ฉบับที่ 184 ยาแผนโบราณ ควรทานแบบมีสติ

เรามักจะพบข่าวคราวการเจือปนสารอันตรายในยาแผนโบราณเสมอๆ เจ้าสารเจือปนยอดนิยมในยาแผนโบราณที่ทางสาธารณสุขมักตรวจพบคือ สารสเตียรอยด์  ซึ่งมีการลักลอบเจือปนทั้งในผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นทะเบียนเป็นยาแผนโบราณ และผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน  การติดตามตรวจสอบเพื่อหาต้นตอก็ยากเพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้มันจะขายต่อกันมาเป็นทอดๆ  (ในส่วนของยาที่ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายนั้น เมื่อไปติดตามตรวจสอบในสถานที่ผลิตก็ไม่พบว่ามียาที่ปลอมปน ผู้ผลิตมักให้การว่ามีคนมาปลอมยาของตนไปจำหน่าย)ในระยะหลังๆ ที่เจ้าหน้าที่ติดตามตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็พลิ้วไหว แปลงกายใหม่ จากที่เคยปลอมปนในยาแผนโบราณ  ก็แอบไปปลอมปนในเครื่องดื่มกลุ่มพืชสมุนไพรแทน  โดยผลิตภัณฑ์พวกนี้มักจะตั้งชื่อยี่ห้อให้คล้ายกับชื่อยี่ห้อเดิมของยาแผนโบราณที่เคยแพร่ระบาดขายดิบขายดี เครื่องมือในการติดตามเพื่อดำเนินการกับผลิตภัณฑ์พวกนี้คือ ชุดทดสอบเบื้องต้นสำหรับใช้ตรวจหาสารสเตียรอยด์ที่ปลอมปน แต่ผู้ผลิตเหล่านี้จะเรียนรู้เร็วกว่าปกติ เมื่อรู้ว่าเจ้าหน้าที่ใช้ชุดทดสอบสารสเตียรอยด์ตรวจ  ก็หันไปใช้สารตัวอื่นมาผสมแทน  เพราะเวลาตรวจจะได้ไม่เจอ ล่าสุดน้องเภสัชกรที่จังหวัดอุตรดิตถ์ได้พบพิรุธในยาน้ำสมุนไพรยี่ห้อหนึ่งที่ขึ้นทะเบียนเป็นแผนโบราณสามัญประจำบ้าน(สถานที่ผลิตระบุจังหวัดนครราชสีมา)  คุณแม่ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซื้อมาจากคนแถวบ้าน (ที่อยู่ในจังหวัดแพร่ ราคาขวดละ 2700 บาทขายต่อๆ กันมา) เมื่อรับประทานแล้วก็ติดอกติดใจ อาการปวดเมื่อย อ่อนเพลีย นอนหลับดีขึ้น  น้องเภสัชกรลองตรวจด้วยชุดทดสอบสเตียรอยด์ ก็ไม่พบสารสเตียรอยด์แต่อย่างใด  ด้วยความสงสัยว่าทำไมมันได้ผลทันอกทันใจขนาดนั้น เลยส่งผลิตภัณฑ์ตรวจวิเคราะห์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์พิษณุโลก พบว่ามีการเอายาแก้ปวด“แอสไพริน”มาผสม หากคาดทำนายต่อไป ผู้ผลิตที่ไม่หวังดีเห็นแก่ได้โดยไม่คำนึงถึงผลเสียต่อผู้บริโภค ก็คงนำเอาสารอื่นๆ มาเจือปนไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจจับได้  สุดท้ายก็จะทำร้ายทั้งผู้ป่วยและทำลายชื่อเสียงของยาแผนโบราณดีๆ ที่เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของเราจนหมด  ผมมีคำแนะนำสำหรับผู้บริโภคที่จะเลือกใช้ยาแผนโบราณ ขอให้มีสติ พิจารณาให้ครบดังนี้1. เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีทะเบียน มีชื่อที่อยู่ผู้ผลิตชัดเจน และวางขายเป็นหลักแหล่งแน่นอน(เพราะหากพบว่าผลิตภัณฑ์ไม่ถูกต้อง จะได้ติดตามต้นตอเพื่อมาดำเนินคดีได้)2. เมื่อรับประทานแล้วได้ผลรวดเร็วทันใจแบบยาเทวดา ให้สงสัยได้เลยว่า น่าจะมีส่วนผสมของสารเคมีหรือยาแผนปัจจุบันเจือปน เพราะยาแผนโบราณเป็นภูมิปัญญา ผลการรักษามันจะนุ่มนวล ค่อยเป็นค่อยไปอย่างสมดุล3. หากรับประทานแล้วได้ผลทันอกทันใจแบบข้อ 2 ให้นำยาไปให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขตรวจสอบ พร้อมทั้งให้รายละเอียดต่างๆ ด้วย เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามต้นตอแหล่งที่มาให้เจอ(จะได้ช่วยกันคนอื่นๆให้ปลอดภัยด้วย)ท้ายที่สุดนี้ ขอเชิญชวนหมอพื้นบ้าน หมอแผนโบราณและแพทย์แผนไทย มาช่วยกันกวาดล้าง ผลิตภัณฑ์ที่ทำลายภาพลักษณ์ดีๆ ของยาไทยออกจากสังคมด้วยกันนะครับ

อ่านเพิ่มเติม >