ฉบับที่ 270 ประกาศเวลาไว้ แต่ไม่ให้บริการตามเวลา !

        เรื่องของคุณหนิงต่อจากนี้ แม้อาจฟังเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เชื่อว่าเมื่อเกิดขึ้น...ได้เจอกับตัวเองแล้ว ก็เสียความรู้สึกอย่างมากได้เช่นเดียวกัน         เรื่องราวคือ เมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา คุณหนิงได้ตัดสินใจไปสมัครเป็นสมาชิกของ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น (สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง) เพื่อเข้าใช้บริการห้องฟิตเนส  เพราะศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่นอยู่ห่างจากที่พักเพียง 2 กิโล         ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น (สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง) ได้ประกาศเวลาการในการบริการรับสมัครสมาชิกไว้คือ วันจันทร์ เวลา 10.00 – 16.30 น. วันอังคาร - เสาร์  เวลา 10.00- 20.00 น. และวันอาทิตย์เวลา  13.00 – 20.00 น. โดยสมัครได้ที่ห้องประชาสัมพันธ์ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เท่านั้น         วันที่คุณหนิงตัดสินใจไปสมัคร เป็นวันพฤหัสบดี ที่ 17 สิงหาคม เมื่อเลิกงานเวลา 17.00 น. แล้ว คุณหนิงมีธุระต้องไปทำต่อที่ธนาคารในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ คุณหนิงจึงลังเลว่าจะเข้าไปสมัครสมาชิกทันไหม  แต่เมื่อคิดว่าวันศุกร์เธอก็จะไม่สะดวกต้องเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดทันทีที่เลิกงาน หากจะรอถึงวันจันทร์ เธอก็ยังไม่สามารถสมัครได้อีก เพราะศูนย์ฯปิดให้บริการเวลา 16.30 น. ก่อนที่คุณหนิงจะเลิกงาน  คุณหนิงจึงคิดว่า รีบทำธุระให้เสร็จแล้วเข้าไปสมัครสมาชิกให้ทันเลยจะดีกว่าเพื่อที่วันอังคารหน้าเมื่อเลิกงานแล้วเธอจะได้เข้ามาใช้บริการห้องฟิตเนสได้ทันก่อนที่จะปิดบริการเวลา 19.00 และไม่ต้องเสียเวลาไปในการสมัครสมาชิกอีก          คุณหนิงจึงรีบทำธุระ แต่แล้วฝนก็ตกลงมา คุณหนิงจึงต้องเรียกบริการรถด่วน (Bolt) เพื่อกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องพักก่อน เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เธอจึงเรียกรถไปสมัครสมาชิกที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น ต่อทันที ระหว่างนั่งรถไปครั้งนี้ฝนที่ซาก็เริ่มกลับมาตกอีกครั้ง เวลาก็ใกล้เข้า 2 ทุ่มขึ้นมาทุกที คุณหนิงคิดว่าจะไปทันไหม แต่ไหนๆ เมื่อนั่งรถมาขนาดนี้แล้ว ก็อยากไปให้ถึงจึงบอกให้รถขับต่อไปจนถึงศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น (สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง)         คุณหนิงมาถึงหน้าห้องประชาสัมพันธ์ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เวลา 19.57น. จึงเคาะหน้าต่างเลื่อนที่ช่องรับบริการและแจ้งเจ้าหน้าที่ว่า “มาสมัครเป็นสมาชิกศูนย์ฯ ค่ะ”  แต่เจ้าหน้าที่กลับตอบกลับมาว่า “ปิดรับสมัครแล้วค่ะ”         “แต่ตามประกาศบอกว่ารับสมัครสมาชิกถึง 2 ทุ่มไม่ใช่หรือคะ”         เจ้าหน้าที่มองนาฬิกาและพบว่าเป็นเวลา 20.00 น. พอดี จึงตอบคุณหนิงว่า  “ก็ตอนนี้มันก็ 2 ทุ่มแล้วค่ะน้อง”         “แต่ตอนที่เคาะบอกพี่ มันยังไม่ 2 ทุ่มนะคะ”         “ก็ตอนนี้มัน 2 ทุ่มแล้วค่ะ”         ถึงตอนนี้ คุณหนิงรู้สึกเสียความรู้สึกมากเหมือนเจ้าหน้าที่ไม่เต็มใจให้บริการ แต่เธอก็ตั้งใจมาสมัครเป็นสมาชิกแม้ฝนจะตกเธอก็ตัดสินใจแล้วว่าจะมาสมัครให้ได้ จึงตอบกลับเจ้าหน้าที่ว่า “จริงๆ ถ้าทางศูนย์ฯ ประกาศไว้ว่าจะให้บริการสมัครสมาชิกถึงตอน 2 ทุ่มก็ควรจะทำให้ได้ตามนั้นนะคะ”         “ก็พี่ปิดเคาน์เตอร์ไปแล้ว รับเงิน ปิดรายงานไปแล้ว น้องจะให้พี่เปิดมาทำใหม่หรือคะ”         คุณหนิงได้แต่ส่ายหัว รู้สึกเสียใจ เสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ติดว่า ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) อยู่ใกล้ที่พักที่สุด เธอไม่อยากจะกลับมาที่แห่งนี้อีกเลย            แนวทางการแก้ไขปัญหา          หลังเหตุการณ์วันนั้น คุณหนิงได้รับคำแนะนำจากมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคว่า ควรโทรไปที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น)  เพื่อร้องเรียนงานบริการที่คุณหนิงประสบปัญหา ดังนั้นเธอจึงได้โทรเข้าไปร้องเรียนที่ฝ่ายอำนวยการถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่แจ้งว่ารับเรื่องไว้แล้วจะสอบถามกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป  ทั้งนี้คุณหนิงยังได้รับคำแนะนำเพิ่มเติมว่า ให้ทำหนังสือร้องเรียนไปที่ สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร  เพื่อให้เป็นหลักฐานถึงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องและผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ซึ่งมี เฟซบุ๊กเพจ  ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่ประชาชนสามารถสื่อสาร ร้องเรียน การทำงานของหน่วยงานในสังกัดของกรุงเทพมหานครได้โดยตรงได้อีกด้วย         เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้ย้ำว่า หากคุณหนิงทำหนังสือ ร้องเรียนเรื่องราวถึงสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จะทำให้ประชาชนคนอื่นๆ ได้รับประโยชน์ด้วย อีกทั้งเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย และการออกกำลังกายเป็นเรื่องสำคัญ ผู้ให้บริการจึงยิ่งต้องเต็มใจและตั้งใจบริการให้ประชาชน         ล่าสุดหลังจากได้โทรเข้าไปร้องเรียนแจ้งปัญหาแล้ว  คุณหนิงจึงได้ทำการทดสอบเข้าไปใช้บริการที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) อีกครั้งในวันที่ เสาร์ที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยการไปถึงที่หน้าเคาเตอร์ในเวลา 19.58 น. ก็พบว่าเจ้าหน้าที่คนเดิมให้บริการรับสมัครสมาชิกให้ด้วยดี

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 262 เรื่องทดสอบ สปอร์ตบรา

        ปัจจุบัน “สปอร์ตบรา” ไม่ได้จำกัดการสวมใส่เฉพาะเพื่อการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเท่านั้น ผู้หญิงหลายคนยังจัดเป็นเสื้อชั้นในเพื่อการสวมใส่ในชีวิตประจำวันด้วย         สปอร์ตบรานั้นถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ของการป้องกันสรีระช่วงอกในขณะออกกำลังกายของผู้หญิง เนื่องจากชุดชั้นในธรรมดาไม่อาจรองรับการเคลื่อนไหวของหน้าอกในระหว่างการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาหนักๆ ได้ ซึ่งอาจนำมาถึงการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหรืออาการปวดเมื่อยบริเวณดังกล่าว ยังรวมไปถึงเรื่องความสบายในการสวมใส่ ความคล่องตัวและความมั่นใจที่ชุดชั้นในธรรมดาไม่อาจให้ได้         ดังนั้นเพื่อเป็นการเฝ้าระวังด้านผลิตภัณฑ์ที่กำลังเป็นที่นิยมของผู้บริโภค ฉลาดซื้อและโครงการสร้างเสริมความเข้มแข็งระบบเฝ้าระวังสินค้าและบริการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สสส. จึงได้สุ่มเลือกผลิตภัณฑ์สปอร์ตบรา จำนวน 8 ยี่ห้อ จากร้านค้าและห้างสรรพสินค้าทั่วไป ในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2565 ส่งตรวจกับห้องทดสอบที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน  โดยเป็นการทดสอบด้านความปลอดภัย 2 รายการได้แก่ สีเอโซที่ให้แอโรแมติกแอมีน 24 ตัวและปริมาณฟอร์แมลดิไฮด์ และอีก 1 รายการเป็นการทดสอบเรื่อง การจัดการความชื้น (Liquid Moisture Management Properties) รวม 3 รายการ          หมายเหตุการทดสอบ         ในการทดสอบเรื่องการจัดการความชื้น เนื่องจากเนื้อผ้าและวัสดุของสปอร์ตบรานั้นไม่เหมือนเสื้อชั้นในและเสื้อผ้าทั่วไป เพราะประกอบด้วยผ้าผสมหลายชนิดรวมถึงดีไซน์การตัดเย็บที่ต่างกัน ดังนั้นจึงทดสอบการจัดการความชื้นในสามบริเวณได้แก่ ด้านหน้าที่มีฟองน้ำ ด้านหน้าที่ไม่มีฟองน้ำและด้านหลัง (บางชุดวัสดุตรงกลางและด้านข้างต่างกัน)  ผลการทดสอบ        ·     ด้านความปลอดภัย        สีเอโซที่ให้แอโรแมติกแอมีน 24 ตัว พบ สารสองชนิด ได้แก่ BENZIDINE ปริมาณ 17.74 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และ 4-METHYL-m-PHENYLENEDIAMINE ปริมาณ 37.32 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ในตัวอย่างยี่ห้อ Wacoal Motion Support WR 3448 (มาตรฐานสีเอโซที่ให้แอโรแมติกแอมีน 24 ตัว แต่ละตัวต้องไม่เกิน 30 มก./กก.) อีก 7 ตัวอย่างไม่พบสีเอโซที่ให้แอโรแมติกแอมีน 24 ตัว        ฟอร์แมลดิไฮด์ พบฟอร์แมลดิไฮด์ 1 ตัวอย่าง ปริมาณ 26.83 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ซึ่งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน (มาตรฐานต้องน้อยกว่า 75 มิลลิกรัม/กิโลกรัม) ได้แก่ ตัวอย่างยี่ห้อ GENTLEWOMAN sports club GST060 อีก 7 ตัวอย่างไม่พบฟอร์แมลดิไฮด์         ·     การจัดการความชื้น ผลการทดสอบพบว่า ค่า One-way transport capability (R)   ส่วนใหญ่ค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะบริเวณด้านหน้าที่มีฟองน้ำ ส่วนบริเวณด้านหน้าที่ไม่มีฟองน้ำและบริเวณด้านหลัง มี 3 ยี่ห้อที่ผลการทดสอบน่าพอใจ ดูรายละเอียดได้ที่ การเลือกสปอร์ตบรา         1.เลือกตามการใช้งาน ส่วนใหญ่จะแบ่งเป็นสามระดับของการเคลื่อนไหว เช่น การวิ่ง การเล่นกีฬาหนักๆ ควรเลือกชนิด  High Support สำหรับการออกกำลังกายที่เคลื่อนไหวไม่มาก เลือกแบบ Medium Support หรือ Light Support  ซึ่งเหมาะสำหรับ เวทเทรนนิ่ง บอดี้เวท การปั่นจักรยาน การเล่นโยคะ พิลาทีส เป็นต้น         2.เลือกให้พอดีกับขนาดของหน้าอก การทดลองสวมที่ร้านจะดีที่สุด ทั่วไปแล้วสปอร์ตบราจะมีขนาดที่เล็กกว่าไซส์ชุดชั้นในเล็กน้อย ควรเลือกที่ใส่แล้วไม่อึดอัดหรือคับเกินไป ไม่มีเนื้อส่วนเต้าล้นออกมา และไม่มีตะเข็บที่จะก่อให้เกิดการเสียดสี        3.เลือกจากวัสดุที่ช่วยระบายความชื้นและความร้อนได้ดี จะช่วยทำให้รู้สึกแห้งสบาย ไม่เหนอะหนะในระหว่างการใช้งาน วัสดุที่นิยมในปัจจุบันได้แก่ ไนลอน โพลีเอสเตอร์ สแปนเด็กซ์ ไลครา อีลาสติน         4.สาวที่มีช่วงไหล่กว้างอาจใส่สปอร์ตบราบางรุ่นแล้วรู้สึกว่าสายสปอร์ตบรารั้งตรงไหล่ ใส่นานๆ มีอาการปวดเมื่อยอาจเลือกเป็นประเภทที่ปรับสายได้ เพื่อให้รองรับพอดีกับช่วงไหล่        5.การดูแลรักษา เนื้อผ้าและวัสดุของสปอร์ตบรานั้นส่วนใหญ่เป็นเส้นใยสังเคราะห์ หากดูแลได้ถูกวิธีจะช่วยให้ใช้งานได้นาน   ข้อมูลอ้างอิง        1.มอก.2346-2550 เสื้อผ้าสำเร็จรูป        2.มอก.เอส 6-2561 เสื้อกีฬา

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 132 รู้ทันสัญญาฟิตเนส

  อยากเสียเหงื่อให้กีฬา...แต่กลับต้องเสียน้ำตาให้บริการฟิตเนส คนที่ไม่เคยใช้บริการ ฟิตเนส คลับ คงจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีข่าวการร้องเรียนของคนที่ใช้บริการออกมาอยู่ตลอดเวลา หรือถ้าใครลองเสิร์ชข้อมูลเรื่องฟิตเนสในอินเตอร์เน็ตก็จะพบว่า มีคนมาบอกเล่าปัญหาต่างๆ ที่ได้เจอจากการใช้บริการฟิตเนสเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นปัญหาที่เกิดกับบรรดาฟิตเนส คลับชื่อดังที่เป็นแฟรนไชส์มาจากต่างประเทศทั้งสิ้น เรียกว่าสวนทางกับภาพลักษณ์ที่แสนจะหรูเลิศอลังการของความเป็นสถานบริการเพื่อสุขภาพราวฟ้ากับเหว ฉลาดซื้อเลยส่งทีมงานหน้าใส ไปนั่งฟังพนักงานขายหรือเซลล์ของฟิตเนส คลับ ชื่อดังแห่งหนึ่ง ทำให้ได้ข้อสรุปที่น่าสนใจ พร้อมๆ กับนึกชมตัวเองที่สามารถรอดพ้นจากพนักงานขายฝีมือขั้นเทพเหล่านั้นมาได้เรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวกับสถานบริการฟิตเนสปี 2554  จำนวน 32 เรื่อง แบ่งตามสถานบริการแต่ละแห่งได้ดังนี้ทรู ฟิตเนส  14  เรื่องแคลิฟอร์เนีย ว้าว  9 เรื่องฟิตเนส เฟิร์ส  7  เรื่องอื่นๆ   2 เรื่อง ปัญหาที่ร้องเข้ามาส่วนใหญ่เป็นเรื่องสัญญาที่ไม่เป็นธรรมและปัญหาเรื่องการขอยกเลิกสัญญา ซึ่งมีการร้องเรียนเข้ามาถึง 29 เรื่องจากทั้งหมด 32 เรื่อง ส่วนปัญหาอื่นๆ ที่มีการร้องเรียนเข้ามาคือ ถูกนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ทางอื่นโดยไม่ขออนุญาต ปิดบริการไม่แจ้งล่วงหน้า และปัญหาด้านมาตรฐานการบริการ ที่มา ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค  สำนักงานคณะกรรมคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลปัญหาของผู้บริโภคโดยตรง ก็เคยเก็บรวบรวมสถิติเรื่องร้องเรียนปัญหาจากการใช้บริการฟิตเนสเอาไว้เมื่อปี 2548 - 2551 มีเรื่องร้องเรียนเข้ามามากถึง 893 เรื่อง โดย แคลิฟอร์เนีย ว้าว นำมาเป็นอันดับ 1 ที่ 576 เรื่อง ลองลงมาคือ ทรู ฟิตเนส 180 เรื่อง และ ฟิตเนส เฟิร์ส 74 เรื่อง   ฟิตสมองก่อน ใช้ฟิตเนส ฟิตเนสเป็นบริการที่คนให้ความสนใจมาก เพราะฟิตเนส คลับ ต่างๆ จะมีบริการที่พร้อมสำหรับคนเมือง และมักตั้งอยู่ในย่านที่สะดวกในการเดินทาง โดยเฉพาะบรรดาฟิตเนส คลับที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นสาขามาจากต่างประเทศ จะมีบริการครบวงจร ตั้งแต่อุปกรณ์ออกกำลังกายแบบพื้นฐาน อย่าง ลู่วิ่งไฟฟ้า ที่ปั่นจักรยาน ไปจนถึงกิจกรรมพิเศษอื่นๆ อย่าง โยคะ เต้นรำ และอื่นๆ อีกเยอะแยะมากมาย ฉลาดซื้อสนับสนุนให้ทุกคนออกกำลังกาย เพราะอย่างที่ทุกคนรู้ดีว่าการออกกำลังกายมีประโยชน์และจำเป็นกับชีวิต ซึ่งการเลือกที่จะใช้บริการ ฟิตเนส คลับ ต่างๆ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก แต่ภาพข่าวที่ปรากฏออกมาตามสื่อต่างๆ อาจทำให้ผู้บริโภคหวั่นๆ ว่าตัวเองจะกลายเป็นอีกคนหนึ่งหรือไม่ ที่ต้องปวดหัวจากบริการฟิตเนส ฉลาดซื้อได้ลองประมวลปัญหาที่เกิดจากการเข้าใช้บริการฟิตเนสแล้วพอจะสรุปได้ดังนี้ 1. ความไม่จริงใจของฟิตเนส คลับ ที่เน้นเพียงการเพิ่มยอดสมาชิกหนึ่งในเรื่องปวดสมองของผู้ได้รับความเสียหายที่ร้องเรียนเกี่ยวกับบริการฟิตเนส คือ เซลล์บอกอย่างแต่จริงๆ เป็นอีกอย่าง บรรดาคุณเซลล์ทั้งหลายจะเน้นอธิบายแต่ตัวเลขราคาค่าใช้จ่าย บริการที่จะได้ แต่ไม่ได้อธิบายถึงสิทธิการร้องขอเมื่อเกิดปัญหา รวมทั้งการสร้างสัญญาที่ผูกมัดมากเกินไป ซึ่งเมื่อเกิดปัญหาในการใช้บริการ ตัวสัญญาที่ไม่เป็นธรรมนั่นเองที่เป็นตัวกดดันให้ผู้ใช้บริการที่เกิดปัญหาต้องออกไปร้องเรียนหน่อยงานต่างๆ และบางคนที่เจอปัญหาแล้วแต่ไม่ได้ไปร้องเรียน ก็ต้องกลายเป็นคนมีหนี้ มีภาระ ต้องยอมจ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อยุติปัญหา ทั้งที่ปัญหานั้นไม่ได้มาจากตัวผู้ที่ใช้บริการ 2. ผู้บริโภคใจไม่แข็งพอ เชื่อคนง่าย ในฐานะผู้ใช้บริการ ก่อนจะทำสัญญาก็ต้องมีหน้าที่ด้วยเช่นกัน เพราะอย่าลืมว่าในการทำสัญญาตกลงใช้บริการ ตัวเราเองก็ยินยอมที่จะเซ็นสัญญา การใช้บริการไม่ได้เกิดจากการบังคับขืนใจ (แต่อาจจะเกิดจากการถูกหว่านล้อมกดดัน) ทำให้เวลาที่ปัญหาเกิดขึ้น ฟิตเนส คลับ คู่กรณีจึงมักไม่ยินยอมจัดการในสิ่งที่เราร้องของไป เพราะเขาก็จะใช้ข้อได้เปรียบตรงที่เราได้ยินยอมทำสัญญากันไว้แล้ว ถือว่ารับรู้และยินยอมในเงื่อนไขต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้หากใครที่อยากจะไปสมัครใช้บริการที่ ฟิตเนส คลับ ไม่ว่าชื่อดังหรือไม่ดัง มีบริการที่ปั่นจักรยานเป็นร้อยตัวหรือไม่ถึงสิบตัวก็ตาม ต้องขอดูสัญญาก่อน ไม่งั้นไม่เซ็นชื่อ 3.ไม่ได้ศึกษาข้อมูลในสัญญาให้ดีการใช้บริการฟิตเนสเป็นอะไรที่มากกว่าเซลล์บอก ดังนั้นต้องขอเอกสารมาศึกษาก่อน โดยไล่ตั้งแต่ ค่าบริการ วิธีการชำระเงิน บริการที่จะได้รับ เงื่อนไขการยกเลิกสัญญา ระยะเวลาการเป็นสมาชิก ฯลฯ ต้องทำความเข้าใจให้ดี ให้ได้มากที่สุด ก่อนเซ็นสัญญา และที่สำคัญคือ ต้องพิจารณาจากสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น ไม่ใช่เป็นข้อตกลงที่มาจากคำพูดของพนักงานขาย เพราะหนึ่งในต้นเหตุของปัญหาก็มาจาก การที่ตัวพนักงานขายมักจะเสนอโปรโมชั่นและเงื่อนไขสุดพิเศษ เรียกว่าดีจนไม่มีที่ติ ยิ่งพอมาเทียบกับราคา ก็ยากที่จะหักห้ามใจ แต่ถ้ามาดูในใบสัญญาก็จะไม่เจอข้อความที่บอกถึงสิทธิพิเศษอย่างที่พนักงานโม้ให้เราฟังก่อนเซ็นสัญญา เช่น เรื่องการขอยกเลิกสัญญา ที่ว่าถ้ามีปัญหาสามารถมาขอยกเลิกสัญญาได้ตลอดเวลา แต่เอาเข้าจริงกลับทำไม่ได้เพราะในสัญญาจริงๆ ระบุว่าต้องเป็นสมาชิกไปอย่างน้อย 1 ปี ซึ่งถ้าเลือกตัดสินใจจากการฟังแต่สิ่งที่ได้ยินจากพนักงานขายที่มาทำสัญญาเพียงอย่างเดียว ผู้ใช้บริการอย่างเราก็จะเข้าใจผิด พออยากจะขอยกเลิกสัญญาเข้าจริงๆ ก็ทำไม่ได้ ข้อควรสังเกตในสัญญาฟิตเนส -เงื่อนไขในการยกเลิกสัญญา เพราะเรื่องนี้ถือเป็นปัญหาอันดับต้นๆ ของคนที่ใช้บริการฟิตเนส ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฟิตเนสห่วงใยสุขภาพของเราเป็นอย่างมากหรือเปล่าไม่แน่ใจ ตอนสมัครก็คะยั้นคะยอเราสุดฤทธิ์ ว่าให้มาออกกำลังกายเถอะ มาดูแลสุขภาพกันเถอะ พอตอนจะขอยกเลิกสัญญาก็ไม่ยอม บอกว่าทำไม่ได้ต้องใช้บริการให้ครบตามระยะเวลาขั้นต่ำที่ทำสัญญากันเอาไว้ เพราะฉะนั้นก่อนจะเซ็นสัญญาอย่าลืมพิจารณาให้ดีๆ ว่าการขอยกเลิกสัญญาสามารถทำได้หรือไม่ ระยะขั้นต่ำของสัญญาคือเท่าไหร่ ถ้าหากเกิดเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ไม่สามารถมาใช้บริการได้ต้องทำอย่างไรจึงจะยกเลิกสัญญาได้ แล้วเมื่อขอยกเลิกสัญญาแล้วมีเงื่อนไขในการขอรับเงินค่าธรรมเนียมต่างๆ คืนได้หรือไม่อย่างไร -เงื่อนไขในการตัดเงินอัตโนมัติจากบัตรเครดิตเป็นค่าบริการรายเดือน การหักเงินผ่านบัตรเครดิต เป็นวิธีที่ฟิตเนสชื่อดังทุกแห่งเลือกใช้ในการเก็บค่าบริการกับผู้ใช้บริการ ผู้บริโภคอาจมองว่าเป็นความสะดวก แต่ความจริงแล้วเป็นการการันตีให้กับผู้ให้บริการฟิตเนสว่า จะได้รับค่าบริการรายเดือนจากสมาชิกแน่นอน แม้สมาชิกคนนั้นอาจไม่ได้มาใช้บริการเลยสักครั้งในเดือนนั้นๆ สิ่งที่ผู้ใช้บริการควรรู้ก่อนเซ็นสัญญาคือ จำนวนเงินที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน และระยะเวลาที่ต้องจ่าย วันที่ทำการตัดยอดในแต่ละเดือน รวมทั้งค่าปรับที่เกิดจากการผิดนัดชำระ -ความรับผิดต่ออาการบาดเจ็บที่เกิดจากใช้บริการ อาการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แล้วถ้าหากเกิดขึ้นขณะที่ใช้บริการฟิตเนสล่ะ ดังนั้นให้ดูในสัญญาว่าเรามีสิทธิได้รับการดูแลหรือเรียกร้องอะไรได้หรือไม่ ถึงแม้ฟิตเนสที่เราไปใช้บริการจะดูปลอดภัยหรือน่าเชื่อถือแค่ไหนก็ตาม ส่วนใหญ่พนักงานขายมักอ้างว่า ทางฟิตเนสมีทั้งบุคลากรและเครื่องมืออย่างดีและมีคุณภาพสำหรับดูแลเรื่องนี้ แต่ถ้าดูในสัญญาส่วนใหญ่จะระบุไว้ว่า สมาชิกจะไม่เรียกร้องความรับผิดชอบใดๆ ต่อทางฟิตเนส กรณีเกิดความบาดเจ็บไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจ ไม่ว่ากรณีใดๆ ขณะใช้บริการในฟิตเนส หรือแม้แต่อาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า นอกจากนี้สมาชิกต้องรับประกันและรับรองตัวเองได้ว่า มีสุขภาพร่างกายที่พร้อมกับการออกกำลังกาย หรือได้ความเห็นชอบจากแพทย์มาแล้วก่อนที่จะมาใช้บริการของฟิตเนส -ความรับผิดชอบต่อทรัพย์สินของผู้ใช้บริการ ปกติฟิตเนสส่วนใหญ่จะมีบริการตู้ล็อคเกอร์ไว้สำหรับเก็บสิ่งของต่างๆ ให้กับสมาชิก แต่เรื่องของหายในฟิตเนสก็เคยเกิดขึ้นจนเป็นข่าวโด่งดังมาแล้ว ต้องดูให้ดีว่าฟิตเนสที่เราไปใช้บริการนั้นมีมาตรการในการดูแลทรัพย์สินของผู้ที่ไปใช้บริการอย่างไรบ้าง จะชดเชยเยียวยาแค่ไหน อย่างไร  ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่รับผิดชอบถ้าของหายไม่ว่าจะกรณีใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อ “ฉลาดซื้อ” ถูกชวนให้ไปทดลองใช้บริการฟิตเนส-ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย เมื่อฉลาดซื้อได้รับโทรศัพท์จากฟิตเนสชื่อดังแห่งหนึ่งให้ไปทดลองใช้บริการฟรี เพราะทางฟิตเนสกำลังจะเปิดสาขาใหม่ จึงมีโปรโมชั่นดีๆ มานำเสนอเพียบ -พอไปถึงเราจึงได้รู้ว่า ที่บอกว่าให้มาทดลองใช้บริการฟรีนั้น ความจริงกลับไม่ได้ทดลองใช้บริการอะไรสักอย่าง เพราะพนักงานจะพาเราไปคุยเพื่อเปิดการขาย โดยจะถามเรื่องพฤติกรรมการออกกำลังกายของเรา มีการตรวจปริมาณไขมันและกล้ามเนื้อของเราด้วย -หลังจากนั้นก็จะเอาโปรโมชั่นมาเสนอ ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยราคาที่สูงจนน่าตกใจ ก่อนจะค่อยๆ ลดลงมาโดยอ้างว่าเป็นสิทธิพิเศษนู่นนี่ ซึ่งราคาที่เสนอมาถ้าเรายังไม่พอใจ พนักงานก็จะลดให้เราได้อีก เพราะว่าเราเป็นคนพิเศษเลยได้รับสิทธิพิเศษอีก แต่เป็นเงื่อนไขที่ต้องตกลงทำสัญญากันในวันนี้เท่านี้ ถ้ามาสมัครวันอื่นจะไม่ได้ราคานี้ -ตลอดระยะเวลาที่พนักงานนำเสนอเรื่องราคา เราไม่มีโอกาสได้เห็นสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น -แรกๆ พนักงานก็แสดงความห่วงใยสุขภาพของเราดี ที่อยากให้สมัครเพราะอยากให้มาออกกำลังกาย แต่พอเราเริ่มแสดงท่าทีว่าไม่สนใจสมัคร โดยให้เหตุผลไปว่ากลัวไม่มีเวลามาใช้บริการ สมัครไปแล้วอาจจะไม่คุ้มกับเงินที่ต้องเสีย พนักงานก็จะบอกในเชิงว่าให้สมัครทิ้งไว้ มีเวลาก็ค่อยมาเล่น ซึ่งถ้าคิดในแง่ของการออกกำลังกายให้ได้ประโยชน์จริงๆ ก็ควรออกให้ได้สม่ำเสมอ การมาออกกำลังกายตามสะดวกอย่างที่พนักงานบอกคงไม่ได้ประโยชน์เท่าไหร่ -เมื่อการเจรจาเพื่อให้สมัครสมาชิกดูแววแล้วจะไม่สำเร็จ พนักงานขายก็จะไปตามพนักงานมาอีกคน ซึ่งเป็นระดับตัวแม่ เพื่อเพิ่มระดับการเจรจา(กดดัน)ให้เข้มข้นขึ้นอีก -มาถึงตรงนี้การเจรจาเพื่อชักชวนของพนักงานขายเพื่อให้เราสมัครสมาชิกเริ่มมีความตึงเครียดมากขึ้น พนักงานขายจะใช้คำพูดทั้งอ้อนวอน หว่านล้อม บางครั้งก็เริ่มใช้คำพูดที่ไม่ค่อยเหมาะสม อย่างการพูดเหน็บแนม ประชดประชัน ดูหมิ่น เมื่อเริ่มเห็นว่าเรามีท่าทีว่า ยังไงก็ไม่สมัครแน่ๆ -แม้จะแสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่สมัครสมาชิกแน่ๆ แต่การจะปลีกตัวออกมาก็แสนยากเย็น เพราะพนักงานขายต้องการให้เราตกลงทำสัญญาให้ได้(ทำยอด) โปรโมชั่นต่างๆ จะเพิ่มมาเรื่อยๆ ปรับราคาลงมาเรื่อยๆ พูดคุยกับเราไปเรื่อยหวังว่าเราจะใจอ่อน ซึ่งก็คงมีหลายคนที่ต้องจำยอมตกลงสมัครสมาชิกไป ไม่ใช่เพราะอยากใช้บริการ แต่เพราะอยากตัดความรำคาญมากกว่า หรือไม่ก็ใจอ่อนกับตัวเลขค่าบริการ จากระดับหมื่นเหลือแค่ไม่กี่พัน ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าสมัครไปแล้วจะหาเวลามาใช้บริการได้หรือเปล่า วันนั้นฉลาดซื้อก็รอดตัวมาได้อย่างหวุดหวิด คำแนะนำง่ายๆ ที่อยากฝากไว้ก็คือ ถ้าไม่ได้มีความสนใจที่จะไปใช้บริการฟิตเนสตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบริการเหล่านี้จะดีที่สุด ไม่ว่าจะคำชวนแบบไหน ให้ไปทดลองใช้บริการฟรี ได้บัตรส่วนลด หรืออะไรก็แล้วแต่ เพราะถ้าเผลอไปทดลองตามคำชวนล่ะก็ ไม่ปวดหัวก็ต้องปวดใจ และเผลอๆ อาจต้องเสียทรัพย์ทั้งๆ ที่ไม่อยากเสียด้วย -------------------------------------------------------------------- “ฟิตเนสเป็นบริการควบคุมสัญญา” ฟิตเนสที่ดีต้องมีอะไรบ้าง1.สัญญาต้องเป็นข้อความภาษาไทย ขนาดตัวอักษรไม่เล็กกว่า 2 มิลลิเมตร มีจำนวนไม่เกินสิบเอ็ดตัวอักษรในหนึ่งนิ้ว 2.เงื่อนไขในสัญญาต้องมีรายละเอียดของขนาดสถานที่ให้บริการ จำนวนและประเภทของอุปกรณ์การออกกำลังกาย สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และการให้บริการอื่นๆ ตามที่ผู้ใช้บริการจะได้รับ 3.รายละเอียดแสดงอัตราค่าบริการ ค่าสมาชิก ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการใช้บริการ พร้อมทั้งวิธีการชำระและเงื่อนไขต่างๆ 4.วันเริ่มต้นและการสิ้นสุดการเป็นสมาชิก 5.เงื่อนไขที่นำไปสู่การบอกยกเลิกสัญญา ต้องมีการแสดงข้อความเฉพาะที่ทำให้เห็นได้ชัดเจน โดยต้องใช้ตัวอักษรสีแดง สีดำ หรือตัวเอียง เพื่อสามารถเห็นได้ชัดกว่าข้อความทั่วไป 6.ผู้บริโภคมีสิทธิบอกเลิกสัญญา ตามเงื่อนไขต่อไปนี้-ไม่มีอุปกรณ์หรือบริการตามที่บอกไว้ตามข้อตกลงในสัญญา หรืออุปกรณ์ชำรุดเสียหาย มีไม่เพียงพอต่อความต้องการต่อผู้ใช้บริการ โดยไม่มีการหามาทดแทนหรือทดแทนด้วยอุปกรณ์ที่มีคุณภาพต่ำกว่า-มีใบรับรองจากแพทย์ว่าไม่สามารถออกกำลังกายได้ เพราะอาจก่อให้เกิดผลเสียกับสุขภาพร่างกายหรือจิตใจ-ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากการใช้บริการ อุปกรณ์ไม่ได้คุณภาพชำรุด ผู้ดูแลฝึกสอนไม่มีความชำนาญ 7.การคืนเงินให้กับผู้บริโภคหลังยกเลิกสัญญา ผู้ให้บริการต้องคืนตามจำนวนเงินที่เหลือจากค่าสมาชิกหรือตามระยะเวลาที่ยังไม่ได้ใช้บริการ ภายใน 30 วัน หลังจากยกเลิกสัญญา 8.ผู้บริโภคมีสิทธิในการโอนสิทธิความเป็นสมาชิกตามสัญญาให้กับบุคคลอื่นที่มีคุณสมบัติเป็นสมาชิกได้ โดยไม่จำเป็นต้องขอความยินยอมจากผู้ให้บริการ แต่ต้องมีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรแก่ผู้ให้บริการ 9.หากมีการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าบริการในการต่อสัญญาใหม่หลังจากผู้บริโภคใช้บริการมาจนครบกำหนดสัญญา ผู้ให้บริการต้องทำหนังสือแจ้งให้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน ของการต่ออายุสมาชิกครั้งใหม่ 10.ห้ามกำหนดให้การต่ออายุสมาชิกเป็นไปแบบอัตโนมัติ 11.ห้ามกำหนดอายุสัญญาสมาชิกเกิน 1 ปี 12.ในสัญญาต้องห้ามมีข้อความที่แสดงถึงความไม่รับผิดชอบต่อผิดพลาดหรือเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้บริการ ทั้งเรื่องการผิดสัญญาของผู้ให้บริการ อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากการออกกำลังกาย และทรัพย์สินสูญหายภายในสถานที่ที่ให้บริการ--

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 138 กระแสต่างแดน

ข่าวร้ายในข่าวดี สถิติการสูบบุหรี่ของคนอเมริกันลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่นั่นเป็นเพราะพวกเขาหันไปสูบซิการ์หรือสูบไปป์กันมากขึ้น ข้อมูลจากรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริการะบุว่าระหว่างปี ค.ศ. 2000 ถึง ค.ศ. 2011 การบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบลดลงร้อยละ 27.5 แต่การบริโภคยาสูบในรูปแบบที่ไม่ใช่บุหรี่นั้นเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 123 ในช่วงเวลาเดียวกัน สาเหตุหลักคือราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่เศรษฐกิจของสหรัฐอยู่ในช่วงตกต่ำและการว่างงานในอัตราที่สูง หลังจากอเมริกาประกาศเก็บภาษีสรรพสามิตเมื่อสามปีก่อน บรรดายาเส้นและซิการ์ ถูกเก็บภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าบุหรี่มาก   ปัจจุบันจึงมีผลิตภัณฑ์ที่ดูคล้ายซิการ์ขนาดเล็กออกมาวางตลาดมากขึ้น เพราะผู้ผลิตต้องการจ่ายภาษีถูกลงเพื่อจะได้ขายในราคาที่ถูกใจวัยโจ๋ ซิการ์มินิพวกนี้ราคาเพียงแพ็คละ 44 บาท ในขณะที่บุหรี่หนึ่งแพ็ค ราคาเกือบ 160 บาท วัยรุ่นอเมริกันทุกวันนี้สูบซิการ์กันมากขึ้น โดยเริ่มสูบก่อนอายุ 26 ด้วยซ้ำ การสูบบุหรี่หรือซิการ์เป็นสาเหตุการตายของคนอเมริกัน ปีละ 500,000 คน ด้วยโรคปอด โรคมะเร็ง โรคทางเดินหายใจและโรคเรื้อรังอื่นๆ ที่ทำให้รัฐต้องใช้งบประมาณค่ารักษาพยาบาลปีละ 6 ล้านล้านบาท   ปฏิบัติการใหม่ของฮีโร่? เด็กทุกคนล้วนมีซูเปอร์ฮีโร่ในดวงใจ ไม่ว่าจะเป็น ซูเปอร์แมน สไปเดอร์แมน หรือ แบทแมน  แต่บริษัทเครื่องดื่มน้ำอัดลมยักษ์ใหญ่โคคา-โคล่า ในประเทศเม็กซิโก กำลังทำให้ฮีโร่ในดวงใจของพวกเขาเปลี่ยนไป ในโฆษณาชิ้นล่าสุดที่พุ่งเป้าหมายไปยังลูกค้ากลุ่มเด็ก โคคา-โคล่าใช้ภาพเด็กผู้ชายหลายคนใส่ชุดซูเปอร์ฮีโร่ ถือขวดโค้กไว้ในมือข้างหนึ่ง พร้อมกับข้อความว่า “จำได้ไหม? ตอนที่เป็นเด็ก พวกเราล้วนเป็นซูเปอร์ฮีโร่กันทั้งนั้น” มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันหนาหู หลังจากโฆษณาชิ้นนี้ถูกเผยแพร่ออกไป หลายคนมองว่ามันเป็นการสร้างค่านิยมที่ไม่ถูกต้องแก่เด็ก ที่อาจเข้าใจว่าน้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ แม้แต่ซูเปอร์ฮีโร่ที่พวกเขารัก ก็ยังเลือก El Poder del Consumidor องค์กรผู้บริโภคของเม็กซิโก ออกมาเรียกร้องให้บริษัทยุติการเผยแพร่โฆษณาชิ้นนี้ พร้อมกับส่งจดหมายแสดงความกังวล ไปถึงนางมากาเร็ต ชาน เลขาธิการองค์การอนามัยโลก เรียกร้องให้มีการประเมินการทำงานของสหพันธ์องค์กรอาหารและเครื่องดื่มสากล หรือ IFBA ที่มีหน้าที่โดยตรงในการส่งเสริมให้ผู้บริโภคได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเสริมสร้างรูปแบบการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ ว่าทำงานเต็มที่หรือไม่ แถมด้วยการเรียกร้องให้องค์การอนามัยโลกตั้งกฎห้ามไม่ให้ผลิตภัณฑ์อาหารหรือเครื่องดื่มชนิดใดก็ตามทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้าวัยเด็ก เว้นแต่อาหารหรือเครื่องดื่มนั้นจะผ่านเกณฑ์มาตรฐานคุณค่าอาหารก่อน   เมื่อสถานออกกำลังกาย..ไม่ฟิต สมาชิกกว่า 300 คน ของสถานออกกำลังกาย กาแลคติกา ในเมืองเซนปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ออกมาเรียกร้องขอเงินค่าสมาชิกคืน หลังจากได้ข่าวว่ามีสมาชิกประมาณ 1,500 - 3,000 คนถูกฟิตเนสเจ้านี้หลอกลวงเงิน ไม่เพียงแต่สมาชิกเท่านั้น พนักงานของกาแลคติกา อย่างน้อย 3 สาขา ก็ออกมาทวงเงินค่าจ้างที่บริษัทค้างพวกเขาอยู่ด้วย เรื่องนี้ช่างคล้ายกับเหตุการณ์ที่บ้านเราอะไรเช่นนี้ อดีตสมาชิกคนหนึ่งของกาแลคติกา สาขาในเขตยูลิตซา บาคูนินา บอกว่าสาขาปิดตัวลงโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องปิดชั่วคราว “เนื่องจากขัดข้องทางเทคนิค” ซึ่งความจริงแล้วสาขานี้ถูกสั่งปิดลงโดยเจ้าของอาคาร เพราะค้างค่าเช่านานเกินไป หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ สาขาอื่นๆ ในเครือของ กาแลคติกา ฟิตเนส รีบออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องใดๆ กับสาขาที่ปิดตัวลง โดยอ้างว่าสาขาดังกล่าวมีการบริหารแยกออกไปโดยอีกบริษัทหนึ่ง  นอกจากนี้ยังเข้าไปลบชื่อสาขานี้ออกจากรายชื่อสาขาในเว็บไซด์ของบริษัท และเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก กาแลคติกา ฟิตเนส เป็น กโลบัส ฟิตเนส ด้วย ความแตกเมื่อสมาชิกกว่า 100 คน ส่งจดหมายร้องเรียนไปตามที่อยู่สำหรับรับเรื่องร้องเรียนจากสมาชิก แต่ปรากฏว่าที่อยู่นั้นกลับเป็นสถานที่ตั้งของตลาดแห่งหนึ่ง หาได้เป็นที่ตั้งของสาขาใหญ่อย่างที่เข้าใจกัน กาแลคติกา ฟิตเนส ไม่ได้มีตัวตนเป็นบริษัทด้วยซ้ำ และอุปกรณ์ออกกำลังกายที่เห็น ก็เช่าเขามาทั้งนั้น  สรุปว่าไม่ได้ฟิตจริงอย่างที่สร้างภาพไว้เลยนะนี่   “มัน” มีเงื่อนไข  เป็นที่รู้กันว่างานกีฬาระดับโลกอย่างโอลิมปิก นั้นเป็นโอกาสที่บริษัทใหญ่ๆ จะเข้ามาเป็นสปอนเซอร์เพื่อส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ของตนเอง แต่คราวนี้ออกจะเกินไปนิดเมื่อคณะกรรมการผู้จัดการแข่งขันโอลิมปิกและพาราลิมปิกปีนี้ ได้ทำข้อตกลงมอบสิทธิในการขายฟรายส์และชิปส์ ในบริเวณโอลิมปิก พาร์ค ให้แก่ แมคโดนัลด์ แต่เพียงผู้เดียว ร้านอื่นๆ จะไม่สามารถขายฟรายส์หรือชิปส์เปล่าๆ หรือขายชิปส์กับอย่างอื่นนอกเหนือจากปลาทอดได้ สร้างความหงุดหงิดใจให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปเตรียมงานพิธีเปิดและพิธีปิดการแข่งขันโอลิมปิกมิใช่น้อย เรื่องนี้สร้างความกดดันให้ร้านเหล่านี้ จนต้องเขียนประกาศไปติดไว้เพื่อชี้แจงเหตุผลให้ผู้บริโภคเข้าใจ จนนักข่าวคนหนึ่งของหนังสือพิมพ์เดอะเทเลกราฟไปเห็นเข้าจึงโพสต์ลงในทวิตเตอร์ ทำให้มีคนรับรู้เรื่องนี้มากขึ้นและสร้างแรงกดดันให้กับทางผู้จัดและแมคโดนัลด์พอสมควร สุดท้าย แมคโดนัลด์ยอมผ่อนผันให้เจ้าหน้าที่เหล่านี้สามารถสั่งชิปส์เปล่าๆ จากร้านอื่นมากินได้ แต่สำหรับผู้เข้าชมกีฬา ข้อตกลงเรื่องสิทธิในการขายยังคงอยู่ เพราะแมคโดนัลด์เขาอุตส่าห์ลงทุนสร้างสาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีที่นั่งถึง 1,500 ที่ ไว้ในโอลิมปิก พาร์คเพื่อรอให้บริการคุณแล้ว เรียกว่า... คุณจะมีทุกอย่าง ... ยกเว้นอิสระในการซื้อ “มัน” นี่แหละ   ทำไมต้องเป็นเจ้าภาพ คำถามที่เกิดขึ้นมากที่สุดเกี่ยวกับ การเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิปิกคือ สิริรวมแล้วเขาได้กำไรหรือขาดทุนกันแน่? อย่างเช่นคราวนี้ รัฐบาลอังกฤษควักกระเป๋าลงทุนไปประมาณ 8,500 ล้านปอนด์ เพื่อใช้ในการก่อสร้างสนามแข่งขัน ที่พักนักกีฬา การรักษาความปลอดภัย ไหนจะการปรับปรุงภูมิทัศน์หรือบูรณะสถานที่เสื่อมโทรมต่างๆ เพื่อต้อนรับผู้คนที่จะมาเยือน แถมด้วยพิธีเปิด พิธีปิดที่อลังการงานสร้างอย่างยิ่ง ตามข่าว รัฐบาลเขาคาดการณ์ว่าจะมีรายได้จากการลงทุนครั้งนี้ถึง 13,000 ล้านปอนด์ ภายในระยะเวลา 4 ปีหลังจากโอลิมปิกจบลง เรามาดูสถิติย้อนหลังกันบ้าง บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินโกลด์แมน แซคส์ พบว่า ตลาดหุ้นของประเทศที่เคยเป็นเจ้าภาพการแข่งขันโอลิมปิก จะคึกคักขึ้นมาในช่วงหนึ่งปีหลังการแข่งขัน และราคาที่อยู่อาศัยก็เพิ่มสูงขึ้น การเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกนั้น ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 และถ้าผลของมันยังมีอยู่ถึง 10 ไตรมาส ก็หมายถึงราคาบ้านจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เควิน ดาลี นักเศรษฐศาสตร์จากโกลด์แมน แซคส์ วิเคราะห์ว่าโอลิมปิกจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของอังกฤษให้โตขึ้นได้ประมาณร้อยละ 0.4 ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ... แต่ทุกอย่างก็จะกลับไปเหมือนเดิมในไตรมาสที่ 4 แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เจ้าภาพจะได้มากขึ้นแน่นอน นั่นคือจำนวนเหรียญรางวัล เขามีสถิติที่ยืนยันได้ เจ้าภาพไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าเหรียญทองเสมอไป แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ประเทศที่เป็นเจ้าภาพจะมีโอกาสได้เหรียญมากกว่าตอนที่ไม่ได้เป็นเจ้าภาพ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 54 เลยทีเดียว กรุงเทพฯ จะลองเป็นดูบ้างไหม ...   ขาช็อปฮ่องกงเมินแฟร์เทรด แม้ว่าตลาดสินค้าแฟร์เทรดทั่วโลกจะมีการขยายตัวขึ้นถึงร้อยละ 27 ตามข้อมูลรายงานตลาดประจำปี 2553 ขององค์กรแฟร์เทรดสากล (The Fairtrade International หรือ FLO) แต่สินค้าที่มีตราแฟร์เทรดกลับยังไม่เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภคชาวฮ่องกงเท่าไหร่นัก การสำรวจความเห็นของผู้บริโภคกว่า 620 คน โดยมูลนิธิแฟร์เทรดของประเทศฮ่องกง พบว่าผู้บริโภคไม่ซื้อสินค้าดังกล่าวเพราะราคาของสินค้าชนิดนี้สูงกว่าราคาสินค้าทั่วไป ร้านที่จำหน่ายสินค้าเหล่านี้มักไม่อยู่ในเขตที่สะดวกต่อการเดินทาง และผู้บริโภคบางกลุ่มยังมีความเชื่อว่าคนที่อุดหนุนสินค้าที่มีตราแฟร์เทรดหมายถึงพวกต่อต้านระบบทุนนิยม ผลสำรวจยังพบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังถูกดึงดูดโดยโฆษณาลดราคาตามร้านซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปมากกว่า ในขณะที่ร้อยละ 76 ของผู้ที่ซื้อสินค้าที่มีตราสัญลักษณ์แฟร์เทรดบอกว่า ที่ซื้อสินค้าเหล่านี้เพราะต้องการสนับสนุนผู้ที่ด้อยโอกาสทางสังคม เมื่อถามว่าพวกเขาพร้อมที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากผู้ผลิตพร้อมที่จะผลิตสินค้าที่ใช้วัตถุดิบที่เป็นสินค้าแฟร์เทรดออกมาจำหน่าย กว่า 56 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคที่ไม่เคยรู้จักนโยบายนี้มาก่อนตอบว่าจะไม่ยอมจ่ายเงินเพิ่มเพื่อสินค้าเหล่านั้น แต่ประธานองค์กรแฟร์เทรดฮ่องกงเขาก็ไม่ท้อ เขาเชื่อมั่นว่าการพัฒนาของสินค้าแฟรเทรดในฮ่องกงจะต้องเป็นไปในทางบวก หากได้รับการสนับสนุนจากทางรัฐบาลมากพอ และประชากรฮ่องกงส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยว่ารัฐบาลควรจะมีส่วนร่วมในการสนับสนุนสินค้าแฟร์เทรด สรุปว่าเป็นธรรมน่ะชอบ แต่ต้องถูกด้วย

อ่านเพิ่มเติม >