ฉบับที่ 207 ชั่วโมงต้องมนต์ : อย่าปล่อยให้กาลเวลาผ่านไปดุจสายน้ำ

“เวลา” เป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งในชีวิตมนุษย์ทุกวันนี้ แต่ดูเหมือนว่า คนยุคใหม่แทบจะไม่สำเหนียกเลยว่า “เวลา” มีคุณค่าเพียงไร และปล่อยให้กาลเวลาไหลผ่านไปไม่แตกต่างอันใดจากสายน้ำ จนกว่าที่คนเราจะสูญสิ้น “เวลา” ไปจากชีวิตนั่นแหละ เราจึงจะรู้ว่า “เวลา” มีค่ากับตนเพียงใด ด้วยโจทย์ง่ายๆ เกี่ยวกับ “เวลา” เช่นนี้ เป็นที่มาของการวางพล็อตหรือโครงเรื่องของละครโทรทัศน์แนวโรแมนติกคอมเมดี้ผสานแฟนตาซี อย่างเรื่อง “ชั่วโมงต้องมนต์” เหตุแห่ง “ชั่วโมง” ที่ “ต้องมนต์” เกิดขึ้นเมื่อ “มาร์ค” หรือ “ณฤทธิ์” หนุ่มเกย์เซเล็บไฮโซเจ้าของบริษัทปั้นนางแบบนายแบบชื่อดัง “มาร์คเอ็นเตอร์เทนเมนท์” ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเสียชีวิต และด้วยความเป็นคนที่เป็นคนบ้างาน อารมณ์เหวี่ยงวีนต่อผู้คนรอบข้างอยู่เนืองนิตย์ และไม่เคยสนใจต่ออารมณ์ความรู้สึกของใครใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อสิ้นลมหายใจลง มาร์คก็ได้กลายเป็นวิญญาณผีเร่ร่อน ที่ไม่อาจหลุดพ้นไปสู่สุคติได้ ในเวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง “บุญสิตา” นางเอกสาวสุดเฉิ่ม แต่จิตใจดีงาม มองโลกสวยแสนซื่อ ก็เผชิญชะตากรรมชีวิตของชนชั้นที่ฐานะทางเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย ครอบครัวของเธอมีภาระหนี้สินมากมายเพราะแม่เลี้ยงติดการพนันอย่างหนัก แถมบุญสิตาก็มีเหตุให้ตกงานในคราวเดียวกันอีก ดังนั้น เมื่อผีเกย์หนุ่มไฮโซขี้วีนวนเวียนโคจรมาพบเจอกับหญิงสาวแสนเชย และบุญสิตาก็กลายเป็นมนุษย์เพียงผู้เดียวที่มีสัมผัสที่หก และติดต่อพูดคุยกับวิญญาณผีเร่ร่อนของมาร์คได้ จุดเริ่มต้นของการจัดการเปลาะปมต่างๆ ในชีวิตของผีเกย์หนุ่มกับนางเอกสาวคนสวยจึงออกตัวขึ้นนับแต่นั้น ด้วยความเป็นวิญญาณผีเร่ร่อน และด้วยทรัพยากร “เวลา” ในชีวิตมีอันต้องสิ้นสุดลง มาร์คจึงค่อยๆ ทบทวนและเล็งเห็นว่า มีหลายสิ่งในชีวิตที่ยังค้างคาและไม่ได้รับการสะสางในขณะที่ตนยังมีลมหายใจอยู่ และปรารถนาจะ “ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ” ดังกล่าวอีกครั้ง ปมที่ผูกไว้และยังค้างคาอยู่ในจิตใจของมาร์ค มีตั้งแต่การมองไม่เห็นสายสัมพันธ์ที่ตนมีกับ “สมบัติ” ผู้เป็นบิดา ซึ่งมาร์คคิดตลอดมาว่าพ่อไม่เคยรักหรือภูมิใจในตัวเขาเลย การมองข้ามความรู้สึกของคนรอบข้างและเพื่อนร่วมงาน เพราะตนเองเอาแต่มุ่งมั่นทำงาน...งาน...และงานเพียงอย่างเดียว ไปจนถึงการได้ล่วงรู้ความจริงที่ว่า “กันต์” ชายคนที่เขารักเป็นหนักเป็นหนานั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงคนหลอกลวงและวางแผนให้เขารถคว่ำจนเสียชีวิต แต่เนื่องจากภารกิจหรือ “mission” ที่มีแนวโน้มจะ “impossible” มากในครั้งนี้ ไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้หากว่ามาร์คไม่อาจ “ต่อเวลา” ในชีวิตของเขาออกไป ดังนั้น โครงเรื่องของละครจึงเปิดโอกาสให้วิญญาณของมาร์คถูกดูดเข้าไปในโลกเสมือนคล้ายกับนาฬิกาขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “ห้องเวลาชีวิต” ซึ่งมีตัวละครสมมติเป็นหญิงสาวชื่อว่า “เวลา” คอยทำหน้าที่กำกับควบคุมความเป็นไปในชีวิตของผู้คน รวมทั้งเวลาในชีวิตของผีเกย์หนุ่มด้วย  และเพราะวิญญาณของมาร์คสามารถสิงร่างของบุญสิตาได้ เวลาจึงต่อชะตาอนุญาตให้เขาสามารถอยู่บนโลกได้อีกร้อยวัน เพื่อใช้ห้วงเวลาครั้งสุดท้ายไปจัดการสิ่งที่เขาคิดว่ามีค่าและค้างคาอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด โดยมีเงื่อนไขว่า เขาสามารถสิงร่างของบุญสิตาได้วันละไม่เกิน 1 ครั้ง และครั้งละไม่เกิน 4 ชั่วโมง  จากที่เคยคิดว่าเวลาเป็นทรัพยากรที่มนุษย์เรามีอยู่อย่างไม่สิ้นไม่สุด เมื่อต้องมาอยู่ในบริบทที่เวลากลายเป็นทรัพยากรมีจำกัด มีเงื่อนไขการใช้ และตนเองไม่อาจควบคุมเวลาได้เบ็ดเสร็จสมบูรณ์ มาร์คก็ได้หวนทบทวนว่า การปล่อยให้กาลเวลาผ่านไปเหมือนสายน้ำ หรือใช้ห้วงเวลาในชีวิตไปทำบางสิ่งบางอย่างที่เป็นภาพลวงตามากกว่าของจริงนั้น เป็นประหนึ่งการพร่าผลาญให้เวลาชีวิตหมดคุณค่าลงไป  ด้วยเหตุฉะนี้ มาร์คจึงใช้ห้วงเวลาที่มีอยู่จำกัดและน้อยนิดแบบนี้จัดการกับปัญหาต่างๆ โดยเริ่มตั้งแต่ความพยายามต่อสายสัมพันธ์และปรับความเข้าใจกับบิดา ซึ่งท้ายสุดคุณสมบัติเองก็เรียนรู้เช่นกันว่า การเรียกร้องให้บุตรชายเป็นแบบที่เขาคาดหวัง ทั้งในแง่หน้าที่การงานและในแง่การดำเนินชีวิตไปตามเพศสภาพที่สังคมกำหนดนั้น หาได้มีคุณค่าอันใดไม่เมื่อเทียบกับลมหายใจในชีวิตของมาร์คบุตรชายตน จากนั้น มาร์คก็บริหารเวลาของเขาเพื่อให้บทเรียนกับคนรอบข้าง ทั้ง “ศรัณย์” “จัสติน” “เจนนี่” “ดนุดล” และบรรดาผองเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานของเขาว่า แม้มนุษย์เราจะรักการทำงาน หรือรักที่จะสร้างสรรค์งานการเป็นชิ้นเป็นอัน แต่จริงๆ แล้ว มนุษย์เราก็ต้องจัดสรรห้วงเวลาบางช่วงเพื่อสร้างคุณค่าให้กับตนและคนรอบข้างควบคู่กับการทำงานรับใช้ระบบเพียงอย่างเดียว และที่สำคัญ กับชีวิตของหนุ่มไฮโซผู้เติบโตมาบนกองเงินกองทอง มาร์คเองไม่เคยรับรู้มาก่อนว่า บนโลกใบนี้ยังมีชีวิตของคนกลุ่มอื่นที่ฐานะต่ำต้อยกว่า อย่างกรณีของบุญสิตาซึ่งก็มีปัญหารุมล้อมในช่วงเวลาชีวิตหลายอย่าง ไม่แตกต่างจากคนที่ “คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด” อย่างเขาเลย แม้บุญสิตาจะมีฐานะทางเศรษฐกิจน้อยกว่ามาร์ค แต่คุณงามความดีในจิตใจของเธอก็ทำให้มาร์คพบว่า การตัดสินคุณค่าของคนไม่ใช่อยู่ที่ฐานะการเงินหรอก แต่เป็นเรื่องนิสัยใจคอต่างหาก ซึ่งในท้ายที่สุด มาร์คก็ช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างบุญสิตากับ “พุฒิเมธ” น้องชายของตนลงเอยสมหวังในความรัก เพื่อตอบแทนคุณความดีที่เธอยอมให้เขาสิงร่างและทำให้ “mission” ของเขาเป็นไปได้นั่นเอง กล่าวกันว่า ในปัจจุบันระบอบทุนนิยมประสบความสำเร็จยิ่งที่พรากเวลาไปจากชีวิตของคนเรา หรืออีกนัยหนึ่ง สังคมทุนนิยมมีอำนาจดึงห้วงเวลาของเราให้ไปอยู่กับการทำงาน...งาน...และงาน เพียงเพื่อรับใช้และต่อลมหายใจให้กับสายพานของระบอบดังกล่าวออกไป คล้ายๆ กับบรรดาชีวิตของมนุษย์งานแบบมาร์คที่ทำงานโดยเพิกเฉยต่อสายสัมพันธ์และโลกรอบตัว จนกว่ามาร์คและรวมทั้งมนุษย์ในระบอบอย่างเราๆ จะสูญเสียเวลาชีวิตของตนไป หรือต้องเข้าไปอยู่ในเงื่อนไขที่เวลาชีวิตมีจำกัด และเราไม่อาจจัดการต่อรองกับเงื่อนไขดังกล่าวได้เลย เมื่อนั้นตัวละครและผู้คนทั้งหลายจึงจะตระหนักว่า เวลามีคุณค่าและความหมายต่อชีวิตเราอย่างไร  คงคล้ายๆ กับประโยคที่บิดาของมาร์คกล่าวเตือนสติกับ “ธีมา” เพื่อนที่บ้างานของเขาว่า “ชีวิตของคนเรามีช่วงเวลาอยู่สามช่วงคือ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต แต่ปัญหาก็คือ เราจะได้ใช้เวลาในชีวิตทั้งสามช่วงนั้นหรือเปล่า” นั่นก็เป็นเพราะว่า “ชั่วโมงต้องมนต์” แบบที่ผีเกย์ไฮโซอย่างมาร์คได้รับนั้น อาจจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ “ต้องมนต์” ให้ชีวิตคนเราทุกคนได้จริง

อ่านเพิ่มเติม >