ฉบับที่ 165 สัญลักษณ์ในผลิตภัณฑ์เครื่องนุ่งห่ม

โดย ดร.ไพบูลย์ ช่วงทอง เครือข่ายนักวิชาการเพื่อผู้บริโภค ประธานอนุกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ด้านสินค้าและบริการปัจจุบันคนทั่วไปจะซักผ้าโดยใช้เครื่องซักผ้า เพราะมีความสะดวก และประหยัดกว่าการจ้างซัก เสื้อผ้าที่เราซื้อมาใช้นั้น ถ้าเป็นเสื้อผ้าที่มีคุณภาพระดับส่งออก มักจะมีป้ายที่ติดสัญลักษณ์ไว้ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกโปรแกรมในการซักได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับชนิดของเสื้อผ้า ซึ่งจะทำให้เสื้อผ้าที่เราซื้อมานั้นมีอายุการใช้งานได้นานขึ้น บทความครั้งนี้ ขอเสนอความหมายของสัญลักษณ์ ที่เรามักพบเห็นได้บนเสื้อผ้า เพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้บริโภคที่ฉลาด (smart consumer) ในการเลือกใช้งานสำหรับการซัก รีด เสื้อผ้าของเราได้อย่างถูกต้อง แสดงวิธีการซัก (washing): โปรแกรมซักผ้าสี ซักแบบถนอมผ้าปานกลาง และซักผ้าแบบถนอมผ้าที่สุด ความหมายของตัวเลขในกล่องหมายถึงอุณหภูมิของน้ำที่จะใช้ซักผ้า เครื่องซักผ้าบางรุ่น บางยี่ห้อ สามารถเลือกโปรแกรมการซัก โดยกำหนดอุณหภูมิในการซักได้ เช่น 95 หมายถึงซักในน้ำที่อุณหภูมิ 95 องศาเซลเซียสได้ การเลือกใช้โปรแกรมซักผ้าที่อุณหภูมิสูงนั้น เป็นการซักผ้าสี และเป็นผ้าที่มีความทนทานสูง สามารถใส่ผ้าลงไปในเครื่องซักผ้าในปริมาณมากๆ ของการซักแต่ละครั้งได้ 60 หมายถึงซักในน้ำที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสได้ การเลือกใช้โปรแกรมซักผ้าที่อุณหภูมินี้นั้น เป็นการซักแบบถนอมผ้า (delicate wash program) และเป็นผ้าที่มีความทนทาน ขีดหนึ่งขีดที่ใต้กล่อง หมายถึงควรใส่ผ้าในปริมาณหลวมๆ ที่ไม่แน่นมาก 30 หมายถึงซักในน้ำที่อุณหภูมิไม่เกิน 30 องศาเซลเซียสได้ การเลือกใช้โปรแกรมซักผ้าที่อุณหภูมินี้นั้น เป็นการซักแบบถนอมผ้าที่สุด (fine wash program) เช่นผ้าขนสัตว์ ขีดสองขีดที่ใต้กล่อง หมายถึงควรใส่ผ้าในปริมาณน้อยๆ ไม่แน่นจนเกินไป ซักด้วยมือ   หมายถึงควรซักด้วยมือ ในน้ำที่อุณหภูมิไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส และไม่ควรแช่ผ้าทิ้งไว้ในน้ำเป็นเวลานานๆ เครื่องซักผ้าบางรุ่นได้พัฒนาความสามารถ โดยมีโปรแกรมการซักเหมือนกับการซักด้วยมือ   ห้ามซักผ้าด้วยเครื่อง ต้องซักแห้งโดยใช้น้ำยาเคมีเท่านั้น เวลาเลือกซื้อเสื้อผ้า ควรตรวจดูฉลากด้านใน ของเสื้อผ้าด้วย เพราะถ้าซื้อมาแล้วซักด้วยเครื่องหรือซักมือไม่ได้ ก็ต้องจ้างซัก ซึ่งมีราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น แสดงวิธีการฟอกขาว (Bleaching) สัญลักษณ์ รูปสามเหลี่ยม หมายถึง เราสามารถฟอกเสื้อผ้าได้ ไม่ว่าจะฟอกด้วยออกซิเจน หรือ ฟอกด้วยคลอรีน ถ้าเป็นสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมที่มีเส้นขวางสองเส้นอยู่ด้านใน หมายความว่า แนะนำให้ฟอกด้วยออกซิเจน     สัญลักษณ์แสดงการ ห้ามฟอกขาว   ถ้าเสื้อผ้ามีสัญลักษณ์นี้ ให้เราเข้าใจว่า ห้ามฟอกขาว และควรต้องเลือกใช้ผงซักฟอกสำหรับซักผ้าสี ไม่ควรใช้ผงซักฟอกสำหรับซักผ้าขาว เพราะจะทำให้สีซีดได้ สัญลักษณ์แสดงการรีด สัญลักษณ์ ที่แสดงเป็นรูปเตารีด หมายถึง สามารถรีดเสื้อผ้าโดยใช้ความร้อนได้ โดยขนาดความร้อนที่ใช้รีด ดูได้จากจำนวนจุด ถ้ามี สามจุดหมายความว่า สามารถรีดโดยใช้ความร้อนสูงได้ (200 องศาเซลเซียส) สองจุดขนาดความร้อนปานกลาง (150 องศาเซลเซียส) หนึ่งจุดขนาดความร้อนเล็กน้อย (100 องศาเซลเซียส) ซึ่งสามารถปรับขนาดความร้อนตามเตารีดให้ตรงตามปริมาณจุด ที่กำหนดไว้ในเสื้อผ้าได้   สัญลักษณ์ห้ามรีด เป็นสัญลักษณ์ที่ บอกว่า ห้ามรีด ถ้านำเสื้อผ้าไปรีด ก็อาจทำให้สีตก หรือ สีเพี้ยนไป และอาจทำให้เสื้อผ้าฉีกขาดเสียหายได้ เพราะความร้อนทำให้เนื้อผ้าละลาย สัญลักษณ์สำหรับการใช้เครื่องอบแห้ง เป็นรูปสี่เหลี่ยม ด้านในเป็นรูปวงกลม จุดสองจุดหมายถึง สามารถเลือกใช้โปรแกรมสำหรับการอบแห้งใด ๆ ก็ได้ แต่ถ้ามีจุดเดียวต้องเลือกใช้โปรแกรมที่มีอุณหภูมิต่ำในการอบ   เพราะอาจทำให้เสื้อผ้าเสียหายได้จากความร้อนของเครื่องอบผ้า     ฉลาดซื้อแล้ว ก็ต้องฉลาดใช้ ด้วยนะครับ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 99 มาทำเครื่องสำอางผิดกฎหมายกันเถอะ

มาทำเครื่องสำอางผิดกฎหมายกันเถอะโดย แนวร่วมส่งเสริมประชาธิปไตยในการผลิตเครื่องสำอางผิดกฎหมายแห่งชาติ “กระตุ้นเศรษฐกิจของชาติด้วยกัน จงขยันผลิตจำหน่าย”สวัสดี ครับ พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน กระผมในนามของประธานแนวร่วมส่งเสริมประชาธิปไตยในการผลิตเครื่องสำอางผิด กฎหมายแห่งชาติ ขอเชิญชวนท่านทั้งหลาย มาร่วมกันกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติ โดยการผลิตเครื่องสำอางกันเถอะครับ เพราะในยุคนี้ สมัยนี้ ใครๆ ต่างก็รักสวยรักงามกันทั้งนั้น ไม่เชื่อก็ดูเอาซิครับ เครื่องสำอางน่ะโฆษณากันโครมๆ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ใครๆ ไม่ว่าหญิงหรือชาย เด็กหรือแก่ ก็แย่งกันซื้อมาใช้ แต่ท่านสมาชิกครับ ขืนเราลงไปแข่งกับเขา ก็ตายซิครับ เราต้องหาช่องว่างทางการตลาดที่จะแย่งส่วนแบ่งส่วนนี้ให้ได้ กระผมพบแล้วครับ ช่องทางการตลาดที่เหมาะกับเรามากที่สุดคือ ช่องทางของเครื่องสำอางผิดกฎหมายไงครับ   ท่าน สมาชิกอย่าเพิ่งเบ้หน้าซิครับ อย่ากลัวครับ อย่ากลัว รักจะทำผิดแล้วจะกลัวได้อย่างไร ท่านไม่เห็นหรือครับว่าทุกวันนี้หน่วยราชการเขาก็เที่ยวไล่ตามจับเครื่อง สำอางผิดกฎหมายกันอยู่ทุกวัน แล้วเป็นไงครับ มันหมดหรือเปล่า ไม่หมดใช่มั้ยครับ นั่นย่อมแสดงให้เห็นชัดเจนได้เลยว่าตลาดของเครื่องสำอางผิดกฎหมายของเรายัง สามารถเติบโตได้อีกเยอะครับ   แม้ จะเป็นการเสี่ยงกฎหมาย แต่เพื่อเป็นการส่งเสริมให้สมาชิกทุกท่านมีโอกาสร่ำรวยแบบกระผม ในโอกาสนี้ กระผมขอแนะนำเคล็ดลับในการผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางผิดกฎหมาย เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้นำกลับไปทำมาหากินเพื่อตัวท่านเอง และเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติ อันเป็นการช่วยประเทศได้อีกทางเลยนะครับ และไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ออกนะครับ เพราะวันนี้กระผมจะแนะนำให้ครบวงจร หมดไส้หมดพุงเลยครับ เรียกว่ามางานนี้ครั้งเดียวกลับไปรวยและเลยครับ หมายถึงรวยเห็นๆ นะครับไม่ใช่รวยจนเละตุ้มเป๊ะนะครับ ขั้นตอนที่หนึ่ง หาวัตถุดิบสรรพคุณวิเศษประการ แรกเลย ท่านสมาชิกต้องตั้งสติให้ดีก่อนนะครับว่าจะผลิตผลิตภัณฑ์อะไร งานนี้คนธรรมดาทำไม่ได้นะครับ ต้องมีสมองและยิ่งขี้โกงนิดๆ จะยิ่งแจ๋วไปเลยครับ เคยมีสมาชิกบางท่านไปทำดินสอพองผสมสีย้อมผ้า แม้ว่าจะเป็นนวัตกรรมผิดกฎหมายที่เยี่ยมยอด แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดครับ นึกดูซิครับใครจะไปใช้ดินสอพองได้ทุกวัน กลายเป็นขายได้เฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น ต้องนี่ครับ กระผมขอแนะนำ เครื่องสำอางสำหรับใบหน้าและผิวขาว ครับ เพราะยุคนี้ใครๆ ก็อยากหน้าขาวผิวขาวกันทั้งนั้น ถึงจะบางคนพ่อดำ แม่ดำ ก็ยังอยากจะขาวตะเกียกตะกายขวนขวายซื้อมาใช้จนได้ วัตถุ ดิบก็ไม่ยากครับ มีสารตั้งหลายตัวที่เราซื้อมาใช้ได้ พวกนี้แม้ราชการเขาจะห้ามใช้ในเครื่องสำอาง แต่เขาไม่ห้ามที่ผลิตเป็นยา ก็เลยมีสารเคมีเหล่านี้วางจำหน่ายได้ เวลาไปซื้อเราก็บอกว่า จะซื้อไปให้คุณหมอที่คลินิกซิ ไอ้ครีมที่หน้าขาวๆ ที่จ่ายตามคลินิกน่ะบางตัวเขาก็ผสมสารพวกนี้นะ แล้วก็อ้างว่าใช้รักษาคนไข้เฉพาะราย ทั้งๆ ที่ เห็นๆ ใครๆ ก็เข้ามาขอซื้อได้ ความจริงการผลิตยาขายเขาต้องมาขออนุญาตผลิตก่อนนะ แต่ใครจะไปตามจับตามตรวจได้หมดล่ะ พูด ไปเรื่อย แนะนำสารเคมีดีกว่า สมาชิกรู้จักมั้ย สารไฮโดรควิโนน น่ะ ตัวนี้เจ๋งมากนะครับ ทาไม่เท่าไหร่หน้าจะขาววอกเลย แต่อย่าเผลอไปบอกคนใช้ล่ะ ว่าถ้าใช้ไปนานๆ หน้าจะด่างแบบถาวรรักษาไม่หาย อีก ตัวก็ ปรอทแอมโมเนีย ไอ้ตัวนี้ใช้เยอะมันจะซึมเข้าไปถึงไต ไตพังนะ แต่อย่ากังวลครับ คนยุคนี้เขากินโน่นใช้นี่มากมาย เวลาเจ็บป่วยชอบมาโบ้ยโทษว่าเกิดจากสารปรอทแอมโมเนียของเรา จริงๆ มันก็มีส่วนนะแหละ แต่ทำไมไม่คิดล่ะว่าชาติที่แล้วไปทำกรรมอะไรไว้ก่อน ตัว สุดท้ายก็ กรดวิตามินเอ ตัวนี้สุดยอด สิวหายหน้าใสเลยล่ะ แต่อาการข้างเคียงคือ ปวดแสบปวดร้อนตรงผิวที่ทาเจ้าตัวนี้ลงไปครับ และปกติเขาห้ามใช้ในคนท้องนะ เพราะมันจะซึมไปถึงลูกในท้องจนพิการ แต่อย่าคิดมากครับ คนท้องคนไส้ที่ไหนจะมาทาครีมผิวขาว ขืนคิดมากจะไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจนะอย่าลืม ขั้นตอนที่สอง ผลิตง่ายๆ ไม่ต้องจ่ายภาษีพอ ได้สารสำคัญๆ ครบแล้ว ก็เข้าสู่การผลิตเลย ทำไม่ยากหรอกครับ เดี๋ยวผมจะให้สูตรนะครับ สถานที่ก็ไม่ต้องใหญ่โตหรอก ขืนใหญ่โตเกินไปสรรพากรจะตามมาเก็บภาษี เจ้าหน้าที่จะตามกลิ่นได้ เอาแบบนี้เลยครับ ที่นิยมมากๆ คือไปเช่าทาวน์เฮ้าส์ว่างๆ แล้วผลิตที่นั่นเลย แต่แนะนำให้ทำหลังบ้านนะครับ ล็อคประตูบ้านให้ดีล่ะ เผื่อเจ้าหน้าที่ดมกลิ่นตามมาถูก แต่กว่าจะพังเข้ามาได้ เราจะได้หนีทัน แต่ที่ประหยัดที่สุด แนะนำให้ผลิตในรถตู้เลยครับ มีเตาแก๊ส กาละมัง กระบวย ไม้พาย แค่นี้ก็ต้มๆ กวนๆใส่กระปุกขายได้แล้ว สุดยอดไหมล่ะครับ เจ้าหน้าที่ก็ตามจับไม่ได้หรอกเพราะรถมันไม่ได้อยู่กับที่น่ะ แถมทำปุ๊บส่งของได้ปั๊บเลยเด็ดมั้ยครับ ผลิต เสร็จแล้วต้องหาภาชนะบรรจุสวยๆใส่นะ ขืนใส่ถุงพลาสติกรัดยางขาย ดูมันจะกระจอกเหมือนน้ำมันทอดซ้ำที่ขายแบกะดินชอบกล พยายามหน่อยนะท่านสมาชิก หากระปุก หาขวดที่รูปร่างสวยงามกันหน่อย กระปุกแบบใส่ดินสอพอง ใส่เต้าหู้ยี้ไม่เอานะครับ เอากระปุกแบบยี่ห้อดังๆ เลย อย่าลืมว่าคนสมัยนี้บางคนเขาเลือกซื้อเครื่องสำอางตามหน้าตาของภาชนะบรรจุ ด้วย เสร็จแล้วก็ออกแบบฉลากให้มันสวยงามทันสมัยหน่อย แม้กฎหมายจะบังคับให้เครื่องสำอางต้องแสดงฉลากเป็นภาษาไทย และต้องมีรายละเอียดให้ครบถ้วน เช่น ชื่อเครื่องสำอาง ส่วนประกอบ ปริมาตรปริมาณที่บรรจุ วันผลิตหรือหมดอายุ รวมทั้งสถานที่ผลิต แต่เพื่อความปลอดภัยจากเงื้อมมือของกฎหมาย กระผมแนะนำให้แสดงฉลากเป็นภาษาประกิตเลย ผู้ซื้อจะได้ดูว่าเป็นของนอก ถ้าคิดไม่ออกก็ทำฉลากปลอมยี่ห้อดังๆ เลยง่ายดี ส่วนที่อยู่ผู้ผลิตท่านสมาชิกก็อย่าซื่อเกินเหตุไปบอกที่อยู่จริงล่ะ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะตามมาเยี่ยมถึงบ้าน ใส่ให้มันคลุมเครือหาไม่เจอเอาไว้ก่อนดีกว่า ไม่ต้องกลัวว่าลูกค้าจะหาซื้อไม่ได้ เรามีวิธีขายครับ ขั้นตอนที่สาม ขายง่าย ขายดี เขาทำกันแบบนี้การ ขายเครื่องสำอางผิดกฎหมายนั้น จะให้วางขายแบบปกติคงไม่ได้ เราต้องมีวิธีการขายที่แยบยล ยิ่งฉลาดกว่าเจ้าหน้าที่ เราจะยิ่งประสบความสำเร็จครับ กระผมขอแนะนำวิธีขาย 2-3 แบบครับ แบบ แรก เราก็วางขายหน้าร้านไปเลย วางในจุดที่เด่น ไม่ต้องหลบซ่อน เพราะเดี๋ยวจะมีพิรุธ ถ้าเจ้าหน้าที่มาตรวจ เราก็อ้างว่า มีคนมาฝากวางขาย เราไม่รู้หรอกว่ามันถูกหรือผิดกฎหมาย ใครจะไปรู้ ถ้าเจ้าหน้าที่ถามว่า ทำไมไม่ใช้ชุดทดสอบเครื่องสำอางที่ราชการแจกไปทดสอบก่อนขายล่ะ เถียงไปเลยครับว่า ทุกวันนี้ก็แทบไม่มีเวลาทำมาหากินแล้วยังจะให้มาทดสอบอีก แล้วใครจะไปจำวิธีทดสอบได้ล่ะ ดูสีอะไรกันแยกไม่ถูกหรอก มันไม่ได้จำง่ายๆ แบบแทงหวยนี่นา และ หากจะเพิ่มยอดการจำหน่ายให้มากขึ้น แนะนำให้วางในที่ที่เจ้าหน้าที่นึกไม่ถึง เพราะส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่ก็จะมาตรวจตามร้านเสริมสวย ร้านขายของชำหรือตามตลาดนัด สมาชิกของเราบางท่านเคยนำไปวางขายในร้านเบเกอรี่ ร้านขายเครื่องเขียน กระบะขายผักก็มีมาแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ไม่เคยมาตรวจพบ ไหมล่ะ เจ๋งไหมครับวิธีนี้ ท่านสมาชิกครับ อย่าเพิ่งหยุดแค่นี้นะ กระผมแนะนำให้ท่านสมาชิกนำผลิตภัณฑ์ไปขายตรง แบบปากต่อปากเพื่อส่งเสริมธุรกิจไปด้วย เพราะการขายแบบนี้ มันโฆษณาตัวต่อตัวได้เวอร์มากกว่าวิธีอื่นๆ แถมไม่ต้องเสียค่าแผง ไม่ต้องเสียภาษี ไปไหนก็เอาไปด้วยได้ง่ายๆ เวลาขายก็อ้างพวกดาราหน้าสวยๆ งามๆ ได้เลย ลูกค้าที่ไหนเขาจะโทรไปเช็คกับดาราล่ะ หรือไม่ก็อ้างว่าได้มาจากคลินิกก็ได้ ดูมันขลังดีเหมือนกันเพราะเหมือนผ่านมือหมอมาแล้ว แถมก็ไม่ต้องกังวลเรื่องฉลากที่ไม่ครบถ้วนอีกด้วย ไม่เชื่อไปดูซิ พวกที่หลุดมาจากคลินิกน่ะ ฉลากถูกกฎหมายมีมั้ย น้อยมากใช่มั้ยครับ หรือจะอ้างว่าผลิตโดยทีมอาจารย์จากหมา เอ๊ย มหาวิทยาลัยดังๆ แค่นี้คนก็อยากได้กันจะแย่แล้ว ขั้นตอนที่สี่ การขยายธุรกิจที นี้ถ้าธุรกิจเราเริ่มเติบโตขึ้นไปอีก เราก็ต้องเริ่มมีโฆษณาแล้ว ตอนนี้ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพราะถือว่าเราอยู่ในที่โล่ง เจ้าหน้าที่อาจจะมาตรวจสอบได้ ไม่เป็นไรครับ อย่ากลัว จำคำขวัญของเราให้ดี “กระตุ้นเศรษฐกิจของชาติด้วยกัน จงขยันผลิตจำหน่าย”   ก็ เราก็มีสถานที่และเครื่องสำอางให้เขาตรวจตอนขออนุญาตแล้วนี่ ส่วนที่จะทำขายจริงๆ น่ะ เราก็แอบไปหาที่อื่นทำก็ได้ ให้มันรู้กันไปเลยว่า ใครจะฉลาดกว่ากัน เราหรือเจ้าหน้าที่ ส่วน การโฆษณาน่ะไม่ยากถ้าทำเป็นเอกสาร ใบปลิวหรือสิ่งตีพิมพ์ก็ทำให้มันสวยงามน่าเชื่อถือ ใส่ภาษาอังกฤษไปเยอะๆ แล้วก็ใส่ข้อความตามใจชอบที่จะสามารถดึงดูดใจลูกค้าให้ได้ อ้างผลการทดลองต่างๆ จริงบ้างเท็จบ้างไม่เป็นไร คนซื้อเขาชอบ ยิ่งโฆษณาโอ้อวดว่า ผลิตภัณฑ์ของเรามันรักษาโรคโน้นโรคนี้ได้ยิ่งดี แม้ว่ามันจะผิดกฎหมายก็อย่าไปกลัวครับ เพราะมันจะดูน่าเชื่อถือ คุ้มครับคุ้มมากๆ แต่ที่สำคัญ เราอย่าเผลอไปลงชื่อของเรา หรือสถานที่ผลิตของเราล่ะ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะตามมาถึงเรา สมาชิก บางท่านถามกระผมถึงการทำสปอตโฆษณาทางวิทยุ ก็เหมือนกันครับ ทำไปเถอะ กว่าเจ้าหน้าที่จะรู้ กว่าจะตามอัดเทปโฆษณา กว่าจะเชิญเราไปพบ เราก็หนีหายได้ทัน ส่วน การโฆษณาทางโทรทัศน์อันนี้ต้องลงทุนหน่อย อย่าหาพรีเซนเตอร์เพียงคนเดียว มายืนพูดปาวๆ อันนั้นมันเก่าไปแล้ว เดี๋ยวใครเขาจะคิดว่าเราขายเครื่องสำอางแผนโบราณ ต้องแบบนี้เลยครับ ไปจ้างดาราและนักวิชาการที่น่าเชื่อถือมาพร้อมๆ กันเลย อ้อ! ลืมบอกไปว่าต้องเอาดาราที่หน้าสวยๆ งามๆ หล่อๆหน่อยนะ หน้าตาเห่ยๆ อย่าเผลอไปจ้างมาล่ะ แต่นักวิชาการหากเห่ยไปบ้างพอรับได้ครับเพราะมันดูน่าเชื่อถือว่าเป็นตัว จริง แล้วก็ไปแทรกในรายการสุขภาพต่างๆ เวลาจัดรายการก็ให้โฆษกมันต่อยหอยพูดเจื้อยๆไปเถอะ เพ้อเจ้ออะไรก็ได้ ขอให้สนุกและน่าสนใจ แต่อย่าลืม ให้โฆษกพูดชื่อสารที่มีในเครื่องสำอางของเรากรอกหูคนดูไปบ่อยๆ และพอได้จังหวะคนดูเริ่มเคลิ้ม ก็ให้หันมาถามนักวิชาการว่าไอ้สารตัวนี้มันคืออะไร มันดีอย่างไร ตรง นี้ต้องเตี๊ยมกับนักวิชาการทั้งหลายก่อนว่า ไม่ได้จ้างมาโฆษณานะ จ้างมาให้พูดแนะนำความรู้เกี่ยวกับสารต่างๆ ให้ประชาชนรู้จัก เพราะนักวิชาการพวกนี้ บางคนเขามีสภาของเขาดูแลอยู่ ขืนไปโฆษณาการันตีสินค้าสุ่มสี่สุ่มห้าจะถูกลงโทษได้ พวกนี้เขาจะกลัว อันนี้ต้องชี้แจงเขาให้ดี พอนักวิชาการพูดเสร็จ ก็ถึงท่อนฮุคแล้วครับ ให้โฆษก ถามดาราเลยว่าไอ้ที่หน้าตาสวยๆ งามๆ หล่อๆ แบบนี้เขาใช้อะไร ที นี้ก็ให้ดาราที่จ้างมา กระหน่ำพรั่งพรูถึงสารเคมี ยี่ห้อ สินค้า สรรพคุณ เรียกว่าพูดน้ำไหลไฟดับให้คุ้มค่าจ้างไปเลยยิ่งดี พวกนี้เขาเก่งครับ เล่นได้สมบทบาท ส่วนของจริงเขาจะใช้หรือใม่ใช้ ไม่ต้องไปกังวลครับ ไม่มีใครตามมาเช็คหรอก และขอให้จบตรงที่โฆษกมอบของที่ระลึกให้ทั้งนักวิชาการและดารา ไม่ต้องไปหาถ้วยชามสังคโลกหรือพระเครื่องอะไรมามอบนะ เอาไอ้เครื่องสำอางของเรานั่นแหละมอบให้ ไปเลย เหมือนบอกคนดูแบบอ้อมๆ ว่าสุดท้ายก็ไปไหนหรอก ใช้ของเราหมดเลย ทั้งดาราและนักวิชาการ ลืม บอกไปอีกอย่าง พวกอุปกรณ์ประกอบฉาก ต้องหาให้เกี่ยวหรือเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์ของเราให้ได้ เช่น รูป สี ข้อความ หรือแม้กระทั่ง ฉากหลัง ภาษาวงการเขาเรียกว่า โฆษณาแฝง อย่าคิดมาก ขนาดละครโทรทัศน์ทุกวันนี้มันยังโฆษณาแฝงมากกว่าเราอีก เป็น ไงครับ สมาชิกเรา เริ่มมีความหวังที่จะร่ำที่จะรวยกันแล้วใช่มั้ยครับ แต่ยังครับ เราต้องป้องกันความเสี่ยงด้วย เพราะเราทำผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมาย ขืนไม่บอกเคล็ดลับสุดท้าย ก็แย่ซิ เราต้องหาทางป้องกันความเสี่ยงของธุรกิจไว้ด้วย   ขั้นที่ห้า ปฏิบัติการแก้ต่างเพื่อพ้นผิดถ้า ลูกค้ามาโวยวายว่าใช้เครื่องสำอางของเราแล้วแพ้ อย่าตกใจครับ ตั้งสติให้ดี ค่อยๆ บอกเขาว่า ตัวยากำลังออกฤทธิ์ ผิวหน้าผิวหนังกำลังลอกคราบ พยายามอ้างโน้นอ้างนี้ บอกให้ใจเย็นๆ แต่ถ้าลูกค้าดันไป โวยวายร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ อ้างไปเลยว่า รู้ได้อย่างไรว่าเกิดจากเครื่องสำอางของเรา มีพยานพิสูจน์หรือเปล่า หรือเอาสูตรสำเร็จไปอ้างเลยว่า เอาของคนอื่นมาปลอมเพื่อมาเรียกร้องรีดเงินจากบริษัทรึไง แต่ต้องระวังหน่อยนะตอนนี้เขามีกฎหมายวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคที่ทางศาลเขา จะรับเรื่องได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งจะมีกฎหมายความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ ปลอดภัย ซึ่งถ้าผู้บริโภคเขาเสียหายก็จะมาร้องให้เราต้องรับภาระพิสูจน์ ดังนั้นเตรียมอะไรในเบื้องต้นให้มันคลุมเครือสับสนไว้ก่อนจะยิ่งปลอดภัยแก่ ตัวเราเอง แต่ ถ้าเจอของแข็ง โดนเจ้าหน้าที่ตรวจจับ ตั้งสติให้ดีนะครับ ถ้าเขาจับผลิตภัณฑ์ของเราได้จากที่อื่น ให้อ้างไปเลยครับว่า ของปลอม เราทำของถูกกฎหมายนะ ไอ้ที่เจ้าหน้าที่จับมาได้เป็นของคนอื่นมาปลอมของเราต่างหาก เขาก็อ้างอย่างนี้กันทั้งนั้นแหละ เห็นมั้ย ไอ้ที่เจ้าหน้าที่เขาประกาศกันโครมๆ ไม่เห็นมีเจ้าของรายไหนยอมรับว่าเป็นของตนเองสักราย อ้างแต่ว่าคนอื่นมาปลอม ทั้งๆ ที่ตนเองก็เป็นผู้เสียหาย เสียชื่อเสียง แต่ไม่เห็นเดือดร้อน ถ้าเป็นสินค้าอื่นๆ เจ้าของเขาให้สินบนนำจับไปแล้ว อ้างไปเถอะอย่าอาย ต้องด้านๆ เข้าไว้ แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ดันมาจับได้ในสถานที่ของเราเอง ให้เตรียมจ้างคนไว้เลยให้มันรับเป็นเจ้าของสถานที่ไปเลย แล้วเราก็รีบแว่บหนีไป พวกรับจ้างติดคุกแทนน่าจะหาไม่ยากนะ เป็น ไงครับ วันนี้กระผมแนะนำกลเม็ดเด็ดพราย ทลายทะลุทะลวงยอดขายให้แล้วนะครับ ก่อนปิดการประชุมในวันนี้ กระผมก็ขออวยพรให้สมาชิกของเราทุกท่าน ประสบความสำเร็จในธุรกิจอันนี้ อย่าลืมนะครับ “กระตุ้นเศรษฐกิจของชาติด้วยกัน จงขยันผลิตจำหน่าย” ถึงจะเสี่ยงแต่ก็คุ้มใช่มั้ยครับ สวัสดี หมายเหตุบท ความนี้ไม่ได้มีเจตนาอยากให้ใครไปทำเครื่องสำอางผิดกฎหมายจริงๆ หรอกนะครับ เพียงแต่ต้องการจะบอกความจริงว่า การทำเครื่องสำอางผิดกฎหมายออกมาหลอกลวงขายให้กับผู้บริโภคนั้น มันง่ายมากๆ เจ้าหน้าที่ตรวจจับปราบปรามกันเท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะไม่มียุบ มีหยุด กี่ปีๆ เราก็ได้ยินแต่ข่าวเจ้าหน้าที่ตรวจจับเครื่องสำอางผิดกฎหมาย ที่มีมูลค่าร่วมๆ สิบล้านบาท เพราะฉะนั้นคงต้องหวังพึ่งพลังของประชาชนนั่นแหละครับ อย่าได้ไปซื้อใช้เครื่องสำอางที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไอ้ที่บอกเห็นผลในสามวัน เจ็ดวัน มันผสมสารต้องห้ามทั้งนั้นแหละ หน้าคนนะครับไม่ใช่กระดาษจะได้ขาวได้เหมือนฟอกสี ดังนั้นอย่าหลงไปเป็นเหยื่อของพวกทำเครื่องสำอางผิดกฎหมายเข้าล่ะ แล้วถ้าเจอเบาะแสที่ไหน ก็อย่าลืมช่วยกันแจ้งเจ้าหน้าที่นะครับ สงสัยว่าเครื่องสำอางใดอาจมีสารห้ามใช้ โทร.ที่กลุ่มงานเครื่องสำอาง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา 02-590-7277 หรือ ตรวจสอบได้ที่ www.fda.moph.go.th/ ข้อหาฐานผลิตเพื่อขายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2535

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 98 เครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 ใครช่วยคุณประหยัดไฟ (ฟ้า) ที่สุด

วฤษสพร วิริยะประสาท   เครื่องปรับอากาศ เบอร์ 5 ใครช่วยคุณประหยัดไฟ(ฟ้า)ที่สุดคงพอทราบวิธีเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศกันมาบ้างแล้ว ซึ่งหนึ่งในคำแนะนำสำคัญก็คือ ควรเป็นเครื่องปรับอากาศที่มีฉลากเบอร์ 5 เพราะจะช่วยให้ประหยัดไฟฟ้าได้มาก แต่ว่าถึงจะเป็นเบอร์ 5 เหมือนกันก็มีความแตกต่างนะคะ เบอร์ 5 มาอย่างไร"โครงการประชาร่วมใจใช้เครื่องปรับอากาศประหยัดไฟเบอร์ 5 " เป็นผลงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ที่ส่งเสริมให้ประชาชนร่วมใจการประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าและใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจุดมุ่งหมายในการลดการใช้พลังงานโดยรวมของประเทศ สำหรับเครื่องปรับอากาศซึ่งเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีการเติบโตสูงและใช้พลังงานไฟฟ้าสูงสุดทั้งในบ้านพักอาศัยและในภาคธุรกิจ กฟผ.ได้ขอความร่วมมือกับผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศให้เข้าร่วมโครงการเพื่อกำหนดระดับประสิทธิภาพและพัฒนาเครื่องปรับอากาศเพื่อติดฉลาก แสดงระดับประสิทธิภาพเบอร์ 5 ติดฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพตามมาตรฐาน สำนักงานมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) โดยสถาบันไฟฟ้าและอิเล็คทรอนิคส์ (สฟอ.) เป็นหน่วยงานทดสอบค่าประสิทธิภาพ โดยเกณฑ์ที่ใช้กำหนด ประหยัดไฟเบอร์ 5 หมายถึง ท่านจ่ายค่ากำลังไฟฟ้า 1 หน่วย จะได้ความเย็นไม่น้อยกว่า 10,600 บีทียู (ซึ่งเครื่องปรับอากาศปกติโดยทั่วไปท่านจ่ายค่าไฟฟ้า 1 หน่วย จะได้ความเย็นประมาณ 7,000-8,000 บีทียูเท่านั้น) แสดงว่าถ้าใช้เครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 จะประหยัดไฟฟ้าถึงประมาณ 35% ความต่างของเบอร์ 5 ในปัจจุบันมีเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 วางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด เพื่อตอบสนองนโยบายการประหยัดพลังงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 จะมีประสิทธิภาพพลังงาน (EER - Energy Efficiency Ratio) สูงกว่า และช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้ามากกว่าเครื่องปรับอากาศที่ไม่ใช่เบอร์ 5 แต่ข้อเสียคือมีราคาสูงกว่าเครื่องปรับอากาศธรรมดา ดังนั้นผู้ซื้อจึงควรเปรียบเทียบความคุ้มค่าระหว่างต้นทุนที่เพิ่มขึ้นกับค่าไฟฟ้าในระยะยาว แต่ก่อนจะเปรียบเทียบเบอร์ 5 ของเครื่องปรับอากาศยี่ห้อต่างๆ เรามาทำความรู้จักกับค่า EER กันก่อนนะคะ เพราะตัวนี้คือจุดตัดสินสำคัญ ค่า EER (Energy Efficiency Ratio) หรืออัตราส่วนประสิทธิภาพพลังงานของเครื่องปรับอากาศ คือ ค่าที่ใช้วัดประสิทธิภาพในการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศว่าดีหรือไม่ อย่างไร มีหน่วยเป็น (Btu/hr.)/W ดูจากหน่วยของค่า EER นี้แล้วก็คงเข้าใจได้โดยง่ายว่าค่า EER นั้นก็คืออัตราส่วนของความเย็นที่เครื่องปรับอากาศสามารถทำได้จริง (Output) กับกำลังไฟฟ้าที่เครื่องปรับอากาศนั้นต้องใช้ในการทำความเย็น (Input) เครื่องปรับอากาศที่มีค่า EER ยิ่งสูงก็แสดงว่า เครื่องปรับอากาศเครื่องนั้นยิ่งมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานที่ดียิ่งขึ้น วิธีคำนวณหาอัตราส่วนประสิทธิภาพพลังงาน (EER) คือ   EER = ขนาดของเครื่องปรับอากาศ(BTU/hr) กำลั งไฟฟ้าที่ใช้(Watt) เช่น ขนาดเครื่องปรับอากาศ 12,000 บีทียู/ชั่วโมง มีกำลังไฟฟ้า 1,200 วัตต์ 12,000 ค่า EER = 10 1,200 การติดฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพ ที่เราเห็นๆ อยู่ตามเครื่องปรับอากาศนั้น ฉลากแสดงประสิทธิภาพจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 จะเป็นแถบโค้งครึ่งวงกลมสีเขียว แสดงตัวเลขบอกระดับประสิทธิภาพตั้งแต่ระดับ 1 ถึงระดับ 5 ซึ่งถ้าฉลากแสดงระดับไหน ตัวเลขและช่องบรรจุตัวเลขในระดับนั้น จะเป็นสีแดงโดยตรงจุดศูนย์กลางของแถบโค้งครึ่งวงกลมนี้ จะมีตัวเลขบอกระดับประสิทธิภาพอยู่ในช่องวงกลมเพื่อเป็นการย้ำบอกระดับประสิทธิภาพอย่าง ชัดเจนส่วนที่ 2 จะเป็นส่วนตัวเลขการใช้พลังงานไฟฟ้าต่อปีและค่าไฟฟ้าต่อปี รวมถึงค่าประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศส่วนที่ 3 จะแสดง ยี่ห้อ รุ่น และขนาดของเครื่องปรับอากาศที่ฉลากนี้ระบุระดับประสิทธิภาพอยู่ เปรียบเทียบเบอร์ 5 ใครมีค่า EER สูงกว่ากัน เรามาลองดูกันว่าเครื่องปรับอากาศประหยัดไฟเบอร์ 5 ยี่ห้อใดมีค่า EER สูงกว่ากัน เพราะนั่นหมายความว่ายิ่งมีค่า EER สูงก็ยิ่งประหยัดไฟขึ้นนั่นเองค่ะ ดาวโหลด ตารางเปรียบเทียบ ค่ะ EER ของแอร์แต่ละยี่ห้อ   ผลการจัดอันดับตามค่า EER ของเครื่องปรับอากาศที่มีขนาดบีทียูในช่วงเดียวกันเป็นไปตามตารางที่นำเสนอไปข้างต้น ฉลาดซื้อขอสรุปว่าเครื่องปรับอากาศยี่ห้อที่มีค่า EER สูงกว่าจะมีแนวโน้มที่จะประหยัดไฟฟ้าได้ดีกว่า แต่ทั้งนี้เราต้องพิจารณาค่าขนาดบีทียูประกอบด้วยค่ะเช่น ในตารางที่แสดงค่า EER อันดับหนึ่งมีค่าสูงกว่าอันดับสองไม่มากนัก แต่ค่าบีทียูของอันดับสองมีค่าต่ำกว่าของอันดับหนึ่งอยู่มาก แสดงว่า เครื่องปรับอากาศที่มี ค่า EER อันดับสองมีแนวโน้มประหยัดไฟฟ้ามากกว่า ฉลาดซื้อฝากเอาข้อมูลที่เรานำเสนอครั้งนี้เป็นคู่มือประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศด้วยนะคะ สำหรับท่านที่มีความจำเป็นในการซื้อ แต่สำหรับบางท่านที่สามารถใช้วิธีทางธรรมชาติเพื่อให้คลายร้อนได้ฉลาดซื้อขอปรบมือให้ค่ะ ตารางคำนวณอัตราการใช้ไฟฟ้าเปรียบเทียบคำนวณแอร์เบอร์ 5 (ที่ EER 10.6 คำนวณที่ 1 เดือนมี 30 วัน) เปรียบเทียบกับเบอร์ 4 จำนวน ชั่วโมงที่ใช้ 8 12 16 20 24 ขนาดเครื่อง No.4 No.5 No.4 No.5 No.4 No.5 No.4 No.5 No.4 No.5 9000 569 516 854 773 1139 1031 1423 1289 1708 1547 10000 633 573 949 859 1265 1146 1581 1432 1898 1718 12000 759 687 1139 1031 1518 1375 1898 1718 2277 2062 16000 1012 917 1518 1375 2024 1833 2530 2291 3036 2750 18000 1139 1031 1708 1547 2277 2062 2846 2578 3416 3093 20000 1265 1146 1898 1718 2530 2291 3163 2864 3795 3437 22000 1392 1260 2087 1890 2783 2520 3479 3151 4175 3781 25000 1581 1432 2372 2148 3163 2864 3953 3580 4744 4296 28000 1771 1604 2657 2406 3542 3208 4428 4010 5313 4812 30000 1898 1718 2846 2578 3795 3437 4744 4296 5693 5155 33000 2087 1890 3131 2836 4175 3781 5218 4726 6262 5671 35000 2214 2005 3321 3007 4428 4010 5534 5012 6641 6015 38000 2404 2177 3605 3265 4807 4354 6009 5442 7211 6530 44000 2783 2520 4175 3781 5566 5041 6958 6301 8349 7561 56000 3542 3208 5313 4812 7084 6416 8855 8020 10626 9624 60000 3795 3437 5693 5155 7590 6874 9488 8592 11385 10311 63000 3985 3609 5977 5413 7970 7218 9962 9022 11954 10826

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point