ฉบับที่ 153 นโยบายเรื่องพลังงานแสงอาทิตย์เป็นจริงได้แค่ไหน กับ ดร.เดชรัต สุขกำเนิด

ลมหนาวพัดมาแบบนี้ เช้าๆ แดดอาจจะพออุ่น แต่สายๆ  เมื่อลมหนาวจางมีแสงแดดเข้าแทนที่ แดดแรงแบบนี้ทำให้คิดถึงพลังงานโซล่าร์เซลล์ พลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็นมิตรทั้งกับสิ่งแวดล้อมเพราะเป็นพลังงานสะอาด แถมบ้านเราก็มีแดดมากมายเหลือเฟือ ล่าสุดกระทรวงพลังงาน ส่งเสริมให้มีการติดตั้งโซล่าร์เซลล์และเปิดรับซื้อไฟฟ้า ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคไฟฟ้าที่คิดจะผันตัวเองไปเป็นผู้ขายไฟฟ้ากันอย่างมากมาย   ภาพฝันกับความเป็นจริงของเรื่องพลังงานแสงอาทิตย์จะเป็นอย่างไร ฉลาดซื้อจึงอาสาพาไปหาความรู้ต่อกับ ดร.เดชรัต สุขกำเนิด ภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและทรัพยากร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์   ทำอย่างไรเราจึงจะลดค่าไฟฟ้าโดยหันมาพึ่งพาพลังงานทดแทนอย่างโซล่าร์เซลล์ ไม่ คือทำอย่างไรเราจึงจะลดการพึ่งพาค่าใช้จ่ายของเราจากที่มันพึ่งพาหลวงนะใช้คำกว้างๆ แบบนี้ หรือเราต้องจ่ายให้การไฟฟ้าเราจะลดลงได้อย่างไร อันนี้คือแนวคำถามมันมาแนวนี้ แต่แนวที่หลวงให้การสนับสนุนอยู่นั้นเป็นคนละคำถามเลยมันกลายเป็นว่าจะขายไฟให้หลวงไหม เพราะฉะนั้นระบบ Solar cell ปัจจุบันนั้น มันคือระบบที่ผลิตได้เท่าไรก็ขายให้หลวงไปหมด ขายให้หลวงไปหมดแล้วได้เท่าไรก็เป็นเงินกลับมาที่เราแล้วเราจะซื้อไฟเท่าไรก็เป็นเรื่องของเรามันไม่ได้สัมพันธ์กันโดยตรงกับไฟที่เราขายให้หลวงนึกอออกไหมครับ เพราะฉะนั้นสมมติบ้านผมไม่มีใครใช้ไฟเลย ผมจะติด Solar cell ได้ไหม ผมก็ติดได้เพราะผมติดเพื่อหารายได้ มันเป็นระบบ Solar cell เพื่อหารายได้ ไม่ใช่ Solar cell เพื่อลดรายจ่ายเพราะฉะนั้นมันเลยกลายเป็นคนละโจทย์กันเลย   สมมติว่าเราไม่มีแอร์สักเครื่อง เราใช้ไฟน้อยมากแต่ถ้าเราอยากลงทุน อันที่จริงมันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหรือไม่ มันเลยไม่ได้ตั้งคำถามที่ว่าเป็นการประหยัดที่คุ้มค่าหรือไม่ มันเลยกลายเป็นคนละโจทย์กัน เพราะรัฐบาลไม่ให้การสนับสนุนผู้ที่ซื้อ Solar cell เพื่อที่จะลดค่าใช้จ่าย เขาสนใจคนขายให้เขามากกว่า สมมติคุณไปซื้อ Solar cell มาติดนะ แล้วปรากฏว่าคุณไม่ต้องใช้ไฟหลวงเลยสักหน่วยเดียว โอเคมันเป็นเรื่องของคุณ แต่ที่เขาช่วยอยู่นั้นคือคุณได้มาเท่าไรคุณขายให้หลวงคุณได้ 7 บาทต่อหน่วย เสร็จเรียบร้อยเวลาคุณซื้อไฟหลวงก็แล้วแต่ว่าค่าไฟของการไฟฟ้าในขณะนั้นมันราคาเท่าไร ปัจจุบันก็ 3.7 บาทต่อหน่วย เพราะฉะนั้นมันกลายเป็นคนละระบบความคิด มันเลยกลายเป็นว่าบ้านนี้มีคนอยู่เท่านี้ๆ มันไม่เกี่ยวนะ คุณมีเงินสัก 2 แสนไหมแล้วคุณอาจจะได้เงินสักประมาณ 6 หมื่นคุณจะขายไหม รัฐบาลเขาอยากจะได้รูปแบบหน่อย เขาต้องการติดบนหลังคา ความจริงคือตามคอนเซ็ปวางบนพื้นก็ได้ แต่รัฐบาลอยากได้ภาพเขาก็เลยบอกว่าต้องติดบนหลังคา โจทย์มันขึ้นอยู่กับ 2 อย่าง หนึ่งคือมีเงินลงทุน อันที่สองคือมีหลังคาใหญ่แค่นั้นเอง ถ้าเกิดคุณมีหลังคาใหญ่คุณก็ติดไป ถ้าคุณมีเงินลงทุนคุณก็ติดไป โดยที่ไม่ต้องเกี่ยวกับเรื่องการใช้ไฟเลย   ทีนี้ถ้าเกิดถามว่าจะให้มันเกี่ยวมันก็มี 2 ประเด็นนะ มันเกี่ยวไม่ได้โดยตรงความหมายคือว่า เราก็ทำบัญชีของเราเองว่าเราเคยใช้เท่าไร จริงๆ มันใช้เท่าเดิมนะแต่ว่าเราขายได้เท่าไรแต่ที่ไม่ตรงคือถ้ามองเป็นตัวเงินตอนที่เราขายไปเราจะได้เงินมากกว่าตอนที่เราซื้อกลับมาซึ่งมันก็ชักแปลกๆ นะแต่เนื่องจากรัฐบาลให้การสนับสนุน เพราะฉะนั้นมองในแง่นี้มันไม่ใช่คำถาม คุณขายได้เท่าไรคุณขายไปเลยโดยไม่ต้องสนใจว่าใช้ไฟเท่าไร เพราะคุณทำขึ้นมาเพื่อต้องการจะขายคุณก็ขายให้ได้มากที่สุด ทำเท่าที่เงินคุณมี เท่าที่หลังคาคุณมีแล้วคุณก็ผลิตไปเลย สุดท้ายจะซื้อมาเท่าไรก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้นก็ตอบได้ว่ามันเกี่ยวแต่ไม่โดยตรง อันนี้ต้องปรึกษากันแล้วว่าเราจะเขียนโพลไปทางไหน คือถ้าเขียนไปทางเดิมก็ได้แต่กลัวว่าคล้ายๆ กึ่งๆ ไม่จริงที่ถ้าคุณมีอย่างนี้แล้วคุณไปลงทุน Solar cell ก็ไม่ได้ถ้าพูดแบบสุดขั้วเลยนะถ้าคุณมีเงิน 2 แสนแล้วไปเช่าหลังคาใครก็ได้คุณก็ลงทุนได้   อย่างที่อาจารย์เล่าว่ามันไม่ใช่เหมือนภาพฝันที่บางคนคิด อย่างเช่นร้านกาแฟที่เชียงรายคือเขาไม่มีไฟฟ้าใช้เขาก็มีแผง Solar cell 8 แผงซึ่งใช้ได้จริงๆ แต่เขาก็ไม่ได้มีอะไรเยอะ มีหลอดไฟ เครื่องชงกาแฟ พัดลม ซึ่งเขาก็ไม่ต้องจ่ายค่าไฟเลยสักบาทเดียว ถ้าพูดในระบบนี้นะกลายเป็นว่าเขาไม่ควรเอาไฟมาใช้ เขาควรขายเข้าระบบเพราะว่าเขาจะได้เงินเพิ่มอีก คือระบบของรัฐบาลมันพิสดารนะ กลายเป็นว่าวิธีคิดพึ่งพาตนเองเป็นเรื่องรองจากวิธีคิดที่หากำไร ซึ่งผมไม่ได้ว่าวิธีวิธีการหากำไรของรัฐฯ นี่มันเสียหายนะ ผมเสียดายวิธีคิดของคนที่จะพึ่งพาตนเอง รัฐบาลเขาไม่สนใจมันก็เหมือนเขาซื้อของ เขามีงบประมาณเขาก็ซื้อของกันไป จะเป็นใคร จะคิดอย่างไร เขาไม่สนใจขอให้จ่ายไฟเข้ามาสู่ระบบเขาได้ก็ได้   อย่างนี้ก็เหมือนกับไปเอื้อประโยชน์กับการขายแผง มันก็เป็นผลจากข้อเรียกร้องของเรานะ คือแต่ก่อนเขาทำแบบนี้มาประมาณ 4-5 ปีแล้ว แต่เขาเน้นเฉพาะรายใหญ่คนก็ด่ากันมากว่าทำไมไม่สนับสนุนบ้านเรือน เขาก็เลยมาเน้นบ้านเรือน แต่เน้นโดยใช้ระบบเดียวกับรายใหญ่โดยไม่สนใจว่าบ้านเรือนจะคิดอย่างไร มันก็เลยกลายเป็นว่าคุณจะติด Solar cell เพื่อจะขายไหม จริงๆ เราก็ปฏิบัติเช่นเดียวกันกับรายใหญ่เพียงแต่ว่าเราปฏิบัติในสากลที่ย่อลงมาเป็นหลังคาบ้านเราเท่านั้นเองเลยไม่ได้เป็นเหมือนร้านกาแฟที่พูดถึง ประเด็นต่อมาคือแล้วมันเอื้อกับการทำแผงไหม คือเรื่องที่รัฐบาลทำอยู่ที่ต่างประเทศเขาทำอยู่นะ แต่ฝั่งที่เขาทำคือผู้ที่ทำขายไอ้ที่เราคิดว่าทำขายเราก็ทำขายแต่ต่างประเทศเขามีการสนับสนุน อีกแบบหนึ่งที่ไม่ใช่ทำขายเขาก็สนับสนุนด้วย แต่ของเราประเภทที่สองจะไม่มี ต้องเคลียร์ก่อนว่าการสนับสนุนแบบนี้ไม่ใช่การสนับสนุนที่ผิดแต่ผมคิดว่าคนมีวิธีการจะช่วยเหลือ 2 วิธี วิธีที่ 1 คือลดของเราเอง อันที่ 2 คือขายไปเลย เพราะฉะนั้นควรช่วยทั้ง 2 วิธีแต่รัฐบาลเลือกเฉพาะเป็นการลงทุนขายเข้าระบบเท่านั้น อันต่อมาคือเรากำหนดขอบเขตของวันผมจำไม่ได้ว่าวันที่เท่าไรคือรับไม่เกิน 1 เดือนเองว่าให้มาสมัคร อันนี้คุณทำไปเพื่ออะไร ต่างประเทศไม่มีนะที่เขารับซื้อที่ 6.96 เขาก็จะประกาศเลยต่อจากนี้เป็นต้นไปถึงปีหน้าและปีถัดไป ถ้าคุณมาช้าก็ช่วยไม่ได้นะเหลือ 6.80 เขาก็ประกาศล่วงหน้าไปเลย เขาประกาศล่วงหน้าหลายปีคุณก็เลือกเอาเลยว่าคุณจะเข้าปีไหนแล้วแต่กำลังของคุณ แต่ว่าของเรารับซื้อแค่นี้ให้มาในเวลาเท่านี้ก็คืออยากได้ไหม 6.96 ถ้าอยากได้ให้ไปหาบริษัทที่ทำแผง บริษัทที่ทำแผงเค้าเป็นคนขายของเขาไม่สนใจหรอกว่าตอนนี้ราคาเท่าไร เขาก็ขึ้นราคาก่อนเพราะว่ามันขึ้นได้เต็มที่ แผงมันราคาเท่านี้คนที่ติดมันจะได้ราคาเท่าไรเขาก็ขึ้นราคาของเขาขึ้นมาเพราว่าทุกคนต้องรีบแล้ว เวลา 1 เดือนทุกคนรีบกันหัวขวิดเลย ผมคิดว่าวิธีนี้มันไม่ถูกแนวคิดที่ว่ามันต้องภายในเวลาเท่านี้ในที่สุดปรากฏว่าคนไทยด้วยความที่เราไม่คุ้นเคยคนจำนวนไม่น้อยก็เลยไม่เอาก็ได้ คือเงินมันก็ไม่ได้ดีขนาดว่ารถคันแรกที่ถ้าเราไม่เอาเราจะเสียสิทธิ คนไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยเขาก็เลยไม่ได้บ้านตามเป้าไม่รู้เลยว่าเขาจะเปิดรอบใหม่เมื่อไร ปัญหาของเมืองไทยมันเป็นอย่างนี้คุณไม่จำเป็นต้องมีรอบเวลาเลยคุณเปิดไปยาวๆ ไปเลย การที่เปิดสั้นๆ แบบนี้ผมเข้าใจว่าเป็นตลาดเปิดยาวๆ ไปเลยจะรีบทำไมคุณก็เช็คบริษัทนั้น บริษัทนี้แต่นี่ไม่มีเลยทุกคนต้องรีบหัวขวิดเลย   ตอนนี้เขาขายไฟกันได้จริงใช่ไหม จริงครับเป็นนโยบายของรัฐ เขาพูดเลยในทางอ้อมว่าถ้าไม่ติดต่อบริษัทพวกนี้ทำเอกสารเองคุณอย่าหวังคือเขาไม่ได้ประกาศแบบนั้นนะแต่เป็นที่รู้กัน บริษัทที่ทำแผงเขาก็โฆษณาอย่างนั้น ลองไปทำเองได้แต่นานแน่ ผมก็เลยมีความรู้สึกว่ามันไม่ค่อยดีอย่างที่ควรจะเป็น ให้บริษัททำเอกสารให้ไม่มีปัญหาแต่อย่าล็อคเรื่องวัน ติดเรื่องวันเรื่องเดียวเพราะว่าถ้าไม่ล็อคเรื่องวันคุณก็ไปหาได้หลายบริษัท การทำเอกสารก็เหมือนบริการเสริมพอคุณล็อคเรื่องวันการทำเอกสารมันกลายเป็นเงื่อนไขทำให้คนอื่นไปทำไม่ได้ก็ต้องเข้ากับบริษัทไป เพราะฉะนั้นโครงการนี้จะเห็นว่ากระแสไม่ค่อยดีเหมือนที่หวังเพราะมันเป็นปัญหาของรัฐบาลเอง   อย่างนี้เราจะแนะนำคนที่เขาจะใช้พลังงานทดแทนอย่างไรดี แนะนำนักลงทุน ถ้าลงทุนขนาดนี้จะคุ้มหรือไม่คุ้มอย่างไร สมมติถ้าเราแนะนำคนอ่านไปอย่างที่เราอยากจะให้เป็น ขั้นที่ 1 คือ สนับสนุนให้เอา Solar cell มาเพื่อลดการใช้ในครัวเรือน ถามว่าลดอย่างไรก็คือลดง่ายๆ นะ ไฟแสงสว่างโดยเฉพาะส่วนที่อยู่ไกลบ้านค่าเดินสายไฟในกรุงเทพฯ เป็นหมื่นเลยแพงมาก ถ้าเราเอาแผง Solar cell เราเดินสายเองได้เลยเพราะมันเป็นไฟกระแสตรงแล้วมันติดอิสระ อันนี้ Solar cell อันนี้หลอดแค่นี้ ถ้าเราส่งเสริมลักษณะแบบนี้จะใช้ได้นะครับ ต่อมา Solar cellสำหรับเครื่องสูบน้ำ เครื่องสูบน้ำนี่กินไฟเยอะเลย ถ้าเรามี Solar cell อันหนึ่งแล้วเอาไว้ใช้ในการสูบน้ำ ปั๊มน้ำ รดน้ำต้นไม้อะไรประมาณนี้ ปัจจุบันบ้านผมถ้าต้องใช้น้ำประปามารดน้ำมันต้องใช้เครื่องสูบน้ำก็กินไฟอีก แต่ถ้าเราใช้ Solar cell เราก็ไม่จำเป็นที่เราจะต้องใช้ไฟฟ้าในการใช้เครื่องสูบน้ำ นี่คือสิ่งที่ทำได้ ถามว่าแล้วไอ้พวกนี้จะได้เยอะไหมคำตอบก็คือจริงๆ แล้วก็ไม่ถึงกับเยอะนะ Solar cell ที่ใช้ในบ้านเป็นเรื่องของกระแสตรงและกระแสสลับ ปัญหานี้เป็นปัญหาระดับพื้นฐานเหมือนยกตัวอย่างแบตเตอรี่มือถือเป็นกระแสตรงหรือกระแสสลับ เราใช้กระแสตรงแต่ว่าเวลาเราไปเสียบบางบ้านต้องทำออกมาเป็นบ้านกระแสตรงเหมือนกับมีมีปลั๊กอะไรที่เป็นกระแสตรงก็ต้องเป็นกระแสตรง ทีวีข้างในก็เป็นกระแสตรง คอมพิวเตอร์ข้างในก็เป็นกระแสตรง มีที่ไม่เป็นกระแสตรงก็มีตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ พัดลม ที่ไม่เป็นกระแสตรง อย่างอื่นถ้าไม่ใช่พวกเกี่ยวกับความร้อนเป็นกระแสตรงหมดเลย บ้านจะลดได้เยอะก็ต่อเมื่อเราเปลี่ยนระบบไฟฟ้าให้มันเป็นกระแสตรง แสงสว่างก็เป็นกระแสตรง เป็นกระแสสลับที่สุดท้ายเปลี่ยนตรงขั้วหลอดให้เป็นกระแสตรงถ้าเป็นหลอดไฟแบบนี้เป็นกระแสตรงหมดแล้ว ในระยะยาวต้องมีการสร้างบ้านที่มีกระแสตรงในขณะเดียวกันก็อาจมีกระแสสลับเพียงแต่ว่าเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วนเท่านั้นเองที่เสียบกระแสสลับ ถ้าแบบนั้น Solar cell จะได้ประโยชน์เยอะเลย ถ้าเป็นระบบนี้เราก็ต้องมาแปลงอีกเหมือนเราจะเปิดทีวี บ้านเรามี Solar cell เราก็ต้องเอา Solar cell ไปแปลงเป็นกระแสสลับแล้วเอาปลั๊กไฟทีวีไปเสียบไว้มันก็เป็นกระแสสลับเข้ามาแล้ว พอมันเข้ามาก็แปลงให้เป็นกระแสตรงอีก   พวกบริษัทขายแผง Solar cell เขาก็ไม่ได้แนะนำนะว่าบ้านใหม่จะติดแผงควรต้องต่อไฟอย่างไร ไม่ต้องแนะนำเพียงแต่ว่าคุณต้องเชื่อมต่อระบบไปเลย พูดง่ายๆ คือเขาไม่ได้ทำเหมือนมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคทำ มันเหมือนกับคุณมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้ามาติดไว้ที่บ้านเฉยๆ แล้วคุณก็ขายไฟฟ้าเข้าระบบไปทุนที่เหลือก็ยังเป็นเหมือนเดิมทุกประการ ก่อนหน้าที่เขาจะเปิดรับซื้อมีบ้านที่เขาติดในกรณีอย่างนั้นคือเขาติดเพื่อจะลดการใช้ของเขาแต่มีบางบ้านที่เขาติดเพราะไม่ได้รับการสนับสนุนมันก็ลงทุนแพง อย่างมูลนิธิฯ ติดไปแล้วก็ซื้อไฟน้อยลงก็มีจำนวนหนึ่งที่เขาใช้อยู่ พอเขารับซื้อแบบนี้ทุกอย่างก็เปลี่ยนหมดคือเราไม่ต้องสนใจแล้วว่าเราจะใช้อะไร เราก็ขายไปส่วนลดของเราก็ลดรายจ่ายไม่เกี่ยวกับรายได้ที่อยู่บนหลังคา คนที่จะติดได้ก็ต้องมีเงินนอนรอ 2 แสนโดยประมาณ 2 แสนนี้จริงๆ แล้วถ้าเทียบกับการใช้ไฟฟ้าในบ้านก็ประมาณนั้นเหมือนกัน ถ้าสมมติเราทำเพื่อที่จะใช้เองในบ้านประมาณ 2 แสนนี้ก็ถือว่าน่าจะพอได้เพราะก็ต้องทำเชื่อมกับระบบอีกอยู่ดี เพราะบางช่วงที่ไม่มีแสงแดดเราก็ต้องใช้จากระบบ ถ้าช่วงที่แดดเยอะเกินแต่เราไม่ได้อยู่บ้านเราก็ขายให้กับระบบเพราะฉะนั้นในช่วง 2 แสนก็ประมาณ 3 กิโลวัตต์นั้นก็เพียงพอสำหรับบ้านซึ่งไม่ได้ใช้แอร์ ถ้าใช้แอร์ก็ต้องดูว่าเครื่องใหญ่แค่ไหน มีกี่เครื่อง จำนวนคนไม่สำคัญเท่ากับแอร์นะครับเพราะว่าแอร์ส่วนใหญ่กินไฟอย่างน้อยเกือบครึ่งหนึ่งของไฟฟ้าในบ้าน เพราะฉะนั้นถ้ามีแอร์ปุ๊บโจทย์ก็จะเป็นอีกโจทย์หนึ่งเลย แอร์นั้นจริงๆแล้ว 2 กิโลวัตต์ก็น่าจะพอ ส่วนใหญ่ตอนนี้ที่เขาติดๆกันก็ประมาณ 3 กิโลวัตต์แต่มันมักไม่ใช่เป็นโจทย์ในเรื่องการใช้ แต่มันเป็นโจทย์ว่า 2 แสนคนชนชั้นกลางที่รายได้ดีหน่อยก็พอจะลงทุนแต่ถ้าจะลงทุน 4 แสน 5 แสนก็ได้หมด   ส่วนถ้าเป็นต่างจังหวัดที่เราทำงานด้วยที่เป็นเกษตรกรจริงๆ นั้นเขาใช้เยอะก็คือเครื่องสูบน้ำเพื่อการเกษตร แต่การสูบน้ำเพื่อการเกษตรกับการสูบน้ำของคนกรุงเทพฯมันต่างกันนะ การสูบน้ำเพื่อการเกษตรมันไม่ใช้กำลังเยอะเขาต้องการแค่ปั๊มยกขึ้นไปที่สูงไปเก็บไว้ พอตอนเช้ากับตอนเย็นที่เขาเปิดน้ำเขาก็จะให้น้ำมันไหลลงมาเพื่อให้มันมีแรงดันไปตามระบบชลประทานของเขาจึงง่ายมากที่จะทำ Solar cell ที่ไม่ต้องใช้กำลังที่ไม่ต้องใช้กำลัง Solar cell เยอะก็เหมือนกับไม่ต้องลงทุนเยอะ อีกอันหนึ่งที่ผมคิดว่าจำเป็นโดยปริยายคืออนาคตในสถานะเครื่องมือช่วยเรื่องของภัยพิบัติก็น่าจะใช้อันนี้ได้เพียงแต่ว่าเรายังไม่มีเซ็ตสำเร็จรูปว่าบ้าน 1 หลังชาร์จแบตฯ ได้อะไรประมาณนี้ อยู่ที่ถูกน้ำท่วมมันควรจะเป็นอย่างไร เครื่องปั๊มน้ำบ้านถ้าขายพ่วงแบบนี้แม้จะเป็นการขายเข้าระบบ แต่ถ้ามีตรงนี้ได้ถ้าถึงวันนั้นคุณจะขายเข้าระบบทำไม ไฟจากระบบไม่จ่ายมาคุณก็ไม่ต้องขายเข้าระบบคุณก็ตัดใช้ในบ้านคุณ ในวันที่น้ำท่วมถ้าคุณยังขายเข้าระบบแล้วระบบเขากลัวน้ำท่วมเกิดตัดไฟหรือระบบเกิดล่มคุณก็ต้องตัดไฟที่คุณขายให้มันมาลงที่บ้าน ทีนี้เรามีอุปกรณ์เสริมถ้าเราทำลักษณะแบบนี้คนที่อยู่บ้านก็จะใช้ประโยชน์ได้ เราไม่ได้เอาความคิดชุดนี้ไปร่วมด้วยเราก็จะใช้ความคิดว่าขายเพื่อไปเอาเงินมาอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วการมี Solar cell มันแปลว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมันจะอย่างนี้ได้ แต่คุณต้องแนะนำอย่างนี้ติดต่อกับเร้าเตอร์ได้เลย ถ้าเกิดเหตุอะไรเกิดขึ้นคุณก็สั่งอินเตอร์เน็ตได้เลยโดยที่คุณไม่ต้องไปพึ่งหรือมันมีอะไรสักอย่าง ผมไม่ได้เชี่ยวชาญการสื่อสารนะแต่ว่าคุณจะสื่อสารได้แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าคุณมีแผง Solar cell แบบนี้เขาเรียกคล้ายๆตัว Hub ของ Wifi  ถ้าคุณขายคอนเซ็ปต์แบบนี้มันจะช่วยการใช้มันไปได้ดีกว่าการมองเรื่องการลงทุนอย่างเดียว

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point