ฉบับที่ 260 พบพลาสติกในถุงบ๊วยสามรส

        อาหาร ขนม หรือผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพต่างๆ ที่มีขายในร้านสะดวกซื้อหรือร้านค้าทั่วไป คนส่วนมากจะมั่นใจว่าขั้นตอนในการผลิตนั้นจะต้องปลอดภัยแน่นอน ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะว่ามีมาตรฐานการผลิตหรือ อย. รับรองอยู่ แต่บางครั้งก็อาจจะมีผิดพลาดกันได้ เมื่อเกิดเหตุขึ้นจะมีขั้นตอนดำเนินการอย่างไร มาดูกัน         คุณน้ำตาลได้เข้ามาร้องเรียนกับทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคว่า ตนเองซื้อและบริโภคผลิตภัณฑ์สินค้า “บ๊วยสามรส” ชื่อให้อารมณ์ประมาณกินแล้วตื่นแน่นอน โดยเรื่องมีอยู่ว่า วันนั้นเธอไปซื้อบ๊วยยี่ห้อโปรดที่เธอกินเป็นประจำจากห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อได้บ๊วยของโปรดมาก็นำกลับบ้าน ตอนที่เธอแกะบ๊วยและส่งเข้าปาก ในขณะที่กำลังเคี้ยวๆ บ๊วยสุดโปรดนั้น ก็พบว่า ทำไมมีสัมผัสแปลกๆ แข็งๆ อยู่ในปาก ตอนนั้น “ตกใจมาก”         เมื่อคายสิ่งแปลกปลอมนั้นออกมาดูก็ต้องเจอกับพลาสติกขนาด 1 เซนติเมตร (ซึ่งไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่มาจากห่อบ๊วย) คุณน้ำตาลคิดในใจ “ดีนะ ที่ไม่กลืนไปเสียก่อน” เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบคุณน้ำตาลจึงได้โทรศัพท์ไปร้องเรียนกับทางผู้ผลิตสินค้า เพื่อตามหาความรับผิดชอบ        ทางบริษัทไม่ได้ปฏิเสธแต่แสดงความรับผิดชอบต่อกรณีนี้ว่า บริษัทฯ จะติดต่อกลับพร้อมมอบกระเช้าและทำหนังสือขอโทษให้คุณน้ำตาลเพื่อเป็นการเยียวยา ซึ่งคุณน้ำตาลคิดว่าน่าจะไม่ใช่แบบนี้ แค่นี้ก็พอหรือ คุณน้ำตาลต้องการให้ทางบริษัทแสดงความรับผิดชอบโดยจ่ายเป็นเงินเยียวยาพร้อมทั้งคำขอโทษเป็นลายลักษณ์อักษรของบริษัท แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อคุณน้ำตาลเจรจากับทางบริษัทก็ยังหาขอสรุปไม่ได้สักที เนื่องจากทางบริษัทยืนยันที่จะชดเชยโดยการมอบกระเช้าและทำหนังสือขอโทษเพียงเท่านั้น จึงได้เข้ามาร้องเรียนกับทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แนวทางการแก้ไขปัญหา                ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิได้ติดต่อไปทางบริษัทเพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งทางบริษัทได้ตอบกลับมาว่า ได้มีผู้คนมาร้องเรียนกรณีดังกล่าวและได้เรียกเงินชดเชย 5,000 บาทจริง อย่างไรก็ตามทางบริษัทมองว่ามากเกินไป ยืนยันจะให้กระเช้าพร้อมกับคำขอโทษเหมือนเดิมหรือถ้าหากไม่เอากระเช้าก็จะขอชดเชยเยียวยาเงินคืนให้เท่ากับราคาสินค้ามากกว่าเดิมประมาณ 5 เท่า ถุงละ 120x5 = 600 บาท         เมื่อทางมูลนิธิฯ ได้รับข้อมูลดังนั้น จึงโทรไปสอบถามทางผู้ร้องอีกรอบ ซึ่งผู้ร้องก็ยังคงยืนยันที่ต้องการให้บริษัทชดเชยเงินเยียวยาจำนวน 2,000 - 5,000 บาท พร้อมทำหนังสือขอโทษส่งมาทางอีเมลหรือเฟซบุ๊ก หลังจากแจ้งเจตนาของผู้ร้องและประสานงานเพื่อไกล่เกลี่ยกันแล้ว ทางบริษัทผู้ผลิตยอมรับข้อเสนอโดยตกลงว่าจะจ่ายค่าชดเชยให้ทางผู้เสียเป็นเงิน 2,000 บาท พร้อมทั้งผู้ผลิตฝากขอโทษไปถึงผู้ร้องอีกรอบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น อันเป็นว่าจบไปได้โดยดี         อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคเจอเรื่องดังกล่าวถึงขั้นได้รับอันตรายจากผลิตภัณฑ์หรือสินค้า เมื่อต้องเข้ารับการรักษาควรที่จะต้องขอใบรับรองแพทย์ ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลและเก็บไว้ด้วยเพื่อเป็นหลักฐาน นอกจากนี้ ถ้าผู้บริโภคเจอเรื่องดังกล่าวก็ควรที่จะเรียกร้องสิทธิและค่าชดเชยเยียวยา เพราะหากผู้ผลิตรับทราบก็จะได้นำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 176 ดอกขจรทอดกรอบน้ำจิ้มบ๊วย

ครัวนางฟ้าขอทักทายยามบ่ายของวัน ที่แสงแดดผ่านเมฆก้อนใหญ่สีเข้มดำๆ ในขณะที่ผมขับรถกลับจากพระนครมุ่งสู่ เพชรบุรีบ้านผม   ผมคิดว่าบ่ายนี้ฝนคงตกมาให้ชาวนา ชาวไร่  ต้นไม้เริงร่า อย่างแน่นอน  เพราะเป็นช่วงหน้าฝน และก็หวังว่าสายฝนคงช่วยให้แผ่นดินชุ่มฉ่ำเป็นแน่  หลงรักหน้าฝนเสียจริงๆ เลยครับสำหรับตัวผมเอง  ในระหว่างทางแวะเดินจับจ่ายซื้อของที่ตลาดชุมชน วัดหนองส้ม อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี  เห็นดอกขจร ที่แผงขายผักร้านหนึ่ง รีบเดินตรงเข้าไปถามราคาเลยครับ เพราะชอบทานเป็นที่สุด และทำเมนูอาหารได้หลายอย่าง ตอนสมัยตัวผมเด็กๆ คุณย่าเคยทำขนมดอกขจรให้ทาน แต่ในปัจุบันไม่แน่ใจว่ามีจำหน่ายหรือที่ใดทำบ้าง ท่านผู้อ่านท่านใดทราบวิธีการทำก็คงต้องขอคำแนะนำด้วยนะครับ ครัวนางฟ้าจะได้ลงมือทำ  เขียนถึงตรงนี้คงเริ่มสงสัยแล้วสิครับว่า ต้นขจรเป็นแบบไหน    ต้นขจรเป็นไม้เลื้อยชนิดหนึ่งที่หลายๆ ท่านคงรู้จักบ้าง  หรือไม่เคยรู้จักเลย  ต้นขจร หรือ ต้นสลิด (ภาคกลาง) ผักสลิด (นครราชสีมา) กะจอน ขะจอน สลิดป่า ผักสลิดคาเลา ผักขิก เป็นต้น แล้วแต่ในท้องถิ่นนั้นๆ บางท่านก็ อ๋อ  บางท่านก็ เอ๊ะ     ต้นขจรมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีนและอินเดีย โดยจัดเป็นไม้เถาเลื้อยพาดพันกับต้นไม้ชนิดอื่น สามารถเลื้อยพันไปได้ไกลประมาณ 3-5 เมตร เถามีขนาดเล็กลักษณะกลมเหนียวมากและเป็นสีเขียว ตามยอดอ่อนมีขนสีขาวขึ้นปกคลุม แตกใบเป็นพุ่มแน่นและทึบ   สามารถพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย    และในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม จะมีดอกออกมาให้เราได้ลิ้มลองดอกขจร หรือ ดอกสลิด ออกดอกเป็นช่อแบบกระจุกตามหรือออกเป็นพวง ๆ คล้ายพวงอุบะตามซอกใบหรือโคนก้านใบ โดยในช่อดอกหนึ่งๆ จะมีดอกย่อยอยู่ประมาณ 10-20 ดอก ดอกย่อยมีลักษณะแข็งเป็นสีเขียวอมสีเหลือง ดอกมีกลิ่นหอม(หอมแรงกว่าดอกชำมะนาดหรือกลิ่นของใบเตย โดยจะหอมมากในช่วงเย็นถึงกลางคืน   แหมนึกแล้วกลิ่นหอมลอยเข้ามาเลยครับ ที่บ้านผมมีอยู่ 2 ต้นโดยนำกิ่งมาจากคุณครูของผม  ตอนนี้กำลังเริ่มเลื้อยเกาะข้างรั้วบ้านข้างๆ ต้นตำลึงนะครับซึ่ง ดอกยังมีไม่มาก เมนูจากดอกขจรมีตั้งแต่  ต้มทานกับน้ำพริก  ผัดน้ำมัน  ทำแกงส้ม  ยำ ทอด ต้มจืด แถมด้วยขจรผัดไข่เค็ม     แวะตลาดบ่ายนี้ผม ได้ดอกขจรมา 3 ขีด  ในสนนราคาขีดละ 9 บาท  ตกกิโลกรัมละ 90 บาท  ผมน่าจะปลูกเป็นอาชีพได้เลย เพราะไม่ต้องดูแลรักษามากด้วยครับ รับประกันไม่ต้องพึ่งยาฆ่าแมลง   และคิดว่าจะทำดอกขจรทอดกรอบทานเล่น   “ดอกขจรทอดกรอบน้ำจิ้มบ๊วย “ จึงเป็นเมนูแนะนำในฉบับนี้  ขั้นตอนไม่ยุ่งยากครับ  เมื่อเราได้ดอกขจรแล้ว   การทอดก็ต้องมีน้ำมัน และแป้งกรอบ  ผมเลือกแป้งกรอบที่มีขายอยู่ทั่วไปในท้องตลาด มีหลายแบรนด์สินค้าครับตามสะดวกเลย  ถ้าชอบเผ็ดเล็กๆ ก็ใส่พริกไทยลงไปในแป้งกรอบที่ผสมน้ำ ปรุงรสด้วยเกลือป่น และน้ำตาลเล็กน้อย อย่าลืมว่าของทอดอย่าใส่น้ำตาลเยอะจะไหม้ได้นะครับผม    แถมแป้งทอดกรอบสำเร็จก็มีรสชาติน่าสนใจอยู่แล้วด้วยซิ ควรระวังในการทำแป้งทอดกรอบครั้งนี้คืออย่าให้ข้นจนเกินไป และก็ไม่ให้เหลวจนเกินไป พูดง่ายๆ เดินทางสายกลางครับ  เราใช้น้ำสุกผสมแป้งกรอบสำเร็จ คนให้เข้ากัน จากนั้นเช็คด้วยการตักแป้งที่ผสมน้ำแล้วเทลงมาดูว่าข้นหรือเหลวจากน้ำแป้งที่ผสม   จากนั้นนำดอกขจรที่ล้างน้ำสะอาดมาสะเด็ดน้ำคลุกเคล้ากับแป้งที่ผสม การเตรียมน้ำมันในการทอดก็สำคัญในการทำเมนูนี้เป็นที่สุด  เพราะอาหารทอดที่ดีควรให้น้ำมันท่วม จะทำให้อาหารทอดได้รับความร้อนทุกด้าน ตั้งน้ำมันในกระทะให้ร้อน โดยใช้ไฟร้อนกลางๆ  นำดอกขจรคลุกแป้งกรอบ ก็ตักใส่กระทะน้ำมันร้อนๆ   และดูแป้งจากสีขาวเปลี่ยนเป็นน้ำตาล จากนั้นตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน  จัดจาน เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มบ๊วย  เท่านี้เราก็มี   อาหารท่านเล่นรสเด็ด หรือจะทานกับข้าวสวยร้อนๆ   บางท่านอาจอยากทานเป็นยำดอกขจรทอดกรอบ ก็ไม่ยากนะครับ ทำน้ำยำ  ส้มตำมะละกอ หรือส้มตำแครอท  ทานร่วมกับดอกขจรทอดกรอบ   ก็ได้อีกหนึ่งทางเลือกครับผม    เมนูดอกขจรในฉบับนี้มาพร้อมกับคำที่ว่า อาหารเป็นยา   เพราะดอกขจร     ช่วยบำรุงโลหิต  ช่วยบำรุงหัวใจ    มีวิตามินสูง การรับประทานเป็นประจำจะช่วยบำรุงสายตาได้เป็นอย่างดี     ช่วยรักษาหวัดที่เกิดจากการตากลมหรือตากอากาศเย็น    มีสรรพคุณช่วยบำรุงปอด ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยในการขับถ่าย ช่วยบำรุงฮอร์โมนของสตรี   ช่วยบำรุงตับและไต    ยอดอ่อนและดอกขจรในปริมาณ 100 กรัม มีวิตามิน แร่ธาตุต่าง ๆ คือ วิตามินเอ มากถึง 3,150 I.U. วิตามินซี 45 มิลลิกรัม แคลเซียม 70 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 90 มิลลิกรัม แหล่งที่มา : กองโภชนาการ กรมอนามัย. ตารางแสดงคุณค่าอาหารไทยในส่วนที่กินได้ 100 กรัม. ขอบคุณ ข้อมูลจาก   frynn.com/ขจร/

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 158 บ๊วย

บ๊วย (Japanese apricot, Chinese plum) อยู่ในสกุลเดียวกับท้อและพลับ แต่ผลบ๊วยสดไม่ค่อยจะมีใครกินกันเพราะรสชาติสุดเปรี้ยวและขมเว่อร์ แต่นิยมนำไปทำบ๊วยดอง ซอสบ๊วยเจี่ย น้ำบ๊วยเข้มข้นและเหล้าบ๊วย ซึ่งให้มูลค่าที่สูงกว่าผลสดมาก บ๊วย เป็นผลไม้ที่ชาวจีนเชื่อว่าเป็น ผลไม้แห่งโชคลาภความเจริญงอกงาม และความทรหดอดทน เพราะต้นบ๊วยตามธรรมชาตินั้นทนแล้งได้ดีเหลือเกิน ยามเดินทางให้มีบ๊วยดองติดตัวไว้ ช่วยแก้อาการคลื่นไส้ เมารถ เมาเรือ ได้ชะงัดมาก อมบ๊วยจนปากจู๋เยี่ยงซูเปอร์แมนในการ์ตูน หนูน้อยอาราเล่ จะช่วยปรับดุลสภาวะในกระเพาะให้มั่นคง แข็งแรง คนจีนรู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นหากต้องเดินทางไกล พกบ๊วยดองไปด้วยจะดีมาก อากาศร้อนๆ แบบนี้น้ำบ๊วยสักแก้วยิ่งน่าสนใจ เพราะบ๊วยมีสรรพคุณช่วยให้ร่างกายสดชื่น แก้อาการอ่อนเพลียได้ บางตำรายังว่าช่วยดับกลิ่นปากได้ด้วย ถึงคำถามสำคัญหลายคนสงสัย ทำไมบ๊วยถูกนำมาใช้ในความหมายแฝงว่า ตำแหน่งสุดท้ายหรือปลายแถว อันนี้ฟังมาจากผู้รู้ท่านบอกว่า คำว่า บ๊วย ในภาษาจีน(แต้จิ๋ว) จะมีความหมายว่า หาง บ๊วยเลยถูกนำมาใช้เปรียบกับพวกที่ทำอันดับได้ไม่ดีหรือพวกหางแถวนั่นเอง สำหรับบ๊วยดองเค็ม ยังไงก็ไม่ควรกินเยอะไปโดยเฉพาะผู้มีปัญหาโรคความดันและหัวใจ เพราะโซเดียมสูง ส่วนซอสบ๊วยเจี่ยกับน้ำบ๊วยเข้มข้น ให้เลือกชนิดที่ไม่ใส่สารกันบูด และเหล้าบ๊วย มันคือแอลกอฮอล์ดีๆ นี่เอง โปรดดื่มกันแต่พอสมควร  

อ่านเพิ่มเติม >