ฉบับที่ 161 สุสานคนเป็น : ความโลภของคนที่ตายทั้งเป็น

แค่ได้ยินชื่อเรื่องของละครโทรทัศน์ว่า “สุสานคนเป็น” ผมก็เกิดคำถามข้อแรกขึ้นมาว่า ทำไมอยู่ดีๆ สุสานที่เป็นที่สถิตของมนุษย์ผู้วายปราณไปแล้ว จึงกลายมาเป็นสถานที่ที่ให้คนเป็นๆ ได้เข้าไปอยู่ เรื่องราวของตัวละครอย่าง “ลั่นทม” เศรษฐินีสาวใหญ่ที่มั่งคั่งด้วยสมบัติพัสถานมากมาย แม้ลั่นทมจะเป็นผู้หญิงที่ยึดมั่นและทุ่มเททุกอย่างให้กับความรักที่มีต่อสามีอย่าง “ชีพ” แต่ลั่นทมกลับต้องพบกับการทรยศจากชีพผู้ที่หวังจะครอบครองสมบัติของเธอเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงแต่ชีพที่หวังในทรัพย์สมบัติอันมหาศาลของลั่นทมเท่านั้น เขายังหวังจะครอบครองตัวของ “อุษา” หลานสาวที่ลั่นทมรักมาก รวมทั้งเขายังได้ชักนำภรรยาลับๆ อีกคนอย่าง “รสสุคนธ์” เข้ามาในบ้าน โดยที่ทั้งชีพและรสสุคนธ์ได้ร่วมมือกันวางแผนทุกอย่าง เพื่อจะเข้ามายึดครองทรัพย์ศฤงคารและกำจัดลั่นทมออกไปเสีย ในขณะเดียวกัน ลั่นทมเองก็เป็นโรคประหลาด ที่มักมีอาการวูบแล้วนิ่งไปประหนึ่งคนที่ตายแล้ว ทั้งๆ ที่เธอยังมีชีวิตอยู่ จนขนาดที่ครั้งหนึ่งเธอได้ถูกชีพและรสสุคนธ์จับมัดตราสังลงโลงไปแล้ว แต่ด้วยความช่วยเหลือของอุษาและนายตำรวจอย่าง “ธารินทร์” ลั่นทมก็ฟื้นกลับคืนมาใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ตัวเป็นๆ อีกคำรบหนึ่ง และอาการโรคประหลาดแบบตายไปแล้วหรือถูกจับลงตอกตะปูปิดฝาโลงไปแล้ว แต่ก็ยังกลับฟื้นคืนชีวิตได้เช่นนี้เอง ก็ได้กลายมาเป็นปมความขัดแย้งสำคัญที่อยู่ในท้องเรื่องของละคร   เริ่มตั้งแต่ตัวของลั่นทมเอง ที่เมื่อมีอาการวูบนิ่งราวกับเป็นคนตาย ดวงจิตของเธอก็ได้ไปสัมผัสเห็นเบื้องหลังความไม่ซื่อสัตย์ของสามีที่นอกใจเธอ แต่ก็ด้วยความรักที่มีต่อเขา ลั่นทมจึงยังคงพยายามคิดที่จะให้อภัยชีพอยู่ตลอดมา ในเวลาเดียวกัน เมื่อต้องถูกกักขังอยู่ในโลงและในร่างที่ขยับไม่ได้ แต่โสตประสาทได้ยินตลอด ทว่าจะพูดหรือจะเปล่งเสียงให้ใครได้ยินก็มิอาจทำได้ ลั่นทมก็ค่อยๆ เข้าใจความเป็นจริงของชีวิตว่า มนุษย์เราก็เท่านี้ จะโลภะโทสะโมหะกันไปอย่างไร แต่ “สุดท้ายต้องไปที่สุสาน” ด้วยกันทุกคน ดังนั้น เมื่อลั่นทมกลับฟื้นคืนชีวิตมาได้อีกครั้ง สิ่งแรกที่เธอลงมือทำก็คือ การสร้างโลงศพแก้วและสุสานเอาไว้ในอาณาบริเวณของบ้าน แม้คนรอบข้างจะพยายามเตือนว่า การสร้างสุสานในบ้านนั้นถือว่าไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย แต่ลั่นทมก็คงต้องการใช้โลงศพเป็นกุศโลบายของการมรณานุสติ เพื่อเตือนตัวละครคนเป็นๆ ทั้งหลาย โดยเฉพาะชีพและรสสุคนธ์ให้รู้จักละทิ้งซึ่งความโลภโกรธหลงออกไปเสีย แต่เนื่องจากความโลภโมโทสันนั้นไม่เข้าใครออกใคร และละครก็คงต้องการบอกเป็นนัยด้วยว่า ความโลภเป็นยิ่งกว่า “ผีสิง” และไม่ต่างไปจาก “สุสานที่ฝังคนเป็นๆ” เอาไว้ในร่างที่เวียนว่ายอยู่ในกิเลสตัณหา เพราะฉะนั้นท้ายที่สุดชีพและรสสุคนธ์ก็จัดการวางแผนฆาตกรรมลั่นทมได้สำเร็จ และส่งร่างที่ไร้วิญญาณลงไปอยู่ในโลงแก้วที่เธอเตรียมเอาไว้นั่นเอง อย่างไรก็ดี อาจเป็นด้วยลั่นทมเป็นสาวใหญ่ที่มีหัวใจในแบบ “โพสต์โมเดิร์น” หรือที่รู้จักกันว่าเป็นวิธีคิดที่เชื่อเรื่องการสลายสีและสลายเส้นแบ่งทุกอย่าง เมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่ เธอก็ถูกกักขังวิญญาณให้กลายเป็นประหนึ่งคนตาย จนยากจะเห็นเส้นแบ่งว่า จริงๆ แล้วเธอยังเป็น “คนเป็น” หรือเป็น “คนที่ตายไปแล้ว” เพราะฉะนั้น เมื่อลั่นทมตายไปจริงๆ เธอก็ยังคงทำให้คนรอบข้างอย่างอุษาสนเท่ห์ใจว่า คุณน้าของเธอตายไปแล้วจริงหรือ จนแม้เมื่อแพทย์ยืนยันว่าเธอเสียชีวิตแล้วจริงๆ ลั่นทมก็ยังเวียนว่ายกลายเป็นผีที่คอยคุ้มครองหลานสาวและบรรดาคนรับใช้ผู้ภักดี ไม่ต่างจากครั้งเมื่อเธอยังมีชีวิตอยู่ และด้วยการใส่เกียร์หัวใจแบบ “โพสต์โมเดิร์น” อีกเช่นกัน ที่ทำให้วิญญาณของลั่นทมได้ลบเลือนเส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตายออกจากกัน และพยายามบอกกับทุกคนว่า สุสานอาจไม่ใช่ที่สถิตของคนตายเสมอไป แม้แต่คนเป็นๆ ที่มีความโลภในจิตใจ ก็ไม่ต่างจากคนที่ถูกฝังอยู่ในโลงหรือมีสุสานที่คอยอ้าแขนต้อนรับพวกเขาอยู่เสมอเช่นกัน เพราะคนไทยเชื่อกันว่า “ผี” เป็นรูปแบบหนึ่งของกระบวนการควบคุมทางสังคม ลั่นทมจึงเริ่มให้บทเรียนกับตัวละครที่ประพฤติมิชอบไปทีละคนสองคน ด้วยการจับคนโลภเหล่านั้นเข้าไปนอนอยู่ในโลงในสุสาน โดยใช้ชีวิตอยู่ในโลกเสมือนที่ก้ำกึ่งระหว่างความเป็นกับความตาย ด้านหนึ่งก็คงเป็นด้วยว่า คนโลภนั้นเมื่อไม่เห็นโลงศพก็จะไม่หลั่งน้ำตา เพราะฉะนั้นพวกเขาจะซาบซึ้งกับตัวตนของความโลภได้ ก็ต่อเมื่อคนเป็นๆ อย่างเขาถูกทำให้กลายเป็น “คนที่ตายทั้งเป็น” ขึ้นมาทันที ก็คงเป็นแบบเดียวกับที่วิญญาณผีของลั่นทมได้พูดกับอุษาผู้เป็นหลานสาวว่า “กับคนบางคนที่ไม่มีสำนึก คนบางคนที่ไม่เกรงกลัวบาป ปล่อยให้น้าจัดการด้วยวิธีของน้าจะดีกว่า...” โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหญิงร้ายชายเลวอย่างรสสุคนธ์และชีพ ที่ลั่นทมเห็นว่าเป็นคนที่โลภเกินกว่าจะเยียวยาได้นั้น วิญญาณคุณน้าลั่นทมก็ได้สร้างโลกเสมือนอีกแบบหนึ่งขึ้นมา ด้วยการจับคนทั้งคู่ล่ามคล้องโซ่ผูกติดกันไว้ และจับขังอยู่ในสุสานเก็บศพที่วัดจริงๆ เมื่อชายหญิงสองคนถูกล่ามโซ่ติดกันเอาไว้ ธาตุแท้ของคนทั้งสองก็ถูกเผยออกมาให้เห็นว่า แท้จริงแล้วความโลภไม่ได้ทำให้คนเรารักกันได้จริงๆ หรอก หากแต่คนโลภจะอยู่ด้วยกันก็เพียงเพราะความเห็นแก่ตัวและเห็นแก่ผลประโยชน์สูงสุดของตนเองเท่านั้น เหมือนกับที่ชีพได้ลงมือฆ่ารสสุคนธ์และกลายเป็นคนเสียสติไป ก็เพราะความโลภและเห็นแก่ตัวที่ต้องการเอาชีวิตรอดของเขานั่นเอง แม้ “สุดท้ายต้องไปที่สุสาน” เหมือนกับเพลงประกอบที่ร้องคั่นขึ้นมาในทุกเบรกของละคร แต่สำหรับ “คนเป็น” ที่ยังคงเปี่ยมไปด้วยความโลภโมโทสันแล้ว ก็คงมีแต่วิญญาณของลั่นทมที่จะจับคนเหล่านี้มานอนกักขังอยู่ในโลงแก้ว เพื่อจะบอกกับพวกเขาว่า ไม่ต้องรอให้ตายจริงๆ หรอก เพราะความโลภก็คงไม่ต่างจากสุสานที่ฝังคนเป็นๆ ที่เปี่ยมไปด้วยโลภจริตเอาไว้ได้เช่นเดียวกัน   //

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point