ฉบับที่ 178 ห้องหุ่น : การบริหารจัดการองค์กรในแบบผีๆ

คนเราโดยทั่วไปมักเชื่อว่า “ความเป็นจริง” ต้องเป็นสิ่งที่เราเห็น หรือจับต้องได้ด้วยสัมผัสของเราโดยตรง แต่ทว่า ยังมีวิธีอธิบายอีกแบบหนึ่งที่ว่า “ความเป็นจริง” ของมนุษย์ อาจมีบางอย่างมากไปกว่าแค่ที่เราสัมผัสจับต้องโดยตรงเท่านั้น ตามคำอธิบายข้อหลัง ความเป็นจริงอาจแบ่งได้เป็นสองประเภท ประเภทแรกคือ “ความเป็นจริงเชิงวัตถุ” ที่เรารับรู้และจับต้องได้แบบเป็นรูปธรรม เช่น รู้เห็นได้ด้วยรูปรสกลิ่นเสียงและกายสัมผัส กับอีกประเภทหนึ่งคือ “ความเป็นจริงเชิงจิตวิญญาณ” หรือความเป็นจริงที่อยู่นอกเหนือสัมผัสทั้งห้า และเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่เหนือธรรมชาติซึ่งมนุษย์เราจะหยั่งรู้ได้ ทั้งความเป็นจริงเชิงวัตถุและความเป็นจริงเชิงจิตวิญญาณนี้ ต่างก็ดำเนินไปแบบคู่ขนานกันบ้าง หรือคู่ไขว้สลับซ้อนทับกันไปมาบ้าง เหมือนกับที่ตัวละครทั้งคนและผีที่หลากหลายได้มามีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันในพื้นที่ของ “ห้องหุ่น” ในทางหนึ่ง ในโลกของมนุษย์ ตัวละครอย่าง “สันติ” “อัมรา” “พรรณราย” “เดช” “อารีย์” และอีกหลายคน อาจจะมีชีวิตและวิถีปฏิบัติที่ขับเคลื่อนไปในความเป็นจริงเชิงวัตถุของเขาและเธอ แต่ในห้องหุ่นอันเป็นโลกที่เหนือกว่าสัมผัสทั้งห้าของมนุษย์ หุ่นที่มีดวงวิญญาณสถิตอยู่แต่ละตน ตั้งแต่หุ่นท่านเจ้าคุณ หุ่นชาวนา หุ่นนางรำ หุ่นนักดาบ หุ่นนักยิงธนู หุ่นนางพยาบาล และหุ่นเด็ก ต่างก็อาจมีแบบแผนการดำเนินชีวิตในความเป็นจริงเชิงจิตวิญญาณของตนไปอีกทางเช่นกัน   อย่างไรก็ดี จะมีบางเงื่อนไขหรือบางจังหวะเหมือนกัน ที่คนกับหุ่น (หรือกล่าวให้ชัดๆ ก็คือ ระหว่างมนุษย์กับผี) จะได้โคจรมาเจอกัน แบบเดียวกับที่ธีมของละคร “ห้องหุ่น” พยายามบอกคนดูว่า “คนดีผีย่อมคุ้ม” โดยเฉพาะผีบรรพบุรุษหรือผีประจำตระกูลที่จะคอยปกป้องคุ้มครองลูกหลานที่มุ่งมั่นทำกรรมดี และเพราะความสัมพันธ์ของหุ่นแต่ละตนดำรงอยู่ในอีกโลกของจิตวิญญาณ เพื่อให้ความสัมพันธ์นั้นดำเนินไปโดยเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด สมาชิกหุ่นที่อยู่ในห้องหุ่นของคฤหาสน์ตระกูล “สัตยาภา” จึงต้องพัฒนาองค์ความรู้และใช้เทคนิคการออกแบบและบริหารจัดการองค์กรแบบหุ่นๆ ขึ้นมา ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ดูไม่แตกต่างจากเทคนิคการบริหารองค์การสมัยใหม่ในโลกของมนุษย์เท่าใดนัก เริ่มตั้งแต่องค์กรของหุ่นต้องเคลื่อนไปโดยมี “พันธกิจ” หรือ “mission” เป็นตัวกำหนดไว้อย่างชัดเจนแน่นอน เพราะฉะนั้น หากเป้าหมายของสมาชิกหุ่นต้องทำหน้าที่ดูแลสมาชิกในครอบครัวสัตยาภาให้แคล้วคลาดปลอดภัย หุ่นทั้งหลายก็ต้องอุทิศตนและทำทุกอย่างเพื่อขจัดตัวละครร้ายๆ อย่าง “พิไล” “เทิด” “ผอบ” “พงษ์” และ “หมอผีเวทย์” ให้หลุดออกไปจากวงจรชีวิตของบุตรหลานในครัวเรือน ภายใต้หลักการบริหารห้องหุ่นให้เกิดประสิทธิภาพ สมาชิกหุ่นได้ออกแบบองค์กรที่ต้องมีนโยบายการวางแผนอัตรากำลังคน การจัดวางลำดับชั้น และการสั่งการตามสายงานบังคับบัญชาที่ชัดเจน ในแง่นี้ เพื่อให้บรรลุพันธกิจในแต่ละวาระ “หุ่นท่านเจ้าคุณนรบดินทร์” ในฐานะประธานของโครงสร้างองค์กรหุ่น ได้เรียนรู้และเลือกใช้การวิเคราะห์สถานการณ์ของคู่ต่อสู้ ก่อนที่จะบัญชาการรบโดยเลือกวิธี “put the right หุ่น on the right job” และออกคำสั่งไล่เรียงตามสายงานบังคับบัญชาลดหลั่นกันลงไป หุ่นเด็กอาจถูกส่งออกไปสู้รบปรบมือในลำดับแรกก่อน แต่เมื่อภารกิจเริ่มซับซ้อนและยากลำบากขึ้น หุ่นผู้ใหญ่ตนอื่นๆ ก็อาจจะได้รับมอบหมายให้ไปจัดการปัญหาต่างๆ แทน และเมื่อถึงภารกิจที่ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญการขั้นสูง ก็จะถึงลำดับของหุ่นท่านเจ้าคุณกับไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ของท่านที่จะไปจัดการให้กิจดังกล่าวบรรลุเป้าหมายในที่สุด ขณะเดียวกัน เมื่อมีโครงสร้างองค์กรที่ชัดเจนเช่นนี้ ห้องหุ่นจึงต้องมีระบบการคัดเลือกสมาชิกใหม่ โดยเกณฑ์ในการพิจารณาเปิดรับสมัครสมาชิก จะตัดสินใจจากคุณธรรมความดี และดวงวิญญาณที่จะมาสถิตอยู่ในหุ่นประจำคฤหาสน์ได้ ต้องมีความมุ่งหมายร่วมในพันธกิจที่จะดูแลคุ้มครองบุตรหลานในตระกูลสัตยาภา เมื่อดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตใหม่ได้เข้ามาเยือนห้องหุ่น และผ่านการตรวจสอบ profiles และผ่านการสอบสัมภาษณ์โดยหุ่นท่านเจ้าคุณแล้ว ท่านเจ้าคุณก็จะประกาศว่า “ขอต้อนรับเข้าสู่ห้องหุ่น” เป็นการเชิญให้ดวงวิญญาณนั้นๆ เข้ามาสถิตในหุ่นปั้นที่อยู่ ณ ห้องหุ่นได้ และร่วมภารกิจขับเคลื่อนองค์กรของห้องหุ่นให้ดำเนินต่อไป เหมือนกับวิญญาณอารีย์และเดชที่เมื่อเสียชีวิต ก็ได้เข้ามาร่วมภารกิจดูแลลูกหลานในบ้านนั่นเอง แต่หากระบบองค์กรตรวจสอบดวงวิญญาณใหม่และพบว่า คุณธรรมความดีไม่ผ่านตามเกณฑ์ พันธกิจไม่ได้ยึดถือร่วมกัน แถมดวงวิญญาณนั้นก็มีความอาฆาตมาดร้ายต่อสมาชิกครอบครัวสัตยาภาด้วยแล้ว องค์กรห้องหุ่นก็จะขับไล่ดวงวิญญาณนั้นออกจากบ้านไป เหมือนกับกรณีของวิญญาณผีดาวโป๊อย่าง “เพทาย” ที่ไม่ผ่านระบบ QC และถูกอัปเปหิออกไปเป็นสัมภเวสีอยู่นอกเรือน และที่สำคัญ เมื่อโลกความจริงของมนุษย์ได้ก้าวเข้าสู่สังคมสารสนเทศ ที่ข้อมูลข่าวสารมีผลต่อการตัดสินใจและการกระทำใดๆ ของผู้คน โลกเหนือธรรมชาติอย่างห้องหุ่นก็ผันตัวเข้าสู่สังคมสารสนเทศไม่ต่างกัน สมาชิกต่างๆ ในห้องหุ่น จะมีระบบการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสาร และตรวจสอบข้อมูลข่าวสารกันอย่างเข้มข้น เพราะฉะนั้น หากตัวละครผู้ร้ายเริ่มวางแผนจะเข้ามาทำร้ายลูกหลานในบ้านแล้ว หุ่นทั้งหลายก็จะใช้ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวมาออกแบบกลยุทธ์เพื่อจัดการกับภยันตรายเหล่านั้น เมื่อย้อนกลับไปสู่ทัศนะที่ว่า ความเป็นจริงรอบตัวเรามีสองโลกที่ดำเนินควบคู่กันไปแล้ว คำถามที่สำคัญก็คือ ตกลงแล้วการบริหารองค์กรในแบบผีกับแบบคนที่แทบจะดูไม่ต่างกันเลยเช่นนี้ เป็นคนที่เลียนแบบผี หรือเป็นผีที่เลียนแบบคนกันแน่ และในเวลาเดียวกัน แม้เมื่อตอนจบ เราจะเห็นภาพหลวงตามาสวดปลดปล่อยวิญญาณของผีหุ่นในห้องไปสู่สุคติโดยถ้วนหน้า แต่พลันที่ประตูของห้องหุ่นปิดลงอีกครั้ง ความเป็นจริงเชิงจิตวิญญาณให้ห้องหุ่นก็ดำเนินไปอีกคำรบหนึ่ง ซึ่งบอกเป็นนัยๆ กับเราว่า ระหว่างสองโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพและความเป็นจริงทางจิตวิญญาณต่างไม่เคยแยกขาด หากแต่ดำรงอยู่คู่กันเช่นนี้เรื่อยมาและตลอดไป :) 

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point