่าลืมเช็คเรื่องคุณภาพสินค้าและวันหมดอายุให้ดี ระวังได้จะของถูกแต่ไม่มีคุณภาพเหมือนกับกรณีที่มีการแชร์กันในสื่อออนไลน์ เมื่อมีผู้บริโภครายหนึ่งได้ซื้อไข่ไก่ลดราคาที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สุขาภิบาล 3 โดยผู้บริโภครายนี้พยายามมองหาข้อมูลวันหมดอายุที่ตัวสินค้า แต่กลับพบว่าป้ายที่แจ้งลดราคาแปะทับเอาไว้อยู่ เมื่อแกะป้ายราคาออกก็ต้องตกใจเมื่อเจอกับข้อมูลวันหมดอายุที่แจ้งว่าไข่ไก่แพ็คนี้หมดอายุมาแล้ว 2 วัน!!!นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ห้างสรรพสินค้าต้องแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะห้างมีหน้าที่ต้องตรวจสอบสินค้าก่อนที่จะขาย เมื่อสินค้าหมดอายุก็ควรรีบจัดเก็บทันที เพราะถ้าผู้บริโภคซื้อสินค้าและรับประทานเข้าไปก็อาจได้รับอันตรายจากการบริโภคอาหารหมดอายุได้ นอกจากนี้ยังถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 เรื่องอาหารที่ไม่ปลอดภัย มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำและปรับโดยผู้บริโภคที่พบเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพบสินค้าหมดอายุถูกนำมาวางจำหน่าย การปกปิดข้อมูลเรื่องวันหมดอายุ หรือการแจ้งราคาสินค้าไม่ตรงกับราคาที่ขาย สามารถร้องเรียนกับหน่วยงานต่างๆ ไมว่าจะเป็น อย., สคบ. และ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค บังคับติด “ฉลากหวานมันเค็ม” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป – อาหารแช่แข็งกระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศเพิ่มชนิดอาหารที่ต้องแสดงฉลากโภชนาการ และค่าพลังงาน นํ้าตาล ไขมัน และ โซเดียม แบบ GDA (Guideline Daily Amounts) หรือ “ฉลากหวานมันเค็ม” จากเดิมที่เคยกำหนดไว้ในอาหาร 5 ชนิด ได้แก่ มันฝรั่งทอด ข้าวโพดคั่ว ข้าวเกรียบหรืออาหารขบเคี้ยวชนิดอบพอง ขนมปังกรอบหรือแครกเกอร์หรือบิสกิต และเวเฟอร์สอดไส้ โดยในประกาศฉบับใหม่จะมีการเพิ่มกลุ่มอาหารที่ผู้บริโภคนิยมรับประทาน อย่าง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและอาหารแช่แข็งพร้อมปรุงเข้าไปประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 374) พ.ศ. 2559 เรื่อง อาหารที่ต้องแสดงฉลากโภชนาการ และค่าพลังงาน นํ้าตาล ไขมัน และโซเดียมแบบจีดีเอ ได้กำหนดกลุ่มอาหารที่ต้องแสดงฉลากหวานมันเค็ม ออกเป็น 5 กลุ่ม 15 ชนิด ดังนี้1.อาหารขบเคี้ยว ได้แก่ มันฝรั่งทอดหรืออบกรอบ ข้าวโพดคั่วหรือทอดกรอบ ข้าวเกรียบทอดหรืออบกรอบ หรืออาหารขบเคี้ยวชนิดอบพอง ถั่วหรือนัตทอดหรืออบกรอบ หรืออบเกลือ หรือเคลือบปรุงรส สาหร่ายทอดหรืออบกรอบ หรือเคลือบปรุงรส และปลาเส้นทอดหรืออบกรอบ หรือปรุงรส2.ช็อกโกแลต และผลิตภัณฑ์ในทํานองเดียวกัน3.ผลิตภัณฑ์ขนมอบ ได้แก่ ขนมปังกรอบ แครกเกอร์ บิสกิต เวเฟอร์สอดไส้ คุกกี้ เค้ก พาย เพสตรี้ ทั้งชนิดที่มีและไม่มีไส้4.อาหารกึ่งสําเร็จรูป ได้แก่ ก๋วยเตี๋ยว ก๋วยจั๊บ บะหมี่ เส้นหมี่ และวุ้นเส้น ไม่ว่าจะมีการปรุงแต่งหรือไม่ก็ตาม พร้อมซองเครื่องปรุง ข้าวต้มที่ปรุงแต่ง และโจ๊กที่ปรุงแต่ง5.อาหารมื้อหลักที่เป็นอาหารจานเดียว ซึ่งต้องเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นหรือตู้แช่แข็งตลอดระยะเวลาจําหน่ายทั้งนี้จุดมุ่งหมายของการบังคับให้อาหารเหล่านี้ต้องแสดงฉลากหวานมันเค็ม ก็เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคในการใช้เป็นข้อมูลในเลือกรับประทานให้เหมาะสมต่อสุขภาพ ลดการบริโภค หวาน มัน เค็ม ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของการป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็น มะเร็ง ความดัน เบาหวาน หัวใจ โดยผลิตภัณฑ์อาหารตามประกาศฉบับนี้จะต้องทำการติดฉลากหวานมันเค็มตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2559 นี้เป็นต้นไป เชิญร่วมงานเวทีประชุมแลกเปลี่ยน “ตลาดที่มีจิตสำนึก” ครั้งที่ 3ในยุคที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะฝากท้องไว้กับอาหารจากระบบอุตสาหรรม อาหารแปรรูปที่ผ่านการปรุงแต่งดัดแปลง ซึ่งแม้จะได้ความสะดวกสบายแต่กลับเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัยและการปนเปื้อนของสารเคมีปรุงแต่ง ไม่ว่าจะเป็นสารกันบูด สีสังเคราะห์ สารปรุงแต่งรสและกลิ่น ฯลฯ ซึ่งสารเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเรา    “ตลาดที่มีจิตสำนึก” จึงเกิดขึ้นมาจากความตั้งใจที่อยากให้ผู้ผลิต เกษตรกร ที่ใส่ใจในการผลิตอาหารปลอดภัย ได้นำสินค้าของตัวเองมาส่งต่อโดยตรงถึงมือผู้บริโภค คนกินได้อาหารที่ปลอดภัยไม่มีสารเคมีปนเปื้อน อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร สุขภาพร่างกายแข็งแรง ส่วนคนขายคนผลิตก็ได้ผลตอบแทนที่เหมาะสม เป็นธรรม ได้กำลังใจในการทำเกษตรกรที่ปลอดภัยที่ต้องใช้ความใส่ใจในปลูกมากกว่าการเกษตรทั่วไป    ในวันที่ 30 ส.ค. – 1 ก.ย 59 นี้ จะมีการจัดเวทีประชุมแลกเปลี่ยนตลาดทางเลือกในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและเอเชีย ความร่วมมือระหว่างเกษตรกรรายย่อยผู้ประกอบการสังคมและผู้บริโภคสีเขียว ภายใต้ชื่องานว่า “ตลาดที่มีจิตสำนึก #3” ซึ่งในงานจะมีการพูดถึงความสำคัญของตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ต่อสังคม โดยจะมีประสบการณ์จากต่างประเทศ ทั้ง ญี่ปุ่น อินเดีย จีน อินโดนีเซีย มาบอกเล่าในงานประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ยังมีตัวแทนผู้ประกอบการทางสังคมที่จะมาบอกเล่าว่าการทำธุรกิจโดยใส่ใจสังคมเป็นมิตรกับชุมชนนั้นต้องเริ่มต้นยังไง    ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานสามารถติดต่อสอบถามไปได้ที่ สวนเงินมีมา โทร. 02-622-0955, 02-622-2495-6 www.suan-spirit.com  

อ่านเพิ่มเติม >