ฉบับที่ 130 กินกลางน้ำ

  ปัญหาที่ชาวบ้านไปพังคลองสามวา และรื้อบิ๊กแบ๊กที่ดอนเมืองที่ถูกโหมประโคม มาก่อนหน้านี้ไม่นาน  ข่าวดีเริ่มมีให้ได้ยินอย่างการรวมตัวทำความสะอาดเกาะเมืองอโยธยา เขตพื้นที่ชั้นในกรุงเทพน้ำเริ่มลดลงและมีพื้นที่แห้งเพิ่มมากขึ้น  แต่น้ำที่เอ่อท่วมของชาวบ้านริมแม่น้ำน้อย อยุธยาที่ท่วมมาตั้งแต่ปลายกรกฎาคม ก็อยู่ในสภาพที่ ค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ  เพราะประตูปิดน้ำที่ อ.บางไทร ยังกั้นไม่ให้น้ำในแม่น้ำน้อยไหลลงตามแรงโน้มถ่วงไปรวมกับแม่น้ำเจ้าพระยา  น้ำที่ปทุมธานี และนนทบุรีจึงยังคงระดับท่วมขังไม่ต่ำกว่าเดิมไปสักเท่าไหร่ เพื่อนพ้องที่อยู่ในพื้นที่เหนือบิ๊กแบ๊กขึ้นไปหลายคนรำพึงว่า   สื่อทำราวกับว่า  กรุงเทพมหานครชั้นใน คือประเทศไทย   แต่จะว่าไปแล้ว บ้านฉันที่นนท์นั่นก็เป็น 1 ในกลุ่มหมู่บ้านจัดสรรที่สร้างขวางแนวระบายน้ำที่ไหลบ่ามาจากนครสวรรค์ ชัยนาท ลพบุรี อ่างทอง อยุธยา และปทุมธานีอยู่เหมือนกัน กลุ่มนายพรานน้ำจืดดูจะทุกข์น้อยกว่าใครในช่วงนี้  พื้นที่แถวสะพานและประตูกั้นน้ำตามแนวถนนคันกั้นน้ำหลายแห่ง  กลายเป็นแหล่งชุมนุมของพวกเขา  นักล่าต่างรุ่นที่มีตั้งแต่มืออาชีพ มือสมัครเล่น และมือใหม่หัดตวัด(เบ็ด)   สำหรับบางคนมันเป็นการใช้เวลายามว่างแก้เครียดเมื่อน้ำมา  แต่กับอีกหลายคนมันเป็นรายได้ชดเชยหลังจากน้ำนำความเสียหายมาสู่ ข้าวเปลือกที่เร่งเกี่ยวก่อนน้ำท่วมเมื่อต้นกันยายนปีนี้มีราคาดีกว่าปีที่แล้ว  โดยปัจจัยดึงดูดจากนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ดึงราคาข้าวที่เปียกน้ำขายกันได้ในราคา 6,400 – 8,300 บาท/ตัน ในขณะที่ปีที่แล้วโครงสร้างการช่วยเหลือชาวนาในระบบประกันรายได้ชาวนาทำให้ราคาข้าวที่ชาวนาขายถูกกดลงไม่มีราคา   แต่การประกาศเริ่มโครงการจำนำข้าวเมื่อ 7 ตุลาคม 54 – 29  กุมภาพันธ์ 2555 ก็ทำให้ชาวนาปรังที่เกี่ยวก่อนโครงการฯ เสียประโยชน์ไป แม้รัฐจะประกาศยอมจ่ายค่าชดเชยให้ชาวนาในช่วงระหว่างรอยต่อโครงการเก่ากับโครงการใหม่ รายได้จากการขายข้าวก็ยังไม่ถึงตันละ 11,000 บาท อย่างที่พวกเขาหวัง นั่นทำให้ชาวนาเครียดไม่น้อยอยู่แล้ว  ยังมาโดนข้อกล่าวหาอีกว่าชาวนาเป็นสาเหตุให้กรมชลเก็บกักน้ำไว้ให้พวกเขาเกี่ยวข้าวจนปัญหาน้ำท่วมบานปลาย    โดยที่สังคมส่วนใหญ่ไม่เคยมารับรู้ว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ชาวนาบางพื้นที่ต้องตั้งเครื่องวิดน้ำออกจากนาไปกันกี่เที่ยว ไม่ว่าจะเป็นช่วงหว่านข้าวเริ่มปลูกหรือช่วงเก็บเกี่ยว พอเห็นเมฆตั้งเค้ามืดทะมึนนั่น ก็อกสั่นเพราะมันเป็นการส่งสัญญาณความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแล้วในแปลงนา   ในขณะที่ชาวนาบางพื้นที่ก็ไม่มีน้ำทำนาและถูกกรมชลประทานประวิงเวลาให้ปลูกข้าวช้าไปกว่าเดิมเพราะภัยแล้ง และควบคุมให้ปลูกต่อเนื่องเพื่อป้องกันปัญหาเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลจนต้องมาเกี่ยวข้าวกลางน้ำกันอีก โดนกล่าวหากันแบบนี้  ทำให้ชาวนาหลายคนอดคิดไม่ได้ว่า   น้ำท่วม ภัยแล้ง เพลี้ยกระโดดแพร่ระบาด จึงเป็นปัญหาเฉพาะของคนทำนา ไม่ใช่ปัญหาของคนกินข้าว เพื่อนสาวชาวนาถอนใจบอกให้ฉันปล่อยแพะให้ลอยไปกับสายน้ำ แล้วโชว์ปลาไหลตัวเขื่อง พร้อมคุยโอ่ว่าจะทำเมนูผัดเผ็ดจากปลาไหลให้ฉันกินแก้เครียด  เพราะว่าปลาไหลช่วงนี้เนื้อดีไม่มีกลิ่นโคลนคาว เธอเกี่ยวเบ็ดที่ปากปลาไหล ผูกสายเบ็ดไว้กับเสาแล้วเอาใบข่อย หยาบๆ สากๆ รูดลำตัวตลอดหัวจรดหางกำจัดเมือกลื่นๆ นั่นอยู่หลายเที่ยว  แล้วจึงเอาเกลือป่นโรยขยำล้างน้ำออกอีกหลายรอบเพื่อให้หมดเมือก จากนั้นจึงผ่าท้องควักไส้ แล้วหั่นเป็นท่อนๆ  แล้วเอาไปล้างเลือดออก   ฉันเห็นเลยนึกเตลิดไกล หรือจะเปลี่ยน รมต. กระทรวงเกษตรเสียใหม่  ก็พรรคชาติไทยพัฒนาดูแลกระทรวงนี้ต่อเนื่องมาตั้งหลายปีหลายสมัย เธอจับกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมัน แล้วเอาพริกแกงเผ็ดลงผัดจนกลิ่นเครื่องแกงหอมฉุนลอยเตะจมูก  แล้วจึงเอาปลาไหลหั่นท่อนใส่ลงไปคลุกๆ  เติมน้ำนิดหน่อยพอขลุกขลิก แล้วเร่งไฟ เสียงเครื่องแกงในกระทะดังคลั่กๆ แทรกสลับกับเสียง ฉ่าๆ กลิ่นน้ำปลาปนกับเครื่องแกงลอยฟุ้ง ตัดรสด้วยน้ำตาลทราย 1 ช้อน แล้วเธอก็จับสารพัดผักเครื่องแกงที่เตรียมไว้ใส่ลงไป ทั้งกระชายซอยเส้น ใบมะกรูด  พริกชี้ฟ้า ใบกะเพรา จะขาดก็แต่เม็ดพริกไทยสดเท่านั้น  เธอว่าผักสำคัญที่ขาดไปแล้วทำให้ผัดเผ็ดปลาไหลเสียรสก็คือลูกมะเขือขื่นสีเหลืองๆ ขูดขนออกแล้วซอยบางๆ กับมะระขี้นก ซึ่งจะใช้ยอดหรือลูกก็ได้เช่นกัน กำจัดข้าวร้อนๆ กับปลาไหลผัดเผ็ดจานเด็ดไปอย่างรวดเร็วว่องไว  เธอก็พาฉันไปปั้นก้อน EM Ball โดยไม่ปล่อยให้ข้าวในท้องเรียงเม็ด สูตรที่ปั้นกันนี้ของมูลนิธิข้าวขวัญ  เธอโอ่ว่าเคยประสบความสำเร็จมาแล้วในการย่อยสลายฟางในนาและน้ำในโรงงานใหญ่มากแห่งหนึ่งมาเกือบ 10 ปี  มีการันตีล่าสุดจากผลที่นำไปใช้ที่ ม.ธรรมศาสตร์รังสิต EM ball  ที่ตอนหลังมีนักเขียนเข้าชิงรางวัลซีไรต์นิยามความหมายเสียใหม่ในโพสต์บน FB ว่าเป็น Emotional Ball หลังการโต้เถียงกันถึงประสิทธิภาพของกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ในการกำจัด-บำบัดน้ำเสีย  จนทำให้ฉันนั่งนึกต่อไปได้อีกว่า  น้ำเสียและอารมณ์เสียจากน้ำท่วมใหญ่ปีนี้จนมีน้ำเน่าขัง ก็ยังมี EM Ball ช่วยกันได้  แต่น้ำเอย...น้ำใจที่ขาดหายไปในช่วงน้ำท่วมแบบนี้นี่สิ  ที่ทำให้เราคงต้องหันมาคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่มากไปกว่าเรียกร้องความรักสามัคคีแบบไทยๆ ผ่านเมโลดี้และวลีคมคาย   เพราะหากปล่อยให้ทุกข์ของการจัดการน้ำในอดีตที่มีปัญหาหมักหมมและสั่งสมมานานยังดำเนินต่อไป  เราคงได้เห็นคนไทยทะเลาะกันมากขึ้นอีกในน้ำท่วมเที่ยวหน้าแน่ๆ เชียว

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point