ฉบับที่ 130 รอยมาร : เพราะมารมี บารมีจึงเกิด

  นั่งปั่นต้นฉบับฉลาดซื้อเล่มนี้ด้วยใจระทึกยิ่ง เพราะ “มวลน้ำมหาศาล” กำลังรุกคืบคลานเข้ามาสู่ชั้นในของพระนครหลวง มวลน้ำที่ท่วมบ่าเข้ามามากมายทุกทิศทุกทางเช่นนี้ ไม่เพียงแต่นำพาความเสียหายมาสู่บ้านเรือนเรือกสวนไร่นาเป็นวงกว้างใหญ่เท่านั้น แต่ยังซัดพาเอาความฝันและความมั่นใจของคนในสยามประเทศให้ดิ่งลงด้วยในเวลาเดียวกัน แต่ในอีกด้านหนึ่ง แม้มวลน้ำจะเป็นวิกฤติใหญ่ที่คนไทยทั้งประเทศต้องฝ่าไปด้วยกัน แต่ว่ากันว่าทุกครั้งที่ “มาร” มี “บารมี” หรือความเข้าใจสัจธรรมแห่งชีวิตก็จะอุบัติขึ้นตาม เฉกเช่นเดียวกับน้องบู้บี้ หรือคุณหนูบี สไบนาง แห่งละครเรื่อง “รอยมาร” ที่เพิ่งจะเข้าใจสัจธรรมชีวิตของเธอได้ ก็ต้องภายหลังจากที่ “มวลน้ำ” แห่งปัญหาได้กลายเป็น “มาร” เข้ามาถาโถมชีวิตและดับความฝันในเพียงแค่ชั่วข้ามคืนเดียว ไม่มีตัวละครคนไหนใน “รอยมาร” ที่ไม่ได้เผชิญหน้ากับปัญหาแต่อย่างใด เริ่มต้นจากนายมาร์คหน้าหนวดหรืออุปมา หนุ่มลูกครึ่งไทย-อาหรับที่เพราะความผิดหวังในรักครั้งแรกกับวิมาดา ทำให้เขาฝังจมอยู่กับอดีต และบอกกับตัวเองตลอดมาว่า ในชีวิตนี้คงจะไม่สามารถมีรักครั้งใหม่ได้อีกแล้ว หรือเมธาวี พี่สาวของสไบนาง ที่ด้านหนึ่งก็เป็นคนทะเยอทะยานต้องได้สิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิต แต่เพราะเธอถูกชันษาลักพาตัวไปในคืนก่อนเข้าพิธีวิวาห์ ความหวังและความดิ้นรนทะยานอยากของเธอก็เป็นอันต้องดับล่มสลายไป แต่ที่ดูจะบอบช้ำระกำใจมากที่สุดยิ่งกว่าน้ำหลากเข้าถาโถม ก็เห็นจะเป็นน้องบู้บี้นางเอกของเรื่อง ที่เพราะพี่สาวหายตัวไปก่อนวันแต่งงาน เธอจึงถูกจับมัดมือชกเข้าพิธีกับนายมาร์คแทน ทั้งๆ ที่เธอกับเขาก็พ่อแง่แม่งอน เป็นขมิ้นที่เจอกับปูนกันตั้งแต่วินาทีแรกที่พบกัน ด้วยเหตุอันเกิดมาแต่เพียงปัญหาของคนรุ่นก่อน ไล่ตั้งแต่ความเจ้าคิดเจ้าแค้นของคุณลุงบารมี ความละโมบโลภมากและเล่นพนันจนหมดเนื้อหมดตัวของคุณลุงประมุข รวมไปถึงความต้องการรักษาชื่อเสียงเกียรติยศแห่งวงศ์ตระกูลของคุณหญิงย่ารุจา สถานการณ์ในชีวิตของน้องบู้บี้จึงต้องผกผันหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่เธอวาดฝันอยากเรียนต่อต่างประเทศและกลับมาทำงานที่ใจรัก ก็ต้องมาแบกรับปัญหาที่ผู้หลักผู้ใหญ่ผูกบ่วงพันธนาการให้เธอต้องมาเข้าพิธีสมรสกับคนที่เธอไม่ชอบขี้หน้าเขาเอาเสียเลย ก็เหมือนกับประโยคที่น้องบู้บี้ได้พูดตัดพ้ออย่างแสบสันต์กับคุณหญิงรุจาผู้เป็นย่าว่า “…ก็เพราะสังคมของเรามีชื่อเสียงเกียรติยศที่ต้องรักษา แล้วอนาคตของบีล่ะ ใครเคยเห็นบ้าง เคยห่วงบีบ้าง ทุกคนคิดเอาแต่ได้ ค่าอนาคตค่าความฝันของบี ใครหน้าไหนจะมาชดใช้ให้บีคะ...ความหวังความฝันของบี บีสร้างมาเองคนเดียว แต่วันนี้หลายคนช่วยกันทำลายมันจนหมดสิ้น...” ด้วยเหตุฉะนี้ ไม่ว่าจะด้วยความโกรธแค้น ความโลภ หรือชื่อเสียงเกียรติยศของบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่รอบตัว จึงไม่ต่างไปจากการผันมวลน้ำแห่งปัญหาให้ออกจากหน้าบ้านของตนเอง และโถมใส่ชีวิตคนที่มีอำนาจน้อยอย่างน้องบู้บี้ และดับสลายความฝันของเธอให้จมอยู่นอกคันกั้นน้ำนั่นเอง แต่ที่น่าแปลกก็คือ ยิ่งบรรดาผู้ใหญ่เพียรสร้าง “รอยมาร” ให้กับชีวิตของน้องบู้บี้มากเท่าไร ก็ไม่ได้ช่วยแก้คลายปมปัญหาที่ค้างคาใจของพวกเขาเหล่านั้นได้เลย เริ่มตั้งแต่ลุงบารมีที่เต็มไปด้วยความแค้น แต่หลังจากดับฝันหลานสาวไปแล้ว เขาก็ไม่ได้ลดบรรเทาความแค้นลงแต่อย่างใด และก็ยังจงใจวางแผนกลั่นแกล้งประมุขจนสิ้นเนื้อประดาตัว และตรอมใจตายในที่สุด เช่นเดียวกับลุงประมุขเอง ก็ไม่ได้ยุติความโลภของตน และยังพยายามใช้ปมประเด็นเรื่องชาติกำเนิดของน้องบู้บี้มาเป็นแต้มต่อรองผลประโยชน์ของตนอยู่ตลอดเวลา อาจจะมีก็แต่คุณหญิงรุจา ที่มโนธรรมบางส่วนของเธอ ทำให้สำเหนียกขึ้นได้ว่า เรื่องชื่อเสียงเกียรติยศของวงศ์ตระกูลกับความสุขและความฝันของหลานสาวนั้น เอามาวัดเทียบค่ากันแทบไม่ได้เลย แม้ว่านั่นจะเป็นเรื่องที่สายเกินไปแล้วก็ตาม และสำหรับน้องบู้บี้แล้ว แม้ชีวิตและความฝันของเธอจะถูกสลักตรึงด้วยรอยแห่งมาร แต่ก็อย่างที่คำพระท่านว่าเอาไว้ “ถ้ามารไม่มี บารมีก็ย่อมไม่บังเกิด” เพราะฉะนั้น หลังจากสวมวิญญาณแบบปางผจญมารที่มาจากรอบทิศ บวกกับมารผจญจากพี่สาวต่างมารดาอย่างเมธาวี และวิมาดาอดีตคนรักเก่าของมาร์ค น้องบู้บี้ก็เริ่มจะเข้าใจความเป็นจริงของชีวิตมากขึ้น อย่างน้อยก็ได้เรียนรู้ว่า ความฝันอาจไม่ได้สวยงามหรือโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป แม้เธออาจจะไม่ได้ไปเรียนต่อจนจบการศึกษาแบบที่วาดฝันไว้ แต่น้องบู้บี้ก็พบว่า ถ้าเธอรักใครสักคนอย่างนายมาร์คหน้าหนวด ก็จงเลือกใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเขาไปเถิด ทั้งนี้เพราะตัวเลือกในชีวิตของคนที่มี “อำนาจน้อย” แถมยังต้องอยู่ท่ามกลางความแก่งแย่งชิงชังหรือสนใจแต่เกียรติยศที่ค้ำคออยู่นั้น เป็นตัวเลือกที่มีอยู่ไม่มากเท่าใดนัก ดูละครเรื่อง “รอยมาร” จบลง เราก็คงเห็นสัจธรรมแบบน้องบู้บี้ขึ้นมาเหมือนกันว่า วิกฤติมวลน้ำหรือปัญหาต่าง ๆ ที่ถาโถมมากมายในสังคมไทยแบบระลอกแล้วระลอกเล่านั้น คงไม่ใช่มวลปัญหาที่เกิดมาแต่คนแบบน้องบู้บี้ที่มี “อำนาจน้อย” แต่อย่างใด แต่วิกฤติปัญหาส่วนใหญ่มักเกิดมาจากคนไม่กี่คนที่เป็นบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่แบบคุณลุงบารมีหรือคุณลุงประมุข ที่มักคิดคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ของตนเองก่อน โดย “ไม่สนใจค่าอนาคตหรือค่าความฝันของคนอื่น” แต่ทว่าเคราะห์กรรมที่สืบเนื่องมาจากลุงๆ ป้าๆ เหล่านี้ ก็มักจะส่งผลต่อคนจำนวนมากที่น้ำไม่เพียงท่วมบ้านเรือนเรือกสวนไร่นาเท่านั้น หากแต่น้ำยังท่วมปากพวกเขาอีก ผมเริ่มจะสงสัยเหมือนกันว่า หลังจากน้ำลดแล้วตอต่างๆ เริ่มผุดออกมาให้เห็น คนไทยจะสนใจกลับไปสาวหาสาเหตุแห่งปัญหาเพื่อหาทางป้องกัน หรือเราจะยอมปล่อยให้ปัญหาค้างคากันอยู่ต่อไป ถ้าเป็นแบบหลังนี้ สงสัยว่าเราจะต้องเตรียมถุงบิ๊กแบ๊ก ถุงยังชีพ หรือปั้นอีเอ็มบอลอีกจำนวนมหาศาล เพื่อเตรียมฝ่าวิกฤติครั้งหน้าไปด้วยกันอีก มวลน้ำคงมีวันผ่านพ้นไปแน่ แต่บารมีจะเกิดในใจคนไทยแบบน้องบู้บี้กันบ้างมั้ยหนอ???

อ่านเพิ่มเติม >