ฉบับที่ 95 กล้องดิจิทัล

กลับมาอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานกับผลการทดสอบกล้องดิจิทัล (ครั้งสุดท้ายอยู่ในฉบับที่ 74) ผลการทดสอบที่นำมาฝากสมาชิกในฉบับนี้ เราได้จากองค์กรทดสอบระหว่างประเทศ ICRT (International Testing Research and Testing) ที่ได้ทำการทดสอบไว้ในระหว่างเดือนกันยายน ถึง ธันวาคม ปีที่แล้ว แม้ผู้ที่ส่งกล้องเข้าทดสอบนั้นเป็นองค์กรในกลุ่มประเทศยุโรป แต่กล้องส่วนใหญ่นั้นผลิตในประเทศทางเอเชียอย่างจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี (มีบ้างที่ผลิตในไทยและอินโดนีเซีย) จึงพอที่จะมีผลการทดสอบของกล้องรุ่นที่มีขายในบ้านเราอยู่บ้างข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือในราคาเดียวกันกับเมื่อสองสามปีที่แล้ว เราสามารถซื้อกล้องที่สเปคสูงขึ้นได้ สมาชิกฉลาดซื้อหลายท่านก็คงจะมีกล้องอยู่แล้วและอาจไม่จำเป็นต้องอัพเดทตามกล้องที่มีขายในสมัยนี้ที่เน้นจุดขายที่ความละเอียดของภาพที่สูงขึ้น ดูจากรุ่นที่ทดสอบนั้นไม่มีรุ่นไหนต่ำกว่า 8 ล้านพิกเซล กันเลย (ซึ่งความจริงแค่ 4 ล้านก็หรูแล้วสำหรับการใช้งานบันทึกภาพท่องเที่ยว หรือปาร์ตี้ ของครอบครัวเพื่อนฝูงอย่างเราๆ)

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า150 Point

ฉบับที่ 95 Blacklist บัตรเครดิตเจ้าไหนใจร้ายสุด

ปีที่ผ่านมานักวิจัยของฉลาดซื้อได้รวบรวมแผ่นพับเชิญชวนให้คนเป็นหนี้ เอ้ย…ไม่ใช่ เชิญคนสมัครเป็นสมาชิกบัตรเครดิตเกือบทุกเจ้าในประเทศไทย โดยรวบรวมทั้งที่เป็นธนาคารและไม่ใช่ธนาคาร แล้วก็ลองพินิจพิเคราะห์ดูว่า แต่ละเจ้ามีความใส่ใจในผู้บริโภคมากแค่ไหน ข้อความมีความละเอียดเพียงพอต่อการตัดสินใจหรือมีการระบุข้อความอะไรที่เข้าข่ายจะละเมิดสิทธิผู้บริโภคบ้าง ปรากฎว่าข้อมูลเยอะมากมายจนสามารถทำเป็นซีรี่ส์เรื่องบัตรเครดิตยอดเยี่ยม ยอดแย่ได้ทีเดียว แต่เพราะเนื้อที่เราจำกัดมาก ฉบับนี้จึงขอนำเสนอเฉพาะกรณีเกี่ยวกับการทวงหนี้ ซึ่งพบว่ามีผู้ประกอบการหลายเจ้าทีเดียว ที่ระบุเสียชัดเจนว่า สามารถทวงหนี้กับใครอื่นก็ได้ที่ไม่ใช่เรา แต่จะอ่านเจอหรือไม่ อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสายตาของผู้บริโภคเพราะว่า ตัวอักษรมันเล็กมากๆ น้อยกว่า 2 มิลลิเมตรเสียอีก ฉลาดซื้อทดสอบ1.บัตรเครดิต ที่ระบุเงื่อนไขว่า บริษัทฯ สามารถกระทำการทวงถามติดตามหนี้สินได้ จากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือบัตร ได้แก่ ธนาคารทหารไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารยูโอบี และ บ.จีอี แคปปิตอล ประเทศไทย จำกัด (เฟิร์สช้อยส์ วีซ่า, บัตรเซ็นทรัล มาสเตอร์การ์ด, บัตรเครดิต โรบินสัน วีซ่า, บัตรเครดิต เทสโก้ วีซ่า)2.บัตรสินเชื่อบุคคล ที่ระบุเงื่อนไขว่า บริษัทฯ สามารถกระทำการทวงถามติดตามหนี้สินได้ จากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือบัตร ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ (สินเชื่อหมุนเวียนสปีดี้แคช/สินเชื่อบุคคลสปีดี้โลน) บ.จีอี แคปปิตอล ประเทศไทย จำกัด (สินเชื่อเงินสด พาวเวอร์บาย) 

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า150 Point

ฉบับที่ 94 อะฟลาท็อกซิน สารพิษที่อันตรายที่สุดในโลก

อะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) เป็นสารพิษที่เกิดจากเชื้อรา และเป็นสารพิษที่พบปนเปื้อนในอาหารมากที่สุดชนิดหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่า อาหารอะไรก็ตามที่เกิดเชื้อราได้ ย่อมมีโอกาสปนเปื้อนอะฟลาท็อกซินได้ แต่ส่วนใหญ่อาหารที่มักพบอะฟลาท็อกซิน ได้แก่ อาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วลิสง เช่น ถั่วลิสงดิบ ถั่วลิสงคั่วที่ใช้ปรุงอาหาร หรือถั่วลิสงเคลือบ ทั้งยังพบในถั่วชนิดอื่นๆ รวมถึงข้าวและข้าวโพดได้อีกด้วย  นอกจากนี้ยังพบในแป้งต่างๆ อย่างแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว แป้งท้าวสาลี แป้งมันสำปะหลัง  และบรรดาอาหารอบแห้งทั้งหลาย ได้แก่ พริกแห้ง พริกป่น พริกไทย งา ปลาแห้ง กุ้งแห้ง กระเทียม หัวหอม ผัก ผลไม้อบแห้ง  เครื่องเทศต่างๆ หรือแม้แต่สมุนไพร ชา ชาสมุนไพร และกาแฟคั่วบด อะฟลาท็อกซิน ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ เนื่องจากวิธีการปรุงอาหารด้วยความร้อนแบบธรรมดาๆ เช่น การทอด หุง นึ่ง ต้ม ไม่สามารถทำลายพิษอะฟลาท็อกซินให้หมดไปได้ เพราะอะฟลาท็อกซินทนความร้อนได้สูงถึง 260 องศาเซลเซียส ระดับความเป็นพิษของอะฟลาท็อกซิน องค์การอนามัยโลกจัดให้เป็นสารก่อมะเร็งที่ร้ายแรงมากที่สุดชนิดหนึ่ง ปริมาณของอะฟลาท็อกซินเพียง 1 ไมโครกรัม สามารถทำให้เกิดการกลายพันธุ์ในแบคทีเรีย และทำให้เกิดมะเร็งในสัตว์ทดลองได้เมื่อได้รับสารนี้อย่างต่อเนื่อง อย่างที่กล่าวไปข้างต้น อะฟลาท็อกซินใกล้ชิดกับมนุษย์มากเพราะมีอยู่ในอาหารที่เราบริโภคประจำวัน แม้จะไม่ค่อยพบการเกิดพิษอย่างเฉียบพลัน เพราะปริมาณที่บริโภคเข้าไปในแต่ละครั้งมีไม่มาก แต่ก็นับว่ามีความเสี่ยงของการเกิดพิษสะสม ซึ่งหากร่างกายได้รับสารพิษนี้เป็นประจำ จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งตับ โรคมะเร็งที่ทุกวันนี้ติดอันดับคร่าชีวิตคนไทยมากที่สุดโรคหนึ่ง (ปัจจุบันคนไทยทุกๆ 100,000 คน จะเสียชีวิตเพราะมะเร็งในตับ 51.7 คน) ดังนั้นผู้บริโภคควรให้ความสนใจและตระหนักถึงพิษภัยของอะฟลาท็อกซิน เพื่อจะได้หาทางป้องกันและหลีกเลี่ยง มิให้เกิดเป็นความเสี่ยงต่อสุขภาพ ชนิดของอะฟลาท็อกซินอะฟลาท็อกซิน เป็นสารพิษที่เกิดจากเชื้อราในกลุ่ม แอสเปอร์จิลลัส ฟลาวัส (Aspergillus flavus) และ แอสเปอร์จิลลัส พาราซิติกัส (Aspergillus parasiticus) ซึ่งเป็นเชื้อราที่พบได้ในอาหาร ทั้งที่ยังไม่ผ่านการแปรรูปและที่แปรรูปแล้ว ตามธรรมชาติ อะฟลาท็อกซินจะมีอยู่ทั้งหมด 4 ชนิด ได้แก่ อะฟลาท็อกซินชนิด B1  B2 G1 และ G2  โดยอะฟลาท็อกซิน B1 เป็นชนิดที่ร้ายแรงที่สุด (อะฟลาท็อกซิน B1 เป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งในตับสัตว์ทดลองหลายชนิดอย่างชัดเจนจึงอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์ได้เช่นกัน)ฉลาดซื้อแนะวิธีเลี่ยงพิษอะฟลาท็อกซิน1.อะฟลาท็อกซินเกิดจากเชื้อราในกลุ่ม แอสเปอร์จิลลัส ฟลาวัส (Aspergillus flavus) และ แอสเปอร์จิลลัส พาราซิติกัส (Aspergillus parasiticus) ซึ่งเชื้อราเหล่านี้จะเจริญได้ดีในอาหารที่มีความชื้นมากๆ ผู้บริโภคสามารถสังเกตเห็นเชื้อรานี้ได้ด้วยตาเปล่า เพราะจะมีสีเขียวอมเหลืองหรือสีเขียวเข้ม ดังนั้นเมื่อพบว่าถั่วหรืออาหารที่มีราสีเขียวอมเหลือง ก็ให้ทิ้งไปทั้งหมดอย่านำมาปรุงอาหารเด็ดขาด กรณีที่พบว่าเป็นปัญหาอย่างหนึ่งคือ ผู้บริโภคมักคิดว่า การปาดเอาส่วนที่เป็นเชื้อราออกไปจากอาหาร จะสามารถบริโภคส่วนที่ดูด้วยตาเปล่าว่ายังมีสภาพดีอยู่ได้ นั่นเป็นความคิดที่ผิด เพราะสารพิษที่เชื้อราได้สร้างขึ้นได้กระจายไปในส่วนอื่นของอาหารแล้ว การนำมาบริโภคจึงเป็นการนำสารพิษเข้าสู่ร่างกายโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์โดยแท้2. อาหารที่มีแนวโน้มเกิดเชื้อราได้ อย่าง พริกแห้ง กระเทียม เครื่องเทศต่างๆ ไม่ควรซื้อมาเก็บไว้ในปริมาณมาก ควรซื้อเท่าที่จำเป็นต้องใช้ และการเก็บรักษาต้องเก็บในที่แห้งสนิทไม่เกิดความชื้นจนทำให้เชื้อรามีโอกาสเจริญเติบโต จนก่อสารพิษที่จะมาทำร้ายสุขภาพ  ไม่เพียงแต่อาหารแห้ง แม้แต่ผักหรือผลไม้ ก็เช่นกัน ควรซื้อในปริมาณน้อย เลือกให้มีความสุกดิบคละกัน เพื่อจะได้รับประทานผลไม้ที่สดทุกวัน หากเลือกซื้อที่สุกทั้งหมด อาจรับประทานไม่ทัน ผลไม้ที่เหลือจะขึ้นราได้ 3.หลีกเลี่ยงถั่วลิสงคั่วที่ดูเก่าหรือมีความชื้นหรือมีกลิ่นหืน เพราะมีโอกาสที่จะพบการปนเปื้อนของอะฟลาท็อกซินได้สูงมาก เป็นไปได้ก็ไม่ควรรับประทานให้บ่อยหรือรับประทานในปริมาณมาก 4.อาหารที่เกิดเชื้อราได้ง่าย ควรเลือกซื้อจากแหล่งผลิตที่ไว้ใจได้ หีบห่อมิดชิด และควรสดใหม่ ไม่เป็นสินค้าที่เก็บค้างไว้นานหลายเดือน อย่าซื้ออาหารที่มีกลิ่นอับหรือกลิ่นหืน ซึ่งแสดงถึงความเก่าเก็บหรือการเก็บรักษาที่ไม่ดี 5. หากสงสัยว่าอาหารจะมีราขึ้น ให้ทิ้งอาหารนั้นเสียทั้งหมด อย่าทิ้งเฉพาะส่วน นอกจากนี้กระดาษหรือกล่องที่สัมผัสกับอาหารที่ขึ้นราให้ทิ้งไปด้วย เพื่อป้องกันการนำเชื้อราไปปนเปื้อนอาหารอื่น 6. อุปกรณ์เครื่องครัว รวมทั้งเขียงที่ใช้ควรล้างให้สะอาด ในระหว่างเตรียมอาหารควรซับให้แห้งอยู่เสมอ อย่าให้มีราขึ้นพึงระลึกไว้เสมอว่าสภาพแวดล้อมในบ้านเรา เป็นแบบร้อนชื้นที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์และเชื้อรา จึงต้องใส่ใจและระวังเรื่องการเก็บรักษาอาหาร ตลอดจนเครื่องครัวต่างๆ ให้พ้นจากความชื้นเพื่อป้องกันสารพิษที่เกิดจากสิ่งมีชีวิตเข้ามาปนเปื้อนในอาหารที่เรารับประทาน ส่วนอาหารที่ขายตามตลาดทั่วไป ก็หมั่นตรวจสอบให้ถี่ถ้วนก่อนซื้อ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงลงได้บ้าง -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขไทยกำหนดไว้ว่า ต้องมีอะฟลาท็อกซินอยู่ในอาหารไม่เกิน 20 พีพีบี (20 ไมโครกรัม ต่ออาหาร 1 กิโลกรัม) -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- •    อะฟลาท็อกซิน (aflatoxin) เป็นสารพิษอันเกิดจากเชื้อรา (mycotoxins) คำว่า aflatoxin มาจากคำ 3 คำรวมกัน โดยมาจากชื่อของเชื้อราตัวที่สร้างสารพิษคือ แอสเปอร์จิลลัส ฟลาวัส (Aspergillus flavus) และ คำว่า toxin ที่แปลว่าสารพิษหรือเป็นพิษ•    สารพิษอะฟลาท็อกซินค้นพบเป็นครั้งแรกในประเทศอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ.2503 โดยได้เกิดโรคระบาดร้ายแรงขึ้นกับไก่งวงในประเทศอังกฤษ ทำให้ไก่งวงที่เลี้ยงไว้จำนวนประมาณ 100,000 ตัว ล้มตาย ไปภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ภายหลังจากการศึกษาสาเหตุโดย สถาบันผลิตผลเมืองร้อน (Tropical Products Institute) ของประเทศอังกฤษ (ปัจจุบันคือ Tropical Development and Research Institute) พบว่าสาเหตุการล้มตายของไก่งวงเป็นจำนวนมากนั้นเกิดจากความเป็นพิษของอาหารผสมที่มีถั่วลิสงปน เมื่อได้ตรวจพบแน่ชัดแล้วว่าถั่วลิสงเป็นที่อาศัยของเชื้อราที่ทำให้เกิดพิษนี้ขึ้น จึงได้ทำการตรวจสอบตัวอย่างถั่วลิสงจากประเทศต่างๆ ที่ส่งไปจำหน่ายยังประเทศอังกฤษ ผลปรากฏว่า พบสารพิษนี้จำนวนหนึ่งจากแหล่งใหญ่ๆ ทุกแห่งที่ปลูกถั่วลิสง  --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 93 เปิดบัญชีเงินฝาก คุณเสียเปรียบอะไรบ้าง

คนไทยนิยมเก็บเงินหรือออมเงินในรูปเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์มากที่สุด เพราะเหตุว่ามีความเสี่ยงน้อยและยังได้ผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยเงินฝาก(อยู่บ้าง) บัญชีเงินฝากนั้นมีอยู่หลายประเภท แต่ที่นิยมและสะดวกในการเปิดบัญชีที่สุดคือ บัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์หรือออมทรัพย์ ซึ่งมีจุดเด่นที่ความคล่องตัวในการเบิกถอนเงิน และได้รับการยกเว้นภาษีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ช่วยให้เกิดความสะดวกในการจัดสรรเรื่องเงินๆ ทองๆ ในชีวิตประจำวันได้มาก เพราะเป็นได้ทั้งบัญชีเงินฝากสำหรับการออมเงิน รับเงินเดือน ใช้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าสาธารณูปโภคอื่นๆ ค่าบัตรเครดิต หรือหนี้สินต่างๆ ตามแต่ที่เราจะกำหนด  แต่สิ่งที่เราคิดว่าเป็นเรื่องสะดวกสบายนี้ อาจมีเรื่องไม่คาดคิดที่ทำให้เราเสียเปรียบธนาคารพาณิชย์แบบเต็มๆ โดยเราไม่มีโอกาสล่วงรู้อะไรเลยจนกว่าจะเกิดปัญหาขึ้นเคยสังเกตกันบ้างไหมว่า เวลาเราไปขอเปิดบัญชีหรือขอใช้บริการ บัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ทั้งหลาย เราจะได้กระดาษมาหนึ่งแผ่นเพื่อกรอกขอความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ที่อยู่ …กระดาษแผ่นนี้เรียกว่า “คำขอเปิดบัญชี” ซึ่งไม่ได้มีอะไรสะดุดตาสะดุดใจ แต่สิ่งที่เราส่วนใหญ่พลาดไป คือเอกสารที่เป็น “ข้อตกลงและเงื่อนไขแนบท้ายคำขอเปิดใช้บริการบัญชีเงินฝาก” ที่จะมีทุกธนาคารแต่เราส่วนใหญ่ไม่เคยรู้ หรือรู้แล้วก็ไม่สนใจเพราะช่างมีข้อความมากมาย ซับซ้อน และพนักงานธนาคารก็ไม่เคยมอบสำเนาให้เรา กลับมาอ่านหรืออ่านก่อนลงลายมือเลย ฉลาดซื้อเลยอาสาไปฉกเจ้าข้อตกลงและเงื่อนไขฯ ของธนาคารพาณิชย์ 5 รายใหญ่ ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยาและธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อดูว่า มันมีข้อความอะไรที่ทำให้ผู้บริโภคเสียเปรียบบ้าง โดยได้อาสาสมัครจากเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค 11 จังหวัด (เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา เพชรบูรณ์ สระบุรี ขอนแก่น กาญจนบุรี สมุทรสงครามตราด พัทลุง สตูล) ช่วยกันทำเนียนๆ ไปเปิดบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ แล้วสังเกตวิธีการทำงานของพนักงานธนาคารพร้อมกับขอสำเนาข้อตกลงและเงื่อนไขฯ การเปิดบัญชีมาพิสูจน์อักษรทางกฎหมายกัน ได้ข้อสังเกตที่น่าสนใจดังนี้ ข้อสังเกตจากการขอเปิดบัญชีเงินฝากโดยอาสาสมัคร1.อาสาสมัครของเราทำตัวใสซื่อ เปิดบัญชีด้วยเหรียญบ้าง ธนบัตรบ้างแบบปนๆ กันไป พนักงานธนาคารบางแห่งจะปฏิเสธเหรียญดำๆ และธนบัตรเยินๆ เช่น ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาละงู สตูลบอกให้เปลี่ยนใหม่ แต่บางแห่งพนักงานก็แสดงอาการไม่พอใจชัดเจน เช่น ธ.กสิกรไทย ที่สาขาถนนหน้าเมือง ขอนแก่น และ ธ.กรุงเทพ สาขาท่าแพ เชียงใหม่ “อาสาสมัครรายงานว่า พนักงานแสดงอาการไม่ค่อยพอใจที่จะให้บริการ ถึงแม้อาสาสมัครจะบอกว่านับแยกมาเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าไม่รับฝากให้ไปแลกเงินที่ร้านสะดวกซื้อก่อน ยิ่งเหรียญ 25และ50 สตางค์ พนักงานบอกเลยว่าไม่รับ 2.เมื่ออาสาสมัครขอเปิดบัญชีเงินฝาก ไม่มีพนักงานธนาคารคนใดเลยที่จะบอกให้อ่านเอกสารข้อตกลงหรือเงื่อนไขฯ  หรือแม้แต่หยิบยื่นให้ผู้ขอใช้บริการได้อ่านก่อนเซ็นชื่อ อาสาสมัครสังเกตว่า พนักงานปฏิบัติแบบเดียวกันนี้กับทุกคน โดยส่วนใหญ่กรอกรายละเอียดแค่ใบคำขอเปิดใช้บริการและเซ็นชื่อตามที่พนักงานระบุตำแหน่งให้เซ็นเท่านั้น 3.เมื่ออาสาสมัครทำทีเป็นขอเอกสารมาอ่านหรือขอเอากลับไปอ่านที่บ้านได้ไหม อาสาสมัครบางคนบอกว่าขอไปอ่านก่อนวันนี้ยังไม่คิดเปิดบัญชี พนักงานส่วนใหญ่จะปฏิเสธโดยอ้างว่าเป็นเอกสารของทางธนาคารห้ามนำออกไป สำเนาให้ก็ไม่ได้  บางธนาคารเช่น ธ.กรุงไทย สาขาย่อยโลตัส หางดง เชียงใหม่ บอกว่า เป็นระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ห้ามไม่ให้นำเอกสารออกไป  หรือ ธ.กรุงไทย สาขาถนนกลางเมือง ขอนแก่น บอกว่า เงื่อนไขต่างๆ มีในสมุดบัญชีหมดแล้ว แต่ก็มีธนาคารที่ยินดีให้อาสาสมัครนำสำเนาคู่ฉบับออกมาได้แบบเต็มใจให้ คือ ธนาคารกรุงเทพ แต่จะให้ต่อเมื่อมีผู้ร้องขอเท่านั้น ส่วน ธ.กสิกรไทย ธ.กรุงไทย ธ.กรุงศรีอยุธยา และธ.ไทยพาณิชย์ มีบางสาขาเท่านั้นที่จะอะลุ้มอล่วยให้เอกสาร หรือให้ทำสำเนาข้อตกลงหรือเงื่อนไขฯ ออกมาได้ เช่น ธ.กสิกรไทย สาขาพะเยา แต่ต้องเซ็นชื่อรับเอกสาร ธ.กรุงไทย สาขาพัทลุง ธ.กรุงศรีอยุธยา สาขาพะเยาและสาขาพัทลุง ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาพะเยา (คนพะเยาน่าฮักขนาด) 4.ยอดเงินขั้นต่ำการเปิดบัญชี ส่วนใหญ่ได้รับการแจ้งจากพนักงานแบบอัตโนมัติว่า 500 บาท ซึ่งตามความเป็นจริง อาสาสมัครในหลายพื้นที่สามารถฝากต่ำกว่านั้นได้ จากรายงานพบว่า มีตั้งแต่ 100 – 500 บาท  บางที่พนักงานก็ย้อนถามว่า “จะฝากเท่าไหร่ล่ะ” หรือบางแห่งก็บอกเลยว่า “ให้ฝาก 500 ดีกว่า เพราะหากต่ำกว่า 500 บาท ถ้าบัญชีไม่มีการเคลื่อนไหว จะโดนหักค่ารักษาบัญชีเดือนละ 50 บาท” (ธ.กรุงไทย สาขาพัทลุง) 5.พนักงานบางธนาคารแจ้งแก่อาสาสมัครว่า ต้องทำบัตรเอทีเอ็มด้วยจึงจะสามารถเปิดบัญชีเงินฝากได้ ได้แก่ ธ.กรุงเทพ สาขาหล่มสัก ธ.กรุงไทย สาขาย่อยโลตัส หางดง เชียงใหม่ และสาขาย่อยโลตัส ลำปาง ธ.กรุงศรีอยุธยา สาขาพะเยา สาขากาญจนบุรี เฉพาะที่ ธ.กรุงศรีอยุธยา สาขาเชียงใหม่ พนักงานแจ้งว่าถ้าไม่ทำบัตรเอทีเอ็ม ต้องเปิดบัญชีขั้นต่ำ 2,000 บาท ธ.ไทยพาณิชย์ท่าแพ เชียงใหม่ กับ ธ.กรุงเทพ สาขาท่าแพ ก็เล่นมุขเดียวกัน (เชียงใหม่เหมือนกันเน้อ)   6.ค่าธรรมเนียมบัตรเอทีเอ็ม และบัตรเดบิต จะต่างกันประมาณ 50 – 100 บาท โดยทุกธนาคารจะเพิ่มทางเลือกให้ปวดหัวอีก เช่น บัตรเอทีเอ็มธรรมดา บัตรเอทีเอ็มบัตรทอง บัตรเอทีเอ็มแบบมีประกันชีวิต ซึ่งค่าธรรมเนียมจะยกระดับขึ้นไปอีก แต่สำคัญคือ ทุกธนาคารจะคิดค่าธรรมเนียมรายปีทันทีที่ขอเปิดใช้บริการเอทีเอ็ม จากนั้นเมื่อครบปีก็จะเก็บใหม่7.จากรายงานในพื้นที่พบว่า ส่วนใหญ่พนักงานจะส่งเสริมให้ทำบัตรเดบิตมากกว่าบัตรเอทีเอ็ม โดยให้เหตุผลว่าเป็นบัตรที่ใช้แทนเงินสดได้เลย เมื่อซื้อสินค้าหรือบริการในร้านค้าที่เปิดรับบัตรเดบิตและก็เป็นบัตรเอทีเอ็มไปพร้อมกันด้วย บางธนาคารบอกเลยว่า ถ้าทำบัตรเอทีเอ็มจะต้องรอนานเพราะไม่ค่อยมีคนนิยมทำ หรือบางแห่งก็บอกว่า บัตรเอทีเอ็มธรรมดา หมด8.บริการฝากเงิน กรณีที่เป็นเหรียญ ธนาคารจะคิดเงินเมื่อต้องนับเกินหลักพันบาทขึ้นไป ในอัตรา ร้อยละ 1-2 บาท ถ้าต่ำกว่านั้นก็ไม่คิดค่านับแต่อาจปฏิเสธแบบนุ่มนวลว่า ให้ไปแลกร้านสะดวกซื้อมาก่อนนะจ๊ะ ผู้บริโภคเสียเปรียบอะไรบ้างหลังจากอาสาสมัครของเราสามารถนำเอกสารข้อตกลงหรือเงื่อนไขแนบท้ายคำขอเปิดบัญชีเงินฝากจากธนาคารทั้ง 5 แห่งมาได้แล้ว ฉลาดซื้อสรุปเป็นประเด็นสำคัญได้ 5 ประการ ที่คิดว่าผู้บริโภคเสียเปรียบเห็นๆ คือ การชำระหนี้ การเปิดเผยข้อมูลผู้บริโภค การจัดส่งเอกสาร การสงวนสิทธิเปลี่ยนแปลงข้อตกลง และการปฏิเสธรับผิดชอบการถอนเงินโดยบุคคลอื่น ดูรายละเอียดในตาราง      

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า150 Point

ฉบับที่ 93 กระติกต้มน้ำร้อน

ฉลาดซื้อฉบับนี้ยังวนเวียนอยู่กับของร้อน ผลทดสอบที่นำมาเสนอสมาชิกคราวนี้คือกระติกต้มน้ำร้อนไฟฟ้า ซึ่งน่าจะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ทุกบ้าน หรือทุกออฟฟิศต้องมี คราวนี้ฉลาดซื้อส่งกระติกต้มน้ำไฟฟ้าที่มีจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า และห้างค้าปลีก ในกรุงเทพมหานคร ทั้งหมด 9 รุ่น (เราซื้อ 3 ตัวต่อรุ่น โดยแยกซื้อจากห้างต่างๆกัน) เพื่อให้ “เครือข่ายนักวิชาการเพื่อผู้บริโภค” เป็นผู้ทำการทดสอบและเขียนบทความประกอบให้กระติกน้ำทั้ง 9 รุ่นได้แก่ 1.    โตชิบา    PLK - 25 AD    2.    โตชิบา     PLK- G22 GS    3.    ชาร์ป    KP- 19S    4.    ชาร์ป    KP- 31BT    5.    พานาโซนิค NC-TWF226.    ซันโย    DKT- 126    7.    Duomo    APA- 2810 B    8.    ฮานาบิชิ    HAP- 525T    9.    มิตซูมารุ    AP- 225K    ตารางแสดงข้อมูลจำเพาะและผลทดสอบ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า150 Point

ฉบับที่ 91 มือถือยี่ห้อไหน ใส่ใจสังคมมากที่สุด

ฉลาดซื้อเคยนำเสนอผลทดสอบโทรศัพท์มือถือกันไปแล้วในฉบับก่อนๆ คราวนี้ขอนำสมาชิกไปรู้จักเบื้องหลังการถ่ายทำของอุปกรณ์เหล่านั้นกันบ้างว่าบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์ดังกล่าวที่มีสาขาไปทั่วโลกนั้นได้แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมในเรื่องของการให้ลูกจ้างได้มีสภาพการทำงานที่ดี การพยายามลดผลกระทบของการผลิตและตัวผลิตภัณฑ์ต่อสิ่งแวดล้อม และการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะกันอย่างไรบ้างสิ่งที่เรานำมาฝากผู้อ่านในฉบับนี้คือผลการสำรวจความรับผิดชอบต่อสังคม (หรือที่เรียกกันทั่วไปตอนนี้ว่า CSR ซึ่งย่อมาจาก Corporate Social Responsibility) ของผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดของโลก 5 บริษัท ได้แก่ แอลจี โมโตโรลา โนเกีย ซัมซุง และโซนี อิริคสัน ที่ครอบครองส่วนแบ่งตลาดโลกถึงร้อยละ 75 และ 4 ใน 5 ของแบรนด์เหล่านี้ (โมโตโรลา โนเกีย ซัมซุง และโซนี อิริคสัน) มีส่วนแบ่งถึงร้อยละ 75 ของตลาดโทรศัพท์มือถือในยุโรป เจ้าภาพที่ทำการสำรวจครั้งนี้ได้แก่องค์กรยูโรคอนซูเมอร์ (Euroconsumers) ใช้วิธีการส่งแบบสอบถามไปยังบริษัทเหล่านั้น สัมภาษณ์ผู้รับผิดชอบด้าน CSR พร้อมกับศึกษารวบรวมข้อมูลจากสื่อและงานวิจัยต่างๆ ในระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ. 2549 – มกราคม พ.ศ. 2550 คะแนนความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า150 Point

ฉบับที่ 90 ผลทดสอบเตารีด

  *เตารีดที่ทำการทดสอบ ซื้อมาจากตลาดทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยการสุ่มซื้อ 8 ยี่ห้อ ยี่ห้อละ 3 ตัว ** การทดสอบการรีด ให้อาสาสมัคร จำนวน 3 คน รีดผ้าดิบขนาด 1 ตารางเมตร โดยเตรียมผ้าดิบให้มีรอยยับมาก ปรับเตารีดให้มีอุณหภูมิและระดับไอน้ำสูงสุด *** ผลการรีดให้ดูรอยยับที่ยังเห็นด้วยตาเปล่าได้ **** การทดสอบปล่อยให้เตารีดตกลงมานั้น ทำขณะเตารีดมีความร้อนสูงสุดและมีกระแสไฟไหลผ่าน หลังจากเตารีดตกลงมากระทบพื้นปูนแล้ว สำรวจดูความเสียหายที่เกิดขึ้น (ทุกรุ่นเกิดรอยบิ่นเล็กๆ ที่บริเวณมุมบนของแผ่นฐาน) หลังจากนั้นตรวจดูการทำงานของเทอร์โมสตัต และตัวเครื่องว่ามีรอยรั่วซึมหรือไม่   Tefal Primagliss 30 Swissplus SPI-140 Philips GC 1710   Panasonic NI-F10 NS Mamaru MR-796 GSD AIKO ETA- 8D Pensonic PSI-1002 SKG SK-1870 ข้อมูลทั่วไป ราคา [บาท] 990   990 795 890 399 550   กำลังไฟฟ้า [วัตต์] 1175-1400 1460 1325 1200 2000 1200 1200 1200 น้ำหนัก [กิโลกรัม] 0.89 0.84 0.79 0.89 1.12 0.60 0.79 1.29 พื้นที่ผิวของแผ่นฐาน [ตารางเซนติเมตร] 190 186 151 172 178 143 172 315 เคลือบเทฟลอนที่แผ่นฐาน เคลือบ ไม่เคลือบ เคลือบ เคลือบ เคลือบ เคลือบ เคลือบ เคลือบ ความยาวสายไฟ [เซนติเมตร] 165 160 168 159 167 159 168 114 ความจุของแทงค์น้ำในเตารีดสูงสุด [มิลลิลิตร] 280 200 250 200 200 180 200 350 อุณหภูมิสูงสุดของแผ่นฐาน [องศาเซลเซียส] 186- 207           194- 246 196- 240 188- 216 236- 258 216- 220 180-230 175-238   การใช้งาน     4 ดาว 2 ดาว 2 ดาวครึ่ง 3 ดาวครึ่ง 4 ดาว 2 ดาว 2 ดาวครึ่ง 3 ดาว การเติมน้ำ สะดวก สะดวก ไม่สะดวก สะดวก สะดวก ไม่สะดวก สะดวก สะดวก การรีด** ผลการรีด*** ลื่นมาก   ผ้าเรียบ ไม่ลื่น   ผ้าไม่เรียบ ลื่น   ผ้าไม่เรียบ ลื่น   ผ้าเรียบ ลื่น   ผ้าเรียบ ไม่ลื่น   ไม่เรียบ ไม่ลื่น   ไม่เรียบ ลื่น   ผ้าเรียบ แท่งดักตะกรัน มี ไม่มี มี ไม่มี มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี คู่มือการใช้งาน ความน่าใช้ เข้าใจง่าย ภาพประกอบ ใช่ ใช่ มี ไม่ใช่ ไม่ใช่ มี ไม่ใช่ ไม่ใช่ มี ใช่ ใช่ มี ใช่ ใช่ มีน้อย ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่มี น่าใช้ ไม่ใช่ มีน้อย น่าใช้ ไม่ใช่ มีน้อย--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------Tefal Primagliss 30น้ำหนักเบา เติมน้ำสะดวก และบรรจุน้ำได้มาก ทำให้ไม่ต้องเติมน้ำบ่อย หากต้องรีดผ้าเป็นเวลานาน รีดผ้าได้เรียบ และลื่นมาก นอกจากนี้ข้อดีของเตารีดยี่ห้อนี้คือมีแท่งดักตะกรัน สามารถกำจัดตะกรันได้สะดวก Swissplus SPI-140น้ำหนักเบา รีดไม่ลื่น และเมื่อพิจาณาความเรียบของผ้าหลังการรีดแล้วปรากฏว่าผ้าไม่เรียบ ไม่ได้เคลือบเทฟลอนที่แผ่นฐาน มีฟังค์ชันพิเศษ ที่ต่างจากเตารีดยี่ห้ออื่น คือ มีฟังค์ชันรีดแบบแนวตั้ง แต่หลังจากที่ทำการทดสอบการรีดผ้าตามฟังค์ชันดังกล่าว ปรากฏว่าผ้าไม่เรียบเหมือนกับการรีดแบบแนวนอนธรรมดา นอกจากนี้ตัวเตารีดที่เป็นพลาสติกเกิดการแตกหัก ขณะทำการทดสอบวัดอุณหภูมิPhilips GC 1710 และ GC 1711น้ำหนักเบา การเติมน้ำไม่สะดวก และเป็นรุ่นเดียวที่ไม่มีหัวฉีดน้ำ รีดผ้าได้ลื่นดี แต่หลังจากทดสอบการรีดผ้าแล้ว ปรากฏว่าผ้าไม่เรียบ มีแท่งดักตะกรัน และเรื่องหนึ่งที่เป็นจุดอ่อนก็คือ คู่มือการใช้งาน ที่ไม่สะดวกต่อการใช้Panasonic NI-F10 NSน้ำหนักเบา การเติมน้ำสะดวก รีดผ้าได้ลื่นดี ผ้าเรียบ คู่มือการใช้งานน่าใช้ มีภาพประกอบและเข้าใจง่ายMamaru MR-796 GSDน้ำหนักมาก การเติมน้ำสะดวก รีดผ้าได้ลื่นดี ผ้าเรียบ มีแท่งดักตะกรัน คู่มือการใช้งานน่าใช้และเข้าใจง่าย ถึงแม้ว่าจะมีภาพประกอบน้อยAIKO ETA- 8Dน้ำหนักเบามาก การเติมน้ำไม่สะดวก การรีดผ้าไม่ลื่น และหลังจากทดสอบการรีดผ้า ผ้าไม่เรียบ ข้อด้อยอีกอย่างหนึ่งก็คือ คู่มือการใช้งานที่ไม่สะดวกต่อการใช้ เตารีดยี่ห้อ AIKO 1 ตัว หลังทดสอบอุณหภูมิสูงสุด เกิดความเสียหายที่แผ่นฐาน คือเทฟลอนมีรอยย่น และนูนออกมา ชัดเจน Pensonic PSI-1002น้ำหนักเบา เติมน้ำสะดวก การรีดผ้าไม่ลื่น และหลังจากทดสอบการรีดผ้า ผ้าไม่เรียบ ข้อด้อยอีกอย่างหนึ่งก็คือ คู่มือการใช้งานที่ไม่สะดวกต่อการใช้งานSKG SK-1870น้ำหนักมาก เป็นเตารีดที่มีขนาดใหญ่ การเติมน้ำสะดวก รีดผ้าลื่น และหลังจากทดสอบการรีดผ้า ผ้าเรียบ ข้อด้อยที่เด่นชัดสำหรับเตารีดรุ่นนี้คือ สายไฟสั้นมากทำให้รีดไม่สะดวก ข้อด้อยอีกอย่างหนึ่งก็คือ คู่มือการใช้งานที่เข้าใจยากและมีภาพประกอบน้อยคำแนะนำทั่วไปในการเลือกซื้อและใช้เตารีดไอน้ำ•    ก่อนซื้อควรลองจับเตารีดดู พิจารณาว่าน้ำหนักเหมาะกับเราหรือไม่ คือไม่หนักไม่เบาเกินไป และคนที่ถนัดมือซ้ายต้องดูด้วยว่าเตารีดเหมาะกับการใช้งานหรือไม่•    พิจารณาว่าช่องเติมน้ำ นั้น สามารถเติมน้ำได้ง่ายหรือไม่ และสามารถเห็นระดับน้ำที่เติมได้ชัดเจน•    ดูความยาวของสายไฟว่ายาวพอหรือไม่ โดยเฉพาะถ้าต้องรีดผ้าในบริเวณที่ห่างจากเต้าเสียบไฟ เพื่อจะได้ไม่ต้องหาปลั๊กสามตา•    ไม่ควรเติมสารเคมีอื่นใดลงไปในแท็งค์บรรจุน้ำ เพราะอาจทำให้เตารีดชำรุดได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดคราบหรือรอยสกปรกบนผ้าได้เช่นกัน•    ปัจจุบันนี้เตารีดไอน้ำได้ออกแบบและพัฒนา มาเพื่อให้ใช้งานได้กับน้ำประปา และมีวิธีการกำจัดตะกรันด้วยเครื่องดักตะกรัน ถ้าความกระด้างของน้ำสูงมาก ก็ควรผสมน้ำกลั่นลงไปในอัตรา 1: 1 และควรจะทำการกำจัดตะกรันอย่างสม่ำเสมอ เพราะฉะนั้นในการเลือกซื้อเตารีดควรพิจารณาด้วยว่ามีแท่งดักตะกรันหรือไม่

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า150 Point

ฉบับที่ 89 สมาร์ทโฟน

มาแล้วพี่น้อง คราวนี้เป็นผลทดสอบโทรศัพท์สารพัดนึก หรือที่เราเรียกกันว่าสมาร์ทโฟน เป็นทั้งโทรศัพท์ และคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาด้วย เรียกว่าให้คุณใช้งานได้หลากหลายขึ้นตั้งแต่ทำงานเอกสารอย่างโปรแกรมเวิร์ด เอกเซล ไปจนถึงท่องอินเทอร์เน็ต และรับ/ส่งจดหมายเล็กทรอนิกส์  ผลทดสอบครั้งนี้จัดให้ตามที่แฟนพันธุ์แท้ของฉลาดซื้อได้แวะเวียนมาขอไว้เป็นการส่วนตัวที่บูธของเราในงานสัปดาห์หนังสือครั้งที่ผ่านมา ทีมงานมั่นใจว่าน่าจะมีสมาชิกของเราอีกหลายท่านที่สนใจอยากหาเจ้าสมาร์ทโฟน (หรือพีดีเอโฟนอย่างที่หลายคนเรียกกัน) มาไว้ใช้เป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ช่วยให้การทำงาน และการจัดการชีวิตส่วนตัวเป็นไปอย่างสะดวกสบายรวดเร็ว เพื่อจะได้ใช้เวลากับครอบครัวเพื่อนฝูงให้มากขึ้น โทรศัพท์รุ่นที่นำมาทดสอบในครั้งนี้มีทั้งหมด 23 รุ่น แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่รุ่นที่เป็นพีดีเอพื้นฐาน รุ่นที่มีเพียงคีย์บอร์ดอย่างเดียว รุ่นที่มีจอสัมผัสอย่างเดียว และรุ่นที่มีทั้งสองอย่างให้เลือก  มีราคาตั้งแต่ 8,000 32,000 บาท ผลการทดสอบในภาพรวมปรากฏว่าสมาร์ทโฟนทุกรุ่น สามารถใช้งานเป็นโทรศัพท์มือถือได้ในระดับที่ยอมรับได้ (ยกเว้น เอชทีซี   X7500 ที่ได้คะแนนฟังก์ชั่นโทรศัพท์น้อยกว่ารุ่นอื่นๆ) แต่จะมีความแตกต่างกันอยู่ในด้านของการใช้งานเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาที่มีตั้งแต่รุ่นที่ได้คะแนนมากที่สุด ได้แก่ แอปเปิลไอโฟน ไปจนถึงรุ่นที่ได้คะแนนในระดับต่ำกว่าขั้น “พอใช้” อย่าง เอชพี Ipaq 514  เอชทีซี P3300 และ ซัมซุง SGH-i600 เช่นเดียวกับเรื่องของการใช้งานที่ต้องมีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่พบว่ามีความแตกต่างกันพอสมควร มีถึง 6 รุ่นจาก 23 รุ่นที่ได้คะแนนด้านนี้ต่ำกว่าขั้น “พอใช้”  และมีอีก 6 รุ่นเช่นกันที่ทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์เครื่องเสียงได้ไม่ดีนัก ส่วนการใช้งานเป็นอุปกรณ์นำทางนั้น เรียกได้ว่ายังไม่มีรุ่นไหนโดดเด่นน่าสนใจ >>>ดาวน์โหลดรายละเอียด

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า150 Point

ฉบับที่ 88 อุปกรณ์หูฟังบลูทูธ ตอบรับความต้องการ “โทรไม่ถือ”

ถึงวันนี้ทุกคนคงทราบกันแล้วว่ากฏหมายห้ามไม่ให้ใช้มือหรือใช้คอไปถือมือถือ ขณะที่กำลังขับรถ ใครยังจำเป็นต้องโทรอยู่แต่ไม่อยากโดนจับก็อย่าลืมหาอุปกรณ์ดังกล่าวมาพกติดตัวไว้ ฉลาดซื้อเล่มนี้ขอถือโอกาสนำเสนอผลทดสอบมาให้ได้ใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อ ตามงบประมานที่สะดวกใจ สบายกระเป๋า (อันนี้ก็แล้วแต่ขนาดกระเป๋าของแต่ละคน)ผลทดสอบครั้งนี้เราได้จากการทดสอบที่องค์กรเพื่อผู้บริโภคของประเทศในยุโรปและอเมริกาได้ทำไว้ ในช่วงปลายปี 2550 (ชาวฉลาดซื้อคงจำกันได้ว่าเราเป็นสมาชิกขององค์กรทดสอบระหว่างประเทศหรือ ICRT ที่มีการทดสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อยู่อย่างสม่ำเสมอ) อุปกรณ์บลูทูธทุกรุ่นที่นำมาทดสอบมีฟังก์ชั่นโทรออกได้ด้วยเสียง และมีปุ่มปรับความดังของเสียงที่ตัวอุปกรณ์ (ยกเว้น Sony-Ericsson HBH-IV835 และ Nokia BH-100)  และสามารถเรียกซ้ำหมายเลขล่าสุดที่โทรออกได้ (ยกเว้น Sony-Ericsson HBH-PV 705 และ Logitech Mobile Freedom)ทุกตัวมีระยะรับสัญญาณบลูทูธ 10 เมตร ยกเว้น Sony-Ericsson HBH-IV835 และ Sony-Ericsson HBH-PV702 ที่รับสัญญานได้ 5 เมตร อุปกรณ์ที่นำทำมาทดสอบส่วนใหญ่ผลิตในประเทศจีน ยกเว้น Plantronics ที่ผลิตในประเทศเม็กซิโก และ LG และ SUMSUMG ที่ผลิตในเกาหลี  **หมายเหตุ:  ก่อนตัดสินใจซื้ออย่าลืมตรวจสอบราคาอีกครั้ง พร้อมกับหาโอกาสทดลองใส่ดูว่ารู้สึกสบายหรือไม่ พร้อมทั้งตรวจสอบให้ดีว่าอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถใช้ร่วมกับมือถือที่คุณมีอยู่หรือไม่  --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ทำไมต้องฟันสีน้ำเงิน??อุปกรณ์บลูทูธนั้นหลายคนรู้จักกันอยู่แล้วเป็นเทคโนโลยีในการเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์สองชนิด ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์กับมือถือ หรือหูฟังกับมือถือเป็นต้น แต่มันเกี่ยวอะไรกับบลูทูธ หรือ ฟันสีน้ำเงินด้วย เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อปี  1994 บริษัทสัญชาติสวีดิช ที่มีนามว่าอิริคสัน โมบาย คอมมูนิเคชั่น เขาได้ริเริ่มศึกษาความเป็นไปได้ในการนำเอาคลื่นวิทยุกำลังต่ำมาสร้างการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์  และต่อมาในปี 1998 ก็มีบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีก 4 แห่ง (ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็แบรนด์ใกล้ๆตัวคุณอย่าง โนเกีย ไอบีเอ็ม โตชิบา และอินเทล)  เข้ามาร่วมด้วย จนถึงทุกวันนี้เทคโนโลยีดังกล่าวถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์สื่อสารแบรนด์ต่างๆมากมาย  เมื่อสามารถสร้างมาตรฐานในการสื่อสารแบบไร้สายขึ้นมาได้ บริษัทอิริคสัน ก็ตั้งชื่อเจ้าสิ่งนี้ว่าบลูทูธ เพื่อเป็นเกียรติแก่กษัตริย์ไวกิ้งนาม Harald Bluetooth กษัตริย์พระองค์นี้เป็นที่รู้กันดีในหมู่ชาวสแกนดิเนเวียว่าเป็นผู้ผนวกดินแดนระหว่างเดนมาร์กกับนอร์เวย์ และนำคริสศาสนามาเผยแพร่ให้ผู้คนในดินแดนสแกนดิเนเวียนทั้งหมดคำว่า Bluetooth นั้นบางตำนานก็ว่าเป็นเพราะพระองค์โปรดปรานบลูเบอรี่เป็นพิเศษ เสวยบ่อยมากจนฟันดูเป็นสีนำเงินตลอดเวลา แต่บ้างก็ว่าคำนี้เพี้ยนมาจาก  Blatand ในภาษาแดนิช ที่แปลว่า ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีผิวสีคล้ำ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หูฟังแบบโมโน

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า150 Point

ฉบับที่ 87 โทรศัพท์มือถือ

ถึงวันนี้ผู้อ่านฉลาดซื้อส่วนใหญ่คงมีโทรศัพท์มือถือกันหมดแล้ว แต่เนื่องจากเรามีผลทดสอบโทรศัพท์มือถือครั้งล่าสุดจากองค์กรทดสอบระหว่างประเทศ (ICRT) อยู่ จึงคิดว่าน่าจะนำมาบอกต่อกัน เพราะหลายคนอาจสงสัยว่าโทรศัพท์ที่ทุกวันนี้เป็นอุปกรณ์สารพัดนึกที่ทำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่โทรออก รับสายเข้า ถ่ายรูป และฟังเพลง มันทำทุกอย่างได้ดีมากน้อยต่างกันอย่างไร เผื่อจะนำมาเปรียบเทียบกับราคาขาย เอาไว้เป็นทางเลือกสำหรับการซื้อโทรศัพท์เครื่องต่อไป รุ่นที่นำมาทดสอบทั้งหมดส่งเข้าทำการทดสอบโดยองค์กรผู้บริโภคจากประเทศในยุโรปตั้งแต่ต้นปี 2551 ทุกรุ่นมีจอสี มีเสียงเรียกเข้าแบบโพลีโฟนิค สามารถเป็นเครื่องเล่น MP3 และมีระบบการเชื่อมโยงข้อมูลแบบไร้สาย (บลูทูธ) ส่วนท่านที่สนใจสมาร์ทโฟนก็อดใจรออีกนิด ICRT ส่งผลทดสอบให้เมื่อไร รับรองว่าฉลาดซื้อจะรีบนำมาบอกต่อทันที ผลการทดสอบในภาพรวมปรากฏว่าโทรศัพท์ส่วนใหญ่ไม่แตกต่างกันมากนักในเรื่องของฟังก์ชั่นการใช้เพื่อโทรศัพท์ แต่จะไปแตกต่างกันที่ฟังก์ชั่นการถ่ายภาพ ฟังเพลง หรือ ส่งข้อความ และโดยส่วนใหญ่จะได้คะแนนในระดับพอใช้ขึ้นไปในทุกๆด้าน จะมีต่ำกว่าขั้น “พอใช้” อยู่บ้างไม่กี่รุ่น เช่น อัลคาเทล OT_C701 ที่ใช้ถ่ายภาพได้ไม่ดีนัก หรือ ลีวายส์ The Original, โนเกีย 5610 Xpress Music, โนเกีย 8600 Luna ที่ยังได้คะแนนจากฟังก์ชั่นการใช้ฟังเพลงที่น้อยกว่ารุ่นอื่นๆ  และโมโตโรล่า Motorazr Z8 และ Motorazr (ยกกำลังสอง) V8 ที่ไม่เข้าตากรรมการเรื่องการออกแบบให้เหมาะกับมือซักเท่าไร  แต่ถ้าพูดเรื่องความทนทาน ที่หลายๆคนให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆนั้นก็ต้องยกให้กับห้ารุ่นต่อไปนี้ ที่สามารถผ่านการทดสอบทั้งน้ำฝน ความสั่นสะเทือน การขีดข่วน ด้วยคะแนนเต็ม ได้แก่ อัลคาเทล OT_C701, โนเกีย 8600 Luna, โมโตโรล่า Motorazr (ยกกำลังสอง) V8, โซนี่ อิริคสัน T650i และ ซัมซุง SGH-E210    

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า150 Point